- 224002-7.jpg (206.21 KiB) เปิดดู 7355 ครั้ง
.....นิราศร้างห่างเจ้า.....ดวงใจ
ตัวพี่จำจากไกล...........แน่งน้อง
มิอาจหักอาลัย............ถึงแม่..นางเฮย
หลับตื่นใจกู่ก้อง..........ร่ำร้องครวญหา
เสียงอ่านโคลงดังก้องโสตประสาท ทำให้เฌอเอมซึ่งฟุบหลับอยู่บนมุมหนึ่งของโต๊ะไม้ไผ่ต้องเงยหน้าขึ้นมองคนนั้นที คนนี้ทีอย่างฉงน
“ ใครอ่านโคลง ” หล่อนถามด้วยเสียงอันดัง
เพื่อนที่นั่งอยู่โดยรอบหันมามองหญิงสาวเป็นตาเดียว เพราะไม่มีใครได้ยินเสียงดังกล่าวแม้แต่น้อย
“ โคลงอะไรหรือเอม ” ญาดาเพื่อนสนิทของหล่อนถามอย่างสงสัย
เฌอเอมส่ายหน้าแล้วตอบเพื่อน “ คงฝันไปน่ะ เมื่อกี้งีบหลับไป ”
ญาดาพยักหน้าแล้วชวนเพื่อนให้หันไปสนใจกับการแสดงของเด็กชาวเขา ที่เตรียมการมาต้อนรับคณะของหล่อนโดยเฉพาะ
“ โคโงส้าบ้า ส้าบ้าว้าโบห่าซา โคโงส้าบ้า ส้าบ้าว้าโบห่าซา เมอพาโยแลโลพามาบ้าหลาน้าก็พาทาลา .............. ” เสียงเพลงที่เด็กๆร่วมร้องดังขึ้น
“ เพลงภาษาอีก้อหรือญา ” เฌอเอมสงสัย
เพื่อนที่นั่งถัดไปหัวเราะคิกคักแล้วตอบเสียเองว่า
“ เอมเคยได้ยินเพลงนี้มั้ย ..คนโง่สร้างบ้าน สร้างบ้านไว้บนหาดทราย .. นี่ก็เพลงเดียวกันนั่นแหละ เด็กชาวเขาพูดไทยไม่ชัด ”
เฌอเอมยิ้มอย่างนึกเอ็นดูความพยายามของเด็กๆ เด็กน้อยที่ร้องเพลงอยู่บนเวทีล้วนแต่จิตใจใสบริสุทธิ์ ป่าเขาอันกว้างใหญ่นี้ไม่มีสิ่งใดมาปรุงแต่งสิ่งเลวร้ายให้แก่พวกเขาได้เลย หญิงสาวได้แต่ภาวนาให้เป็นเช่นนั้นตลอดไป
เฌอเอมและเพื่อนๆเป็นนักศึกษาจากมหาวิทยาลัยชื่อดังในกรุงเทพฯทุกคนเป็นสมาชิกชมรม พี่เพื่อน้อง ซึ่งเป็นชมรมที่จัดตั้งขึ้นเพื่อช่วยเหลือเด็กยากจน โดยจะจัดงานขึ้นในวันเด็กของทุกๆปี สำหรับปีนี้ทุกคนลงมติกันว่าจะนำเครื่องใช้และทุนการศึกษามาช่วยเหลือเด็กชาวเขาบนดอยผาคำ ซึ่งมีอาณาเขตติดกับประเทศพม่า งานวันเด็กผ่านไปอย่างสนุกสนานและเรียบร้อย เมื่อทำความสะอาดสถานที่เสร็จแล้ว ทุกคนจึงไปรวมตัวกันบนรถบรรทุกสิบล้อซึ่งเป็นพาหนะของชมรมในการเดินทางครั้งนี้
“ คืนนี้เราจะพักกันที่หมู่บ้านชายแดนไทย-พม่านะครับ ท่าน ส.จ. ของที่นี่ได้จัดอาหารมาเลี้ยงและจัดหาวงดนตรีร่วมสมัยมาเล่นให้พวกเราฟังด้วย ” ประธานชมรมกล่าว
คำบอกเล่าของเขาเป็นที่พออกพอใจของเหล่านักศึกษาเป็นอย่างยิ่ง เพราะหลังจากที่กล่าวจบก็มีเสียงปรบมือเกรียวกราวดังขึ้นตามหลัง ครู่ใหญ่รถจึงเริ่มขับเร็วขึ้น ละอองฝุ่นสีน้ำตาลแดงม้วนตัวเข้ามาคละคลุ้ง เหล่านักศึกษาจึงยุติการสนทนา เปลี่ยนมาเป็นการนั่งขัดสมาธิและนำผ้าคลุมหัวกันจ้าละหวั่น
