สปายที่รัก โดย กันย์นิกา

เรื่องสั้น บทความ ต่างๆ

สปายที่รัก โดย กันย์นิกา

โพสต์โดย บ้านเพียงพอ » เสาร์ 26 ก.ค. 2008 11:26 pm


โรงเรียนมัธยมปลายเอกชนแห่งหนึ่ง

สวัสดีค่ะ ฉันชื่อ แยม เป็นหัวหน้าสปายโรงเรียน อยู่ปีสาม และอยากจะบอกว่าฉันเป็นสปายที่สวยที่สุด
(แน่นอน ก็สปายในโรงเรียนนี้มีแต่ผู้ชาย ยกเว้นคุณเธอคนเดียว) แต่มีแต่คนบอกว่าฉันไม่สวยเชย เฉิ่ม
แต่งตัวเรียบร้อยเกินไป แต่นั่นมันภาพพจน์ของสปายเชียวนะแล้วฉันจะละเลยได้ยังไง
ถึงฉันจะพยายามนี้พวกไม่เรียบร้อยมากเท่าไรก็เหมือนฉันได้เข้าใกล้มากขึ้นเนี่ยสิที่ฉันลุ่ม
“แยมนี่เธอเห็นรึเปล่าผู้ชายคนนั้นไหมหล่อมากเลย เขาชื่อแก๊งล่ะจะบอกให้ เป็นไงหล่อไหมๆ”
แป้งผุดลุกผุดนั่งเพื่อให้เห็นผู้ชายคนที่เธอบอก เมื่อแก๊ง นักเรียนมัธยมปลาย
เดินเข้าโรงเรียนในมาดหล่อๆของเขา แล้วก็พอดีที่แป้งเห็น
แป้งเลยชี้ให้ฉันดูว่าคนนั้นแหละหนุ่มสุดป๊อปของโรงเรียนแล้วชอบมีเรื่องกันเป็นงานอดิเรกอยู่ด้วย
ฉันมองหน้าแป้งที่พยายามลุ้นให้ฉันพูดออกมา ฉันไม่ได้เป็นใบ้หรอกนะ ไม่ต้องทำท่าเต้นแร้งเต้นกาให้
ฉันดูก็ได้ เห็นแล้วเหนื่อยแทน ฉันค่อยชายตา
ไปมองหนุ่มหล่อที่เพื่อนฉันที่ชมว่าหล่อนักหล่อหนาที่ทางเดินของโรงเรียน
จากโต๊ะหินที่ฉันนั่งอยู่ สูง180 ถ้าจะได้ หุ่นดีเหมือนกันนี่ คิ้วล่ะ เข้มดีจัง ริมฝีปาก ได้รูปสวยดี
หุ่นนักกีฬา สรุปง่ายๆว่า หล่อ นั่นแหละ ฉันดูแล้วก็ถอนหายใจ
“เป็นไง ๆหล่อไหม” แป้งย้ำพลางสะกิดฉันเหมือนเจ้าเข้าเพื่อเร่งให้ฉันพูดออกมา
“ก็ งั้นๆแหละ สู้พี่แดนไม่เห็นจะได้เลย” ฉันว่า
“แหม.....คนนั้นอะไรก็ดีไปหมดนั่นแหละ ก็นั่นมันดาวโรงเรียนนี่”
แป้งพูดงอนๆเมื่อฉันไม่ชมคนที่เธอชอบจริงๆฉันก็พูดปัดๆไป ขืนพูดว่าหล่อสงสัยได้สาธยายทั้งวันแน่
เพราะทั้งวันฉันก็เจอแต่คนนี้แหละที่ป้วนเปี้ยนแถวแถวห้องฉันบ่อยๆ
แล้วฉันก็รู้จักผู้ชายคนนี้ดีที่สุดของโรงเรียนซะด้วย

