หัวใจพอเพียง โดย สัจจา ภูมิฐานศิริ

เรื่องสั้น บทความ ต่างๆ

หัวใจพอเพียง โดย สัจจา ภูมิฐานศิริ

โพสต์โดย บ้านเพียงพอ » เสาร์ 26 ก.ค. 2008 11:03 pm

ในปลายเดือนมิถุนายน ช่วงบ่ายสาม ฟ้ามืดครึ้มลมพัดแรง
ยอดไม้ใบหญ้าพลิ้วว่อนทำให้ฝนตกหนักเป็นเวลานาน
จนมืดค่ำฝนก็ซาลง จากตกหนักก็กลายเป็นพรำๆ ทั้งคืนทำให้บรรยากาศชุ่มฉ่ำเสียงกบเขียด
และอึ่งอ่างร้องเรียกหาคู่แมงเม่าบินมาเล่นแสงไฟ จนรุ่งสาง เสียงลุงนะ พูดขึ้นว่า
“เมื่อคืนนอนหลับสบายดีจังเลย” แล้วลุงนะก็ถามเมียแกว่า
“อ้าวลูกยังไม่ตื่นหรือไอ้นี่ขี้เกียจจริง” ป้าเนยแกเลยตอบว่า
“ยังนอนอยู่ในห้องเลยมีอะไรกับมันหรือ” ลุงนะพูดว่า
“จะชวนมันไปดูนาเสียหน่อย” ป้าเนยพูดว่า
“เดี๋ยวไปเรียกลูกให้” แล้วป้าเนยก็เดินเข้าห้องหายไป เสียงป้าเนยแกบ่นพึมพำกับลูกว่า
“แกมัวแต่นอนตื่นสายขี้เกียจ อยู่นั่นแหละ ไปดูนากับพ่อแกไป”
(น้อยเป็นลูกของลุงนะและป้าเนย)เป็นคนไม่ค่อยขยัน พอตื่นมาก็หิวหาอะไรกิน น้อยถามแม่ว่า
“แม่มีอะไรกินบ้างวันนี้” ป้าเนยตอบว่า
“ยังไม่ต้องกินหรอกเดินไปดูนากับพ่อแกก่อนค่อยกลับมากินก็ได้” น้อยตอบว่า
“ไปก็ได้”

ระหว่างเดินทางสองคนพ่อลูกเดินไปตามคันนาดินแฉะชุ่มเต็มไปน้ำไหลตามคันนา
ที่เปิดเป็นล่องให้น้ำไหลผ่านในนั้นก็มีปลาแหวกว่ายมาตามสายน้ำ เหมือนกับคำพูดที่เคยได้ยินมาว่า
“ในน้ำมีปลาในนามีข้าว” นั่นแหละ ลุงนะก็พูดว่า
“มีน้ำขังในนาเยอะเลยลูกถึงเวลาเราต้องทำนาแล้ว” น้อยจึงถามพ่อว่า
“ เราจะทำนากันเลยหรือพ่อ”
“ทำเลยซิลูก” (ลุงนะตอบ) ลุงนะพูดว่า
“ฝนตกหนักในนาก็มีน้ำแล้วเราก็ไม่ต้องเปลืองเงินไปซื้อน้ำมันมาสูบน้ำที่คลองมาลงที่นาเรา
เดี๋ยวเรากลับบ้านกินข้าวกันก่อน แล้วพ่อจะไปตลาดซื้อน้ำมัน” และน้อยพูดว่า
“พ่อจะให้ผมช่วยทำอะไรบ้าง” ลุงนะบอกลูกว่า
“เจ้าไปดูรถไถเตรียมผานไถ เปลี่ยนล้อเหล็ก เช็คเครื่อง หยอดจาระบี เติมน้ำ
เตรียมให้พร้อมใช้งานในวันพรุ่งนี้”
แล้วสองคนพ่อลูกก็เดินพูดคุยกันมาจนถึงบ้าน ป้าเนยพูดกับลูกว่า
“น้อยไปบอกลุงพร ซิ พรุ่งนี้ให้มาช่วยกันไถนาจะได้เสร็จเร็วๆ” น้อยตอบว่า
“ครับแม่ ผมจะไปเดี๋ยวนี้แหละ”
แล้วน้อยก็เดินลัดเลาะไปตามริมทางเพื่อไปยังบ้านลุงพร ซึ่งอยู่ไม่ห่างกันเท่าไหร
่ เสียงไอ้ด่าหมาบ้านลุงพรเห่า น้อยส่งเสียงเรียก
“ลุงพรๆดูหมาให้หน่อย” เสียงลุงพรดุไอ้ด่าง
“ไปๆไอ้ด่างหยุดเห่าได้แล้ว” ลุงพรถามน้อยว่า
“มีอะไรหรือ” น้อยตอบว่า
“แม่ให้มาบอกว่าให้ลุงไปช่วยไถนาพรุ่งนี้” และน้อยก็พูดอีกว่า
“ลุงไปเช้าๆนะจะได้ไม่ร้อน” แล้วน้อยก็กลับบ้านมาบอกแม่

