เรียงความ"คุณค่าผู้สูงอายุ " พิมพ์
เขียนโดย ภาษาสยาม   
วันพฤหัสบดีที่ 11 กันยายน 2008 เวลา 21:06 น.

เรียงความ

 

คุณค่าของผู้สูงอายุ

 

เรียงความรางวัลชนะเลิศ 

 

 

โดย กองทุนศาสตราจารย์เกียรติยศประสพ   รัตนากร และหน่วยวิจัยประสาท

 

คณะวิทยาศาสตร์  มหาวิทยาลัยมหิดล

_______________________________________________________________

 

          เมื่อเอ่ยถึงผู้สูงอายุฉันมักจะนึกถึง ภาพชายและหญิงชราที่มีดวงตาอ่อนโยนในยามที่มองลูกหลาน

 

 

 มีฉากหลังเป็นเรื่องราวในอดีตที่ทับซ้อนผ่านวันเวลาอันเนิ่นนาน  จนเกิดเป็นริ้วรอยแห่งประสบการณ์ในการ

 

 

ดำเนินชีวิต  ท่ามกลางความสับสนวุ่นวายของสังคมเมืองหลวง  บ่อยครั้งที่ฉันกลับโหยหาความอบอุ่นที่ได้รับ

 

 

จากวัยเด็ก และความกรุณาจากท่านทั้งสองคน

 

 

 

          ย้อนไปเมื่อยี่สิบปีก่อน ครอบครัวของฉันเป็นครอบครัวใหญ่ที่อยู่กันพร้อมหน้า โดยมีหัวหน้าครอบครัว

 

 

คือ ปู่  ในฐานะที่ฉันเป็นหลานคนแรกจึงได้ใกล้ชิดกับปู่มากกว่าใคร  ปู่เป็นชายชราที่ใจดี  จนถึงวันนี้ใบหน้า

 

 

เปื้อนรอยยิ้มของท่านยังอยู่ในความทรงจำของฉันเสมอ

 

 

 

          ในยามค่ำคืนของฤดูหนาวที่เชียงใหม่ช่างหนาวจัด ยิ่งในหมู่บ้านที่ห่างไกลตัวเมือง เช่น หมู่บ้านของฉัน

 

 

นั้นดูเหมือนจะทวีความเย็นเยียบขึ้นเป็นเท่าตัว แต่ฉันกลับมีความสุข  เพราะท่ามกลางความหนาวเหน็บนั้น

 

 

กลับอบอวลไปด้วยไออุ่นจากครอบครัว  ฉันจึงไม่ปฏิเสธเลยว่าชอบฤดูหนาวมากกว่าฤดูอื่นๆ เพราะทุกคน

 

 

จะอยู่กันพร้อมหน้า

 

 

 

          ในสมัยนั้นยังไม่มีเครื่องทำน้ำอุ่นเช่นในปัจจุบัน  ตกเย็นฉันมักจะเห็นปู่ตักน้ำใส่ถังและนำมาตากแดด

 

 

เพื่อใช้อาบ ปู่บอกว่า ถ้าเราต้มน้ำอาบมักจะทำให้ผิวแตก   มาถึงวันนี้ฉันมีความรู้สึกว่า  ปู่มักจะมีคำแนะนำ

 

 

ดีๆเสมอ  ถึงแม้ปู่จะเรียนหนังสือจบแค่ชั้นประถมศึกษา  แต่บ่อยครั้งที่ปู่ทำให้ฉันได้เห็นว่า คำแนะนำของท่าน

 

 

มีค่ายิ่ง

 

          บางคืนที่ดวงดาวกระพริบพร่างอยู่เต็มท้องฟ้า  แม้จะมองไม่เห็นพระจันทร์  ปู่จะพาฉันไปนั่งดูดวงดาว

 

 

แล้วอธิบายว่าเรียกชื่ออย่างไร  แต่ฉันก็ไม่วายอ้อนวอนให้ปู่เล่านิทานให้ฟัง  นิทานของปู่ล้วนมีคติสอนใจ

 

 

และหลายๆเรื่องมาจากนิทานชาดก  แต่ชื่อตัวละครอาจจะเปลี่ยนเป็นภาษาเหนือ  เพราะปู่เป็นคนเหนือแท้ๆ

 

 

  ตั้งแต่จำความได้ฉันเห็นว่า ปู่เป็นคนที่เล่านิทานได้เก่งที่สุด  ฉันมักจะนั่งขดอยู่บนเสื่อข้างๆกองไฟไม่รู้จัก

 

 

เหน็บหนาว  ส่วนปู่ก็เล่านิทานได้ไม่ซ้ำทุกวัน  พอฉันได้มาอยู่กรุงเทพฯ  บางคืนก็นั่งยิ้มเมื่อนึกถึงนิทานของปู่

 

 

ที่คอยเป็นเครื่องเตือนใจมาจนถึงทุกวันนี้

 

 

 

          ฉันจำได้ว่าปู่เป็นคนที่มีความสามารถรอบตัวมากมาย ที่น่าสนใจที่สุดคือ ปู่จะสอนการละเล่นแบบ

 

 

คนเหนือ เช่น  อีโป้ง  ยางวง  และการละเล่นอีกหลายชนิดที่ฉันจำชื่อไม่ได้  แต่ที่ชอบที่สุด คือ  การเล่นอีโป้ง 

 

 

 คือการวางยางรัดไว้บนกระป๋องนม แล้วกำหนดเขตสำหรับยืนไว้   ถ้าใครสามารถใช้ก้อนหินยิงกระป๋องให้

 

 

ล้มลงแล้วยางรัดกระเด็นออกมาได้  ผู้นั้นจะได้ยางรัดไปครอบครอง  ยกเว้นยางรัดที่กลิ้งไปทับกัน  ปู่สอนว่า

