หลวงปู่แหวน สุจิณโณ |
![]() |
เขียนโดย ภาษาสยาม |
วันเสาร์ที่ 06 กันยายน 2008 เวลา 15:03 น. |
หลวงปู่แหวน สุจิณโณ
ที่เป็นปราการอันแข็งแรงรายล้อมเมืองโบราณแห่งนี้เอาไว้ น่าเสียดายที่น้อยคนนักจะรู้จักเมืองแห่งธรรมชาติเมืองนี้ แต่หากบอกว่าเป็นเมืองที่ตั้งของวัดดอยแม่ปั๋งอันเป็นวัดที่หลวงปู่แหวน สุจิณโณได้จำพรรษาอยู่ก่อนมรณภาพนั้น ชื่อว่าคงจะทำให้หลายๆคนรู้จักอำเภอพร้าวมากยิ่งขึ้น หลวงปู่แหวน สุจิณโณเป็นพระเกจิอาจารย์ชื่อดังรูปหนึ่งของประเทศไทย มีคำร่ำลือถึงบุญญานุภาพของท่านมากมาย อาทิ เมื่อครั้งที่ท่านได้นั่งวิปัสสนากรรมฐานอยู่นั้นได้มีนักบินที่ขับเครื่องบินผ่านมาที่อ.พร้าว ได้เห็นท่านในระดับความสูงเดียว กับเครื่องบิน จึงนำไปโจษขานเล่าต่อกันไป หลวงปู่แหวนนั้น แต่เดิมมีนามว่า ญาณ กำเนิดเมื่อ ๑๖ มกราคม พุทธศักราช ๒๔๓๐หรือวันจันทร์ ขึ้น ๓ ค่ำ เดือนยี่ ปีกุน ในตระกลูของช่างตีเหล็ก ณ บ้านนาโป่ง ตำบลหนองใน อำเภอเมือง จังหวัดเลย โดยเป็นบุตรของนายใสกับนางแก้ว รามสิริ โดยมีน้องสาวร่วมบิดา - มารดาอีกหนึ่งคน คือ นางเบ็ง ราชอักษร และได้บวชเณรเมื่ออายุได้ ๑๒ ปี ตามคำขอร้องของมารดา และ ผู้เป็นยาย ซึ่งขอให้หลวงปู่บวชตลอดชีวิต พร้อมทั้งเปลี่ยนชื่อเป็นเด็กชาย ''ญาณ'' เป็นสามเณร แหวนนับแต่นั้นมา หลังจากบวชได้ ๒ ปีหลวงปู่ได้เข้าพำนัก และฝึกปฏิบัติธรรมที่วัดบ้านสร้างถ่อ ต.หัวตะพาน จ.อุบลราชธานี ซึ่งมี พระอาจารย์สิงห์ ขันตยาคโม เป็นเจ้าอาวาส กระทั่งอุปสมบทจึงได้ออกธุดงค์แสวงหาสัจธรรมตามป่าเขาต่างๆ หลายแห่ง และเข้ากราบนมัสการ พระอาจารย์มั่น ภูริทัตโต ที่ อ.บ้านผือ จ.อุดรธานี พระอาจารย์มั่น ได้กล่าวคำสอนแก่หลวงปู่ว่า "ต่อไปนี้ให้ภาวนา ความรู้ที่เรียนมาให้เอาใส่ตู้ไว้ก่อน" อันเป็นจุดเริ่มต้นแห่งความเลื่อมใสศรัทธาในพระอาจารย์มั่น และถวายตน เป็นศิษย์พระอาจารย์มั่นในเวลาต่อมา ปี พ.ศ. ๒๔๖๔ ได้เดินทางเข้ากรุงเทพฯ เพื่อศึกษาธรรมกับ ท่านเจ้าคุณอุบาลีคุณูปมาจารย์ ปี พ.ศ. ๒๔๗๘ ได้เข้าพบ ท่านเจ้า คุณอุบาลีคุณูปมาจารย์ ที่วัดเจดีย์หลวงเชียงใหม่ ในครั้งนี้ได้เปลี่ยนจากมหานิกายเป็น ธรรมยุติ และได้รับฉายาว่า ''สุจิณโณ'' จากนั้นได้ออกจาริกแสวงบุญต่อ ขณะที่ศึกษาธรรมกับพระอาจารย์มั่นฯ ที่ดงมะไฟ บ้านค้อ จังหวัดอุบลราชธานี มีศิษย์พระอาจารย์มั่น ที่มีอัธยาศัย ที่ตรงกัน ๒ ท่านคือ หลวงปู่ขาว อนาลโย และ หลวงปู่ตื้อ อจลธัมโม ปีพ.