ลิลิตนิทราชาคริต พิมพ์
เขียนโดย ภาษาสยาม   
วันเสาร์ที่ 11 ตุลาคม 2008 เวลา 20:53 น.

ลิลิตนิทราชาคริตนี้  พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวพระราชนิพนธ์เมื่อ

 

ปี พ.ศ. ๒๔๒๒  โดยทรงแปลเก็บเนื้อความมาจากนิทาน เรื่อง " The Sleeper Awaken "

 

ซึ่งเป็นนิทานอาหรับโดยไม่ทราบว่าใครแต่ง  และแต่งเมื่อใด

 

ความมุ่งหมาย              พระราชทานแก่พระบรมวงศานุวงศ์ในงานปีใหม่

 

ลักษณะการแต่ง           แต่งเป็นลิลิตสุภาพ  มีร่ายและโคลงสลับกัน

 

เนื้อหาสาระ

 

                เป็นนิทานเรื่องหนึ่งที่นางเซหะระซัดเล่าถวายพระราชา  โดยเล่าว่า...............

 

พระเจ้ากาหลิบพระองค์หนึ่งพระนามว่า  พระเจ้าฮารูนอาลราษจิต  เสวยราชสมบัติ ณ

 

กรุงแบกแดด  พระองค์ทรงปลอมเป็นพ่อค้า  เที่ยวสัญจรไปตามเมืองต่างๆอยู่เนืองนิตย์ 

 

ประชาชนจึงอยู่เย็นเป็นสุขเรื่อยมา

 

                มีทายาทของนายพาณิชผู้มั่งมีคนหนึ่งชื่อ  อาบูหะซัน  เมื่อบิดาสิ้นชีพแล้ว  เขาจึง

 

แบ่งทรัพย์สมบัติออกเป็น ๒ ส่วน  ส่วนหนึ่งซื้อที่ดินเรือกสวนไร่นาและตึกรามบ้านช่องไว้ให้

 

คนเช่าอีกส่วนหนึ่งเก็บไว้เพื่อการสำราญเลี้ยงเพื่อนฝูงและนารี  โดยไม่คิดทำการค้าขายอีก

 

ต่อไป  อาบูประพฤติเช่นนี้เป็นเวลา ๑ ปี เงินทองก็หมดสิ้นไป  จึงเที่ยวยืมเงินเพื่อนฝูง แต่

 

กลับต้องผิดหวังมื่อเพื่อนฝูงหลบหน้า และพากันรังเกียจ  เขาจึงพากเพียรเก็บออมเงินทอง

 

เพื่อค้าขายใหม่   ในไม่ช้าเขาก็กลับมามั่งคั่งตามเดิม  เขาได้ตั้งสัตย์ไว้ในใจว่าจะไม่คบ

 

 

เพื่อนฝูงในเมืองแบกแดดอีกเป็นอันขาดและจะคบแต่เพื่อนต่างเมืองเท่านั้น  เพียงคืนเดียว 

 

เมื่อพบปะกันอีกก็จะทำเป็นไม่รู้จัก

 

             วันหนึ่งพระเจ้าฮารูนอาลราษจิต  ปลอมพระองค์เป็นพ่อค้ามาเมืองมุศสุล 

 

มีทาสผิวดำมาด้วยคนหนึ่ง  เมื่อเสด็จมาถึงบ้านอาบูจึงได้รับเชิญให้เข้าไปในบ้านของตน 

 

และบอกว่าจะต้อนรับเพียงคืนเดียว  พระเจ้ากาหลิบเห็นแปลกก็รับเชิญ  ขณะบริโภคอาหาร

 

และดื่มสุราอย่างสนุกสนานนั้นพระเจ้ากาหลิบพยายามลวงถามถึงชีวิตอาบู  และความเป็นไป

 

ของคนในแบกแดด อาบูก็เล่าความจริง   ถึงอีแมนซึ่งเป็นอาจารย์และศิษย์ทั้งสี่  ว่าประพฤติ

 

ตนชั่วช้าและเล่าต่ออีกว่า  หากเขาเป็นพระเจ้ากาหลิบจะจับอีแมนกับศิษย์มาเฆี่ยนประจาน

 

 

ให้หลาบจำ  ตกดึกพระเจ้ากาหลิบจึงโรยยาสลบให้อาบูดื่ม  เมื่ออาบูสิ้นสติจึงสั่งทาสให้แบก

 

อาบูเข้าวังทันที

 

