รวบรวมบทกวีอันลือลั่น

บทกวี โคลง กลอน ต่างๆ

รวบรวมบทกวีอันลือลั่น

โพสต์โดย ภาษาสยาม » ศุกร์ 18 ก.ค. 2008 4:30 pm



เพียงความเคลื่อนไหว



ชั่วเหยียวกระหยับปีกกลางเปลวแดด

ร้อนที่แผดก็ผ่อนเพลาพระเวหา

พอใบไม้ไหวพลิกริกริกมา

ก็รู้ว่าวันนี้มีลมวก



เพียงกระเพื่อมเลื่อมรับวับวับไหว

ก็รู้ว่าน้ำใสใช่ประจก

เพียงแววตาคู่นั้นหวั่นสะทก

ก็รู้ว่าในหัวอกมีหัวใจ



โซ่ประตูตรึงผูกถูกกระชาก

เสียงแห่งความทุกข์ยากก็ยิ่งใหญ่

สว่างแวบแปลบพร่ามาไรไร

ก็รู้ได้ว่าหนทางยังพอมี



มือที่กำหมัดชื้นจนชุ่มเหงื่อ

ก็ร้อนเลือดเดือดเนื้อถนัดถนี่

กระหืดกระหอบฮวบล้มแต่ละที

ก็ยังดีที่ได้สู้ได้รู้รส



นิ้วกระดิกกระเดี้ยได้พอให้เห็น

เรี่ยวแรงที่แฝงเร้นก็ปรากฏ

ยอดหญ้าแยงหินแยกหยัดระชด

เกียรติยศแห่งหญ้าก็ระยับ



สี่สิบปีเปล่าโล่งตลอดย่าน

สี่สิบล้านไม่เคยเขยื้อนขยับ

ดินเป็นทรายไม้เป็นหินจนหักพับ

ดับและหลับตลอดถ้วนทั้งตาใจ



นกอยู่ฟ้านกหากไม่เห็นฟ้า

ปลาอยู่น้ำย่อมปลาเห็นน้ำไม่

ไส้เดือนไม่เห็นดินว่าฉันใด

หนอนย่อมไร้ดวงตารู้อาจม



ฉันนั้นความเปื่อยเน่าเป็นของแน่

ย่อมเกิดแก่ความนิ่งทุกสิ่งสม

แต่วันหนึ่งความเน่าในเปือกตม

ก็ผุดพรายให้ชมซึ่งดอกบัว



และแล้วความเคลื่อนไหวก็ปรากฏ

เป็นความงดความงามใช่ความชั่ว

มันอาจขุ่นอาจข้นอาจหม่นมัว

แต่ก็เริ่มจะเป็นตัวจะเป็นตน



พอเสียงร่ำรัวกลองประกาศกล้า

ก็รู้ว่าวันพระมาอีกหน

พอปืนเปรี้ยงแปลบไกในมณฑล

ก็รู้ว่าประชาชนจะชิงชัย


เพียงความเคลื่อนไหวของเนาวรัตน์ พงษ์ไพบูลย์
บาดแผลเป็นสัญลักษณ์ของนักสู้
ภาพประจำตัวสมาชิก
ภาษาสยาม
Administrator
Administrator
 
