Re: พระราชประวัติพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช
เมื่อ: ศุกร์ 21 ต.ค. 2016 11:10 am
เรียงความ รางวัลชมเชย เรื่อง “ประชาธิปไตยใต้ร่มพระบารมี”
เรียงความเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว
เนื่องในวโรกาสทรงครองราชย์ครบ ๖๐ ปี จาก รัฐสภา วันที่ ๖ มิถุนายน ๒๕๔๙
________________________________________________
ประเทศไทยเรานั้นมีประวัติศาสตร์อันยาวนาน เราดำรงความเป็นไทยมาจนทุกวันนี้ ด้วยพระปรีชาสามารถแห่งองค์พระประมุข ผู้ทรงเป็นศูนย์รวมจิตใจของชนชาวไทย นับเป็นระยะเวลา ๖๐ ปีแล้วที่พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ทรงเปรียบเสมือนร่มโพร่มไทรให้แก่ปวงชนชาวไทย ยามใดที่ประเทศชาติประสบกับปัญหาไม่ว่าจะร้ายแรงเพียงใด พระองค์จะทรงเป็นผู้คอยแนะแนวทาง ทำให้ปัญหาต่างๆล้วนคลี่คลายไปในทางที่ดี ฉันจำไม่ได้แล้วว่าได้ยินพระของพระองค์ครั้งแรกเมื่อใด แต่เท่าที่รับรู้ขณะนี้คือ พระราชจริยวัตรของพระองค์เป็นสิ่งที่ทำให้ฉันรู้สึกประทับใจยิ่งนัก
ในความทรงจำที่ข้ามผ่านวันและคืนอันยาวนาน ฉันถือกำเนิดในหมู่บ้านชนบทแห่งหนึ่ง ซึ่งอยู่ห่างจากตัวเมืองเชียงใหม่ประมาณ ๑๐๐ กิโลเมตร อำเภอที่ฉันอาศัยอยู่มีภูเขาล้อมรอบจนเป็นเหมือนก้นกระทะ มองไปทางใดก็พบแต่ความเขียวขจี ประชากรส่วนใหญ่จะยึดอาชีพชาวนา ซึ่งถือว่าเป็นมรดกตกทอดมาจากบรรพบุรุษ ขณะนั้นความเจริญยังเข้าไปไม่ถึง ถนนยังเป็นฝุ่นคลุ้งในยามที่รถจักรยานยนต์วิ่งผ่าน ในยามค่ำคืนยังต้องพึ่งพาแสงสว่างจากตะเกียง ข่าวสารที่ได้รับรู้ก็มาจากวิทยุราคาร้อยกว่าบาท บ้านยังคงเป็นเรือนไม้ใต้ถุนสูง ฉันจำได้ว่าใต้หิ้งพระข้างฝาบ้านจะมีพระบรมฉายาลักษณ์ของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวติดอยู่ ฉันเคยแหงนคอมองดูหลายครั้ง ก็จะได้เห็นภาพพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯประทับอยู่ท่ามกลางราษฎร ที่มาเฝ้าฯรับเสด็จ พระองค์ทรงมีพระราชปฏิสันถารกับราษฎรอย่างใกล้ชิด ฉันเคยถามแม่ว่า “ ทำไมในรูปยายคนนั้นจึงต้องร้องไห้ ” ก็ได้รับคำตอบว่า “ ยายเขาคงดีใจ ที่พระเจ้าแผ่นดินเสด็จมา เพราะตลอดชีวิตอาจจะหาโอกาสอันล้ำค่าเช่นนี้ไม่ได้อีกแล้ว ” แม่บอกว่า “ พระองค์ คือ พระเจ้าแผ่นดิน ” นั่นเป็นครั้งแรกที่ฉันได้ยินแม่กล่าวถึงพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ แม้จะยังไม่เข้าใจความหมายเท่าใดนัก แต่ฉันก็รู้สึกได้ถึงพระบารมีของพระองค์ในสายตาแม่..ว่ายิ่งใหญ่เพียงใด
