เรียงความ เรารักพระเจ้าอยู่หัวและพระราชินี |
![]() |
เขียนโดย ภาษาสยาม |
วันพฤหัสบดีที่ 10 กันยายน 2009 เวลา 00:00 น. |
เรียงความระดับบุคคลทั่วไป เรื่อง เรารักพระเจ้าอยู่หัวและพระราชินี เรียงความเข้ารอบ ๒๐ คนสุดท้าย ในการประกวดเรียงความเทิดพระเกียรติ จัดโดย วุฒิสภาไทย ๒๖ สิงหาคม ๒๕๕๒
นับเป็นบุญแห่งแคว้น แดนไทย ใต้ร่มโพร่มไทร ราชเจ้า ดังอาทิตย์เกรียงไกร สาดส่อง ฟ้าเฮย เคียงคู่แขเหนือเกล้า แจ่มฟ้าเมืองสยาม สองกษัตริย์เปรียบดังร่มโพธิ์ทอง ที่ปกป้องแผ่นดินถิ่นสยาม ดังทินกรส่องสว่างทั่วฟ้าคราม ศศิธรแจ่มงามยามค่ำคืน
ความรัก เป็นนามธรรมที่มิอาจจับต้องได้ และเป็นสิ่งสำคัญอันสามารถจรรโลงโลกนี้ให้มีความงดงามมากกว่าที่เป็นอยู่ ข้าพเจ้าเชื่อว่า มนุษย์เกิดมาพร้อมกับความรักที่ถักทอมาจากอ้อมอกของแม่ผู้ให้กำเนิด ดังนั้นทุกคนย่อมเคยสัมผัสกับความรักมาแล้วทั้งสิ้น แต่ในวันนี้ข้าพเจ้าได้ประจักษ์แล้วว่ายังมีความรักอันยิ่งใหญ่ที่แสนบริสุทธิ์และแผ่ไพศาลไปทั่วทุกอณูผืนแผ่นดินไทย ซึ่งก็คือ ความรักที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวและสมเด็จพระบรมราชินีนาถได้พระราชทานแก่คนไทย นั่นเอง
ข้าพเจ้าถือกำเนิดอยู่ในท้องที่ห่างไกลทางภาคเหนือ เมื่อเริ่มจำความได้..บ้านทั้งบ้านก็มีเพียงวิทยุทรานซิสเตอร์เครื่องเล็กๆอันเป็นเทคโนโลยีสมัยใหม่ชิ้นเดียวที่มีอยู่ ในยามค่ำคืนที่มีเพียงแสงสลัวๆจากไฟตะเกียง เสียงรายงานข่าวต่างๆจากวิทยุเครื่องน้อยก็จะดังขึ้นท่ามกลางความเงียบสงัดแห่งราตรีกาล นั่นเป็นครั้งแรกที่ข้าพเจ้าได้ยินพระนามของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวและพระราชินี พ่อหลวงและแม่หลวง ที่พ่อกับแม่ของข้าพเจ้ามักจะกราบไหว้พระบรมฉายาลักษณ์ซึ่งอยู่ใต้หิ้งพระเสมอ แต่ในสายตาของเด็กน้อยในขณะนั้นยังมิอาจให้คำตอบตนเองได้ว่า “ ทั้งสองพระองค์ทรงมีความสำคัญเพียงใด ”
หากเปรียบชีวิตมนุษย์กับผีเสื้อ ในแต่ละวันคืนข้าพเจ้าก็พร้อมที่จะขยับปีกโบยบินไปสู่การเรียนรู้ และเมื่อเติบวัยพอที่จะใช้ความคิด วิเคราะห์เหตุและผลของเรื่องราวต่างๆได้ จึงสามารถตอบคำถามในวันเก่าได้อย่างชัดเจนว่า “ ในใจของปวงชนชาวไทยนั้น ทั้งสองพระองค์ทรงเป็นผู้ยิ่งใหญ่อย่างยากที่จะมีใครมาเทียบเทียม ”เพราะคนไทยรู้ดีว่าเหนือเกล้าทั้งสองพระองค์นั้น “ ตลอดพระชนม์ชีพทรงอุทิศเพื่อปวงชน ” โดยแท้
