บทสัมภาษณ์สำนักข่าวทีนิวส์ ประเด็น "หนูน้อยด่าครู"
http://www.tnews.co.th/contents/383699คุณครูน้ำฝน แจงคลิป...เด็กนักเรียนด่าครู!! แนะวิธีรับมือกับเด็กก้าวร้าว หยุดเด็กให้สงบด้วยการกอด ไม่ใช่ยั่วยุ!! ผลักให้เด็กเห็นครูเป็นศัตรู
หลังจากที่ได้มีการนำเสนอ เกี่ยวดับเด็กนักเรียนหญิงที่มีพฤติกรรมก้าวร้าว ด่าครูด้วยคำหยาบคาย จนเป็นกระแสวิพาค์วิจารณ์อย่างหนักในช่วงที่ผ่านมา บางคนว่าเลี้ยงลูกยังไง ถึงทำให้มีพฤติกรรมแบบนี้ แต่จากที่ดูคลิปได้มีบทสัมภาษณ์หนึ่งที่น่าสนใจมาก และทำให้มองประเด็นนี้ได้หลายมุม และควรร่วมกันแก้ไขโดยด่วน โดยเป็นบทสัมภาษณ์จาก คุณครูน้ำฝน ทะกลกิจ นักเขียนและคุณครูภาษาไทย รร.ปากเกร็ด โดยประเด็นเป็นอย่างไรลองไปอ่านกันดีกว่าครับ
บทสัมภาษณ์ จากคุณครูน้ำฝน ทะกลกิจ นักเขียนและคุณครูภาษาไทย รร.ปากเกร็ด
ที่โรงเรียนปากเกร็ดที่สอนอยู่ มีทั้งเด็กที่มีปัญหาทางด้านพฤติกรรม อารมณ์ สมอง และเด็กพิการ ที่เราเรียกว่าเป็น “เด็กพิเศษ” ส่วนตัวของคุณครูน้ำฝนเอง แม้ไม่ได้จบมาทางการศึกษาพิเศษ (หลักสูตรเพื่อเด็กพิเศษ) โดยตรง แต่ทว่าต้องรับมือกับเด็กๆ ที่มีปัญหาไม่เว้นแต่ละวัน บ้างมีปัญหาเพราะสภาพครอบครัว บ้างมีปัญหาเพราะโรคและความบกพร่องทางด้านร่างกาย โดยได้ให้ข้อมูลกับผู้สื่อข่าวว่า
ในกรณีคลิปที่เป็นข่าวเด็กนักเรียนด่าครูนี้ คาดเดาได้ว่าตัวเด็กเอง ก็มีปัญหาทางด้านอารมณ์ดูเป็นเด็กก้าวร้าว เด็กที่ไม่สามารถควบคุมอารมณ์ได้เวลาโกรธ มักแสดงออกในลักษณะที่ดูรุนแรงทั้งการกระทำ หรือ คำพูดที่หยาบคาย ตรงนี้คุณครูเองก็ต้องทำความเข้าใจด้วยว่า ตัวเด็กเองมีปัญหา และกำลังควบคุมอารมณ์ตนเองไม่ได้ ครูต้องไม่พูดยั่วยุอารมณ์เด็ก
อย่าไปยึดติดกับตำแหน่งว่าตัวเองเป็นครู เขาเป็นนักเรียน ปล่อยให้เด็กด่าบ้างก็ยังได้ พอเขาได้ระบายจนเริ่มสงบ ก็เข้าไปกอดนิ่งๆสักพัก ... เด็กก้าวร้าวไม่มีอะไรมากไปกว่าการต้องการการยอมรับ โดยเฉพาะคนเป็นครูต้องฟังเด็กบ้าง
ในคลิปจะเห็นว่า ตอนแรกที่ครูพามานั่งสงบสติอารมณ์จะเห็นว่า เด็กยังนั่งอยู่ใกล้ๆ ครู ทั้งที่ยังมีอารมณ์หงุดหงิด พอถูกยั่วยุมากเข้า เด็กเดินไปอยู่ฝั่งตรงข้ามกับครูและตอบโต้ด้วยความกราดเกรี้ยวหยาบคายยิ่งขึ้น เพราะอะไร...?
...เพราะเด็กรู้สึกว่าครูเป็นศัตรู เป็นคนละพวก อยู่ฝั่งตรงข้ามกับเขา
คนที่จะพลิกสถานการณ์ครั้งนี้ได้ คือครู ด้วยการทำให้เด็กไว้ใจ เชื่อใจ แต่กลับเป็นว่าครูเป็นฝ่ายถ่ายคลิปเสียเอง ซ้ำยังมีการพูดจายั่วยุเด็กอีก
ที่พูดอย่างนี้ ไม่ได้อยากให้ครูหรือโรงเรียนเสียหาย...แต่อยากเห็นการร่วมมือกันระหว่างครูและผู้ปกครอง บางคนปัญหาส่วนหนึ่งก็เกิดจากทางบ้าน แต่เด็กจะเกรงใจครูมากกว่าพ่อแม่ ดังนั้นก็ถือว่าครูเป็นคนที่มีอิทธิพลต่อความรู้สึกเด็กอยู่เป็นทุนเดิมอยู่แล้ว ต้องใช้สิ่งที่มีอยู่ในสถานภาพความเป็นครูให้เป็นประโยชน์ เพราะการแก้ไขพฤติกรรมผิดๆของเด็ก จะดีต่อตัวเด็กเองและสังคมในระยะยาวในที่สุด
บทความนี้ เมื่ออ่านจบต้องบอกเลยว่า ผู้ปกครอง และคนที่ต้องทำงานกับเด็กทุกคนควรอ่านเป็นอย่างยิ่ง และควรเรียนรู้พฤติกรรมของเด็กให้มากก่อนที่จะต้องทำงานกับเด็ก และผู้ปกครองก็ควรรู้วิธีการจัดการลูกหลานของท่านหากว่าเขา กำลังมีอารมณ์ที่ก้าวร้าวและแก้ปัญหาด้วยความรุนแรง ร่วมมือกันเถอะครับทุกฝ่าย เพื่อบุคลากรของชาติที่ดีในอนาคต
เรียบเรียงโดย ปิยะนัย เกตุทอง