สองกษัตริย์นักพัฒนา โดย White Shark

เรื่องสั้น บทความ ต่างๆ

สองกษัตริย์นักพัฒนา โดย White Shark

โพสต์โดย บ้านเพียงพอ » เสาร์ 26 ก.ค. 2008 10:54 pm



ณ ทุ่งหญ้าเขียวขจีที่อุดมสมบูรณ์ ภูเขาน้อยใหญ่ และมีเมืองเป็นที่ตั้งอยู่ ชื่อว่า “ดรากูนซิตี้”
ซึ่งเป็นเมืองที่เขียวขจีที่สุดในยุคสมัยกรีกโรมัน
ชาวเมืองทั่วไปมักจะประกอบอาชีพเกษตรกรแต่ในยามศึกสงครามพวกเขาจะเป็นนักรบผู้แข็งแกร่ง
คอยปกป้องบ้านเมือง บรรดาชาวเมืองอยู่กันสงบร่มเย็นพวกเขาไม่ต้องการอารยธรรมใหม่
พวกเขาชอบใช้ชีวิตแบบธรรมชาติ ประชากรดรากูนซิตี้นั้นไม่เคยทะเลาะเบาะแว้งกันเลย
ที่สำคัญที่สุดคือเรื่องอาหารการกินนั้นมีกินทั้งปีโดยไม่เดือดร้อน
เพราะประชาชนในเมืองนั้นปลูกเองใช้เองและเวลามีนัดเดินทางหรือผู้ที่มาจากต่างเมืองมาขอพัก
อาศัยคนในเมืองดรากูนซิตี้ ก็เต็มใจเป็นอย่างยิ่งถึงแม้บางคนอาจจะดูว่าเมือง
ดรากูนซิตี้นั้นอยู่ห่างไกลมาก หรือที่เรียกว่าชนบท และถึงแม้จะเป็นเช่นนั้นทุกคนก็ใช้ชีวิตอย่างสงบ
ไทเกอร์อาเธอร์และชาร์คอาเธอร์ กษัตริย์สองพี่น้อง ผู้ปกครองเมืองดรากูนซิตี้
โดยที่ทั้งสองได้ใช้แนวคิดเศรษฐกิจพอเพียงตามกษัตริย์ที่ยิ่งใหญ่พระองค์หนึ่ง
โดยให้ประชาชนของตนหันมาใช้ชีวิตแบบพอเพียง คือการทำนาทำสวน
อย่างที่ทำมาแต่มีการเลี้ยงสัตว์เพิ่มขึ้น เป็นการใช้ชีวิตแบบพอมีพอใช้
และไทเกอร์อาเธอร์ได้กล่าวว่า
“เราทั้งหมดต้องหันมาทำเป็นศรษฐกิจพอเพียงเพื่อความอยู่รอดของเมืองเราและเพราะว่า
เมืองของเรานั้นเป็นเมืองที่อุดมสมบูร์เป็นอย่างมากจึงเหมาะกับการทำเกษตรและเลี้ยงสัตว์”

เมืองเดียร์โรดซิตี้ซึ่งมีลีโอเบลดเป็นผู้ปกครองเมืองนั้นมีการใช้ชีวิตแบบหรูหราฟูฟ่าเป็นอย่างมาก
เพราะถือว่าตนเป็นเมืองใหญ่ที่สุดเมืองหนึ่ง
และมีผู้เคารพนับถือในเรื่องการรบเพื่อแยกชิงทั้งเมืองและอาหารมาเป็นของตนเอง
และลีโอเบลดก็จะสั่งให้คนทั้งเมืองที่แยกชิงมาได้และบังคับให้ไปหาอาหารและสิ่งที่จำเป็นมาให้แก่เมืองเดียร์
โรดซิตี้หรือที่เรียกเครื่องบรรณาการจึงทำให้คนในเมืองเดียร์โรดซิตี้นั้นชีวิตแบบสิ้นเปลืองไม่ว่าจะเป็นอาหารที่
มีอยู่ในเมืองและอาหารที่เก็บตุนเอาไว้ทุกคนใช้กันอย่างไม่คือถึงอนาคตของตนเองว่าต่อไปอนาคตของตนจะ
เป็นเช่นไรและเมื่อใช้อย่างนี้เช่นไรอาหารที่มีก็ลดลงเรื่อย ๆ อย่างน่าตกใจ
แต่ถึงอย่างนั้นประชากรในเมืองก็ไม่รู้สึกกลัวเพราะถือว่ามีเมืองวูลฟ์แฟรงซิตี้ที่ตีได้นั้นต้องส่งเครื่อง
บรรณาการมาให้จึงลำพองใจว่าอาหารของตนก็จะไม่หมด