โพสต์: 1157
ลงทะเบียนเมื่อ: อาทิตย์ 06 ก.ค. 2008 9:43 pm

Re: รวบรวมบทกวีอันลือลั่น

โพสต์โดย ภาษาสยาม » ศุกร์ 18 ก.ค. 2008 4:32 pm

ไหมแท้ที่แม่ทอของไพวรินทร์ขาวงาม

แม่ปลูกหม่อนเลี้ยงไหมตั้งใจนัก

เรี่ยวแรงรักแม่ใช้เพื่อใฝ่ฝัน

อีกสาวไหมด้วยมือซื่อสัตย์นั้น

ทั้งทอมันละเมียดละไมใช้เวลา



สื่อวิญญาณผ่านมือสู่เส้นไหม

แต่ละใยแต่ละเส้นเป็นเนื้อผ้า

ตีนที่ใช้กระตุกกี่คือชีวา

มือที่คว้ากระสวยวาดคือชีวิต



ผ้าขาวม้าผืนใหม่แม่ให้ลูก

รักพันผูกทุกใยไหมวิจิตร

ใยไหมโยงใจแม่เนรมิต

ไหมอุทิศแม่ก็ทอต่อตำนาน



ลูกก็ถือผ้าทอที่แม่ให้

เป็นเยื่อใยไหมและแม่ที่กล้าหาญ

ผ้าทั้งผืนมีชีวิตจิตวิญญาณ

ถักประสานสอดสร้างอย่างแยบยล



มือน้อยน้อยของแม่ดูแค่นี้

เคยเฆี่ยนตีลูกบ้างในบางหน

แต่มือเดียวกันนี้แหละสู้ทน

ประคองลูกให้พ้นภยันตราย



แหละมือนี้ที่บันดาลงานชีวิต

มิเคยคิดค่าแรงแข่งซื้อขาย

ยังถักทอทรมาน์ยังท้าทาย

ยังมั่นหมายผ้าไหมผืนใหม่มา



พร้อมทั้งสอนลูกสาวเจ้าศรีเรือน

อยู่เป็นเพื่อนแม่ทอปรารถนา

เพื่อสืบทอดแรงงานกาลเวลา

ก่อนมือแม่จะอ่อนล้าต้องลาพัก



และสอนเจ้าลูกชายให้ทรนง

รักแม่ก็ขอจงทำงานหนัก

ด้วยละเอียดอ่อนในเยื่อใยรัก

พลีชีวิตเพื่อถักและทอไท



สักวันหนึ่งถึงไม่มีชีวิตแม่

ลูกที่แท้ก็คงทอสืบต่อได้

แม่ก็ทอลูกก็ทอต่อเส้นใย

ผ้าชีวิตผืนใหม่จะต้องงาม



จาก ม้าก้านกล้วย โดย ไพวรินทร์ ขาวงาม
บาดแผลเป็นสัญลักษณ์ของนักสู้
ภาพประจำตัวสมาชิก
ภาษาสยาม
Administrator
Administrator
 
โพสต์: 1157
ลงทะเบียนเมื่อ: อาทิตย์ 06 ก.ค. 2008 9:43 pm

Re: รวบรวมบทกวีอันลือลั่น

โพสต์โดย ภาษาสยาม » ศุกร์ 18 ก.ค. 2008 4:34 pm


เสียเจ้าราวร้าวมณีรุ้ง

มุ่งปรารถนาอะไรในหล้า

มิหวังกระทั่งฟากฟ้า

ซบหน้าติดดินกินทราย



จะเจ็บจำไปถึงปรโลก

ฤารอยโศกรู้ร้างจางหาย

จะเกิดกี่ฟ้ามาตรมตาย

อย่าหมายว่าจะให้หัวใจ



ถ้าจะอุบัติบนสรวงสวรรค์

ข้าขอลงโลกันตร์หม่นไหม้

สูเป็นไฟเราเป็นไม้

ให้ทำลายสิ้นถึงวิญญาณ



แม้แต่ธุลีมิอาลัย

ลืมเจ้าไซร้ชั่วกาลปาวสาน

ตายไปชาติไหนหากพบพาน

จะทรมานควักทิ้งทั้งแก้วตา



ตายไปอยู่ใต้รอยเท้า

ให้เจ้าเหยียบเล่นเหมือนเส้นหญ้า

จะเจ็บจำพิษช้ำนานา

ตราบชั่วฟ้าชั่วดินสิ้นเอย


เสียเจ้าของอังคาร กัลยาณพงศ์
บาดแผลเป็นสัญลักษณ์ของนักสู้
ภาพประจำตัวสมาชิก
ภาษาสยาม
Administrator
Administrator
 