วันรุ่งขึ้น รถของลุงนะและลุงพรก็มาที่นา และก็ลงมือไถนากันเสียงดังลั่นทุ่ง
ส่วนป้าเนยก็เตรียมทำกับข้าวไว้กินตอนพักเที่ยงหลังจากการไถนา น้อยถามแม่ว่า
“แม่ทำอะไรกิน” ป้าเนยตอบว่า
“ก็ตำน้ำพริก ผักบุ้งต้ม ผัดเผ็ดกบ ที่ได้มาจากในนาเราไง เดี๋ยวน้อยเอาน้ำใส่กระติกไปไว้ให้พ่อและลุงพรกินกันไป
และเอาจอบไปขุดตามมุมนาที่รถไถไม่ถึงด้วยนะ”
ครับแม่ (น้อยตอบ) แล้วน้อยก็แบกจอบกับกระติกน้ำเดินไปตามคันนา เอาน้ำไปวางตามแม่สั่ง
แล้วก็ทำบ้างไม่ทำบ้าง เพราะน้อยไม่ค่อยขยันซักเท่าไหร่
พอแดดร้อนก็หลบไปนั่งตามร่มไม้ ร้องเพลงเล่นอย่างสบายอารมณ์
จนถึงเที่ยงป้าเนยก็เอาข้าวมาให้กิน ร้องเรียกเสียงลั่นนา พักกันก่อนมากินข้าวกันได้แล้ว
แล้วป้าเนยก็เดินไปตามน้อยมากินข้าว ป้าเนยก็พูดกับลูกว่า
“แหม แม่ให้มาช่วยขุดนาแกดันมานั่งพักเสียนี่” น้อยก็ตอบแม่ว่า
“ก็มันแดดร้อนจะตาย” แล้วป้าเนยก็บอก
“ไปกินข้าวได้แล้ว กินอิ่มแล้ว ไปตามป้าสาวมาช่วยแม่แช่ข้าวปลูก บ่ายนี้ด้วย” น้อยตอบรับคำแม่

น้อยขี่มอเตอร์ไซด์หายไปซักพักก็กลับมาพร้อมกับร่างอันตุ้ยนุ้ย ผิวคล้ำ ของผู้หญิงคนหนึ่งมาด้วย
เสียงรถมาจอดหน้าบ้าน ส่งเสียงเรียกพี่เนยอยู่ไหนนี่ เสียงป้าเนยตอบรับ
“อยู่หลังบ้าน กำลังดูข้าวปลูกอยู่” แล้วป้าสาวก็เดินมาหลังบ้านที่ป้าเนยกำลังเลือกข้าวปลูกอยู่ ป้าเนยพูดว่า
“ใช้น้อยไปตามแกมันหายหัวไปเลย” ป้าสาวก็พูดว่า
“ไอ้น้อยมันไปเรียกฉัน ฉันกำลังทำกับข้าวอยู่พอดี กินอิ่มก็มานี่แหละ” แล้วป้าเนยกับป้าสาวก็คุยกันไปเรื่ื่อย
พร้อมกับเอาข้าวปลูกมาเทลงอ่างปูนที่มีน้ำอยู่ เสียงดัง ซู่ซ่าต๋อม แต๋ม

ส่วนลุงนะ กับลุงพร ไถนา ตีเทือก ชักร่องนากินเวลาไปสามวันครึ่ง ข้าวปลูกก็งอกพอดี
เพราะสมัยนี้ชาวบ้านจะนิยมหว่านข้าวลงนาเลย ไม่เหมือนสมัยก่อนต้องปักข้าวดำกล้า ชักช้าเสียเวลา
และในเย็นวันนั้น ป้าเนยร้องเรียกลูกเสียงดัง
“น้อยๆทำอะไรอยู่” น้อยตอบรับ
“ครับแม่มีอะไรหรือผมกำลังนอนฟังเพลงเพลินๆ” ป้าเนยบอกลูกว่า
“มาช่วยกันมายกข้าวปลูกขึ้นรถไปไว้ที่นาหน่อย พรุ่งนี้จะได้หว่านข้าวลงนา”
สามคนพ่อแม่ลูกก็ช่วยกันยกข้าวปลูกที่แช่น้ำงอกแล้วไปเรียงรายตามนา
วันรุ่งขึ้นก็มีลุงพรลุงนะ ป้าเนย ช่วยกันหว่านข้าวลงนา
พอร้อนก็ขึ้นมาพักในร่มไม้ใหญ่นั่งคุยกันถึงการ ทำนา ลุงนะพูดขึ้นว่า
“เดี๋ยวนี้เขาทำไร่นาสวนผสมกันจะได้กินอยู่อย่างพอเพียง” ลุงพรคุยตอบ
“แหม แกนี่ใช้คำพูดทันสมัยเสียด้วย” ลุงนะพูดต่อ
“พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงมีพระมหากรุณาธิคุณ พระราชทาน
ปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงมาแก่พสกนิกรชาวไทยของเราไง” ลุงพรถาม
“แล้วยังไงที่แกว่าไร่นาสวนผสม” ลุงนะตอบ
“ก็ทำนา ปลูกผักเลี้ยงไก่ เลี้ยงปลา ไว้กินเหลือก็ขาย” ลุงพรพูด
“เออท่าจะดีเหมือนกัน เลี้ยงปลาปลูกผักไว้กิน เดี๋ยวข้าจะลองทำบ้าง” ลุงนะบอกลุงพรอีกว่า
“ที่นาผมที่สูงๆ ผมก็ว่าปลูกถั่วฝักยาว บ่อก็มีอยู่แล้วจะได้เลี้ยงปลาสวายซัก๕๐๐ ตัว
ส่วนการทำนาเนี่ยนะผมได้ยินมาว่าพันธุ์ข้าวเราก็ควรเปลี่ยนด้วย” ลุงพรถาม
“อย่างไรไม่เข้าใจงง” ลุงนะคุยต่อ
“ก็เรามีพันธุ์ข้าวอยู่สามอย่าง เราหมุนเวียนปลูกพันธุ์ นั้นพันธุ์นี้ จะได้ไม่เป็นโรคแมลง”
หนอนก็ไม่กินพอหยุดพักกินข้าวกินปลากันแล้วก็ลงนาหว่านข้าวกันต่อจนถึงเย็น
เป็นอันว่าหว่านข้าวเสร็จ