ทางด้านประชากรที่วูลฟ์แฟรงซิตี้ที่ถูกลีโอเบลดตีได้นั้นทุกคนไม่พอใจเพราะถูกแยงอาหารไปจนหมด
ทำให้ทุกคนนั้นอดอยากเป็นอย่างมากแต่ทุกคนก็โดนบังคับให้ทำตามคำสั่งคือให้ไปหาอาหาร
มาให้แก่เมืองเดียร์โรดซิตี้และถูกบังคับอย่างทารุณมาก
และวันนี้ก็เช่นกันลีโอเบลดให้ไปบอกแก่คนในเมืองว่าให้ไปหาอาหารไปให้ที่เมืองทุกคนก็ต้องออกไปหา
อาหารตามคำสั่งแต่แล้วชาวเมืองวูลฟ์แฟรงซิตี้ก็ได้พบเมืองดรากูนซิตี้เข้าเพื่อที่เข้าไปขโมยอาหารไปให้แก่ลีโอเบลด
แต่เมื่อไปถึงพวกเขาก็ต้องตกใจเพราะว่าประชาชนของดรากูนซิตี้ไทเกอร์อาเธฮร์และชาร์คอาเธอร์
ออกมาต้อนรับอย่างเป็นเกียรติเพราะเห็นเป็นคนกลุ่มใหญ่ที่เดินทางมาไกลจึงทำให้ประชาชนของเมืองวูลฟ์แฟรงซิตี้
นั้นไม่กล้าที่จะขโมยอาหารในเมืองดรากูนซิตี้และเกรงใจต่อไทเกอร์อาเธอร์และชาร์คอาเธอร์
สองกษัตริย์ผู้ใจดีเป็นอย่างมากประชาชนของเมืองวูลฟ์แฟรงซิตี้ถามว่า
“ทำไมต้องออกมาต้อนรับเช่นนี้แล้วไม่กลัวพวกเราจะมาขโมยเสบียงอาหารหรืออย่างไร”
ไทเกอร์อาเธอร์จึงถามอย่างเป็นมิตรว่า
“พวกเราทำอย่างนี้เป็นทำเนียมและเราสามารถที่จะเลี้ยงอาหารแก่พวกมาเยือนได้อย่างดีเพราะเรานั้นทำ
เกษตรและเลี้ยงสัตว์กันอย่างพอเพียง”
“อย่างที่เห็น”ชาร์อาเธอร์กล่าวเสริม
“เมืองของเรานั้นเป็นเมืองที่ไม่ใหญ่มากก็จริงแต่เมืองดรากูนซิตี้นั้นอุดมสมบูรณ์มากที่สุดเหนือกว่าเมืองอื่น ๆ
เพราะเรานั้นอยู่กันอย่างพอมีพอกิน”ชาร์คอาเธอร์เงียบสักพักแล้วพูดว่า “ขอโทษที่ทำให้เสียเวลา
ขอเชิญท่านทั้งหลายเข้าเมืองของเราก่อนเถอะ” วูลฟ์หนึ่งในบรรดาของเมืองวูลฟ์แฟรงกล่าวว่า
“ข้าซาบซึ้งน้ำใจของท่านมาก กษัตริย์ทั้งสอง
ท่านช่างเป็นกษัตริย์ที่ดีเหลือเกินอย่างไรก็ตามข้ามีเรื่องจะบอกกับท่านทั้งสอง”
แล้วประชาชนของเมืองวูลฟ์แฟรงซิตี้ก็เล่าเรื่องที่เกี่ยวกับพวกที่บังคับวูลฟ์และเพื่อน ๆ
ของเขาว่าเป็นอย่างไรเมื่อฟังเช่นนั้นแล้วไทเกอร์อาเธอร์และชาร์คอาเธอร์ก็ได้ประกาศว่าจะไม่ให้ความอุดม
สมบูรณ์และชีวิตที่พอเพียงของเมืองนั้นต้องถูกทำลายเมื่อจบประโยคก็ทำให้ประชาชนของเมืองนั้นก็ฮึึกเหิม
ขึ้น ทุกคนก็พร้อมใจกันปกป้องเมืองของพวกเขารวมทั้งวูลฟ์และเพื่อน ๆ ก็ช่วยด้วยเหมือนกัน