 

 

เวลาจะเล็งกระป๋องนมจะต้องมีสมาธิ  มือจะต้องไม่สั่น  และยิงไปด้วยความมั่นใจ  พอทำตามที่ปู่บอกฉัน

 

 

ก็กลายเป็นแชมป์อีโป้งไปโดยปริยาย  นั่นเป็นครั้งแรกที่ฉันได้รู้จักคำว่า สมาธิ ซึ่งในปัจจุบันคำคำนี้เป็น

 

 

ส่วนสำคัญอย่างยิ่งในการดำรงชีวิต

 

 

 

          ในวันนี้ไม่มีปู่อีกต่อไปแล้ว  ฉันเคยเสียใจว่ายังไม่ทันได้ตอบแทนบุญคุณท่าน  แต่ฉันเชื่อว่าสิ่งที่ปู่

 

 

ต้องการคือ ท่านอยากเห็นฉันเป็นคนดี และมีน้ำใจเหมือนดังนิทานชาดกที่ท่านเคยเล่าให้ฟัง  การที่ฉันได้

 

 

กระทำตามที่ท่านสั่งสอน  ฉันเชื่อว่าวันนี้ปู่จะต้องภูมิใจ  ไม่ว่าท่านจะมองลงมากจากมุมใดของฟากฟ้าก็ตาม

 

 

          ในวันสงกรานต์ของทุกปี  ทางภาคเหนือจะมีประเพณีการรดน้ำดำหัว  ซึ่งเป็นประเพณีเพื่อรดน้ำดำหัว

 

 

ญาติและผู้ใหญ่ที่เคารพนับถือ  แต่ละบ้านจะหาขนมนมเนยและของใช้ที่จำเป็นสำหรับญาติผู้ใหญ่ที่ตน

 

 

จะไปไหว้  พอถึงวันที่ ๑๕ เมษายน ก็จะนำของเหล่านั้นไปไหว้ท่าน  ท่านก็จะให้พรเพื่อเป็นสิริมงคลตลอดปี 

 

 

 ตอนเด็กๆฉันเคยถามแม่ว่า ทำไมเราต้องทำทุกปี จำได้ว่าแม่ยิ้มและบอกว่า นี่คือการแสดงความเคารพ

 

 

และระลึกถึงญาติผู้ใหญ่ เพราะในแต่ละปีแต่ละบ้านจะมัวแต่ทำงาน  จนบางครั้งทำให้ญาติผู้ใหญ่ท่านคิดว่า

 

 

ละเลย  จึงถือประเพณีรดน้ำดำหัวเป็นโอกาสอันดี ที่จะได้แสดงความเคารพท่าน

 

 

          ท่ามกลางการจราจรอันคับคั่งในเมืองหลวง บ่อยครั้งที่ได้เห็นผู้สูงอายุบนทางเดิน  ทุกๆคนต่างก็

 

 

พยายามทำหน้าที่ของตนเองให้ดีที่สุด  หลายๆท่านยังไม่หยุดทำงานเพราะไม่อยากเป็นภาระแก่ลูกหลาน

 

 

เป็นน้ำใจบริสุทธิ์ที่หาได้ยากในสังคมปัจจุบัน  ความรักความห่วงใยที่ให้ไปโดยไม่หวังสิ่งตอบแทน  หลายๆคน

 

 

มองข้ามความรู้สึกนี้ดังไม่เคยสัมผัส  หลงลืมไปว่าใครกันที่เคยปลอบใจในยามร้องไห้  เคยอภัยไม่เคยตัดพ้อ

 

 

ในยามที่เราผิดพลาด  ปล่อยปละละเลยให้ท่านเสียใจ  ในขณะที่มีคนจำนวนไม่น้อยที่คิดได้ ในวันที่ต้อง

 

สูญเสียท่านไปอย่างไม่มีวันกลับ

 

          ฉันอยากบอกกับทุกคนว่า ผู้สูงอายุ เป็นบุคคลที่ทรงคุณค่า เมื่อต้นไม้จะเติบโตออกดอกสวยงาม

 

 

เมื่อมีคนดูแลฉันใด  ก็เปรียบเสมือนเราเป็นคนดีได้เมื่อมีท่านคอยกล่อมเกลาและปลูกฝังจิตสำนึกฉันนั้น" 

 

 

เมื่อหันไปมองผู้สูงอายุที่อยู่ข้างกาย  ฉันมองเห็นผู้ที่มีหัวใจเปี่ยมด้วยความรักอย่างบริสุทธิ์ใจ  มองเห็นมือ

 

 

เหี่ยวย่นที่เคยประคับประคองฉันมาจนเติบโต  ท่านเป็นบุคคลที่ควรเคารพและเอาใจใส่  ในวันนี้ท่านอาจไม่มี

 

 

เรี่ยวแรงพอที่จะสานฝัน  แต่สิ่งที่ท่านเคยทำมาในอดีตล้วนแต่เป็นภาพอันน่าประทับใจตลอดกาล

 

 

 

ดังดวงจันทร์อ่อนแสงยามใกล้สาง        ทั้งที่เคยส่องสว่างจำรัสศรี

 

เป็นแสงทองแก่มวลประชาชี                          ในยามนี้อ่อนแสงแรงกำลัง

 

เปรียบดังญาติพ่อแม่ยามแก่เฒ่า                   ท่านคอยเฝ้าดูแลแต่หนหลัง

 

 ควรตอบแทนบุญคุณเมื่อท่านยัง                   ใจท่านหวังเพียงรักและอาทร  

แก้ไขล่าสุด ใน วันเสาร์ที่ 07 ตุลาคม 2023 เวลา 20:40 น.