บัวแดง บัวสายเพียงต้นเดียวของเรา บัดนี้ออกดอกงามมาก ดีใจจังเล้ยยยยยย ดูกันชัดๆ
- 1570_resize.jpg (102.74 KiB) เปิดดู 36994 ครั้ง
- 1571_resize.jpg (108.84 KiB) เปิดดู 36994 ครั้ง
แปลงผักขี้หูด
- 1572_resize.jpg (145.42 KiB) เปิดดู 36994 ครั้ง
ผักขี้หูด จัดเป็นผักพื้นบ้านที่พบมากในภาคเหนือที่นิยมเก็บฝักอ่อนหรือยอดอ่อนมาประกอบอาหาร เนื่องจากผักสด ให้รสเผ็ด มีกลิ่นฉุน ใช้รับประทานคู่น้ำพริก เมื่อลวกหรือปรุงทำอาหารจะมีความกรอบ และหวานมัน กลิ่นฉุนไม่ค่อยมี
• วงศ์ : CRUCIFERAE
• ชื่อวิทยาศาสตร์ : Raphanus sativus Linn
• ชื่อท้องถิ่น :
ภาคกลาง เหนือ และทั่วไป – ผักขี้หูด , ผักเปิ๊ก
อีสาน – ผักกาดแซ (ผักกาดที่มีกลิ่นฉุนแรง)
ผักขี้หูด เป็นชื่อเรียกท้องถิ่นไทยที่สันนิษฐานว่า ถูกตั้งชื่อมาจากลักษณะของฝักที่เป็นคอขอดไปมาคล้ายก้อนขี้หูด
ถิ่นกำเนิด และการแพร่กระจาย
ผักขี้หูดมีถิ่นกำเนิดในภาคตะวันออกเฉียงเหนือในอินเดีย และต่อมาค่อยแพร่กระจายเข้ามาปลูกในพม่า และประเทศไทย โดยพบแพร่กระจายในพื้นที่สูง พบมากในภาคเหนือ ตามที่ลาดเชิงเขา หรือพื้นที่โล่งในที่สูง
ลักษณะทางพฤกษศาสตร์
ลำต้น ผักขี้หูด จัดเป็นพืชล้มลุกปีเดียว ลำต้นในระยะแรกจะเป็นข้อสั้นๆที่มีใบแตกออกด้านข้างแผ่ลงดิน ต่อมาลำต้นเติบโตสูงชะลูด ประมาณ ๓๐ - ๑๒๐ เซนติเมตร ขนาดลำต้นเล็ก ด้านในลำต้นเป็นรูกลวง ผิวลำต้นสีเขียวอ่อน ปลายลำต้นเจริญเป็นช่อดอก ส่วนรากประกอบด้วยรากแก้วที่ไม่พองออกเหมือนรากผักกาดหัว และแตกเป็นรากแขนงเรียวยาว รากผักขี้หูดไม่นิยมใช้รับประทาน แต่สามารถใช้ในแก่สมุนไพรได้
ใบ
ใบผักขี้หูด ใบเป็นใบเดี่ยว ออกเรียงสลับกันตามข้อของลำต้น แผ่นใบเรียบ มีสีเขียวอ่อน ส่วนขอบใบมีทั้งชนิดที่ขอบใบเรียบ และขอบใบเว้าเป็นแฉก ใบในระยะแรกจะแตกออกเป็นกระจุกที่โคนต้น และเป็นใบขนาดใหญ่ แผ่นใบหนา ขนาดใบกว้างประมาณ ๔ - ๘ เซนติเมตร และยาวประมาณ ๑๕ - ๓๐ เซนติเมตร ใบในระยะที่ต้นสูงชะลูดจะเรียวเล็กลง แผ่นใบบาง และสีใบจางลง ขนาดกว้าง ๓ - ๕ เซนติเมตร ยาวประมาณ ๑๐ - ๒๐ เซนติเมตร
ดอก
ดอกผักขี้หูด แทงออกเป็นช่อที่ปลายยอด ช่อดอกมีลักษณะคล้ายกับช่อผักกาดทั่วไป ช่อดอกหลักมีความยาวประมาณ ๑๕ - ๔๐ เซนติเมตร และแตกแขนงเป็นช่อดอกย่อย แต่ละช่อดอกย่อยประกอบด้วยดอกขนาดเล็ก เรียงออกเป็นดอกเดี่ยวเยื้องสลับตามความยาวของก้านช่อ
