- DSC_0110_resize_resize.JPG (111.71 KiB) เปิดดู 80664 ครั้ง
กะเทาะเปลือกความรู้สึกถึงการทำสวน “บ้านเพียงพอ”
“บ้านเพียงพอ” ชื่อนี้ตั้งขึ้นเพื่อแสดงถึงจุดหมายปลายทาง ด้วยความที่เราชอบทำอะไรแตกต่างจากคนอื่น เราจึงชินกับการถูกมองว่าคิดอะไรแปลกๆ เพ้อฝัน แต่ทุกย่างก้าวที่ผ่านพ้นมาก็พิสูจน์แล้วว่า “ฝัน..อันไกลลิบ” นั้น เราสามารถก้าวเท้าไปถึงได้ถ้ามีพลังพอ “บ้านเพียงพอ”ของเราก็เช่นกัน มีอุปสรรคมากมายให้ข้ามผ่าน แต่เราเชื่อในพลัง..และชะตาลิขิตว่าต้องผ่านพ้นไปได้อย่างแน่นอน
ทุกอย่างเริ่มจากความลุ่มๆดอนๆของวิถีเกษตรช่วงที่ผ่านมา จึงทำให้เกิดความคิดที่จะฟันฝ่าอุปสรรคไปให้ได้ด้วยที่ดินของปู่ย่าตายายนี่แหละ จุดที่เป็นบ้านเพียงพอเป็นมรดกที่ย่าได้มานานหลายปีแล้ว ดังที่เคยพูดไปแล้วครั้งหนึ่งว่า มุมหนึ่งของบ้านเพียงพอเคยเป็นสถานที่ฌาปนกิจศพพ่อเลี้ยงหม่องแก้ว ต้นตระกูล สิทธิราช ตระกูลใหญ่และเก่าแก่ของอำเภอพร้าว ก่อนนี้เราเรียกที่นี่ว่า “ต้งใต้” ต้ง หมายถึง ทุ่งนา ใต้ คือ อยู่ทางทิศใต้ของหมู่บ้าน ยังจำต้นมะพร้าวผ่าครึ่งที่ทอดไปตามคลองเล็กๆให้น้ำไหลผ่าน เพราะที่นี่มีลำคลองสองสายตัดผ่านกันเป็นรูปกากบาท แต่ต่างระดับกัน ทำให้ต้องนำต้นมะพร้าวผ่าครึ่งมาทำเป็นทางให้น้ำไหลตรงช่วงจุดตัด ถัดไปเป็นต้นมะม่วงแก่ๆอยู่ติดกับห้างนา เลยไปทางทิศใต้จะมีเนินดินสูงกว่าที่อื่น ตรงนั้นแหละที่ญาติผู้ใหญ่บอกว่าเป็นสถานที่เผา “อุ๊ยหม่องแก้ว” หรือพ่อเลี้ยงหม่องแก้ว คหบดีเมืองพร้าวผู้มีความใกล้ชิดสนิทสนมกับเจ้านายทางเชียงใหม่อย่างแนบแน่น เท่าที่ทราบมาท่านมีที่ดินเยอะมาก แต่ที่เลือกบริเวณนี้เป็นสถานที่ฌาปนกิจศพนั้นจะด้วยเหตุผลใดก็ไม่อาจรู้ได้ เรามองว่าเรื่องนี้เป็นเรื่องสำคัญนะ เราชอบสถานที่ที่มีความทรงจำจารึกอยู่ เรารู้แค่อุ๊ยหม่องแก้วมีภรรยา ๓ คน ๑ ใน ๓ คือ “อุ๊ยเอ้ย” ย่าทวดของเรา รายละเอียดอื่นๆนั้นช่างมันเถิดเพราะเป็นเรื่องส่วนตัว สิ่งที่ควรตระหนักคือ ที่แห่งนี้มีที่มาที่ไป แต่ถ้าใครขอดูเนินดินคงไม่สามารถให้ดูได้ เพราะก่อนหน้านี้มีการปรับหน้าดินให้เท่ากันหมดแล้ว ส่วนที่กลายเป็นที่ดอนกลับเป็นส่วนที่อยู่ใกล้ๆบ่อปลา ซึ่งสูงขึ้นเพราะขุดบ่อขนาดใหญ่พอสมควร จริงๆตอนนี้เรายังไม่ชัดเจนว่าจะให้สวนออกมาสไตล์ไหน เราแค่ทำๆไปแล้วดูทิศทาง ค่อยๆดูค่อยๆทำตามความเหมาะสม หลายคนคิดว่าเราจะทำโฮมสเตย์ ยัง..ยังไม่ได้ฟันธงว่าจะทำหรือไม่ ทุกวันนี้เราตามความพอใจ ทดลองปลูก และสร้างผลผลิตเพื่อกิน หากเหลือก็ขายพอเลี้ยงชีพ ส่วนอนาคตจะเป็นอย่างไรนั้นยังไม่แน่นอน เราเลี้ยงสัตว์ ปลูกผัก ผลไม้ของเราไป เราดูว่าสวนเราเหมาะที่จะปลูกอะไร เราปลูกหลายๆอย่าง โอย...กว่าจะเปลี่ยนแนวคิดพ่อแม่ให้ยอมทำตามยากม้ากกกก เพราะคนแถวบ้านเขาปลูกพืชชนิดเดียวกันมานาน ตอนเราเด็กๆพอหมดหน้านาก็จะปลูกยามอญ(ยาสูบ) โตมาหน่อยเปลี่ยนมาเป็นถั่วเหลือง ตอนนี้... คงเพราะลูกเห็บตกห่าใหญ่เมื่อหลายปีก่อน ดอกไม้ที่ปลูกไว้พังหมดสวน นั่นแหละที่ทำให้พ่อแม่ยอมเสี่ยงไปด้วยกัน ตอนนี้ท่านกำลังสนุก เราปรึกษากันทุกวันว่าจะปลูกอะไรบ้าง จะปรับปรุงภูมิทัศน์อย่างไร การเดินทางของเราผ่านอุปสรรคมาได้พอสมควรแล้ว ด่านแรกพ่อแม่ไม่ยอมปลูกพืชผักผสมผสาน ด่านสองพ่อแม่ไม่ยอมทำห้างนาให้สวย ด่านสามพ่อแม่ไม่เห็นความสำคัญของดอกไม้ ตอนนี้สามด่านพ่อแม่เห็นด้วยหมด ตอนนี้ที่สวนมีห้องน้ำใช้แล้ว ก็บอกว่าจะเตรียมไว้ให้เพื่อนๆที่ไปเยี่ยมสวนได้ใช้ แต่หลักๆเราต้องการอำนวยความสะดวกให้พ่อแม่ เวลาไปทำสวนจะได้ไม่ต้องลำบาก ตอนกลับบ้านปิดเทอมไปช่วยทำสวนก็รู้สึกถึงความพร้อมที่มากขึ้น และเห็นความน่ารักของธรรมชาติอยู่อย่างหนึ่ง คือ พืชพรรณบางอย่างไม่ต้องดิ้นรนสรรหา บางทีเคยปลูกมันก็งอกเองในปีถัดไป ทุกอย่างในสวนขายได้หมด แม้แต่หอยเชอร์รี่ศัตรูของเราตอนนี้ก็ขายได้นะ เขาเอาไปทำน้ำหมักบำรุงพืชนี่แหละ อาชีพเกษตรกรเป็นความสุขอันสงบยั่งยืน เป็นความพอดีที่ไม่ละทิ้งวิถีชีวิตดั้งเดิม เราจะค่อยๆทำต่อไปให้เหมือนดังใจเราต้องการ จุดหมายอันไกลโพ้นนั้นสักวันจะไปให้ถึง..แน่นอน