ฝ่ายลีโอเบลดเห็นว่าพวกของวูลฟ์นั้นหายไปนานหลายวันแล้วจึงได้ส่งทหารไปตามหาพวกวูลฟ์และประชาชน
ที่ตีได้และอาหารที่มีอยู่ในเมืองก็หร่อยหร่อลงไปเรื่อย ๆ ทำให้ลีโอเบลดนั้นเป็นกังวลมากขึ้น
เมื่อทหารไปถึงก็ได้รู้ว่าพวกวูลฟ์และประชาชนคนอื่น ๆ หันไปอยู่กับเมือง
ดรากูนซิตี้ซึ่งเป็นที่อุดมสมบูรณ์ด้วยการเกษตรและเลี้ยงสัตว์ด้วยความพอเพียง
เมื่อทหารได้ฟังข่าวก็ได้ไปบอกลีโอเบลด
เมื่อรู้เช่นนั้นก็รู้สึกโกรธและก็เกิดความอิจฉาริษยาขึ้นมาจึงสั่งให้ทหารไปแย่งชิงเมืองดรากูนซิตี้มาเป็นของตน
ด้วยความไม่รู้จักพอและความอิจฉาของตนจึงส่งผลให้เมืองเดียร์โรดซิตี้มีความลำบากมาก
ทางด้านเมืองดรากูนซิตี้ประชาชนของเมืองนั้นวูลฟ์และเพื่อน ๆ
ก็ได้ทำการเกษตรโดยการเป็นเกษตรกรและผู้เลี้ยงสัตว์ใช้ชีวิตแบบยึดหลักเศรษฐกิจพอเพียงคือแบบพอมี
พอกินทำให้ทุกคนมีความสุขกว่าที่เป็นอยู่ในสมัยก่อนโดยการปกครองของกษัตริย์ทั้งสองจึงทำให้ทุกคน
เป็นที่รู้จักเป็นอย่างดี
แน่นอนเมื่อเรื่องของวูลฟ์และประชาชนของตนได้หนีไปนั้นถึงหูของลีโอเบลด
ลีโอเบลดก็ยิ่งโกรธมากและได้สั่งทหารที่เตรียมไว้ไปบุกเมืองดรากูนซิตี้และได้มีคนที่จงรักภักดีกับสองกษัตริย์
นำข่าวที่เขียนในจดหมายส่งมาทางนกเหยี่ยวสื่อสารมาบอกเกี่ยวกับเรื่องของลีโอเบลดที่จะมาตีเมืองดรากูนซิ
ตี้ไทเกอณือาเธอร์และชาร์คอาเธอร์ก็ได้ส่งทูตที่เป็นเกษตรมือหนึ่งของเมืองเจรจากับเมืองเดียร์โรดซิตี้
เมื่อไปถึงทูตของไทเกอร์อาเธอร์ก็ได้เจรจาเพื่อสงบศึกและได้บอกวิธีการอยู่แบบเศรษฐกิจพอเพียงแต่ผลที่
ออกมาคือ ลีโอเบลดไม่ยอมรับข้อเสนอและยังคงความคิดเดิมคือการโจมตีเมืองดรากูนซิตี้มาเป็นของตน

