โดย วิรัตต์ยา » ศุกร์ 11 ก.ย. 2009 10:01 pm
๕
ถ้าฉันรู้จักและเข้าใจจิตใจคนมากกว่านี้ ลึกซึ้งกว่านี้ ฉันคงไม่คิดอย่างนั้น และคงอยู่ใกล้ดาว เพื่อคอยดูแลมันให้ดีมากกว่านี้
ถ้าฉันรู้จัก “คน” มากกว่าที่เคยรู้จักมา บางทีฉันอาจจะไม่ยอมไปเที่ยวต่างจังหวัดกับเพื่อนๆ ที่ออฟฟิศ (จริงๆ มีโครงการจะไปตั้งแต่หลังงานมหกรรมหนังสือแล้ว แต่ก็เลื่อนมาเรื่อยๆ จนมาลงตัวในช่วงนั้น) แล้วอยู่กับดาวในช่วงเวลาที่มันอ่อนแอและสับสนถึงขีดสุด (ชวนมันไปด้วย แต่มันลางานไม่ได้)
ถ้าเพียงแต่ฉันรู้ว่าภายใต้ท่าทีเข้มแข็ง มีเหตุผลของดาวคือใจดวงหนึ่งที่เหมือนขี้ผึ้งก้อนอ่อนนุ่ม บางทีฉันคงรีบกลับจากต่างจังหวัดให้เร็วกว่านั้น แทนการขับรถเถลไถลแวะที่นั่นที่นี่มาตลอดทางที่กลับเข้ากรุงเทพฯ
กลับถึงห้องคืนนั้น ฉันพบพี่ตั้นนุ่งผ้าเช็ดตัวผืนเดียวอยู่ในห้องนอนของฉันกับดาว!
ภาพเดียวที่อธิบายทุกอย่างชัดเจนแจ่มแจ้ง...ว่าที่ผ่านมาฉันคิดผิดหมด...
ฉันจำไม่ได้ว่า ไล่เขากลับห้องไปด้วยน้ำเสียงหรือถ้อยคำแบบไหนเสียด้วยซ้ำ ตอนนั้นได้ยินแต่เสียงร้องไห้ของดาว
“ฉันขอโทษ แอ๋ม ฮือๆๆ ฉันขอโทษ แต่ฉันรักเขามาก ฉันรักเขามาก่อนที่จะรู้ว่าเขามีเมียนะ”
“แกก็เลยต้องเป็นเมียเขาอีกคนงั้นเหรอ ดาว...ฉันรู้ว่าแกตัดใจยาก แต่ฉันไม่คิดว่าแกจะปล่อยตัวถลำลึกอย่างนี้” เสียงฉันสั่นเครือด้วยความผิดหวัง “ศีลธรรมแกอยู่ที่ไหนหมด ดาว เพื่อนคนนั้นของฉันอยู่ที่ไหน”
“ฮือๆๆๆๆ แอ๋ม ฉันขอโทษ ฉันเสียใจ แกอย่าบอกพ่อแม่ฉันนะ ฉันขอร้อง”
“แกคิดว่าฉันจะทำบาปกับคนแก่สองคนนั้นได้เหรอ ดาว แล้วขอโทษเถอะ ก่อนหน้านี้ทำไมไม่คิดถึงเขา ห๊ะ ทำแล้วจะคิดทำไม”
“ฮือๆๆๆๆ แอ๋ม...ฉันเสียใจเหมือนกันนะ แก...”
ฉันก็เลยเงียบ หมดแรงจะด่าจะว่าอะไรมันต่อ และได้แต่นั่งกลุ้มใจ เพราะไม่รู้จะทำยังไงดี อยากปรึกษาอยากคุยกับโหน่งแต่ก็อายเกินกว่าจะนำเรื่องเพื่อนไปพูดให้คนอื่นรับรู้ โดยที่ฉันลืมไปว่า ผู้ชายบางประเภทก็เป็นพวกกินที่ลับ ไขในที่แจ้ง จะด้วยคำพูดหรือการกระทำก็ตามที
วันนั้นมีหลายคนที่เห็นพี่ตั้นใส่ผ้าเช็ดตัวเดินออกจากห้องของเราไป
ฉันอายแทนดาวจนทำตัวไม่ถูก ฉันหลบหน้าทุกคนและโหน่งอีกครั้ง และพูดกับดาวน้อยลง ชั่วโมงนั้น ฉันมีแต่คำถามว่า ทำไม ทำไม และทำไม
ทำไมดาวไม่ยอมเลิก ทำไมถึงปล่อยตัวให้ตกเป็นของพี่ตั้นได้
ความรักหรือ???
ความรักคือการทำผิดศีลธรรม คือการเสียตัวให้สามีชาวบ้านอย่างนั้นหรือ
มันก็แค่อารมณ์ฝ่ายต่ำกับความเห็นแก่ตัวของชายหญิงคู่หนึ่งเท่านั้น
ฉันยอมรับตรงๆ ว่า ฉันไม่เข้าใจและไม่มีวันเข้าใจหรือทำใจยอมรับได้ แม้ว่า คนนั้นจะเป็นเพื่อนของฉันก็ตาม
ขณะที่ฉันจมอยู่กับความคิดของตัวเอง ดาวเองก็ขังตัวเองอยู่ในโลกส่วนตัวมากขึ้นเช่นกัน แต่เดิมมันก็ไม่ค่อยได้คุยกับเพื่อนที่ทำงานอยู่แล้ว นี่ยิ่งหนักกว่าเดิม ฉันไม่รู้ว่าอยู่ที่ทำงานมันเป็นยังไงบ้าง แต่ที่หอ มันเอาแต่นั่งซึม ดวงตาของมันที่โหน่งหรือแม้แต่ฉันเองก็เคยชมว่า ไร้เดียงสาขัดกับหน้าแก่ๆ ของมันถูกความทุกข์ความหม่นหมองฉาบไว้เกือบทุกตารางนิ้ว ไอ้ตรงคำว่า เกือบ คือที่อยู่ของความละอายเวลาที่มันมองหน้าฉัน
ดาวเงียบลงเรื่อยๆ จนในที่สุดก็กลายเป็นคนถามคำตอบคำ
มาถึงวันนี้ เมื่อมองย้อนกลับไป ฉันก็พบว่าตัวเองก็งี่เง่ามากเหลือเกิน ที่พอเสียความรู้สึก เสียศรัทธากับดาวไปแล้ว ฉันก็ไม่ลังเลที่จะแสดงออกไปให้มันรับรู้ แทนที่ฉันจะอยู่เคียงข้างมัน ให้มันรู้สึกอุ่นใจว่ามันไม่ได้อยู่คนเดียวในโลกนี้ ถึงแม้จะไม่เข้าใจการกระทำของมัน แต่ฉันก็ไม่ควรผลักไสมันให้ห่างฉันออกไปเรื่อยๆ อย่างนั้น...ดาวห่างฉันออกไปเรื่อยๆ จนฉันมองหาเพื่อนคนเดิมที่แสนหยิ่ง รักศักดิ์ศรีตัวเองคนนั้นไม่เจอ