ภายใต้ความเขียวขจีของแมกไม้บนดอยสูง ยังมีชาวเขาที่ยังมีความเป็นอยู่อย่างลำบาก ยิ่งในฤดูฝนนั้นไม่สามารถเดินทางลงมาในเมืองได้ เพราะการเดินทางไม่สะดวก และอันตรายอันเกิดจากถนนลื่นและเต็มไปด้วยหุบเหวในสมัยที่ยังเป็นเด็ก ฉันมักจะได้ยินเสมอว่าพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯจะเสด็จไปพระราชทานสิ่งของแก่ชาวเขาอย่างสม่ำเสมอ โดยมีหน่วยแพทย์เคลื่อนที่ตามเสด็จไปด้วย เพื่อรับเอาคนป่วยเป็นคนไข้ในพระบรมราชูปถัมภ์ หลังจากที่พระองค์ได้เสด็จพระราชดำเนินทรงเยี่ยมชาวเขาทางภาคเหนือแล้ว ได้ทอดพระเนตรเห็นการตัดไม้ทำลายป่าเพื่อปลูกฝิ่น จึงมีกระแสพระราชดำรัสที่จะเปลี่ยนแปลงวิถีชีวิตของพวกเขาเหล่านั้น ด้วยน้ำพระทัยที่เปี่ยมไปด้วยความห่วงใยราษฎร ฉันเชื่อว่าชาวเขาทุกคนล้วนสัมผัสได้ ต่อมาพวกเขาจึงเลิกปลูกฝิ่น แล้วหันมาปลูกพืชเศรษฐกิจชนิดอื่นแทน นับเป็นการยิงปืนนัดเดียวได้นกสองตัว เพราะนอกจากจะลดปัญหาด้านยาเสพติดแล้ว ยังทำให้ชาวเขาเลิกการตัดไม้ทำลายป่าอีกด้วย ไม่เพียงแต่ชาวเขาเท่านั้นแต่เป็นพสกนิกรทั้งหมดไม่ว่าภาคใดถิ่นฐานใด ไม่ว่าจะเกิดไฟไหม้ น้ำท่วม พายุใหญ่ หรือวิกฤตการณ์ใดๆ เราคนไทยต่างได้รับพระราชทานพระกรุณาจากพระองค์ตลอดมา ตราบจนถึงวันนี้นานหลายสิบปีแล้ว ที่พระองค์ยังทรงเป็นร่มโพธิ์ร่มไทรแผ่กิ่งก้านสาขาเพื่อให้ความร่มเย็นแก่ปวงประชาราษฎร์
พระองค์ทรงเป็นพระมหากษัตริย์ที่มีความเป็นประชาธิปไตยอย่างแท้จริง ตามที่อับราฮัม ลินคอร์น ได้กล่าวเอาไว้ว่า “ ประชาธิปไตย คือการปกครองของประชาชน โดยประชาชน และเพื่อประชาชน ” พระองค์นั้นทรงกระทำตามแนวคิดนี้โดย ได้มอบอำนาจอธิปไตยให้เป็นของประชาชนโดยแท้จริง แต่ในยามใดที่บ้านเมืองประสบปัญหา พระองค์ก็จะทรงแนะแนวทางการแก้ปัญหาอย่างแยบยล “ เมื่อบ้านต้องมีเสาเอกฉันใด บ้านเมืองย่อมจะต้องมีพระมหากษัตริย์ผู้ทรงเป็นศูนย์รวมจิตใจฉันนั้น ”
ในความคิดเห็นส่วนตัวนั้น ฉันเห็นว่าประเทศไทยมีรากฐานความเป็นประชาธิปไตยมาแต่โบราณ ในสมัยสุโขทัยนั้น “ ใครใคร่ค้าช้างค้า ใครใคร่ค้าม้าค้า” แสดงถึงการให้สิทธิและเสรีภาพในการประกอบอาชีพ ทำให้ฉันคิดเอาเองว่าเป็น “ ประชาธิปไตยแบบพ่อปกครองลูก” จนมาถึงสมัยรัตนโกสินทร์ ชาวไทยจึงได้มีโอกาสอยู่ในระบอบประชาธิปไตยอย่างเต็มรูปแบบ เนื่องจากในปีพุทธศักราช ๒๔๗๕ คณะราษฎร์ได้ทำการปฏิวัติสำเร็จ จึงนำพาประเทศเข้าสู่ระบอบประชาธิปไตยโดยในปัจจุบันพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดช ทรงให้อำนาจแก่ประชาชนทุกคน โดยผ่านทางตัวแทนที่ได้มาจากการเลือกตั้ง โดยไม่แบ่งชนชั้น หรือเชื้อชาติ ทรงให้สิทธิและเสรีภาพเท่าเทียมกัน ไม่ว่าจะมาจากเชื้อชาติใด