โพสต์: 1157
ลงทะเบียนเมื่อ: อาทิตย์ 06 ก.ค. 2008 9:43 pm

Re: รวบรวมบทกวีอันลือลั่น

โพสต์โดย ภาษาสยาม » ศุกร์ 18 ก.ค. 2008 4:35 pm

หยัดอยู่

โดย เนาวรัตน์ พงษ์ไพบูลย์


เติมสีฟ้าอีกนิด นะทะเล แล้วจะเห่ลม ให้ระลอกคลื่น
หลับอยู่ในความฝัน ทั้งวันคืน ฉันอยากชื่นฉ่ำประกาย กับสีฟ้า

เติมสีเขียวอีกนิด นะแผ่นดิน แล้วจะรินฝนล้างฝุ่นหมอกฝ้า
ฉันอยากเห็นความเขียวเต็มสายตา เมื่อยามฉันตื่นมาพบความจริง

ขอฟังเสียงนก หน่อยได้ไหม มาร้องเพลงแห่งไพรให้สรรพสิ่ง
ท่ามกลางกาลเวลาถูกทอดทิ้ง ที่ป่าเถื่อนเกลื่อนกลิ้งอยู่รอบกาย

ขอดอกไม้บานหน่อย นะดอกไม้ แล้วจะให้ผีเสื้อมาฟ้อนสาย
ฉันอยากเห็นสีสันพรรณราย มาต้อนรับรุ้งสายวสันตฤดู

หยุดประเดี๋ยวได้ไหมพายุร้าย หยุดส่งสายสุนีย์บาต มาข่มขู่
กัมปนาท กราดเกรี้ยว อันเกรียวกรู เพื่อสักครู่เจ้าจะหลั่งซึ่งฝนริน

เติมความรักสักหน่อยนะ หัวใจ เติมความหวังให้ไกลอย่าให้สิ้น
เพื่อหยัดอยู่สู้ท้าเถื่อนธรนินทร์ เพื่อ แผ่นดินจะงดงาม ด้วยความรัก

เพื่อหยัดอยู่สู้ท้าเถื่อนธรนินทร์ เพื่อ แผ่นดินจะงดงาม ด้วยความรัก
บาดแผลเป็นสัญลักษณ์ของนักสู้
ภาพประจำตัวสมาชิก
ภาษาสยาม
Administrator
Administrator
 
โพสต์: 1157
ลงทะเบียนเมื่อ: อาทิตย์ 06 ก.ค. 2008 9:43 pm

Re: รวบรวมบทกวีอันลือลั่น

โพสต์โดย ภาษาสยาม » ศุกร์ 18 ก.ค. 2008 4:36 pm

เดือนดับในดวงตา



ให้คิดถึงเพียงใดใจจะขาด
ก็มิอาจไปตามความคิดถึง
ห้ามมาหาแต่อย่าห้ามความคำนึง
จะดื้อดึงโดยถ้อยร้อยรำพัน

คิดเสมอเมื่อใจใฝ่ถึงเขา
สายตาเศร้าเฝ้าเตือนว่าเหมือนฝัน
แววอาวรณ์อ่อนหวานผสานกัน
เหมือนจำนรรจ์จำนนท้นอาลัย

จะตัดพ้อต่อว่าประสารัก
ใจก็ทักท้วงห้ามตามวิสัย
จะมองตาตาจะเตือนว่าเหมือนใจ
ถ้าแจ้งได้ก็จะแจ้งไม่แฝงเงา

รู้ทั้งรู้ว่ารักจักให้ทุกข์
ใจยังรุกเร้าหลอกให้บอกเขา
ช่างไม่เข็ดหรือไรนะใจเรา
เขามีเจ้าของแล้วในแววตา