ดอกตูมมีลักษณะเป็นกรวยที่หุ้มด้วยกลีบเลี้ยงสีเขียวอ่อน เมื่อดอกบานกลีบเลี้ยงจะร่วงออก และกลีบดอกจะแผ่บานออก ตัวกลีบดอกมีทั้งหมด ๔ กลีบ แต่ละกลีบเป็นรูปพัด โคนกลีบสอบแคบ ปลายกลีบใหญ่ และโค้งมน แผ่นกลีบดอกช่วงปลายมีสีม่วง โคนกลีบดอกมีสีขาวอมม่วง แผ่นกลีบดอกมองเห็นเส้นกลีบชัดเจน ตรงกลางดอกเป็นเกสรตัวเมีย และรังไข่ โดยผักขี้หูดจะเริ่มติดดอกอย่างต่อเนื่องหลังจากการปลูกแล้วประมาณ ๑ เดือน
ผล
ผลผักขี้หูด เรียกว่า ฝัก มีลักษณะทรงกระบอก มีลักษณะโค้งยาว และเป็นลูกคลื่นหรือเป็นตะปุ่มนูนตามระยะของเมล็ด ปลายฝักแหลมเป็นติ่ง เปลือกฝักค่อนข้างหนา ฝักอ่อนมีสีเขียวเข้ม ฝักแก่มีสีเขียวอ่อน แกนกลางฝักเป็นร่องสีเขียวทั้งสองข้าง ฝักมีขนาด ๐.๕ - ๐.๘ เซนติเมตร ยาวประมาณ ๓ - ๒๕ เซนติเมตร และสามารถยาวได้มากกว่า ๗๐ เซนติเมตร ภายในฝักมีเมล็ดประมาณ ๑ - ๑๐ เมล็ด หรือมากกว่า ขึ้นอยู่กับความยาวของฝัก เมื่อฝักแก่จัดจะเปลี่ยนเป็นสีน้ำตาล และปริแตกออกเป็น ๒ ซีกตามร่องฝัก ซึ่งสามารถเก็บเมล็ดแก่ได้ประมาณ ๑๒๐ วัน หลังการปลูก
เมล็ด
เมล็ดผักขี้หูด มีลักษณะกลม เปลือกเมล็ดค่อนข้างหนาเป็นสีน้ำตาลอมดำ ขนาดประมาณ ๓ - ๕ มิลลิเมตร ฝักจะติดอย่างต่อเนื่องหลังการปลูกแล้วประมาณ ๑ - ๒ เดือน
ประโยชน์ผักขี้หูด
๑. ใบดิบ และผลดิบเมื่อรับประทานจะมีรสเผ็ด และมีกลิ่นฉุนคล้ายวาซาบิ แต่เมื่อทำสุกจะมีรสมัน จึงนิยมนำมารับประทานดิบหรือลวกคู่กับน้ำพริก
๒. ใบอ่อน ยอดอ่อน และฝักอ่อน นิยมเก็บมาทำอาหารจำพวกแกง และผัดต่างๆ อาทิ แกงเลียง แกงส้ม ผัดฝักผักขี้หูด เป็นต้น
๓.ใบอ่อน ยอดอ่อน และดอกอ่อน นำมาทำผักดอง ด้วยการนำมาคั้นหรือขยำกับเกลือ และน้ำซาวข้าว ก่อนใส่กระปุกดองไว้รับประทาน
๔. ฝักดิบแก่หรือฝักแห้งนำมาต้มน้ำสำหรับฉีดพ่นในแปลงผัก ช่วยไล่แมลง ป้องกันแมลงหรือหนอนกัดกินพืชผัก
สรรพคุณผักขี้หูด
ดอกอ่อน ฝักอ่อน และใบอ่อน
– ต้านโรคมะเร็ง
– ช่วยเจริญอาหาร
– ช่วยย่อยอาหาร
– แก้อาการไข้หวัด
– แก้อาการท้องอืดท้องเฟ้อ
– ช่วยขับลมในกระเพาะ
– ช่วยละลายนิ่ว
– ใช้เป็นยาขับน้ำดี
– ช่วยบำรุงผิวพรรณ
ราก
– ช่วยลดความดันเลือด
– บรรเทาโรคเบาหวาน
– ช่วยเจริญอาหาร
– แก้ไอ และลดไข้
– ช่วยขับปัสสาวะ