ในวันวาน..ข้าพเจ้าเคยนึกภาพพระเจ้าอยู่หัวและพระราชินีตามอย่างนิทานที่ได้ฟังจากคุณครูว่าในแต่ละวันทั้งสองพระองค์จะประทับอยู่ในพระตำหนักอย่างทรงพระเกษมสำราญ พรั่งพร้อมไปด้วยข้าราชบริพาร แต่เมื่อมาถึงวันนี้ข้าพเจ้าได้ซึมซับรับรู้ว่า สิ่งที่เคยจินตนาการเอาไว้นั้นช่างตรงกันข้ามกับความเป็นจริงอย่างสิ้นเชิงเพราะพระเจ้าอยู่หัวและพระราชินีของประเทศไทยนั้น จะประทับอยู่ท่ามกลางเปลวแดดอันร้อนระอุ ป่าเขาที่รกชัฏเต็มไปด้วยทากและภัยนานัปการ พระองค์จะประทับอยู่ท่ามกลางพสกนิกรในถิ่นทุรกันดารอย่างไม่หวั่นเกรงต่อสิ่งใดในทุกๆครั้งที่พบเห็นภาพเหตุการณ์เหล่านั้นไม่ว่าจะทางโทรทัศน์หรือในหนังสือ ข้าพเจ้าจะรู้สึกเย็นยะเยือกในอกด้วยความปลาบปลื้มใจอยู่เสมอ
“ เราจะครองแผ่นดินโดยธรรม เพื่อประโยชน์สุขแห่งมหาชนชาวสยาม ”พระปฐมบรมราชโองการอันสัตย์จริงที่ทรงตั้งไว้ในวันประกอบพระราชพิธีบรมราชาภิเษกนั้น เป็นที่ประจักษ์ชัดแก่สายตาของทวยราษฎร์ว่า ตลอด ๖๓ ปีที่ผ่านมานั้นพระองค์ได้ทรงทุ่มเทพระวรกายและพระราชหฤทัยเพื่อชาวไทยตลอดมาจะมีสักวินาทีหรือไม่กันหนอที่จะทรงผ่อนคลายพระอิริยาบถโดยปราศจากความปริวิตกห่วงใยราษฎร ๖๓ ปีแห่งการเป็นพระมหากษัตริย์ไทยนั้น คือ ๖๓ ปีแห่งการทรงงานที่หนักหนายิ่งโดยมีสมเด็จพระบรมราชินีนาถทรงเป็นคู่บุญบารมีอันเป็นศรีสง่าสมพระเกียรติยศ เพียบพร้อมไปด้วยพระจริยวัตรอันงดงามอ่อนช้อย แต่พระราชินีของไทยนั้นแท้จริงทรงมีพระราชหฤทัยเข้มแข็งประดุจเหล็กกล้า ทรงสนองพระบรมราชโองการพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวและประทับอยู่เคียงข้างพระองค์อยู่เป็นนิตย์ ไม่ว่าจะท่ามกลางสายฝนโปรยปราย ฝุ่นละอองคละคลุ้ง หรือบรรยากาศที่เหน็บหนาวสุดจะทานทน ทั้งสองพระองค์ก็จะยังทรงงานอยู่ท่ามกลางอาณาประชาราษฎร์ด้วยหยาดพระเสโทที่ไหลชุ่มพระพักตร์ ด้วยฉลองพระบาทที่เต็มไปด้วยฝุ่นโคลน ท่ามกลางความทุกข์ยากแร้นแค้น ทรงประดุจสายฝนฉ่ำเย็นที่ช่วยพลิกฟื้นความแห้งแล้งให้กลับกลายเป็นความร่มเย็นเป็นสุข ด้วยสายพระเนตรอันยาวไกลผนวกกับพระราชหฤทัยที่ทรงมอบความรักและความห่วงใยให้แก่พสกนิกรอย่างแท้จริง ทำให้ตลอดระยะเวลา ๖๓ ปีที่ผ่านมา เป็น ๖๓ ปีแห่งความผาสุก และ ๖๓ ปีแห่งความทรงจำ ณ โอกาสนี้ ข้าพเจ้าขอเป็นตัวแทนของคนไทยทั้งประเทศที่จะถวายความรัก และความจงรักภักดี เฉกเช่นเดียวกับความรักบริสุทธิ์อันพระราชทานมาจากทั้งสองพระองค์
การครองแผ่นดินโดยธรรม นั้น ผู้ปกครองจะต้องปกครองด้วยหลักธรรมที่ทรงศึกษามาอย่างละเอียดและลึกซึ้ง อีกทั้งจะต้องบำเพ็ญพระองค์ให้ตั้งมั่นอยู่ในราชธรรมอย่างครบถ้วน ซึ่งพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระบรมราชินีนาถของไทยนั้นทรงบำเพ็ญพระองค์ตามหลักธรรมทั้งหลายอย่างครบถ้วนและบริบูรณ์ ประดุจพระโพธิ์สัตว์ซึ่งบำเพ็ญเพียรเพื่อให้บรรลุพระนิพพาน ทรงพระราชทานพระเมตตาแก่ทุกชนชั้นโดยไม่เลือกถิ่นฐาน เชื้อชาติ และศาสนา ไม่ว่าจะเป็นบุคคลที่ด้อยทางสติปัญญาหรือผู้พิการ ก็ทรงพระราชทานความรักและความห่วงใยอย่างเท่าเทียมกัน พระมหากรุณาธิคุณอันยิ่งใหญ่นี้ยากที่จะมีพระเจ้าอยู่หัวและพระราชินีประเทศใดจะเสมอเหมือน