เคยนั่งเศร้าเดาใจเธอไม่ออก
จนตาบอกบ่งเล่ห์เสน่หา
ใจที่หวังพลั้งผิดระอิดระอา
วอนตาอย่าเยือนผสานแววหวานเลย




โดยเนาวรัตน์ พงษ์ไพบูลย์
บาดแผลเป็นสัญลักษณ์ของนักสู้
ภาพประจำตัวสมาชิก
ภาษาสยาม
Administrator
Administrator
 
โพสต์: 1157
ลงทะเบียนเมื่อ: อาทิตย์ 06 ก.ค. 2008 9:43 pm

Re: รวบรวมบทกวีอันลือลั่น

โพสต์โดย ภาษาสยาม » ศุกร์ 18 ก.ค. 2008 4:41 pm

ประคิณ ชุมสาย ณ อยุธยา หรือ อุชเชนี

มิ่งมิตร........................................ เธอมีสิทธิ์ที่จะล่องแม่น้ำรื่น
ที่จะบุกดงดำกลางค่ำคืน ....................... ที่จะชื่นใจหลายกับสายลม
ที่จะร่ำเพลงเกี่ยวโลมเรียวข้าว ................. ที่จะยิ้มกับดาวพราวผสม
ที่จะเหม่อมองหญ้าน้ำตาพรม .................. ที่จะขมขื่นลึกโลกหมึกมน
ที่จะแล่นเริงเล่นเช่นหงษ์ร่อน ..................ที่จะถอนใจทอดกับยอดสน
ที่จะหว่านสุขไว้กลางใจคน .................... ที่จะทนทุกข์เข้มเต็มหัวใจ
ที่จะเกลาทางกู้สู่คนยาก ....................... ที่จะจากผมนิ่มปิ้มเส้นไหม
ที่จะหาญผสานท้านัยน์ตาใคร ................. ที่จะให้สิ่งสิ้นเธอจินต์จง
ที่จะอยู่เพื่อคนที่เธอรัก ....................... ที่จะหักพาลแพรกแหลกเป็นผง
ที่จะมุ่งจุดหมายประกายทะนง ................ที่จะคงธรรมเที่ยงเคียงโลกา
เพื่อโค้งเคียวเรียวเดือนและเพื่อนโพ้น ....... เพื่อไผ่โอนพลิ้วพ้อล้อภูผา
เพื่อเรืองข้าวพราวแพร้วทั่วแนวนา ............ เพื่อขอบฟ้าขลิบทองรองอรุณ
บาดแผลเป็นสัญลักษณ์ของนักสู้
ภาพประจำตัวสมาชิก
ภาษาสยาม
Administrator
Administrator
 
โพสต์: 1157
ลงทะเบียนเมื่อ: อาทิตย์ 06 ก.ค. 2008 9:43 pm

Re: รวบรวมบทกวีอันลือลั่น

โพสต์โดย Gorakot » ศุกร์ 18 ก.ค. 2008 7:39 pm

[center]รูปภาพ[/center]
[center]นกขมิ้น

เขาคลอขลุ่ยครวญเสียงเพียงแผ่วผิว
ชะลอนิ้วพลิ้วผ่านจากมานหมอง
โอดสะอื้นอ้อยอิ่งทิ้งทำนอง
เป็นคำพร้องพริ้งพรายระบายใจ

โอ้ดอกเอ๋ยเจ้าดอกขจร
นกขมิ้นเหลืองอ่อน จะนอนไหน
ค่ำลงแล้วแนวพนาและฟ้าไกล
เจ้านอนได้ทุกเถื่อนท่าไม่อาทร

แล้วหวนเสียงเรียงนิ้วขึ้นหวิวหวีด
เร่งอดีตดาลฝันบรรโลมหลอน
ถี่กระชั้นสั่นกระชากใจจากจร
ระเรื่อยร่อนเร่มาเป็นอาจิณ