เมื่อทูตของเมืองดรากูนซิตี้กลับมาจากการเจรจาและได้นำเรื่องทั้งหมดมาบอกกับกษัตริย์ทั้งสองไทเกอร์
อาเธอร์และชาร์คอาเธอร์ก็ได้บอกให้ทุกคนให้เตรียมรับมือกับกองทับของลีโอเบลดและชาร์คอาเธอร์ก็พูดอีกว่า
“เรื่องทั้งหมดเกิดขึ้นจากความไม่รู้จักพอและไม่เห็นคุณค่าความสำคัญของ ความพอมีพอกินหรือชีวิตที่พอเพียง”
ฝ่ายลีโอเบลดก็ได้นำทหารมาบุกเมืองดรากูนซิตี้และท้าให้กษัตริย์ทังสองมาสู้รับกันว่าฝ่ายไหนจะ
แกร่งกว่าและผู้ที่แพ้จะต้องยกเมืองให้แต่
ไทเกอร์อาเธอร์ก็ตอบอย่างเป็นมิตรว่าการต่อสู้ไม่ใช่เรื่องดีและถ้าท่านรู้ก็คงไม่ต้องลำบากอย่างนี้
เมื่อได้ยินเช่นนั้นลีโอเบลดก็โกรธเลือดขึ้นหน้าและพูดอย่างไม่ใยดีว่า “ท่านมีสิทธิ์อะไรที่มาสอนข้า
ท่านไม่รู้เลยหรือว่าข้าเป็นใคร ข้าคือผู้ที่ถูกยกย่องว่า เป็นนักรบที่แข็งแกร่งที่สุด”
ชาร์คอาเธอร์ก็พูดอย่างเข้มแข็งว่า “ใช่ข้าไม่รู้เลยว่าท่านคือนักรบที่แข็งแกร่งที่สุด เพราะอะไรนะหรือ ฮะ ๆๆ
ก็เพราะว่าเมืองของข้านั้นเต็มไปด้วยความพอเพียงและความสงบสุขอย่างไง” ขณะที่ชาร์คอาเธอร์พูด
อากาศนั้นก็มืดครึ้มอย่างน่าตกใจ ฟ้าผ่าลงมาอย่างแรงเหมือนกับจะบอกว่า
การต่อสู้เพื่อแย่งชิงความถูกต้องกำลังงจะเริ่มต้นขึ้น
และการต่อสู้เริ่มขึ้นโดยชาร์ดอาเธอร์นำทัพออกไปนอกเมืองประชาชนทังหมดร่วมทั้งวูลฟ์และพ้องเพื่อนต่างก็
พร้อมใจกันสู้รบทางฝ่ายลีโอเบลดก็นำทัพมาตีการสู้รบเริ่มขึ้นอย่างดุเดือด
และทั้งสองฝ่ายสู้รบกันอย่างนี้ ๔ วัน ๔ คืน อย่างไม่ได้หยุดทั้งใช่ดาบ หอกและศราตราวุธต่าง ๆ
เข้าสู้รบอย่างดุเดือดท่ามกลางพายุที่ไม่รู้จักจบสิ้นการสู้รบนั้น
มันทำให้ประชาชนของทั้งสองฝ่ายเหนื่อยล้าไปตาม ๆ กัน
แต่ด้วยความสามัคคีและความอดทนวูลฟ์และประชาชนของเมืองดรากูนซิตี้ต่างก็พร้อมใจกันรบกับทหารของ
ลีโอเบลด จนสนามรบนั้นสั่นเสทือน ไทเกอร์อาเธอร์และชาร์คอาเธอร์ก็ได้ลงไปสู้รบกับลีโอเบลด
อย่างดุเดือดท่ามกลางพายุที่โหมกระหน่ำ