พักกลางวัน

~ลืมตามองฉันให้ดีอีกครั้ง ... ความจริงความฝันต่างกันแค่ไหน ... รักที่เธอต้องการ
ผู้ชายที่ฝันในใจ ... ตอบตัวเองได้ไหมใช่ฉันรึเปล่า ... ~ (ใช่ฉันรึเปล่า กะลา) เสียงนุ่มๆดัง
ระหว่างที่ฉันดินผ่านหน้าห้องเรียนของแก๊ง ฉันหันไปมองที่ระเบียงที่มีที่นั่งสำหรับนักเรียน
มีนักเรียนผู้ชายสี่ห้าคนนั่งกันร้องเพลง หนึ่งในนั้นก็มีแก๊งนั่งร้องอยู่ด้วย เสียงดีเชียวหละ
ตาแก๊งนั่นยักคิ้วให้ฉันแต่ฉันทำเป็นหูทวนลมเดินออกห่างจากหน้าห้องของแก๊งไปอย่างไม่ใส่ใจ
“ผู้หญิงอะไรหยิ่งชะมัด” เสียงหนึ่งดังพอให้ฉันได้ยิน ฉันหันไปมองทันที คราวนี้แก๊งมองหน้าฉันอย่างท้าทาย
“คนเขาว่าแล้วยังไม่รู้สึกอีก” เสียงดังขึ้นมาอีก
ตกลงนายจะหาเรื่องฉันจริงๆใช่ไหมเนี่ย
ฉันหันไปมองแก๊งอย่างท้าทาย แก๊งเดินเข้ามาใกล้ระยะพอคุย
มองฉันพลางเอียงคออย่างวางมาด คอนายเป็นไรไม่ทราบ นอนตกหมอนมารึไง เอียงคออยู่ได้
“ยุพดี ห้องสาม” ตาแก๊งมองที่เสื้อฉันพลางพูดชื่อฉันที่ปักอยู่
ฉันมองหน้าแก๊งไม่พูดอะไรเพื่อรอดูว่า ตานี่จะทำอะไรต่อ
“เธอได้เอาปากมารึเปล่าเนี่ย ทำไมไม่พูดบ้าง”
“......” ฉันไม่พูดกับนายหรอกเพราะฉันไม่ชอบนาย
แต่ทำไมฉันรู้สึกหน้าร้อนผ่าวขึ้นมานิดๆละบ้าจริง
“อ้อ ได้ข่าวว่าเธอเป็นคนหยิ่ง ไม่พูดกับใคร โธ่นึกว่าสวย แล้วหยิ่งแล้วจะมีคนชอบรึไง”
ฉันมองหน้าตานั่นอย่างท้าทายแกล้งไม่พูด ตานั่นจะได้อาละวาด แล้วก็โกรธนั่นแหละ ที่ฉันชอบ
ฮ่าๆ (นางเอกเราค่อนข้างจะเพี้ยนๆนะ )
แก๊งมองฉันอย่างอารมณ์เสียที่ฉันไม่แสดงทีท่าอะไรออกมา แล้วเมื่อฉันหันหลังจะเดินกลับห้อง
ก็มีอะไรมากระตุกที่ผมฉัน ทำให้ผมฉันที่ถูกมัดอยู่ถูกปล่อยลงมาสยายอยู่ข้างหลัง
ฉันหันไปมองทางแก๊งที่ถือยางมัดผมฉันพลางยิ้มอย่างสะใจ
รู้ไหมมันเจ็บนะเฟ้ย (ขอโทษค่ะนางเอกหลุด)
“ว้าว ยัยเพิ้งแว่น ทำไมหันมาทำไมล่ะหยิ่งไม่ใช่เหรอ” แก๊งพูดอย่างกวนประสาท
ย๊าก ...
ต่อยซ้ายตบขวา เตะผ่าหมาก แล้วก็ล้มนอนลงกับพื้น ฮ่าๆตายแทบเท้าคนสวยแน่ๆ
ฮึ่มๆๆๆๆๆ
นั่นคือความคิดเองฉันคะ ยังไม่ได้เอาจริงแฮะๆ
ฉันได้แต่ยืนมองเพราะเห็นมีครูนั่งอยู่ในห้อง ฉันไม่ทำหรอกเรื่องอะไรจะให้ฉันไปตีหัวนาย
ทั้งๆที่อาจารย์นั่งอยู่ เดี๋ยวหัวหน้าสปายของฉันได้ถูกปลดแน่ ถ้าฉันทำจริงๆ
“เอ้าจะไปไหนไม่เอาหนังยางแล้วรึไง” แก๊งส่งเสียงดังลั่น
เหอะไม่สนแล้ว นายจะเอาไปทำอะไรก็เชิญตามบาย
(ไม่ได้หมายความว่านายจะเอาไปมัดผมตัวเองหรอกนะ)
ฉันได้ออกไปพร้อมหยิบหนังยางอีกเส้นมามัดผม ถ้าอาจารย์เห็นฉันในสภาพ
นี้คงถูกเอ็ดไปสามวันสามคืนแน่ๆ
“พี่ขารับใบปลิวหน่อยค่า” เสียงน้องมอหนึ่งดังมาแล้วส่งใบปลิวมาให้ฉัน
“ให้พี่ทำไมอะน้อง” ฉันถาม
“โห พี่รับๆไปเถอะถ้าหนูไม่แจกหมดนี่ภายในวันนี้นะหนู เด้งแน่”
อะไรที่แปลว่า เด้ง คะน้อง
“แล้วเหลือกี่ใบล่ะมะเดี่ยวพี่ช่วยแจก” ฉันพูดแบบฉบับคนสวยๆเขาพูดกัน ก็เพราะฉันสวยไงถึงพูดโฮะๆๆ
แต่จะหมดความสวยเพราะดันมาพูดข้างถังขยะ หมด อารมณ์เลย
“ไม่เป็นไรหรอกค่ะหนูแจกได้ไปก่อนนะคะ”
แล้วน้องมอหนึ่งก็วิ่งจากไป ไม่ยอมรับรับความช่วยเหลือจากคนสวยๆอย่างพี่เหรอคะคุณน้อง
มันน่าน้อยใจนัก