โอ้ใจเอ๋ยอ้างว้างวังเวงนัก
ไร้แหล่งพักหลักพันจะผันผิน
เพิ่มแต่พิษผิดหวังยังย้ำยิน
ระด่าวดิ้นโดยอนาถแทบขาดใจ

ข้าเคยฝันถึงฟ้ากว้างกว่ากว้าง
ฝันถึงปางทับเปลี่ยวเรี่ยวน้ำไหล
ถึงช่อเอื้องเหลืองระย้าคาคบไม้
ในแนวไพรนึกเหมือนเป็นเพื่อนเนา

รู้รสแรงแห่งทุกข์และสุขสิ้น
บนแผ่นดินแผ่นเดียวเปลี่ยวและเหงา
จิบน้ำใจจนทั่วเจียนมัวเมา
ไร้ร่มเงารังเรือนและเพื่อนตาย

เขาเคลียนิ้วเนิบนุ่มเสียงทุ้มพร่า
เหมือนหวนหาโหยไห้น่าใจหาย
เจ้าขมิ้นเหลืองอ่อนนอนเดียวดาย
จะเหนื่อยหน่ายหนาวน้ำค้างที่กลางดง

เสียงฉับฉิ่งหริ่งรับขยับเร่ง
จะพรากเพลงเพื่อนยินสิ้นเสียงส่ง
เขาเบือนนิ้วผิวแผ่วแล้วราลง
เสียงนั้นคงเน้นครางอย่างห่วงใย

เจ้าดอกเอยดอกขจรอาวรณ์ถวิล
นกขมิ้นเหลืองอ่อนจะนอนไหน
เขาวางขลุ่ยข่มน้ำตาว้าเหว่ใจ
ตอบไม่ได้ดอกหนาข้าคนจร


"เนาวรัตน์ พงษ์ไพบูลย์[/center]
แก้ไขล่าสุดโดย Gorakot เมื่อ ศุกร์ 18 ก.ค. 2008 8:05 pm, แก้ไขแล้ว 1 ครั้ง
"Video et Taceo-ฉันรู้และฉันเงียบ..."
ภาพประจำตัวสมาชิก
Gorakot
นักอ่าน VIP
นักอ่าน VIP
 
โพสต์: 22
ลงทะเบียนเมื่อ: จันทร์ 14 ก.ค. 2008 5:55 pm

Re: รวบรวมบทกวีอันลือลั่น

โพสต์โดย Gorakot » ศุกร์ 18 ก.ค. 2008 7:43 pm

[center]รูปภาพ[/center]
[center]สุสานทราย

ตรงรอยต่อสีขาวเส้นยาวเหยียด
ทรายละเอียดพบสายแดดแผดรังสี
ระยับไหวในละอองทองธาตรี
ลามสุรีย์สุดระยะทะเลทราย

คนสัญจรอ่อนล้า กร้านกว่ากร้าน
เดินโดยสารเวลาหาจุดหมาย
ความหวังตรงเส้นขาว ยาว ท้าทาย
อาจละลายหลอมร้อนก่อนถึงมัน

แล้วสีเขียวแสนงามยามร้อนจัด
ปรากฏชัด ธารใสเหมือนในฝัน
คนใกล้ตายตะกายวิ่งหาสิ่งนั้น
ภาพอาถรรพณ์พลันดับ ไปกับตา

ทะเลทรายรูปขวานกร้านลมแดด
วนในแวด วงเก่า-เขลา ไร้ค่า
ผู้แสวงหวั่นไหวไกลเกินคว้า
มีแต่ล้ารอตายรอสายธาร


"จิตรนันท์ พิตรปรีชา"
[/center]
"Video et Taceo-ฉันรู้และฉันเงียบ..."
ภาพประจำตัวสมาชิก
Gorakot
นักอ่าน VIP
นักอ่าน VIP
 