ประเทศไทยเป็นประเทศที่ปกครองโดยระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์เป็นประมุขทั้งสองพระองค์นั้นทรงเป็นนักประชาธิปไตย และทรงปกครองแผ่นดินเฉกเช่นดังที่อับราฮัม ลินคอร์น ได้กล่าวเอาไว้ว่า ประชาธิปไตย คือการปกครอง ของประชาชน โดยประชาชน และเพื่อประชาชน ทั้งสองพระองค์นั้นทรงกระทำตามแนวคิดนี้โดยได้มอบอำนาจอธิปไตยให้เป็นของประชาชนโดยแท้จริง แต่ในยามใดที่บ้านเมืองประสบปัญหา พระองค์ก็จะทรงแนะแนวทางการแก้ปัญหาอย่างแยบยล ด้วยเหตุนี้ข้าพเจ้าจึงมีความภาคภูมิใจยิ่งนักที่ได้เกิดมาเป็นคนไทย และมีพระมหากษัตริย์และพระราชินีผู้ทรงมีพระปรีชาสามารถ และมีน้ำพระราชหฤทัยอันประเสริฐจนเป็นที่ยอมรับของอาณาประชาราษฎร์ และประชาคมโลก สถาบัน องค์กร หน่วยงานต่างๆ ในระดับประเทศ และระดับโลกจึงพร้อมใจกันถวายโล่เฉลิมพระเกียรติ รางวัล และประกาศเกียรติคุณต่างๆแด่ทั้งสองพระองค์อย่างนับไม่ถ้วน สมกับที่ทรงเป็นพระอาทิตย์และดวงจันทร์อันมอบแสงสว่าง และความอบอุ่นแก่ปวงชนชาวไทยอย่างเสมอภาค
หากจะถามเหตุผลว่า เหตุใดปวงชนชาวไทยจึงถวายความรักและความจงรักภักดีต่อพระเจ้าอยู่หัวและพระราชินีของตนอย่างล้นเหลือนั้น คำตอบที่ได้คงจะไม่ลึกซึ้งกินใจเทียบเท่าความรู้สึกทั้งมวลที่เต็มตื้นอยู่ในอก เพราะความรู้สึกอันเป็นมงคลทั้งปวงได้หล่อหลอมและตกผลึกฝังรากลึกอยู่ในใจของปวงชนชาวไทยทั้งประเทศมาเนิ่นนานแล้ว และสิ่งที่พวกเราเหล่าทวยราษฎร์สมควรจะถวายแด่ พ่อและแม่ของแผ่นดินผู้ทรงเป็นร่มโพธิ์ร่มไทรอันประเสริฐนี้ ก็คือ การประพฤติปฏิบัติตนเป็นคนดี รักใคร่ สามัคคี ปรองดองกัน โดยยึดถือพระจริยวัตรของทั้งสองพระองค์เป็นแบบอย่าง เพียงเท่านี้ พระผู้เป็นมิ่งขวัญหลักชัยแห่งแผ่นดินไทยทั้งสองพระองค์ ก็จะทรงปลาบปลื้มยิ่งกว่าคำถวายพระพรชัยมงคลนับแสนนับล้านคำ
ธ ปกเกศ คุ้มเกล้า ชาวสยาม เทิดพระนาม ภูมิพล องค์กษัตริย์ ราษฎร์แซ่ซ้อง ก้องสกล มงคลรัตน์ พูนพิพัฒน์ ด้วยบุญ พระภูมี ร่มโพธิ์ทอง จักรา สง่าแคว้น ไทยทั่วแดน ร่มเย็น เป็นสุขศรี สมสง่า เคียงคู่ ภูบดี องค์ราชินี สิริกิติ์ สถิตกมล สองกษัตริย์ ชุบชีวา คืนหล้าชุ่ม เป็นฉัตรคุ้ม คลุมเกล้า ทุกแห่งหน ทรงงานหนัก ด้วยปรีชา เพื่อปวงชน ไทยผ่านพ้น สร่างทุกข์ สุขพอเพียง ประณตน้อม พระทรงคุณ ไว้เหนือเกล้า ทุกหมู่เหล่า แซ่ซ้อง ประสานเสียง อานุภาพ พระไตรรัตน์ ทั่ววังเวียง เดชไกรเกรียง ดลถวาย ชัยมงคล
โดย .... น้ำฝน ทะกลกิจ |
แก้ไขล่าสุด ใน วันพฤหัสบดีที่ 26 ธันวาคม 2024 เวลา 04:07 น. |