มาทางแก๊ง

“พี่คะรับใบปลิวหน่อยค่ะ”
“อะไรครับน้อง”
ผมรับใบปลิวอย่างงงๆ
“ไปแล้วนะค้า”
แล้วน้องม.หนึ่งคนที่แจกใบปลิวให้ผมก็เดินจากไปยังไม่ทันจะถามอะไรเลย

ประกาศ
ใบปลิวแผ่นนี้ถ้าคุณได้จงเก็บเอาไว้ให้ดี แล้วคุณจะโชคดี
ปล. จะให้ดีควรเก็บไว้ใกล้มือที่สุดให้ชั่วโมงการแสดง
จาก โรงเรียนXXXXXXX
ขอให้โชคดี

หลังจากวันนั้นแก๊งก็เดินมาที่ห้องของแยมบ่อยๆแกล้งจีบสาวๆในห้องบ้างแล้วมาเล่น
กับเพื่อนผู้ชายบ้าง ซึ่งแยมก็ไม่ได้ใส่ใจถึงแม้เค้าจะชอบมากวนประสาทเธอก็ตาม
“นี่สุดสวยสนใจไปเดทกับฉันมั้ยจ้ะ” แก๊งเดินมานั่งข้างๆแป้งแล้วหยอดคำหวานใส่เพื่อนฉันยกใหญ่
เล่นเอาแป้งอายหน้าแดงไปถึงใบหูเลย ตานี่ก็แกล้งจีบเพื่อนในห้องฉันทุกคนแหละ แต่ยกเว้นฉัน
แล้วฉันจะสนทำไมหละ อ๊ากก อยากจะบ้าทำไมฉันต้องคิดแต่เรื่องของตาแก๊งด้วยนะ
“นี่เธอจะมองฉันทำไมฮะ รึอยากให้ฉันจีบด้วย” แก๊งทำหน้ากวนๆแต่ฉันดันหน้าแดงมาซะงั้น
“ไม่ยะเชิญตามสบาย” ฉันว่าแล้วลุกขึ้นออกจากห้องเรียนเพื่อหนีตานั่น
แล้วเดินตามบริเวณโรงเรียนเผื่อว่าจะมีเรื่ออะไรเกิดขึ้นฉันจะได้ไปแส่
เฮ้ยไม่ใช่ไปรายงานให้อาจารย์ทราบได้ทันท่วงที
ที่จริงฉันไม่ได้รักงานหรอกนะฉันหาเรื่องไม่อยากอยู่ในห้องเรียนเองละ แฮะๆ
ฉันเดินไปตามห้องต่างแล้วเดินลงมาข้างล่างได้สักพัก ฉันก็ไปโผล่ที่โรงยิมเก่า
อยากจะถามว่าทำไมฉันถึงโผล่นะเหรอ ก็หูของฉันได้ยินเสียงที่เหมือนจะมีแนวโน้ม
ที่จะมีเรื่องกันด้วย ว้าว ... น่าสนใจ ฉันแอบย่องไปใกล้อีกนิดแล้วก็หยิบเครื่องอัดเสียงขึ้นมา
แล้วฉันไปโผล่ที่หน้าต่างเก่าๆของโรงยิม ที่มันแตกเป็นรูเบอเร่อเพื่อดักฟัง
แล้วฉันจะสาธยายให้มันได้เรื่องอะไรเนี่ย
แล้วฉันก็ใช้หูฉันที่มันจับเสียงได้แม้กระเสียงตดมดอย่างตั้งใจ (เสียงตดมด นี่มันมีด้วยเหรอ)
“นี่ตั้งแต่ ม.4แล้วที่นายไม่มีเรื่องเนี่ย ทำไม นายคิดจะรามือเหรอ” เสียงเย็นๆดังมาจากกลางโรงยิม
“ฉันไม่อยากให้แยมเกลียดฉัน” ว้าวมียังงี้ด้วย เอ๊ะแต่นี่มันชื่อฉันนี่
ฉันเริ่มขยับเข้าไปใกล้อีกนิดทีนี้ใกล้กว่าเดิมเพราะตอนนี้ฉันเห็นภาพชัดถนัดตาเชียวล่ะ
ฉันเห็นนักเรียนชายกลุ่มใหญ่แบ่งเป็นสองกลุ่มข้างหนึ่งเป็นกลุ่มของเกมที่เป็นกลุ่มที่มีเรื่องมากที่สุด