โพสต์: 22
ลงทะเบียนเมื่อ: จันทร์ 14 ก.ค. 2008 5:55 pm

Re: รวบรวมบทกวีอันลือลั่น

โพสต์โดย Gorakot » ศุกร์ 18 ก.ค. 2008 8:33 pm

[center]รูปภาพ


เพียงเห็นเธอ


เพียงเห็นเธอฉันเพ้อฝันว่าจันทร์ฉาย
สาดแสงพรายพรมพิภพสงบสันต์
ราตรีหนึ่งซึ่งว้าเหว่กลางเหมันต์
สายลมฝันพัดผ่านสะท้านใจ

เพียงเห็นเธอฉันละเมอว่าค่ำแล้ว
นภาแพร้วดาษดาวสกาวใส
พื้นน้ำเรียบเฉียบเย็นเห็นรำไร
ดาวไสวระยิบแสงแข่งฟ้าบน

เพียงเห็นเธอฉันเผลอใจว่าไพรพฤกษ์
พนาลึกร่มรื้นรื่นสถล
ตะวันรอนอ่อนเคล้าเสาวคนธ์
ละเวงวนวาบหวานสะท้านทรวง

เพียงเห็นเธอฉันคนึงถึงทุ่งกว้าง
สงัดกลางโขดเขินเนินเขาหลวง
ทาบด้วยธารผ่านคล้ายสายเงินยวง
ไหลละล่วงรินเรื่อยเอื่อยเอื่อยเย็น

หยาดน้ำใจจากนัยน์นางสะอางนี้
แม้กวีคนใดได้มาเห็น
คงช้อนชูคู่ใจไม่วายเว้น
ประหนึ่งเป็นมิ่งมุกดาล้ำค่าเอย


อุชเชนี
[/center]
"Video et Taceo-ฉันรู้และฉันเงียบ..."
ภาพประจำตัวสมาชิก
Gorakot
นักอ่าน VIP
นักอ่าน VIP
 
โพสต์: 22
ลงทะเบียนเมื่อ: จันทร์ 14 ก.ค. 2008 5:55 pm

Re: รวบรวมบทกวีอันลือลั่น

โพสต์โดย วิรัตต์ยา » เสาร์ 19 ก.ค. 2008 5:32 am

[center]๏ ฟ้าสร้างสิทธัตถะพี่............. มีพิมพายโสธราน้อง

เป็นคู่ม้วยเมื่อสมัยทอง.......... ของบุราณดึกดำบรรพ์ ๚

๏ ธรรมธิเบศร์มหากวี.............มีหญิงสังวาลย์เป็นมิ่งขวัญ

มอดม้วยด้วยแรงรักนั้น...........ทุกชีวันพบคู่ชู้ชม ๚

๏ แม้แต่บุหงาลดาวัลย์............อัศจรรย์ผึ้งภู่สู่สม

ฟ้าเมตตามิกล้าให้ระทม..........บรมสุขทุกจุลินทรีย์ ๚

๏ แต่ฟ้าปั้นฉันเดียว..............เปล่าเปลี่ยวใจไฉนฉะนี้

หนวกบอดใบ้เสียก็ดี..............ควรมีฤาหฤทัย ๚

๏ เฝ้าแต่เพ้อละเมอฝัน.............จะมีวันจริงต่อชาติไหน

ล่มดินสิ้นฟ้าชลาลัย................เราก็ไร้คู่อยู่เดียวเอย ๚ะ๛
[/center]



[center](ฟ้าปั้นฉันเดียว อังคาร กัลยาณพงศ์) [/center]
ภาพประจำตัวสมาชิก
วิรัตต์ยา
นักเขียน VIP
นักเขียน VIP
 