            พระเจ้ากาหลิบจึงสั่งให้แต่งเครื่องทรงอาบูอย่างกษัตริย์  และกำชับขุนนางให้ปฏิบัติ

 

กับอาบูเหมือนปฏิบัติกับพระองค์  ครั้งรุ่งขึ้นอาบูตื่นจึงคิดว่าตนฝันไป  แต่เหล่าสนมและ

 

อำมาตย์ยืนยันว่าเขาคือกาหลิบจริงๆ  อาบูจึงเคลิ้มว่าตนเป็นกาหลิบจึงๆบ้าง  เมื่อเสด็จ

 

ออกว่าการ อาบูกาหลิบก็ตัดสินข้อราชการได้ถูกต้อง  พร้อมสั่งพวกนครบาลไปจับตัวอีแมน

 

และศิษย์ทั้งสี่มาลงโทษประจาน  และสั่งให้นำทองคำพันลิ่มไปมอบให้นางจอบแก้วผู้เป็น

 

มารดาด้วย

 

          ตกค่ำเมื่อเสวยพระกระยาหาร  นางกำนัลนามว่าฟองไข่มุกลอบวางยาสลบลงใน

 

ถ้วยสุราเมื่ออาบูสิ้นสติแล้วพระเจ้ากาหลิบจึงรับสั่งให้เปลี่ยนชุด  และให้ทาสดำแบกไปส่ง

 

บ้านเดิมของเขารุ่งขึ้นอาบูตื่นขึ้นเวลาบ่าย  ยังคงเพ้อพกถึงความสนุกสนานในวัง 

 

ครั้งมารดามาเตือนว่าตนเองคืออาบูก็กลับทุบตีมารดา  ชาวบ้านจึงจับเขาไปส่งโรงพยาบาล

 

โรคจิต    อาบูถูกโบยตีสาหัสจึงมีสติเช่นเดิม

 

           หลังจากนั้นอีกเดือนหนึ่งพระเจ้ากาหลิบจึงปลอมพระองค์มาหาอาบูใหม่  และทรง

 

กระทำเช่นเดิมอีกนครั้งนี้อาบูเกิดสนุกสนานจนลุกขึ้นมาเต้นรำกับสนมกำนัล  พระเจ้ากาหลิบ

 

ซึ่งแอบทอดพระเนตรอยู่สุดจะกลั้นได้พระสรวลลั่นออกมา  เมื่ออาบูทราบว่ามิตรของตนคือ 

 

พระเจ้ากาหลิบ ก็เข้าไปขอพระราชทานอภัยโทษ  กาหลิบจึงตั้งให้อาบูอยู่รับราชการในสำนัก

 

พร้อมทั้งพระราชทานนางนอซาตอลอัวดัดให้เป็นภรรยาของอาบูด้วย 

 

          อาบูกับอัวดัดอยู่กินกันอย่างมีความสุข  ทั้งสองใช้สอยเงินอย่างฟุ่มเฟือย 

 

ไม่นานเงินพระราชทานก็หมดลง  อาบูจึงออกอุบายว่าตนจะไปทูลพระเจ้ากาหลิบว่า

 

นางอัวดัดตายเพื่อจะได้รับพระราชทานเงินปลงศพ  ส่วนนางอัวดัดก็ให้ไปทูล

 

พระนางโซบิเดว่าอาบูตายจะได้รับพระราชทานเงินเช่นกัน  ในที่สุดพระเจ้ากาหลิบ

 

และพระนางโซบิเดจึงเสด็จมาที่เรือนอาบูทั้งสองจึงแกล้งทำเป็นตาย     พระเจ้ากาหลิบ

 

ตรัสว่าถ้าใครบอกว่าตายก่อนจะได้ทองพันลิ่ม พอสิ้นเสียงตรัสอาบูและอัวดัดก็ลุกขึ้นทั้งคู่ 

 

พร้อมกับทูลว่าตายก่อน  สองกษัตริย์และคนทั้งหลายพากันขบขันครื้นเครงอาบูและอัวดัด

 

ได้รับอภัยโทษและได้รับทองอีกคนละพันลิ่ม

 

ที่มา  วรรณกรรมกรุงรัตนโกสินทร์ยุครุ่งเรืองสุดขีด.อุทัย ไชยานนท์

             

แก้ไขล่าสุด ใน วันอังคารที่ 16 กุมภาพันธ์ 2010 เวลา 13:42 น.