วัดถ้ำดอกคำ PDF พิมพ์ อีเมล
เขียนโดย Administrator   
วันอังคารที่ 19 มกราคม 2010 เวลา 00:00 น.

                                                       

 

                                                                              ถ้ำดอกคำ

 

 

      ปากทางขึ้นไปชมถ้ำ                                                                      ภายในถ้ำ


ตั้งอยู่หมู่7 บ้านสหกรณ์ดำริ ตำบลน้ำแพร่ อำเภอพร้าว จังหวัดเชียงใหม่

 

 ลักษณะเป็นถ้ำขนาดกลาง  มีเส้นทางเข้าออกถึงกัน มีประวัติที่น่าสนใจเป็นอย่างยิ่ง

 

ซึ่งข้างในถ้ำมีพระพทุธรูปไว้สำหรับผู้แสวงบุญได้กราบไว้เพื่อเป็นศิริมงคล

 

วัดแห่งนี้เป็นวัดที่ พระอาจารย์มั่น ( ภูริทัตโต )ได้มาพักบำเพ็ญเพียร

 

ต่อมาหลวงปู่แหวน หลวงปู่สาร  หลวงปู่เทสก์ หลวงปู่อ่อนสี ได้มาร่วมบำเพ็ญเพียรด้วย

 

เป็นการชั่วคราว ต่อมาในปี พ.ศ.๒๔๗๘ ท่านพระอาจารย์มั่นได้บรรลุธรรมชั้นสูงสุด

 

ณ วัดแห่งนี้ ก่อนที่ท่านจะเดินทางธุดงค์ไปดอยมะโน นับเป็นสถานที่สำคัญแห่งหนึ่ง

 

ที่ควรคู่แก่การรักษาไว้คงคงอยู่คู่เมืองพร้าวตลอดไป

 

 

ตำนานวัดถ้ำดอกคำ

 

เรื่องราวของถ้ำดอกคำนี้ปรากฎอยู่ในตำนานพระพุทธเจ้าเลียบโลกหรือ

 

ตำนานพระบาทพระธาตุฉบับพิสดารด้วยตัวอักษรไทยยวนภาษาบาลี

 

มีข้อความพอจะนำมาเป็นข้อพิจารณาหาข้อมูลอยู่บ้างซึ่งมีข้อความว่า

 

"พระพุทธเจ้าของเราพร้อมด้วยพระยาอินทร์พระยาอโศก พระอานนท์

 

พระสารีบุตรและพระโมคคัลลานะได้เดินเทสสันถีคือการเสด็จไปเทศนา

 

โปรดสัตว์ในนิยมราชธานีน้อยใหญ่ในที่ต่างๆ เข้ามาในเขตเมืองหริภุญชัย

 

 

เมืองลี้ เมืองท่าหัวเตียน เมืองอู่คำ

 

    "ยังมีวันหนึ่งพระพุทธเจ้าของเราก็เสด็จไปด้วยพระองค์เพียงองค์เดียว


ก็มานั่งในถ้ำนี้ ขณะนั้นยังมียักษ์ 2 ตนผัวเมียอาศัยอยู่ในถ้ำหลวงเชียงดาว

 

มาเป็นเวลานาน วันหนึ่งมันก็ออกหาอาหารในบริเวณแถวถ้ำดอกคำนี้

 

 (ความจริงพระองค์ทรงรู้ไว้ก่อนแล้วว่ายักษ์จะมาทางนี้และทรงคิดว่าจะทรมาน

 

ยักษ์ผู้หยาบช้าตนนี้ให้ตั้งมั่นดำรงอยู่ในศีลในธรรมพระองค์จึงเสด็จมาทรมาน)

 

 

ยักษ์ผู้สามีก็เล็งเห็นชายผู้หนึ่งมีรูปร่างงามมักนั่งอยู่ในถ้ำ มันก็เข้าไปหาเพื่อ

 