โพสต์: 43
ลงทะเบียนเมื่อ: เสาร์ 12 ก.ค. 2008 1:06 am

Re: รวบรวมบทกวีอันลือลั่น

โพสต์โดย วิรัตต์ยา » เสาร์ 19 ก.ค. 2008 5:42 am

๏ จริงหรือนี่ที่ว่ารักเราจักร้าว
นึกแล้วหนาวเหน็บนักแก้วรักเอ๋ย
รสสัมผัสอ่อนละมุนที่คุ้นเคย
ไยจึงเผยรสร้างจืดจางกัน

เราเคยร่วมใจฝันว่าวันหนึ่ง
เราจะถึงวันที่งามเหมือนความฝัน
ฟ้าสีทอง ดอกไม้บาน ธารพระจันทร์
และรักอันคงค่าสถาพร

ฉันเฝ้ารอคอยวันที่ฝันไว้
รอด้วยรักด้วยใจไม่ถ่ายถอน
แต่นี่สร้อยสายสวาทมาขาดตอน
เธอกล้ารอนลงด้วยมือเธอหรือไร

เมื่อเธอสิ้นเสน่หามาสนอง
รักที่ปองมอดหมดความสดใส
แผลรักร้ายบ่อนทั่วเนื้อหัวใจ
จะต้องปวดร้าวไปถึงไหนกัน

ดอกรักบานในหัวใจใครทั้งโลก
แต่ดอกโศกบานในหัวใจฉัน
และอาจเป็นเช่นนี้ชั่วชีวัน
เมื่อรักอันแจ่มกระจ่างกลับร้างไกล


นิยายรักยืดยาวของเรานั้น
คงไร้วันสดชื่นขึ้นบทใหม่
หมดความหมายที่จะรอกันต่อไป
เพราะเปลวไฟรักดับลงกับตา ๚


เฉลิมศักดิ์ (ศิลาพร) รงคผลิน หยกบูรพา (จากกวีนิพนธ์ชุด "บทสุดท้ายของนิยายรัก")
ภาพประจำตัวสมาชิก
วิรัตต์ยา
นักเขียน VIP
นักเขียน VIP
 
โพสต์: 43
ลงทะเบียนเมื่อ: เสาร์ 12 ก.ค. 2008 1:06 am

Re: รวบรวมบทกวีอันลือลั่น

โพสต์โดย น้ำฟ้า » เสาร์ 19 ก.ค. 2008 1:15 pm

สรวงสวรรค์ชั้นกวีรุจีรัตน์
ผ่องประภัศร์พลอยหาวพราวเวหา
พริ้งไพเราะเสนาะกรรณวัณณนา
สมสมญาแห่งสวรรค์ชั้นกวี

อิ่มอารมณ์ชมสถานวิมานมาศ
อันโอภาศแผ่ผายพรายรังสี
รัศมีมีเสียงเพียงดนตรี
ประทีปทีฆรัสสะจังหวะโยน

รเมียรไม้ใบโบกสุโนกเกาะ
สุดเสนาะเสียงนกซึ่งผกโผน
โผต้นนั้นผันตนไปต้นโน้น
จังหวะโจนส่งจับรับกันไป

เสียงนกร้องคล้องคำลำนำขับ
ดุริยศัพท์สำนึกเมื่อพฤกษ์ไหว
โปรยประทิ่นกลิ่นผกาสุมาลัย
เป็นคลื่นในเวหาสหยาดยินดีฯ


สามกรุง, น.ม.ส.
ผู้หญิงธรรมดา..แต่ใจมันด้านชาผู้ชาย
ภาพประจำตัวสมาชิก
น้ำฟ้า
นักเขียนแห่งปี
นักเขียนแห่งปี
 
โพสต์: 886
ลงทะเบียนเมื่อ: ศุกร์ 11 ก.ค. 2008 10:19 am

ต่อไป

ย้อนกลับไปยัง บทกวี

ผู้ใช้งานขณะนี้

กำลังดูบอร์ดนี้: Google [Bot] และ บุคคลทั่วไป 25 ท่าน

cron