Re: ที่พัก อาหาร สถานที่ท่องเที่ยว ในอำเภอพร้าว จังหวัดเชียง
เมื่อ: อาทิตย์ 25 ส.ค. 2019 6:22 pm
วัดป่าอาจารย์มั่น (ภูริทัตโต) บ้านแม่กอย อ.พร้าว จ.เชียงใหม่
ในอดีตพื้นที่วัดป่าอาจารย์มั่น ภูริทัตโต นี้ ส่วนหนึ่งเคยเป็นวัดในบวรพุทธศาสนามาก่อน ซึ่งกล่าวกันว่าเป็นวัดที่สร้างขึ้นโดยชาวมอญ แต่จะเป็นในสมัยใดไม่ปรากฏหลักฐานแน่ชัด ทราบเพียงว่าวัดนี้ชาวบ้านเรียกกันต่อๆมาว่า “วัดป่าแดง” เนื่องด้วยแต่เดิมนั้นบริเวณนี้เต็มไปด้วยป่าไม้แดงเป็นจำนวนมาก ต่อมาวัดนี้ถูกทอดทิ้งอยู่กลางป่าจนกลายเป็นวัดร้าง มีต้นไม้ขึ้นปกคลุมทั่วบริเวณ แต่ก็ยังมีร่องรอยซากปรักหักพังบางส่วนปรากฏให้เห็นอยู่ ในระหว่างปี พ.ศ.๒๔๗๒-๒๔๘๓ ขณะที่พระอาจารย์มั่น ภูริทัตโต พระอาจารย์ใหญ่ฝ่ายสมถวิปัสสนากรรมฐาน ได้เที่ยวจาริกขึ้นมาในเขตจังหวัดต่างๆในภาคเหนือเพื่อบำเพ็ญสมณธรรมนั้น พระอาจารย์มั่น ภูริทัตโตได้เคยมาปักกลดพักบำเพ็ญเพียร ณ บริเวณสถานที่วัดร้างป่าแดงแห่งนี้อยู่หลายครั้ง และยังได้อยู่จำพรรษาอีก ๑ พรรษา
อนึ่งในช่วงที่พระอาจารย์มั่น ภูริทัตโต ได้ขึ้นมาพำนักบำเพ็ญเพียรสมณธรรม ณ บริเวณวัดร้างป่าแดงนั้น บรรดาพระภิกษุที่เป็นลูกศิษย์ของท่านจำนวนมาก อาทิเช่น พระอาจารย์เทสก์ เทสรังสี , พระอาจารย์สิม พุทธาจาโร ม พระอาจารย์อ่อน ญาณศิริ , พระอาจารย์พรหม จิรปุญโญ, พระอาจารย์ฝั้น อาจาโร,พระอาจารย์แหวน สุจิณโณ , พระอาจารย์ขาว อนาลโย ฯลฯ ได้เคยมากราบนมัสการและรับฟังโอวาท จากท่านพระอาจารย์มั่น ภูริทัตโต อยู่เสมอๆอีกด้วย
กาลเวลาผ่านไป ในราวประมาณปี พ.ศ.๒๕๑๖ คณะศรัทธาในเขตอำเภอพร้าวจังหวัดเชียงใหม่ ที่ได้เคยอุปปัฏฐากพระอาจารย์มั่น ภูริทัตโต สมัยที่ท่านได้มาบำเพ็ญเพียรสมณธรรม ณ บริเวณวัดร้างป่าแดงนี้ อาทิ นายสมัย ตวละ, นายผาย (ไม่ทราบนามสกุล), นายอุดม ปันต๊ะ ฯลฯ ได้ดำริร่วมกันที่จะพัฒนาวัดร้างป่าแดงนี้ให้กลับเป็นวัดที่มีภิกษุสงฆ์เข้าจำพรรษาได้อีกครั้งหนึ่ง ทั้งนี้เพื่อเป็นการอนุรักษ์โบราณสถานแห่งนี้ให้คงอยู่ถาวร และอนุรักษ์สถานที่ที่พระอาจารย์มั่น ภูริทัตโต ได้เคยมาดำนักบำเพ็ญเพียรสมณธรรมไว้เป็นอนุสรณ์สถานรำลึกถึงท่านตลอดไป