จะจับกินเป็นอาหารพอเข้าปใกล้พระพุทธเจ้าเหาะหนี มันจึงหยิบเอาก้อนผา (ก้อนหิน)

 

ขว้างตามหลังไปหลายก้อน โดยไปตกที่ริมปากถ้ำ 2 ก้อนแต่ไม่ถูกพระพุทธเจ้า

 

ยักษ์ตนนั้นจึงมีความเจ็บใจมาก จึงคิดหาอุบายโดยการแปลงร่างเป็นอีกาบิน

 

 

ไล่กวดพระพุทธองค์ไปพระพุทธองค์ก็แปลงร่างเป็นตัวหมัดจับอยู่ที่หัวของอีกา

 

อีกาไม่รู้ว่าพระพุทธเจ้าไปอยู่ที่ไหนบินวนเวียนหาอยู่ตั้งนานจนหลงเข้าไปใน

 

ป่าทึบแห่งหนึ่งต่อมาที่แห่งนี้จึงได้ชื่อว่า"บ้านดงกาหลง"จนทุกวันนี้   ในที่สุด

 

มันก็ลดทิฐิมานะยอมแพ้ยกมือไหว้พระพุทธเจ้าแล้วเหาะกลับไปที่ถ้ำเชียงดาว

 

บอกเรื่องที่เกิดขึ้นแก่ภรรยาตนยักษ์ผู้เป็นภรรยาจึงได้ชวนผู้เป็นสามีแต่งดา

 

ขันข้าวตอกดอกไม้ซึ่งเป็นดอกบัวคำมาสักการะพรพุทธองค์ถ้ำนี้จึงได้ชื่อว่า

 

ถ้ำดอกคำตั้งแต่นั้นมาส่วนยักษ์สองผัวเมียตั้งแต่นั้นก็ตั้งอยู่ในศีลในธรรม


เรื่อยมาหากินแต่ผลไม้ไม่กินเนื้อกินปลาอีกอยู่มาวันหนึ่งได้เดินพลาดที่หน้าผา

 

แห่งหนึ่งด้วยความชรา ต่อมาที่นั่นจึงได้ชื่อว่า "ห้วยผาลาด"มาจนถึงทุกวันนี้

 

ต่อจากนั้นก็เดินทางต่อไปด้วยอาการเจ็บป่วยได้ไปพักนอนตะแคงงอหล้องหง้อง

 

อยู่ที่บ้านแห่งหนึ่ง ต่อมาได้ชื่อว่าบ้านแม่ละงองมาจนถึงทุกวันนี้ประเพณีทำบุญ

 

 

ถ้ำดอกคำมีทุกๆ เดือน ๘ เหนือขึ้น ๑๕ ค่ำด้วยการทำบุญตักบาตรจุดบ้องไฟ

 

และอื่นๆการสร้างตำนานขึ้นมานี้เป็นกุสโลบายอันแยบยลของคนในอดีต

 

เพื่อเสริมสร้างศรัทธาของสาธุชนเพื่อโน้มน้าวจิตใจในการกระทำคุณงามความดี

 

 

ขอขอบคุณ ตำนานวัดถ้ำดอกคำจาก เว็บไซต์พลังจิตด้วยค่ะ

 

แก้ไขล่าสุด ใน วันอาทิตย์ที่ 10 ตุลาคม 2010 เวลา 12:09 น.
 

Facebook Like Box

ออนไลน์

เรามี 13 บุคคลทั่วไป ออนไลน์

ผู้เยี่ยมชม

mod_vvisit_countermod_vvisit_countermod_vvisit_countermod_vvisit_countermod_vvisit_countermod_vvisit_countermod_vvisit_countermod_vvisit_counter
mod_vvisit_counterวันนี้63
mod_vvisit_counterเมื่อวาน174
mod_vvisit_counterอาทิตย์นี้985
mod_vvisit_counterเดือนนี้1688
mod_vvisit_counterทั้งหมด6525743