ของโรงเรียนแล้วอีกกลุ่มหนึ่งเป็นกลุ่มของ ไม่นะ
มันเป็นกลุ่มของแก๊ง ...
ร่างใหญ่ของเกมเดินมาประจันหน้าแก๊งที่ตัวเล็กกว่าแต่แก๊งไม่กลัวเลยสักนิด
แก๊งมองหนเกลับอย่างท้าทาย
“ก็ได้” ถ้านายรัก ยายนั่นแล้วอยากออกจากกลุ่มฉันก็เชิญ พุธหน้าเจอกัน
“ผมชื่อแก๊งครับผม” เพิ่งเข้ามาเรียนม.ปลายใหม่ๆผมเพิ่งได้อยู่ในแก๊งของพี่เกมที่อยู่ม.5
ที่เป็นแก๊งที่ใหญ่ที่สุดแล้วมีเรื่องมากที่สุดจึงไม่มีใครกล้าหือ ตอนแรกผมคิดว่ามันเท่ดีนะ
แต่มีวันหนึ่งที่ผมไปมีเรื่องครั้งแรกผมไปมีเรื่องที่โกดังข้างโรงเรียนมันเป็นบททดสอบ
ผมเกือบจะล้มคู่อริผมได้อยู่แล้ว แต่ถ้าพี่เกมไม่มีเสียงซะก่อน
“เฮ้ย! สปายโรงเรียนเว้ยรีบหลบเร็ว” สิ้นเสียงแล้ว
พวกพี่ๆก็หายกันไปหมดเหลือผมอยู่กับคู่อริที่ลุกไม่ไหวอยู่แค่สองคน
แล้วก็มีผู้หญิงที่ใส่เครื่องแบบโรงเรียนผมวิ่งเข้ามาแว่นสายตาเชยๆกับผมมัดเป็นแกละสองข้างเธอ
ตัวสูงระดับผมเลยล่ะ
“เฮ้ นายทำไมฉันไม่เคยเห็นหน้าเลย เด็กใหม่ใช่มั้ย”
เธอวิ่งมาหาผมแล้วพยุงผมขึ้นเพราะผมก็น่วมไปมากเหมือนกัน
เธอพยายามพยุงผมไปนั่งเก้าอี้โรงยิมแล้วนั่งข้างๆผมโดยปล่อยอีกคน
(เด็กโรงเรียนอื่น) เดินออกไปเอง (น่าสงสารเหมือนกันแฮะ)
“นายชื่ออะไรนะ” เธอถามโผล่หน้ามาใกล้หน้าผม สายตาผ่านเลนส์แว่นบ่งบอกถึงอารมณ์จริงจัง
“แก๊ง .... เธอเป็นสปายของโรงเรียนเหรอ” ไม่รู้ทำไมผมถึงไม่หนีเธอทั้งๆที่เธอเป็นสปายของโรงเรียน
“อื้ม ...” เธอพยักหน้าช้าๆ “แล้วทำไมนายถึงมาอยู่แก๊งพวกนี้ได้ล่ะ” เธอถามผม
“ฉันเพิ่งมาใหม่เลยถูกชวนเข้ากลุ่มน่ะ” ผมบอกตรงๆ เธอส่ายหน้าแล้วถอดแว่นเก็บใส่กระเป๋า
“นายออกจากกลุ่มนี้ซะเถอะ ฉันในฐานะสปายของโรงเรียน ฉันอยากให้โอกาสนาย
เพื่อนที่ดีกว่านี้มีอีกมากนะอย่ายุ่งกับพวกนี้เลย” เธอพูด
แต่มือของเธอค่อยดึงหนังยางออกจากหัวจึงทำให้ผมสยายลงมา
ผมยังงงกับสิ่งที่เธอพูดเธอหันหน้ามาแว่นได้ออกจากใบหน้าของเธอไปแล้ว
ตอนนี้เผยให้เห็นหน้าคมๆสวยเด่นออกมารับกับผมที่สยาย
“ฉันอยากเห็นพวกนายมีเพื่อนที่ดีนะ”
หน้าตอนถอดแว่นของเธอสวยมากจริงๆ