ท้องฟ้ามืดดำทมิฬและเวลาการตัดสินก็มาถึงช่วงจัวหวะพริบตาลีโอเบลดก็ได้เสีบท่าให้กับสองกษัตริย์หนุ่ม
อย่างหมดรูปปลายดาบของสองกษัตริย์ก็อยู่ปลายคอของลีโอเบลดทุกอย่างในสนามรบนั้นอยู่ในความเงียบ
เหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้นการต่อสู้หยุดชะงักเหมือนถูกสะกด
ทุกคนมองไปที่สองกษัตริย์และทั้งสองกษัตริย์ก็ได้พูดว่า
“เท่าที่ข้าทั้งสองได้ฟังจากวูลฟ์และประชาชนของเมืองวูลฟ์แฟรงซิตี้ก็ได้รู้ว่าถ้าท่านได้รู้จักความพอเพียง
ทุกชีวิตก็จะมีความสงบราบเรียบเหมือนกับเมืองของข้าจะไม่มีการสู้รบกินใช้กันอย่างพอเพียง
และเราก็คือกันและกันได้” เมื่อคำพูดที่สองกษัตริย์หนุ่มคือไทเกอร์อาเธอร์และชาร์คอาเธอร์นั้นจบลง
พายุก็สงบอย่างน่าแปลกใจฟ้าเริ่มเปิดเมฆเริ่มสลาย
แสงแดดจากใต้เมฆดำทมึนนั้นสอดส่องลงมาตรงสองกษัตริย์เหมือนกับจะบอกว่าการต่อสู้ได้ยุติแค่นี้และ
ทางฝ่ายลีโอเบลดก็ยอมรับความผิดอย่างเป็นนิจและได้ประกาศว่า
“ให้คือเมืองที่ชิงมาได้คือให้แก่วูลฟ์และชาวเมืองทั้งหมด”
ทำให้วูลฟ์และประชาชนทั้งหมดนั้นดีใจเป็นอย่างมากที่ได้เมืองกลับคือมา
หลังจากการต่อสู้ครั้งนั้นทุกคนก็ใช้ชีวิตแบบพอเพียงไม่ว่าจะเป็นเมืองดรากูนซิตี้
เมืองเดียร์โรดซิตี้หรือเมืองของพวกวูลฟ์ก็ไม่มีความรุนแรงและมีแต่ความสงบที่สำคัญที่สุด
คือมิตรภาพและเป็นเช่นนี้ตลอดไป
เพราะฉะนั้นการใชชีวิตแบบเศรษฐกิจพอเพียงไม่เพียงแต่จะให้ความสงบแล้วก็อาจจะได้มิตรภาพกลับคืน
มาด้วยและสิ่งที่สำคัญที่สุดคือ การไม่ฟุ่มเฟือย การประหยัด
หันมาคิดกันสักนิดทุกคนก็จะมีความสุขตลอดไป


••••••••••••••••••••••••••••••••••
โลกใบเก่าเหงาเหมือนเคย
ภาพประจำตัวสมาชิก
บ้านเพียงพอ
นักเขียน VIP
นักเขียน VIP
 
โพสต์: 136
ลงทะเบียนเมื่อ: อาทิตย์ 20 ก.ค. 2008 8:47 am

ย้อนกลับไปยัง เรื่องสั้น

ผู้ใช้งานขณะนี้

กำลังดูบอร์ดนี้: Bing [Bot] และ บุคคลทั่วไป 29 ท่าน