เมื่อมาอยู่ใต้พระบรมโพธิสมภาร พระองค์ก็ทรงถือว่าเป็นคนไทยทั้งสิ้น และแม้ว่าประเทศไทยจะเป็นเมืองพุทธ แต่พระองค์ก็ทรงให้สิทธิ และเสรีภาพในการนับถือศาสนา และให้ความเสมอภาค ไม่ว่าจะนับถือศาสนาพุทธ คริสต์ อิสลามฯลฯต่างก็มีเสรีภาพในการเลือกนับถือ และปฏิบัติตามหลักคำสอนโดยเท่าเทียมกัน ทรงเป็นตัวอย่างของนักประชาธิปไตยที่ดี ฉันเคยอ่านพระบรมราโชวาทเกี่ยวกับระบอบประชาธิปไตยของพระองค์ว่า
“ ในบ้านเมืองนี้มีทั้งคนดีและคนไม่ดี ไม่มีใครสามารถจะทำให้คนทุกคนเป็นคนดีได้ทั้งหมด การปกครองบ้านเมืองให้เป็นปกติสุขเรียบร้อย จึงมิใช่อยู่ที่การทำให้ทุกคนเป็นคนดี หากแต่อยู่ที่ การส่งเสริมคนดีให้ได้ปกครองบ้านเมืองและควบคุมคนไม่ดีไม่ให้มีอำนาจ ก่อความเดือดร้อนวุ่นวายได้ ”
การดำเนินชีวิตในวิถีประชาธิปไตยนั้น หากมีผู้นำที่ดีบ้านเมืองก็จะประสบแต่ความสงบสุขและเจริญรุ่งเรือง แต่การเลือกสรรคนดีเข้าไปบริหารประเทศนั้น ฉันมีความคิดเห็นว่า ควรให้ความรู้แก่ประชาชนให้ทั่วถึง เพื่อให้เขาสามารถวิเคราะห์และเลือกสรรคนดีเข้าไปบริหารประเทศได้ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯทรงเล็งเห็นความสำคัญของการศึกษา ดังจะเห็นได้จากโครงการสร้างโรงเรียนในถิ่นทุรกันดารซึ่งเรียกว่า “ โรงเรียนในพระบรมราชูปถัมภ์ ” แม้จะอยู่ในถิ่นห่างไกล และทุรกันดารเพียงใด การศึกษาก็ยังเข้าไปถึง “ พระองค์เปรียบดังดวงอาทิตย์ที่ไม่เลือกว่าเป็นสถานที่แห่งใดก็ให้แสงสว่างและความอบอุ่นแก่ชนทุกผู้ทุกนามเสมอภาคกัน ”นับเป็นพระมหากรุณาธิคุณเป็นล้นพ้นต่อเด็กไทย ผู้เป็นอนาคตของชาติ
เมืองไทยเป็นเมืองแห่งธรรมะ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯทรงเป็นแบบอย่างที่ดีของพุทธศาสนิกชน ทรงยึดมั่นในหลักธรรมไม่ว่าจะเป็นทศพิธราชธรรม จักรวรรดิวัตร ราชสังคหวัตถุ และละเว้นจากอคติทุกประการทรงได้รับการอบรมจากพระชนนี คือ สมเด็จพระศรีนครินทราบรมราชชนนีตั้งแต่ยังทรงพระเยาว์ให้เป็น “ คนดี มีเมตตา กรุณา ” สิ่งที่ฉันได้รับรู้ตลอดมา คือ พระองค์จะทรงตรากตรำทำงานอยู่ตลอดเวลา วันใดที่เปิดดูข่าวในพระราชสำนัก จะเห็นได้ว่าพระองค์เสด็จพระราชดำเนินเยี่ยมเยียนราษฎรไม่ว่าถิ่นฐานใด ไม่ว่าการเดินทางลำบากยากแค้นเพียงใดก็ตาม พระองค์ไม่ทรงย่อท้อ พระเสโทที่รินไหลแสดงถึงน้ำพระทัยที่แน่วแน่ ที่จะบำบัดทุกข์บำรุงสุขแก่ประชาราษฎร์ สมดังที่ได้ตั้งพระราชสัตยาธิษฐานในพระราชพิธีบรมราชาภิเษกว่า “ เราจะปกครองแผ่นดินโดยธรรม เพื่อประโยชน์สุขแก่มหาชนชาวสยาม ” ซึ่งพระองค์ได้ทรงปฏิบัติอย่างเคร่งครัดทุกประการ
ในสายตาของฉันพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯนับเป็นผู้มีอัจฉริยภาพทางความคิดพระองค์หนึ่ง พระองค์ทรงมีโครงการอยู่ในพระบรมราชูปถัมภ์มากมาย โดยเฉพาะโครงการหลวงซึ่งทำให้พระองค์ทรงได้รับรางวัลแม็กไซไซในฐานะองค์กรดีเด่น สาขาส่งเสริมความเข้าใจอันดีระหว่างประเทศในปีพุทธศักราช ๒๕๓๑ ฉันเคยไปเยี่ยมชมโครงการหลวงดอยปุย จ.เชียงใหม่ ซึ่งมีการพัฒนาพันธุ์ไม้เมืองหนาว และนำไปแจกจ่ายแก่ประชาชนเพื่อใช้ในการเพาะปลูกเป็นอาชีพต่อไป นอกจากนี้พระองค์ยังทรงมีโครงการตามพระราชดำริอีกหลายโครงการที่ช่วยบำบัดทุกข์ บำรุงสุขแก่ราษฎรของพระองค์ ไม่ว่าจะเป็นด้านการพัฒนาแหล่งน้ำและชลประทาน เนื่องจากเมืองไทยเป็นเมืองเกษตรกรรม พระองค์ทรงให้ความสำคัญต่อการพัฒนาแหล่งน้ำซึ่งถือเป็นหัวใจของการเกษตรเลยทีเดียว ซึ่งนอกจากจะเป็นน้ำหล่อเลี้ยงชีวิตชนชาวไทยในถิ่นทุรกันดารแล้ว ก็ยังถือเป็นน้ำหล่อเลี้ยงหัวใจของเขาเหล่านั้น ว่าท่ามกลางความทุกข์ยาก พระองค์ก็ยังทรงมีน้ำพระทัยห่วงใยเขาอยู่เสมอ
“ กีฬา กีฬา เป็นยาวิเศษ ” เนื้อเพลงกราวกีฬาของท่านเจ้าพระยาธรรมศักดิ์มนตรีประโยคนี้ ช่างแสดงความสามารถของท่านผู้ประพันธ์ได้เป็นอย่างดี เป็นประโยคสั้นๆที่แสดงความหมายได้ชัดเจนอย่างยิ่ง นอกจากกีฬาจะทำให้ร่างกายแข็งแรงแล้ว ยังสามารถลดปัญหาทางสังคมได้อีกด้วย เพราะเป็นการใช้เวลาว่างให้เป็นประโยชน์วิธีหนึ่ง พระบาทสมเด็จพระเจ้า อยู่หัวฯนั้นทรงมีพระปรีชาสามารถอย่างไม่เป็นรองใคร ดังจะเห็นได้จากที่ทรงเป็นนักกีฬาเหรียญทอง จากการแข่งขันเรือใบในกีฬาเซ้าท์เอเซี่ยนเพนนินซูล่าเกม
ที่พัทยา จ.ชลบุรี เมื่อปีพุทธศักราช ๒๕๑๐ ทรงเป็นแบบอย่างที่ดีแก่เยาวชนไทย ในการใช้เวลาว่างให้เป็นประโยชน์ ไม่หันไปพึ่งพายาเสพติด หรือเที่ยวเตร่กระทำในสิ่งที่ไม่ถูกไม่ควร
สุขภาพเป็นสิ่งที่สำคัญที่สุดสำหรับทุกชีวิต พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวจึงทรงจัดตั้งโครงการหน่วยแพทย์พระราชทาน เช่น แพทย์หลวงเคลื่อนที่ สำหรับรักษาอาการป่วยของคนไข้ในถิ่นทุรกันการ ทรงเป็นที่พึ่งของผู้พิการพวกเขาเหล่านั้นได้รับพระราชทานพระมหากรุณาธิคุณจากพระองค์ และทรงพระราชทานพระบรมราโชบายว่า “ เมื่อพวกเขาเหล่านั้นพิการทางกายแล้วก็ไม่ควรพิการทางใจอีก จะต้องให้เขารีบฟื้นฟูทางกายใจ สามารถช่วยเหลือตัวเองได้ โดยไม่ต้องเป็นภาระของสังคม ” พระองค์ทรงมีโครงการตามพระราชประสงค์เพื่อค้นคว้า วิจัย และทดลองส่วนพระองค์ เพื่อศึกษาหาแนวทางและวิธีปฏิบัติที่ใช้ได้จริง เพื่อนำไปใช้พัฒนาประเทศต่อไป ฉันยังเคยมีความคิดว่า ในวันหนึ่งจะมีสักกี่นาทีที่พระองค์จะทรงผ่อนคลายพระอิริยาบถ ในเมื่อพระองค์ทรงงานหนักถึงเพียงนี้
เรียงความเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว
เนื่องในวโรกาสทรงครองราชย์ครบ ๖๐ ปี จาก รัฐสภา วันที่ ๖ มิถุนายน ๒๕๔๙
________________________________________________
ประเทศไทยเรานั้นมีประวัติศาสตร์อันยาวนาน เราดำรงความเป็นไทยมาจนทุกวันนี้ ด้วยพระปรีชาสามารถแห่งองค์พระประมุข ผู้ทรงเป็นศูนย์รวมจิตใจของชนชาวไทย นับเป็นระยะเวลา ๖๐ ปีแล้วที่พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ทรงเปรียบเสมือนร่มโพร่มไทรให้แก่ปวงชนชาวไทย ยามใดที่ประเทศชาติประสบกับปัญหาไม่ว่าจะร้ายแรงเพียงใด พระองค์จะทรงเป็นผู้คอยแนะแนวทาง ทำให้ปัญหาต่างๆล้วนคลี่คลายไปในทางที่ดี ฉันจำไม่ได้แล้วว่าได้ยินพระของพระองค์ครั้งแรกเมื่อใด แต่เท่าที่รับรู้ขณะนี้คือ พระราชจริยวัตรของพระองค์เป็นสิ่งที่ทำให้ฉันรู้สึกประทับใจยิ่งนัก
ในความทรงจำที่ข้ามผ่านวันและคืนอันยาวนาน ฉันถือกำเนิดในหมู่บ้านชนบทแห่งหนึ่ง ซึ่งอยู่ห่างจากตัวเมืองเชียงใหม่ประมาณ ๑๐๐ กิโลเมตร อำเภอที่ฉันอาศัยอยู่มีภูเขาล้อมรอบจนเป็นเหมือนก้นกระทะ มองไปทางใดก็พบแต่ความเขียวขจี ประชากรส่วนใหญ่จะยึดอาชีพชาวนา ซึ่งถือว่าเป็นมรดกตกทอดมาจากบรรพบุรุษ ขณะนั้นความเจริญยังเข้าไปไม่ถึง ถนนยังเป็นฝุ่นคลุ้งในยามที่รถจักรยานยนต์วิ่งผ่าน ในยามค่ำคืนยังต้องพึ่งพาแสงสว่างจากตะเกียง ข่าวสารที่ได้รับรู้ก็มาจากวิทยุราคาร้อยกว่าบาท บ้านยังคงเป็นเรือนไม้ใต้ถุนสูง ฉันจำได้ว่าใต้หิ้งพระข้างฝาบ้านจะมีพระบรมฉายาลักษณ์ของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวติดอยู่ ฉันเคยแหงนคอมองดูหลายครั้ง ก็จะได้เห็นภาพพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯประทับอยู่ท่ามกลางราษฎร ที่มาเฝ้าฯรับเสด็จ พระองค์ทรงมีพระราชปฏิสันถารกับราษฎรอย่างใกล้ชิด ฉันเคยถามแม่ว่า “ ทำไมในรูปยายคนนั้นจึงต้องร้องไห้ ” ก็ได้รับคำตอบว่า “ ยายเขาคงดีใจ ที่พระเจ้าแผ่นดินเสด็จมา เพราะตลอดชีวิตอาจจะหาโอกาสอันล้ำค่าเช่นนี้ไม่ได้อีกแล้ว ” แม่บอกว่า “ พระองค์ คือ พระเจ้าแผ่นดิน ” นั่นเป็นครั้งแรกที่ฉันได้ยินแม่กล่าวถึงพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ แม้จะยังไม่เข้าใจความหมายเท่าใดนัก แต่ฉันก็รู้สึกได้ถึงพระบารมีของพระองค์ในสายตาแม่..ว่ายิ่งใหญ่เพียงใด