น่าเสียดายที่บริเวณวัดร้างป่าแดงที่เคยมีพื้นที่กว้างขวางนั้น ได้ถูกประชาชนบุกรุกเข้าไปจับจองถากถางป่าแปรสภาพเป็นเรือกสวนไร่นา รวมทั้งขอให้ราชการออกเอกสารสิทธิ์เข้าครอบครองทำกินหมดแล้ว ยังเหลือพื้นที่ที่ยังคงเป็นป่าที่มีซากปรักหักพังบริเวณที่ท่านพระอาจารย์มั่น ภูริทัตโต เคยปักกลดพำนักบำเพ็ญเพียรสมณธรรม เนื้อที่เพียง ๑ ไร่ ยังไม่กลายเป็นทุ่งนา แต่ทางราชการก็ได้ออกเอกสารสิทธิ์ให้ประชาชนถือสิทธิ์ครอบครองไปแล้ว ทางคณะศรัทธาก็มิได้ละความพยายาม ต่างพากันไปเจรจาขอซื้อพื้นที่ดังกล่าวจากประชาชนกลับคืนมา พร้อมกับการติดต่อขอซื้อสวนลำไยที่อยู่ติดกันได้อีกประมาณ ๘ ไร่เศษ รวมแล้วก็เป็นพื้นที่ประมาณ ๙ ไร่เศษ ซึ่งก็เพียงพอที่จะดำเนินการก่อสร้างเป็นวัดขึ้นมาได้
ปลายปี พ.ศ. ๒๕๑๘ เป็นต้นมา ได้มีการเริ่มก่อสร้างสำนักสงฆ์ขึ้นโดยความอุปถัมภ์จากท่านพระอาจารย์สิม พุทธาจาโร สำนักสงฆ์ถ้ำผาป่อง อำเภอเชียงดาว จังหวัดเชียงใหม่ รวมทั้งคณะศรัทธาจากอำเภอพร้าว อำเภอเชียงดาว อำเภอเชียงใหม่ และจากกรุงเทพมหานคร ในการสร้างสำนักสงฆ์นี้ได้อาราธนาพระอาจารย์ทองสุก อุตตรปัญโญ ซึ่งท่านจำพรรษาอยู่กับพระอาจารย์สิม พุทธาโร มาเป็นประธานสงฆ์และดำเนินการก่อสร้างจนแล้วเสร็จ
ในปี พ.ศ.๒๕๒๗ ทางคณะสงฆ์และคณะศรัทธาของ “สำนักสงฆ์พระอาจารย์มั่น” ได้มอบหมายให้นายอุดม ปันต๊ะ ซึ่งเป็นไวยาวัจกรของสำนักสงฆ์เป็นผู้ยื่นเรื่องราวต่อทางราชการ ทำการก่อสร้างยกฐานะขึ้นเป็นวัดต่อไปและก็ได้รับอนุญาตให้ดำเนินการก่อสร้างยกฐานะขึ้นเป็นวัดได้ตามการประกาศของอธิบดีกรมการศาสนา ลงวันที่ ๒๒ ตุลาคม พ.ศ. ๒๕๒๘ และต่อมาได้มีการประกาศเป็นทางราชการตั้งเป็นวัดในพระพุทธศาสนาขึ้น โดยมีชื่อว่า “วัดป่าอาจารย์มั่น” ตามประกาศของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการลงวันที่ ๒๘ กันยายน พ.ศ. ๒๕๓๐ พร้อมกันนี้ทางฝ่ายบริหารของคณะสงฆ์ก็ได้แต่งตั้งพระอาจารย์ทองสุก อุตตรปัญโญ ดำรงตำแหน่งเป็นเจ้าอาวาสเป็นองค์แรก เมื่อวันที่ ๑๑ ธันวาคม พ.ศ. ๒๕๓๐ วัดป่าอาจารย์มั่นมีพระสงฆ์เริ่มเข้าจำพรรษาตั้งแต่ปี พ.ศ.๒๕๕๐ เป็นต้นมา