ศ.๒๔๘๙ หลวงปู่แหวนจำพรรษาที่วัดป่าบ้านปง อ.แม่แตง ในพรรษานั้นท่านอาพาธเป็นแผลที่ขาอักเสบต้องผ่าตัด โดยมีพระอาจารย์หนู สุจิตโต ซึ่งเดินทางมาจากดอยแม่ปั๋งพยายามอยู่ใกล้ๆ เมื่อครบ ๗ วัน ต้องกลับไปดอยแม่ปั๋ง เพราะอยู่ระหว่างพรรษา จนกระทั่งเดือนเมษายนในปีต่อมา อาการอาพาธจึงดีขึ้นแต่ก็ยังไม่หายสนิทยังเดินไปไหนไกลๆ ไม่ได้ นับแต่นั้นมาอาจารย์หนู ได้พยายามอยู่ใกล้ๆ เพื่อดูแลหลวงปู่แหวน ต่อมาท่านอาจารย์หนูได้ดำริว่า ปัจจุบันหลวงปู่มีอายุมากแล้ว ไม่มีพระภิกษุสามเณรอยู่ด้วย เพื่อเป็นอุปัฏฐากถ้านิมนต์มาอยู่ที่ดอยแม่ปั๋งก็จะได้ถวายการดูแลได้โดยง่ายไม่ต้องไปๆ มาๆ อยู่อย่างนี้ แต่ก็ต้องเป็นเพียง ความคิดของพระอาจารย์หนูเท่านั้น เพราะในเวลาดังกล่าว ดอยแม่ปั๋งยังไม่มีอะไรพร้อมแม้แต่กุฏิก็ยังไม่มี ปีพ.ศ.๒๕๐๕ ขณะที่หลวงปู่แหวนมีอายุ ๗๕ ปี คืนวันหนึ่งท่านอาจารย์หนูนั่งภาวนาอยู่เกิดเป็นเสียงหลวงปู่ดังขึ้นมาที่หูว่า จะมาอยู่ด้วยคนนะ หลังจากวันที่ได้ยินเสียงหลวงปู่แหวนอีกสามวัน พระอาจารย์หนูได้ถูกนิมนต์ไปที่วัดบ้านปงสถานที่ที่หลวงปู่อยู่ และถือโอกาสนิมนต์หลวงปู่แหวนมาที่วัดดอยแม่ปั๋งด้วย หลวงปู่แหวนได้มรณภาพลงที่วัดดอยแม่ปั๋งแห่งนี้ เมื่อวันที่ ๒ กรกฎาคม พุทธศักราช ๒๕๒๘ สิริอายุ ๙๘ ปี ท่านอยู่ใต้ร่มกาสาวพัสตร์รวม ๗๗ พรรษา
คำสอนของหลวงปู่แหวน ทุกคนได้สมบัติจากคุณพ่อคุณแม่ ขาสอง แขนสอง หัวหนึ่ง จงรักษาไว้ให้ดีๆ อย่าใช้ผิดๆ เช่น ทำลายชีวิตสัตว์ ผู้อื่น แม้ตนเอง ใช้ลักทรัพย์ ทำผิดประเพณีดีงามทางกาเม พูดคิด ส่อเสียด อันเป็นเท็จ ดื่มกินของมึนเมาเป็นเหตุประมาท ตั้งมั่นรักษาหายใจมั่นไว้ในศีล อย่าขอพระแล้วออกไม่พ้นวัดศีลตกหาย รักษาสมบัติพ่อแม่ไว้ดีๆ อย่าเป็นชาวพุทธขาดศีล พระพุทธเจ้า ท่านสั่ง ท่านสอน สร้างเหตุดี ผลมีแก่เรา
ความรู้เรื่องการแปรสภาพอัฏฐิเป็นพระธาตุ ๑ . เป็นอัฏฐิธรรมดา ๒. แยกตัวกันกลายเป็นผลึก ๓. ใส กลายเป็นพระธาตุ มีสัณฐานกลมบ้าง รีบ้าง พระธาตุมี ๒ ประเภท ๑ . พระธาตุของพระพุทธเจ้า เรียกว่า พระบรมสารีริกธาตุ ๒. ของพระสาวกเรียกว่า พระธาตุ
|
แก้ไขล่าสุด ใน วันพุธที่ 18 กรกฏาคม 2012 เวลา 13:42 น. |