ภายใต้ความเขียวขจีของแมกไม้บนดอยสูง ยังมีชาวเขาที่ยังมีความเป็นอยู่อย่างลำบาก ยิ่งในฤดูฝนนั้นไม่สามารถเดินทางลงมาในเมืองได้ เพราะการเดินทางไม่สะดวก และอันตรายอันเกิดจากถนนลื่นและเต็มไปด้วยหุบเหวในสมัยที่ยังเป็นเด็ก ฉันมักจะได้ยินเสมอว่าพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯจะเสด็จไปพระราชทานสิ่งของแก่ชาวเขาอย่างสม่ำเสมอ โดยมีหน่วยแพทย์เคลื่อนที่ตามเสด็จไปด้วย เพื่อรับเอาคนป่วยเป็นคนไข้ในพระบรมราชูปถัมภ์ หลังจากที่พระองค์ได้เสด็จพระราชดำเนินทรงเยี่ยมชาวเขาทางภาคเหนือแล้ว ได้ทอดพระเนตรเห็นการตัดไม้ทำลายป่าเพื่อปลูกฝิ่น จึงมีกระแสพระราชดำรัสที่จะเปลี่ยนแปลงวิถีชีวิตของพวกเขาเหล่านั้น ด้วยน้ำพระทัยที่เปี่ยมไปด้วยความห่วงใยราษฎร ฉันเชื่อว่าชาวเขาทุกคนล้วนสัมผัสได้ ต่อมาพวกเขาจึงเลิกปลูกฝิ่น แล้วหันมาปลูกพืชเศรษฐกิจชนิดอื่นแทน นับเป็นการยิงปืนนัดเดียวได้นกสองตัว เพราะนอกจากจะลดปัญหาด้านยาเสพติดแล้ว ยังทำให้ชาวเขาเลิกการตัดไม้ทำลายป่าอีกด้วย ไม่เพียงแต่ชาวเขาเท่านั้นแต่เป็นพสกนิกรทั้งหมดไม่ว่าภาคใดถิ่นฐานใด ไม่ว่าจะเกิดไฟไหม้ น้ำท่วม พายุใหญ่ หรือวิกฤตการณ์ใดๆ เราคนไทยต่างได้รับพระราชทานพระกรุณาจากพระองค์ตลอดมา ตราบจนถึงวันนี้นานหลายสิบปีแล้ว ที่พระองค์ยังทรงเป็นร่มโพธิ์ร่มไทรแผ่กิ่งก้านสาขาเพื่อให้ความร่มเย็นแก่ปวงประชาราษฎร์
พระองค์ทรงเป็นพระมหากษัตริย์ที่มีความเป็นประชาธิปไตยอย่างแท้จริง ตามที่อับราฮัม ลินคอร์น ได้กล่าวเอาไว้ว่า “ ประชาธิปไตย คือการปกครองของประชาชน โดยประชาชน และเพื่อประชาชน ” พระองค์นั้นทรงกระทำตามแนวคิดนี้โดย ได้มอบอำนาจอธิปไตยให้เป็นของประชาชนโดยแท้จริง แต่ในยามใดที่บ้านเมืองประสบปัญหา พระองค์ก็จะทรงแนะแนวทางการแก้ปัญหาอย่างแยบยล “ เมื่อบ้านต้องมีเสาเอกฉันใด บ้านเมืองย่อมจะต้องมีพระมหากษัตริย์ผู้ทรงเป็นศูนย์รวมจิตใจฉันนั้น ”
ในความคิดเห็นส่วนตัวนั้น ฉันเห็นว่าประเทศไทยมีรากฐานความเป็นประชาธิปไตยมาแต่โบราณ ในสมัยสุโขทัยนั้น “ ใครใคร่ค้าช้างค้า ใครใคร่ค้าม้าค้า” แสดงถึงการให้สิทธิและเสรีภาพในการประกอบอาชีพ ทำให้ฉันคิดเอาเองว่าเป็น “ ประชาธิปไตยแบบพ่อปกครองลูก” จนมาถึงสมัยรัตนโกสินทร์ ชาวไทยจึงได้มีโอกาสอยู่ในระบอบประชาธิปไตยอย่างเต็มรูปแบบ เนื่องจากในปีพุทธศักราช ๒๔๗๕ คณะราษฎร์ได้ทำการปฏิวัติสำเร็จ จึงนำพาประเทศเข้าสู่ระบอบประชาธิปไตยโดยในปัจจุบันพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดช ทรงให้อำนาจแก่ประชาชนทุกคน โดยผ่านทางตัวแทนที่ได้มาจากการเลือกตั้ง โดยไม่แบ่งชนชั้น หรือเชื้อชาติ ทรงให้สิทธิและเสรีภาพเท่าเทียมกัน ไม่ว่าจะมาจากเชื้อชาติใด เมื่อมาอยู่ใต้พระบรมโพธิสมภาร พระองค์ก็ทรงถือว่าเป็นคนไทยทั้งสิ้น และแม้ว่าประเทศไทยจะเป็นเมืองพุทธ แต่พระองค์ก็ทรงให้สิทธิ และเสรีภาพในการนับถือศาสนา และให้ความเสมอภาค ไม่ว่าจะนับถือศาสนาพุทธ คริสต์ อิสลามฯลฯต่างก็มีเสรีภาพในการเลือกนับถือ และปฏิบัติตามหลักคำสอนโดยเท่าเทียมกัน ทรงเป็นตัวอย่างของนักประชาธิปไตยที่ดี ฉันเคยอ่านพระบรมราโชวาทเกี่ยวกับระบอบประชาธิปไตยของพระองค์ว่า