อ้างอิง : http://www.dhammathai.org/
พ.ศ. ๒๔๘๑ เจ้าคุณพระธรรมเจดีย์(จูม พนฺธุโล) นิมนต์หลวงปู่มั่นกลับภาคอีสาน หลวงปู่มั่นจึงมอบหมายให้หลวงปู่พรหม จิรปุญฺโญ ดูแลสำนักสงฆ์บ้านแม่กอย อำเภอพร้าว จังหวัดเชียงใหม่ [วัดร้างป่าแดง หรือ วัดป่าอาจารย์มั่น (ภูริทตฺโต) ในปัจจุบัน] ซึ่งในอดีตชาติของหลวงปู่มั่นนั้นเคยเป็นหมูป่า มีแหล่งหากินในบริเวณดังกล่าว ต่อมาหมูป่าตัวนั้นถูกนายพรานฆ่าตาย ท่านพลัดหลงมายังหมู่บ้านนี้เพื่อมาโปรดสุนัขแม่ลูกอ่อนตัวหนึ่ง เมื่อท่านแผ่เมตตาให้หมาแม่ต๊องแล้ว ๔ วันต่อมามันก็ตาย หลวงปู่บอกกับแม่อุสาที่มาส่งข่าวให้ท่านทราบว่า “พี่เอ้ย(พี่สาว)ได้พ้นวิบากกรรมแล้ว !”
หลวงปู่พรหมนั้นเป็นหัวหน้าสำนักสงฆ์บ้านแม่กอยจนกระทั่งหลวงปู่ขาว ขาว อนาลโย ธุดงค์มา จึงส่งไม้ต่อให้หลวงปู่ขาวเป็นหัวหน้าสำนักสงฆ์แทน แล้วหลวงปู่พรหมก็ออกธุดงค์เข้าประเทศพม่าเป็นครั้งที่ ๒ โดยไปทางเมืองโต่น(เมืองต่วน)
อ้างอิง : หนังสือ หลวงปู่พรหม จิรปุญฺโญ โครงการหนังสือบูรพาจารย์ เล่ม ที่ ๑๔
ในอดีตพื้นที่วัดป่าอาจารย์มั่น ภูริทัตโต นี้ ส่วนหนึ่งเคยเป็นวัดในบวรพุทธศาสนามาก่อน ซึ่งกล่าวกันว่าเป็นวัดที่สร้างขึ้นโดยชาวมอญ แต่จะเป็นในสมัยใดไม่ปรากฏหลักฐานแน่ชัด ทราบเพียงว่าวัดนี้ชาวบ้านเรียกกันต่อๆมาว่า “วัดป่าแดง” เนื่องด้วยแต่เดิมนั้นบริเวณนี้เต็มไปด้วยป่าไม้แดงเป็นจำนวนมาก ต่อมาวัดนี้ถูกทอดทิ้งอยู่กลางป่าจนกลายเป็นวัดร้าง มีต้นไม้ขึ้นปกคลุมทั่วบริเวณ แต่ก็ยังมีร่องรอยซากปรักหักพังบางส่วนปรากฏให้เห็นอยู่ ในระหว่างปี พ.ศ.๒๔๗๒-๒๔๘๓ ขณะที่พระอาจารย์มั่น ภูริทัตโต พระอาจารย์ใหญ่ฝ่ายสมถวิปัสสนากรรมฐาน ได้เที่ยวจาริกขึ้นมาในเขตจังหวัดต่างๆในภาคเหนือเพื่อบำเพ็ญสมณธรรมนั้น พระอาจารย์มั่น ภูริทัตโตได้เคยมาปักกลดพักบำเพ็ญเพียร ณ บริเวณสถานที่วัดร้างป่าแดงแห่งนี้อยู่หลายครั้ง และยังได้อยู่จำพรรษาอีก ๑ พรรษา