ที่พักที่ท่านส.จ.จัดให้นั้นเป็นบ้านที่ปลูกสร้างแบบชาวจีน เพราะชาวบ้านส่วนใหญ่เป็นชาวจีนฮ่อจึงมีชีวิตความเป็นอยู่คล้ายคลึงกับชาวจีนมาก โดยช่วงเช้าเด็กๆในหมู่บ้านจะต้องไปเรียนโรงเรียนไทยภาคบังคับ ส่วนในช่วงเย็นนั้นทุกคนจะต้องไปเรียนภาษาจีนที่โรงเรียนอีกแห่งหนึ่งเป็นกิจวัตร
เฌอเอมรีบอาบน้ำแต่งตัวตั้งแต่หัวค่ำ หญิงสาวยอมรับว่าไม่คุ้นเคยกับอากาศของที่นี่ เพราะแม้จะเป็นเวลาเพียงแค่ทุ่มกว่าๆแต่อากาศกลับหนาวเย็นและชื้นไปด้วยละอองน้ำค้างเสียแล้ว นักศึกษาชายจึงช่วยกันก่อไฟและหาเสื่อมาปูไว้โดยรอบเพื่อตระเตรียมสำหรับงานเลี้ยงที่ท่านส.จ.จัดต้อนรับ
กว่าเฌอเอมจะออกมาสมทบกับเพื่อนๆก็เป็นเวลาเกือบสองทุ่ม วงดนตรีที่มาแสดงกำลังขับขานบทเพลงเป็นที่ถูกอกถูกใจของเพื่อนๆนักศึกษา
“ เอมมานั่งด้วยกันนี่มา ” ญาดาออกมาต้อนรับ
เฌอเอมยิ้มและพยักหน้า แต่หล่อนกลับต้องขมวดคิ้วเมื่อได้กลิ่นสุราโชยมา
“ นี่ญาดื่มเหล้าด้วยเหรอ ”
เฌอเอมไม่เคยลิ้มลองของมึนเมาทุกชนิด ในขณะที่ญาดาเป็นนักดื่มตัวยง เนื่องจากหล่อนมีลักษณะคล้ายทอมบอยจึงเข้ากับเพื่อนผู้ชายได้โดยง่าย
“ อากาศมันหนาวน่ะเอม เหล้ามันช่วยให้ความอบอุ่นแก่ร่างกายเราได้ ลองดูสักแก้วไหม ” ญาดาให้เหตุผล เฌอเอมส่ายหน้าปฏิเสธแต่ก็ยอมเดินตามไปนั่งข้างๆกองไฟอย่างง่ายดาย
คืนนี้เป็นคืนเดือนเพ็ญ ดวงจันทร์กลมโตทอแสงฉาบฟากฟ้าให้เป็นสีทองระเรื่อ อีกทั้งยังไม่ลืมแบ่งปันแสงสีนวลมายังพื้นโลก ทำให้ค่ำคืนนี้ไม่มืดมิดเกินไปนัก เฌอเอมมองบรรยากาศรอบตัวด้วยความตื่นเต้น บ้านทรงจีนเด่นตระหง่านอยู่ท่ามกลางความมืด ถัดจากตัวบ้านเคยมองเห็นต้นโหระพาหลายต้นในตอนกลางวัน ในค่ำคืนนี้กลับเต็มไปด้วยหิ่งห้อยที่กระพริบแสงพร่างพรายราวกับหมู่ดาวนับพันดวงที่ร่วงหล่นจากฟากฟ้าให้หญิงสาวได้ชื่นชม ญาดาชวนเฌอเอมชิมอาหารหลายชนิดที่หล่อนไม่เคยรับประทานมาก่อน พร้อมกับร้องเพลงคลอไปกับวงดนตรีที่กำลังบรรเลงเพลงอย่างสนุกสนาน เช่นเดียวกับเพื่อนคนอื่นๆที่ปล่อยตัวปล่อยใจไปกับเสียงเพลงและบรรยากาศอันหนาวเหน็บ
“ เอม..เราว่าญาเมามากแล้ว เอมพาไปนอนก่อนดีไหม ” ประธานชมรมแอบมาหล่อนในเวลาประมาณสี่ทุ่ม
จริงอย่างที่เขาบอก ญาดาเมามายจนแทบทรงตัวเอาไว้ไม่อยู่ หล่อนนั่งโยกไปโยกมาตามเสียงเพลงจนเกือบล้มฟุบไปหลายครั้ง
“ เดี๋ยวเอมพาไปเอง..เกดช่วยพยุงญาหน่อยได้ไหม ” ประโยคแรกหล่อนรับคำหัวหน้าชมรม ส่วนประโยคหลังนั้นหันไปขอความช่วยเหลือจากการะเกด เพื่อนหญิงที่นั่งอยู่ติดกัน
“ ได้จ้ะ ” การะเกดรับปากอย่างเต็มใจ
หญิงสาวทั้งสองช่วยกันพยุงญาดาเข้าไปในบ้าน แล้วพาหล่อนขึ้นไปนอนบนที่นอนที่ได้จัดเตรียมไว้ เนิ่นนาน..หลังจากผุดลุกผุดนั่งอยู่หลายรอบ ญาดาก็หลับไป