“ ในบ้านเมืองนี้มีทั้งคนดีและคนไม่ดี ไม่มีใครสามารถจะทำให้คนทุกคนเป็นคนดีได้ทั้งหมด การปกครองบ้านเมืองให้เป็นปกติสุขเรียบร้อย จึงมิใช่อยู่ที่การทำให้ทุกคนเป็นคนดี หากแต่อยู่ที่ การส่งเสริมคนดีให้ได้ปกครองบ้านเมืองและควบคุมคนไม่ดีไม่ให้มีอำนาจ ก่อความเดือดร้อนวุ่นวายได้ ”
การดำเนินชีวิตในวิถีประชาธิปไตยนั้น หากมีผู้นำที่ดีบ้านเมืองก็จะประสบแต่ความสงบสุขและเจริญรุ่งเรือง แต่การเลือกสรรคนดีเข้าไปบริหารประเทศนั้น ฉันมีความคิดเห็นว่า ควรให้ความรู้แก่ประชาชนให้ทั่วถึง เพื่อให้เขาสามารถวิเคราะห์และเลือกสรรคนดีเข้าไปบริหารประเทศได้ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯทรงเล็งเห็นความสำคัญของการศึกษา ดังจะเห็นได้จากโครงการสร้างโรงเรียนในถิ่นทุรกันดารซึ่งเรียกว่า “ โรงเรียนในพระบรมราชูปถัมภ์ ” แม้จะอยู่ในถิ่นห่างไกล และทุรกันดารเพียงใด การศึกษาก็ยังเข้าไปถึง “ พระองค์เปรียบดังดวงอาทิตย์ที่ไม่เลือกว่าเป็นสถานที่แห่งใดก็ให้แสงสว่างและความอบอุ่นแก่ชนทุกผู้ทุกนามเสมอภาคกัน ”นับเป็นพระมหากรุณาธิคุณเป็นล้นพ้นต่อเด็กไทย ผู้เป็นอนาคตของชาติ
เมืองไทยเป็นเมืองแห่งธรรมะ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯทรงเป็นแบบอย่างที่ดีของพุทธศาสนิกชน ทรงยึดมั่นในหลักธรรมไม่ว่าจะเป็นทศพิธราชธรรม จักรวรรดิวัตร ราชสังคหวัตถุ และละเว้นจากอคติทุกประการทรงได้รับการอบรมจากพระชนนี คือ สมเด็จพระศรีนครินทราบรมราชชนนีตั้งแต่ยังทรงพระเยาว์ให้เป็น “ คนดี มีเมตตา กรุณา ” สิ่งที่ฉันได้รับรู้ตลอดมา คือ พระองค์จะทรงตรากตรำทำงานอยู่ตลอดเวลา วันใดที่เปิดดูข่าวในพระราชสำนัก จะเห็นได้ว่าพระองค์เสด็จพระราชดำเนินเยี่ยมเยียนราษฎรไม่ว่าถิ่นฐานใด ไม่ว่าการเดินทางลำบากยากแค้นเพียงใดก็ตาม พระองค์ไม่ทรงย่อท้อ พระเสโทที่รินไหลแสดงถึงน้ำพระทัยที่แน่วแน่ ที่จะบำบัดทุกข์บำรุงสุขแก่ประชาราษฎร์ สมดังที่ได้ตั้งพระราชสัตยาธิษฐานในพระราชพิธีบรมราชาภิเษกว่า “ เราจะปกครองแผ่นดินโดยธรรม เพื่อประโยชน์สุขแก่มหาชนชาวสยาม ” ซึ่งพระองค์ได้ทรงปฏิบัติอย่างเคร่งครัดทุกประการ
ในสายตาของฉันพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯนับเป็นผู้มีอัจฉริยภาพทางความคิดพระองค์หนึ่ง พระองค์ทรงมีโครงการอยู่ในพระบรมราชูปถัมภ์มากมาย โดยเฉพาะโครงการหลวงซึ่งทำให้พระองค์ทรงได้รับรางวัลแม็กไซไซในฐานะองค์กรดีเด่น สาขาส่งเสริมความเข้าใจอันดีระหว่างประเทศในปีพุทธศักราช ๒๕๓๑ ฉันเคยไปเยี่ยมชมโครงการหลวงดอยปุย จ.เชียงใหม่ ซึ่งมีการพัฒนาพันธุ์ไม้เมืองหนาว และนำไปแจกจ่ายแก่ประชาชนเพื่อใช้ในการเพาะปลูกเป็นอาชีพต่อไป นอกจากนี้พระองค์ยังทรงมีโครงการตามพระราชดำริอีกหลายโครงการที่ช่วยบำบัดทุกข์ บำรุงสุขแก่ราษฎรของพระองค์ ไม่ว่าจะเป็นด้านการพัฒนาแหล่งน้ำและชลประทาน เนื่องจากเมืองไทยเป็นเมืองเกษตรกรรม พระองค์ทรงให้ความสำคัญต่อการพัฒนาแหล่งน้ำซึ่งถือเป็นหัวใจของการเกษตรเลยทีเดียว ซึ่งนอกจากจะเป็นน้ำหล่อเลี้ยงชีวิตชนชาวไทยในถิ่นทุรกันดารแล้ว ก็ยังถือเป็นน้ำหล่อเลี้ยงหัวใจของเขาเหล่านั้น ว่าท่ามกลางความทุกข์ยาก พระองค์ก็ยังทรงมีน้ำพระทัยห่วงใยเขาอยู่เสมอ
“ กีฬา กีฬา เป็นยาวิเศษ ” เนื้อเพลงกราวกีฬาของท่านเจ้าพระยาธรรมศักดิ์มนตรีประโยคนี้ ช่างแสดงความสามารถของท่านผู้ประพันธ์ได้เป็นอย่างดี เป็นประโยคสั้นๆที่แสดงความหมายได้ชัดเจนอย่างยิ่ง นอกจากกีฬาจะทำให้ร่างกายแข็งแรงแล้ว ยังสามารถลดปัญหาทางสังคมได้อีกด้วย เพราะเป็นการใช้เวลาว่างให้เป็นประโยชน์วิธีหนึ่ง พระบาทสมเด็จพระเจ้า อยู่หัวฯนั้นทรงมีพระปรีชาสามารถอย่างไม่เป็นรองใคร ดังจะเห็นได้จากที่ทรงเป็นนักกีฬาเหรียญทอง จากการแข่งขันเรือใบในกีฬาเซ้าท์เอเซี่ยนเพนนินซูล่าเกม
ที่พัทยา จ.ชลบุรี เมื่อปีพุทธศักราช ๒๕๑๐ ทรงเป็นแบบอย่างที่ดีแก่เยาวชนไทย ในการใช้เวลาว่างให้เป็นประโยชน์ ไม่หันไปพึ่งพายาเสพติด หรือเที่ยวเตร่กระทำในสิ่งที่ไม่ถูกไม่ควร
สุขภาพเป็นสิ่งที่สำคัญที่สุดสำหรับทุกชีวิต พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวจึงทรงจัดตั้งโครงการหน่วยแพทย์พระราชทาน เช่น แพทย์หลวงเคลื่อนที่ สำหรับรักษาอาการป่วยของคนไข้ในถิ่นทุรกันการ ทรงเป็นที่พึ่งของผู้พิการพวกเขาเหล่านั้นได้รับพระราชทานพระมหากรุณาธิคุณจากพระองค์ และทรงพระราชทานพระบรมราโชบายว่า “ เมื่อพวกเขาเหล่านั้นพิการทางกายแล้วก็ไม่ควรพิการทางใจอีก จะต้องให้เขารีบฟื้นฟูทางกายใจ สามารถช่วยเหลือตัวเองได้ โดยไม่ต้องเป็นภาระของสังคม ” พระองค์ทรงมีโครงการตามพระราชประสงค์เพื่อค้นคว้า วิจัย และทดลองส่วนพระองค์ เพื่อศึกษาหาแนวทางและวิธีปฏิบัติที่ใช้ได้จริง เพื่อนำไปใช้พัฒนาประเทศต่อไป ฉันยังเคยมีความคิดว่า ในวันหนึ่งจะมีสักกี่นาทีที่พระองค์จะทรงผ่อนคลายพระอิริยาบถ ในเมื่อพระองค์ทรงงานหนักถึงเพียงนี้