อนึ่งในช่วงที่พระอาจารย์มั่น ภูริทัตโต ได้ขึ้นมาพำนักบำเพ็ญเพียรสมณธรรม ณ บริเวณวัดร้างป่าแดงนั้น บรรดาพระภิกษุที่เป็นลูกศิษย์ของท่านจำนวนมาก อาทิเช่น พระอาจารย์เทสก์ เทสรังสี , พระอาจารย์สิม พุทธาจาโร ม พระอาจารย์อ่อน ญาณศิริ , พระอาจารย์พรหม จิรปุญโญ, พระอาจารย์ฝั้น อาจาโร,พระอาจารย์แหวน สุจิณโณ , พระอาจารย์ขาว อนาลโย ฯลฯ ได้เคยมากราบนมัสการและรับฟังโอวาท จากท่านพระอาจารย์มั่น ภูริทัตโต อยู่เสมอๆอีกด้วย
กาลเวลาผ่านไป ในราวประมาณปี พ.ศ.๒๕๑๖ คณะศรัทธาในเขตอำเภอพร้าวจังหวัดเชียงใหม่ ที่ได้เคยอุปปัฏฐากพระอาจารย์มั่น ภูริทัตโต สมัยที่ท่านได้มาบำเพ็ญเพียรสมณธรรม ณ บริเวณวัดร้างป่าแดงนี้ อาทิ นายสมัย ตวละ, นายผาย (ไม่ทราบนามสกุล), นายอุดม ปันต๊ะ ฯลฯ ได้ดำริร่วมกันที่จะพัฒนาวัดร้างป่าแดงนี้ให้กลับเป็นวัดที่มีภิกษุสงฆ์เข้าจำพรรษาได้อีกครั้งหนึ่ง ทั้งนี้เพื่อเป็นการอนุรักษ์โบราณสถานแห่งนี้ให้คงอยู่ถาวร และอนุรักษ์สถานที่ที่พระอาจารย์มั่น ภูริทัตโต ได้เคยมาดำนักบำเพ็ญเพียรสมณธรรมไว้เป็นอนุสรณ์สถานรำลึกถึงท่านตลอดไป
น่าเสียดายที่บริเวณวัดร้างป่าแดงที่เคยมีพื้นที่กว้างขวางนั้น ได้ถูกประชาชนบุกรุกเข้าไปจับจองถากถางป่าแปรสภาพเป็นเรือกสวนไร่นา รวมทั้งขอให้ราชการออกเอกสารสิทธิ์เข้าครอบครองทำกินหมดแล้ว ยังเหลือพื้นที่ที่ยังคงเป็นป่าที่มีซากปรักหักพังบริเวณที่ท่านพระอาจารย์มั่น ภูริทัตโต เคยปักกลดพำนักบำเพ็ญเพียรสมณธรรม เนื้อที่เพียง ๑ ไร่ ยังไม่กลายเป็นทุ่งนา แต่ทางราชการก็ได้ออกเอกสารสิทธิ์ให้ประชาชนถือสิทธิ์ครอบครองไปแล้ว ทางคณะศรัทธาก็มิได้ละความพยายาม ต่างพากันไปเจรจาขอซื้อพื้นที่ดังกล่าวจากประชาชนกลับคืนมา พร้อมกับการติดต่อขอซื้อสวนลำไยที่อยู่ติดกันได้อีกประมาณ ๘ ไร่เศษ รวมแล้วก็เป็นพื้นที่ประมาณ ๙ ไร่เศษ ซึ่งก็เพียงพอที่จะดำเนินการก่อสร้างเป็นวัดขึ้นมาได้
ปลายปี พ.ศ. ๒๕๑๘ เป็นต้นมา ได้มีการเริ่มก่อสร้างสำนักสงฆ์ขึ้นโดยความอุปถัมภ์จากท่านพระอาจารย์สิม พุทธาจาโร สำนักสงฆ์ถ้ำผาป่อง อำเภอเชียงดาว จังหวัดเชียงใหม่ รวมทั้งคณะศรัทธาจากอำเภอพร้าว อำเภอเชียงดาว อำเภอเชียงใหม่ และจากกรุงเทพมหานคร ในการสร้างสำนักสงฆ์นี้ได้อาราธนาพระอาจารย์ทองสุก อุตตรปัญโญ ซึ่งท่านจำพรรษาอยู่กับพระอาจารย์สิม พุทธาโร มาเป็นประธานสงฆ์และดำเนินการก่อสร้างจนแล้วเสร็จ