“ เกดว่าจะนอนแล้วล่ะเอม อากาศข้างนอกหนาวเหลือเกิน เอมรอให้เกดหลับก่อน ค่อยออกไปข้างนอกได้ไหม เกดกลัวผี ” การะเกดขอร้อง เนื่องจากหล่อนเป็นคนขี้กลัวอย่างมาก
“ ได้สิเกด เดี๋ยวเอมนอนพร้อมเกดเลยก็ได้ ” เฌอเอมรับปาก
หญิงสาวทั้งสองสวดมนต์เสร็จแล้วจึงพากันล้มตัวลงนอน ขณะที่เฌอเอมกำลังเคลิ้มหลับ หล่อนก็ต้องตกใจตื่น เมื่อญาดาผุดลุกขึ้นนั่งพร้อมกับหลับหูหลับตาเรียกเฌอเอมดังลั่น
“ เอมๆ..มาดูนี่ ”
เฌอเอมและการะเกดต่างลุกขึ้นนั่งมองดูเพื่อน ซึ่งทั้งสองเข้าใจว่าหล่อนกำลังละเมอ
“ ดูอะไรหรือญา ” เฌอเอมถามอย่างสงสัย
“ พี่ ... พี่เขานั่งอยู่บนขื่อ ” ญาดาตอบ
เมื่อได้ยินดังนั้นการะเกดก็กระโดดโหยงเข้ามานั่งจนชิดเฌอเอม แล้วกอดแขนหล่อนไว้แน่น
“ ไม่ต้องกลัวหรอกเกด ไม่เห็นมีอะไรเลย เกดไม่เห็นหรือว่าญาเขาหลับหูหลับตาพูด คงจะละเมอเท่านั้นเอง” เฌอเอมปลอบเพื่อน
“ เอม..พี่เค้านอนอยู่ที่นี่เป็นร้อยๆปีแล้ว กว่าที่จะได้พบเอมอีกครั้งช่างยาวนานเหลือเกิน ”ญาดายังคงพูดไม่หยุด
เฌอเอมเริ่มสงสัยในสิ่งที่เพื่อนเล่า ญาดากำลังกล่าวพาดพิงถึงตัวหล่อน
“ พี่เขารักเอมนะ.. เขาจะไปส่งจนถึงกรุงเทพฯ ไม่ต้องกลัวหรอก เขาอยู่ข้างเอมเสมอ ”
“ ผีแน่ ๆ อยู่ไม่ได้แล้ว เกดออกไปก่อนนะเอม” พูดจบการะเกดก็รีบวิ่งพรวดพราดออกจากบ้านไปอย่างหวาดกลัว สักพักคนอื่นๆก็วิ่งกรูกันเข้ามาในบ้านด้วยความห่วงใยเพื่อน
“ ญาเป็นอะไรไปหรือเอม ” ประธานชมรมถาม
“ ญาเพ้อ ” หล่อนปด เพราะจริงๆแล้วหล่อนเองก็เริ่มเชื่อในสิ่งที่เพื่อนบอก
“ ใต้ต้นฉำฉาด้านซ้ายของก้อนหินใหญ่ ขุดลงไปให้ลึก พี่เขาบอกว่ามีของที่เขาจะให้แก่สไบแพรอยู่ในนั้น ” ญาดาพูดเสียงดังขึ้น
“ไปขุดสิ ... ไป! ” ญาดาตะโกนลั่นเนื้อตัวสั่นเทา
“ เอาพระมาคล้องคอญาไว้ ” ประธานชมรมบอก
“ อย่านะ ! .. ไปทำตามที่บอกเดี๋ยวนี้ ไม่งั้นข้าจะพานังนี่ไปอยู่ด้วย..ไปซิ ” เสียงญาดาย้ำ
ขณะที่ทุกคนกำลังลังเลว่าจะทำอย่างไรดี เฌอเอมจึงตัดสินใจเสียเอง
“ ขอไฟฉายหน่อย เอมอยากรู้ว่าจะจริงอย่างที่ญาพูดหรือเปล่า”
ประธานชมรมพยักหน้าแล้วถามอย่างสงสัย
“ แล้วต้นฉำฉานี่หน้าตามันเป็นยังไง ”
“ ต้นก้ามปูไง ” เพื่อนคนหนึ่งบอก เขารู้จักเพราะเป็นคนทางภาคเหนือ
วงดนตรีหยุดเล่นไปนานแล้ว เพราะนักศึกษาพากันไปมุงอยู่ใต้ต้นก้ามปูต้นใหญ่แทน
ทุกคนต่างจ้องมองเพื่อนผู้ชายสองคนที่ใช้จอบขุดลงไปตามที่ญาดาบอก ขุด..ขุด..ขุด..
จนกลายเป็นหลุมกว้าง
“ ไม่เห็นมีอะไรเลย ” เขาเงยหน้าขึ้นมาบอกเสียงปนหอบ
“ แกร๊ง! ” เสียงจอบกระทบโลหะดังขึ้น