| เรื่องสั้นรางวัลที่ ๑ จากเว็บไซต์ช่อง ๓ หนึ่งฝันวันวาน | 
		 		 | 
	
| เขียนโดย ภาษาสยาม | 
| วันพฤหัสบดีที่ 08 เมษายน 2010 เวลา 00:00 น. | 
| 
 
	 
	 
	 
	 
 
 ความรัก อาจเกิดขึ้นได้หลายครั้ง ทว่า รักแท้ นั้นมีได้แค่ ครั้งเดียว และต้องเป็น เธอ คนเดียวเท่านั้น.. 
 
 มือเรียวไล้ปกสมุดบันทึกสีชมพูซีดจางอย่างเบามือ พลางจ้องมองราวกับจะให้ทะลุไปยังแผ่นกระดาษที่อยู่ด้านใน อันเป็นกระดาษสีขาวหม่นตามอายุของการใช้งาน ซึ่งถ้าจะดูตามวันเวลาที่ระบุไว้บนหน้าปกนั้นสมุดบันทึกเล่มนี้อายุแก่กว่าเธอถึงสามสิบกว่าปี ก็น่าจะเป็นอย่างนั้นอยู่หรอก ในเมื่อผู้เป็นเจ้าของตัวจริงก็ล่วงเลยวัยกลางคนไปแล้ว หากแต่ใบหน้าขาวเนียนของคุณกุลธิดายังคงเค้าความงามในอดีตไว้ได้อย่างพร้อมสรรพ 
 “ฉันขอให้หนูใส่มันในลงไปตอนเผาศพคุณอาด้วยเถอะ ฉันอยากให้ความทรงจำดีๆอยู่กับเขาตลอดไป ”คุณกุลธิดายื่นสมุดบันทึกเล่มนี้ให้เธอในงานศพของคุณอาทัพน้องชายคนเดียวของบิดา 
 ในวันนั้นหญิงสาวเพียงแค่รับคำโดยไม่ถามต่อ แม้จะรู้สึกสงสัยอยู่ครามครันว่า สตรีผู้มีใบหน้างามและมีความเป็นผู้ดีทุกกระเบียดนิ้วผู้นี้ คือใคร 
 “หนูแพร ทำความสะอาดห้องคุณอาเสร็จหรือยังลูก ” จู่ๆเสียงมารดาก็ดังขึ้นทำให้หญิงสาวหลุดออกมาจากห้วงภวังค์โดยฉับพลัน 
 “ใกล้เสร็จแล้วค่ะ คุณแม่ ” 
 “เสร็จแล้วรีบลงมาทานข้าวนะลูก จะได้ไปวัดกัน ” 
 “ ค่ะคุณแม่ ”รับคำแล้วหญิงสาวจึงรีบลุกขึ้นจากเก้าอี้เดินไปยังตู้หนังสือของคุณอาผู้ล่วงลับ ก่อนจะลงมือปัดฝุ่นและจัดเรียงหนังสือให้เป็นระเบียบ แล้วสายตาของเธอก็สะดุดกับสมุดปกแข็งอันคุ้นตาที่วางอยู่ปะปนกับหนังสือเล่มหนาชั้นบนสุด พรรัมภาจึงรีบดึงมันออกมาด้วยความตื่นเต้น 
 สมุดบันทึกสีชมพูเก่าซีดเล่มนี้เป็นแบบเดียวกันกับที่วางอยู่บนโต๊ะ อีกทั้งวันเวลาที่ระบุบนหน้าปกก็ยังเป็นวันเดียวกัน ความสงสัยจึงปะทุขึ้นในใจของหญิงสาวทันที เธอจึงรีบสาวเท้าไปยังโต๊ะไม้ข้างหน้าต่าง พลางวางสมุดบันทึกของผู้เป็นอาเทียบกับเล่มก่อนหน้า ก่อนจะคลี่เปิดมันออกอย่างเบามือราวกับเป็นสมบัติล้ำค่าก็ไม่ปาน 