ในปี พ.ศ.๒๕๒๗ ทางคณะสงฆ์และคณะศรัทธาของ “สำนักสงฆ์พระอาจารย์มั่น” ได้มอบหมายให้นายอุดม ปันต๊ะ ซึ่งเป็นไวยาวัจกรของสำนักสงฆ์เป็นผู้ยื่นเรื่องราวต่อทางราชการ ทำการก่อสร้างยกฐานะขึ้นเป็นวัดต่อไปและก็ได้รับอนุญาตให้ดำเนินการก่อสร้างยกฐานะขึ้นเป็นวัดได้ตามการประกาศของอธิบดีกรมการศาสนา ลงวันที่ ๒๒ ตุลาคม พ.ศ. ๒๕๒๘ และต่อมาได้มีการประกาศเป็นทางราชการตั้งเป็นวัดในพระพุทธศาสนาขึ้น โดยมีชื่อว่า “วัดป่าอาจารย์มั่น” ตามประกาศของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการลงวันที่ ๒๘ กันยายน พ.ศ. ๒๕๓๐ พร้อมกันนี้ทางฝ่ายบริหารของคณะสงฆ์ก็ได้แต่งตั้งพระอาจารย์ทองสุก อุตตรปัญโญ ดำรงตำแหน่งเป็นเจ้าอาวาสเป็นองค์แรก เมื่อวันที่ ๑๑ ธันวาคม พ.ศ. ๒๕๓๐ วัดป่าอาจารย์มั่นมีพระสงฆ์เริ่มเข้าจำพรรษาตั้งแต่ปี พ.ศ.๒๕๕๐ เป็นต้นมา
อ้างอิง : http://www.dhammathai.org/
พ.ศ. ๒๔๘๑ เจ้าคุณพระธรรมเจดีย์(จูม พนฺธุโล) นิมนต์หลวงปู่มั่นกลับภาคอีสาน หลวงปู่มั่นจึงมอบหมายให้หลวงปู่พรหม จิรปุญฺโญ ดูแลสำนักสงฆ์บ้านแม่กอย อำเภอพร้าว จังหวัดเชียงใหม่ [วัดร้างป่าแดง หรือ วัดป่าอาจารย์มั่น (ภูริทตฺโต) ในปัจจุบัน] ซึ่งในอดีตชาติของหลวงปู่มั่นนั้นเคยเป็นหมูป่า มีแหล่งหากินในบริเวณดังกล่าว ต่อมาหมูป่าตัวนั้นถูกนายพรานฆ่าตาย ท่านพลัดหลงมายังหมู่บ้านนี้เพื่อมาโปรดสุนัขแม่ลูกอ่อนตัวหนึ่ง เมื่อท่านแผ่เมตตาให้หมาแม่ต๊องแล้ว ๔ วันต่อมามันก็ตาย หลวงปู่บอกกับแม่อุสาที่มาส่งข่าวให้ท่านทราบว่า “พี่เอ้ย(พี่สาว)ได้พ้นวิบากกรรมแล้ว !”
หลวงปู่พรหมนั้นเป็นหัวหน้าสำนักสงฆ์บ้านแม่กอยจนกระทั่งหลวงปู่ขาว ขาว อนาลโย ธุดงค์มา จึงส่งไม้ต่อให้หลวงปู่ขาวเป็นหัวหน้าสำนักสงฆ์แทน แล้วหลวงปู่พรหมก็ออกธุดงค์เข้าประเทศพม่าเป็นครั้งที่ ๒ โดยไปทางเมืองโต่น(เมืองต่วน)
อ้างอิง : หนังสือ หลวงปู่พรหม จิรปุญฺโญ โครงการหนังสือบูรพาจารย์ เล่ม ที่ ๑๔