ผ่านไปหนึ่งเดือนข้าวเริ่มยาวประมาณหนึ่งคืบ ก็ปล่อยน้ำลงนาเพื่อให้น้ำมาเลี้ยงต้นข้าวเพื่อเตรียมหว่านปุ๋ย
ในนาข้าวพอมีน้ำหอยเชอรี่ก็ออกมากันกินต้นข้าวอ่อน เช้าวันต่อมา ลุงนะกับป้าเนยก็คุยกันว่า
“พ่อน้อยเดี๋ยวเราไปนา ไปช่วยกันเก็บหอยเชอรี่มาทุบๆให้ปลาสวายกิน
เราจะได้ไม่เปลืองเงินไปซื้ออาหารปลา” ลุงนะตอบว่า
“เออดี จะได้สองต่อไม่ต้องไปซื้อยามาฆ่าหอยเชอรี่” ป้าเนยคุยต่อ
“เดี๋ยวเราเอาหอยเชอรี่ และปลาเล็กปลาน้อย มาหมักกับกากน้ำตาลอ้อยเป็นฮอร์โมนได้อีกด้วย
เรานำน้ำที่ได้จากการหมัก ไปฉีดใส่ข้าวใส่ผักที่เราปลูกงามดีไม่ต้องซื้อฮอร์โมน
ชีวิตของชาวนาก็หมุนเวียนไปมา ปลูกข้าว ปลูกผัก เลี้ยงปลา ไปตามแบบชาวบ้าน
ไม่ต้องดิ้นรนเข้ามาหางานทำในเมืองกรุง”

สามเดือนผ่านไปไวเหมือนโกหก ข้าวในนาก็ชูช่อเหลืองอร่ามได้เวลาเก็บเกี่ยว
ในวันนั้น ลุงนะคุยกับป้าเนยว่า
“พรุ่งนี้เราต้องเก็บเกี่ยวข้าวกันแล้ว ไปหารถรับจ้างเกี่ยวข้าวได้หรือยัง” ป้าเนยตอบ
“หาได้แล้วโน่นที่โพธิ์ทะเล แล้วพี่หารถมารองข้าวได้หรือเปล่า” ลุงนะตอบ
“ได้ซิ เราจะไปซื้ออาหารเครื่องดื่มเย็นนี้เลยหรือเปล่า”
“ไปซิพรุ่งนี้จะได้ไม่ยุ่ง” ป้าเนยตอบ
เวลาต่อมาเมื่อเก็บเกี่ยวข้าวกันเสร็จเรียบร้อยแล้ว ก็นำข้าวไปขายที่โรงรับซื้อข้าวเปลือก
ชั่งข้าวได้ ๑๒ เกวียน ขายได้เกยีวนละ หกพันบาท รวมเป็นเงินเจ็ดหมื่นสองพันบาท
ป้าเนยกับลุงนะดีใจมากที่ขายข้าวได้ราคาดี ครอบครัวของลุงนะกับป้าเนยก็มีความสุข
อยู่กับการทำนา เลี้ยงปลาปลูกผักเป็นชีวิตที่อยู่กันอย่างพอเพียงตลอดกาล


••••••••••••••••••••••••••••••••••••••••
โลกใบเก่าเหงาเหมือนเคย
ภาพประจำตัวสมาชิก
บ้านเพียงพอ
นักเขียน VIP
นักเขียน VIP
 
โพสต์: 136
ลงทะเบียนเมื่อ: อาทิตย์ 20 ก.ค. 2008 8:47 am

ย้อนกลับไปยัง เรื่องสั้น

ผู้ใช้งานขณะนี้

กำลังดูบอร์ดนี้: ไม่มีสมาชิก และ บุคคลทั่วไป 13 ท่าน

cron