 บ่ายคล้อย..ดวงอาทิตย์ค่อยๆเคลื่อนตัวลับหายไปหลังทิวไม้ ความร้อนอบอ้าวจึงค่อยจางหายไป สายลมเย็นจากแม่น้ำกว้างใหญ่พัดโชยมาแทนที่ เด็กชายในชุดนักเรียนม.ต้นเดินอุ้มลูกนกอ่อนแรงเข้ามาในศาลาท่าน้ำ ก่อนจะวางมันลงบนพื้นอย่างเบามือ แล้วจึงหันหลังกลับ เดินไปยังดงไม้ข้างรั้วเพื่อหาหนอนเล็กๆให้มันประทังชีพ 
 “ อะ กินซะเจ้าตัวเล็ก จะได้มีแรง ” เขาบอกอย่างอ่อนโยน 
 นกน้อยใช้ปากเขี่ยตัวหนอนก่อนจะจิกกินไปทีละตัว โดยมีหนุ่มน้อยหน้าตาคมสันนั่งขัดสมาธิมองอยู่ด้วยความเวทนา 
 “หาน้ำให้มันกินด้วยสิเธอ เดี๋ยวก็ติดคอตายหรอก ”เสียงใสๆของใครคนหนึ่งดังมาจากทางด้านหลัง 
 แม่ทัพหันขวับ 
 สาวน้อยดวงตากลมโตรับกับใบหน้าน่ารักคลี่ยิ้มให้อย่างเป็นมิตร เธอนั่งอยู่ในชิงช้าใต้ซุ้มชมนาดที่เลื้อยพันโครงไม้จนดูคล้ายเป็นหลังคา 
 “เธอรู้จักที่นี่ได้ยังไง ”แทนที่จะยินดีแต่เด็กหนุ่มกลับย้อนถามด้วยความแปลกใจ 
 “เราเพิ่งย้ายมาอยู่ใหม่ ”บอกพลางชี้ไปยังคฤหาสน์สีขาวที่ตั้งตระหง่านอยู่ถัดไป 
 “อ้อ..ลูกสาวเศรษฐีบ้านนั้นน่ะเอง ” หนุ่มน้อยพึมพำ 
 “เราชี่อกุลธิดา เรียกว่ากุ้งก็ได้ แล้วเธอล่ะ ” 
 “เราชื่อแม่ทัพ เดี๋ยวหาน้ำมาให้นกก่อนนะ ” 
 กุลธิดาลุกจากชิงช้าก้าวเข้ามาในศาลาท่าน้ำพลางนั่งลงข้างๆนกน้อยเมื่อแม่ทัพตักน้ำมาแล้ว เขาจึงนำใบไม้มาทำเป็นทรงกรวยใส่น้ำ โดยมีกุลธิดาคอยอุ้มลูกนกขึ้นเพื่อให้เขาป้อนน้ำใส่ปากมันได้ถนัดถนี่ 
 “กินน้ำแล้ว เดี๋ยวคงมีแรงมากขึ้น ” เด็กสาวคะเน 
 “แล้วจะทำยังไงกับมันดีล่ะ ” แม่ทัพถาม 
 “ตรงซุ้มเหนือชิงช้ามีรังนกเก่าๆอยู่รังหนึ่ง เราเอามันไปไว้บนนั้นก่อนดีไหม ถ้ามันแข็งแรงดีแล้วก็คงจะบินกลับไปหาแม่มันเอง ” กุลธิดาแนะ 
 แม่ทัพจึงนำนกน้อยไปวางไว้ในรัง แล้วคอยหาอาหารมาให้มันทุกเช้าเย็น โดยมีเพื่อนใหม่เป็นผู้ช่วยเหลือ ราวหนึ่งสัปดาห์เมื่อนกน้อยแข็งแรงขึ้นแล้วมันจึงบินจากไปหลงเหลือไว้เพียงมิตรภาพระหว่างคนสองคนที่เริ่มผลิดอกออกช่อไปตามกาลเวลา 
 
 
 
 อ่านต่อได้ตามลิงค์ http://www.pasasiam.com/phpbb/viewtopic.php?f=4&p=3547#p3547 
 
 
 
 ขอขอบคุณโครงการ ๔๐ ปีรักนี้เบ่งบาน www.tv3.com  | 
| แก้ไขล่าสุด ใน วันอาทิตย์ที่ 07 กรกฏาคม 2013 เวลา 15:14 น. |