มาทางแยม ที่อยู่ในห้องประชุม หญิงสาวนั่งเหม่อลอยไม่ได้ฟังอาจารย์พูดเลยสักนิด
“นี่ ยุพดี เธอได้ฟังที่ฉันพูดไหม” อาจารย์ ชิงโชคพูดเสียงดังลั่นจนฉันสะดุ้ง
“ขะ....ขาอาจารย์” เธอทำหน้าตาเหลอหลาและลุกขึ้นโดยอัตโนมัติ ทำให้เพื่อนๆมองเธอเป็นตาเดียว
“ฉันถามว่าเธอได้ยินที่ฉันพูดไหม” อาจารย์ชิงโชคส่งสายตายเป็นไฟฟ้าจนฉันสะดุ้งเพื่อบ่งบอกว่า
ห้ามโกหก เป็นประกายเด่นชัด ทำเอาเสียวสันหลังวาบ
“มะ ไม่ค่ะ” ฉันพูดอย่างกล้าๆกลัวเพราะหน้าอาจารย์ตอนนี้แทบจะกินหัวฉันได้แล้วมั้ง อาจารย์คะหนูกลัวง่า
“เอาละ ช่างเถอะ เมื้อกี้ฉันบอกว่า ถ้าเธอมีเพื่อนควรบอกให้ทำตัวดีๆอย่าไปมีเรื่องอะไรกับคนอื่นเค้านะ
ไม่อย่างนั้น สปายของโรงเรียนเราจะไม่น่าเชื่อถือ”
“ค่ะ” ฉันตอบสั้นๆ
“เอาละทั้งหมดเลิกประชุม” อาจารย์สั่ง
หลังจากที่นักเรียนและครูออกไปหมดแล้วฉันก็ยังนั่งอยู่ที่เดิม จนบรรยากาศในห้องเงียบสงัด
ฉันหยิบเอ็มพีสามขึ้นมาแล้วก็เสียบหูฟัง
“ฉันไม่อยากให้แยมเกลียดฉัน” เสียงแก๊งดังมาจากเอ็มพีสาม
“ก็ได้ ถ้านาย รัก ยายนั่นมาก แล้วอยากออกจากกลุ่มฉัน ก็เชิญ พุธหน้าเจอกัน” เสียงเกมดังขึ้น
“ฉันขอไม่มีเรื่องจะได้ไหม”
“ครั้งสุดท้าย สู้กับฉัน แต่มีข้อแม้ ... ถ้าแพ้นายจะออกจากกลุ่มไม่ได้ ถ้านายชนะก็เชิญตามสบาย
“ได้ หลังโรงยิมเจอกัน”
สิ้นเสียงแก๊งไปสักพัก
“คอยดูซิ ยายนั่นจะมาช่วยคนอย่างมันไหม ถ้ายังไม่รู้ว่า ไอ้นี่จะกลับใจแล้ว”
ฉันปิดเอ็มพีสามทันทีอย่างสับสน กลับใจเหรอ ... ตกลงแก๊งจะกลับใจจริงๆใช่ไหม
ระหว่างผลงานอันดีเด่นที่ฉันได้มาอยู่ขณะนี้ กับคนๆนั้นฉันจะเลือกอะไรดี
แก๊งจะรู้ไหมว่า ระหว่างที่เธอไม่ยอมเข้าใกล้เขานั่นเพราะเธอกำลังหลอกตัวเองว่า
เขาเป็นคนไม่ดีและเธอไม่อยากสูญเสียตำแหน่งหัวหน้าสปาย
แต่เธอรู้สึกพิเศษกับเขามากกว่าแต่มันทำให้เธออายเกินกว่าจะแสดงออกไป
ฉันเดินออกจากห้องประชุมเวลาที่เย็นมากแล้ว
เดินออกทางประตูหลังของโรงเรียนเพราะบ้านฉันอยู่หลังโรงเรียนพอดี
ระหว่างที่ฉันเดินตามทางเดิน ก็เจอแก๊งนั่งอยู่ที่ม้านั่งข้างสวนดอกไม้ ฉันเดินไปยืนอยู่ข้างหน้าเขา
เขามองหน้าฉันแป๊บหนึ่งก่อนแล้วก็มองดอกไม้ตามเดิม
ตกลงนายเห็นดอกไม้สวยกว่าฉันรึไงยะ
“ขอนั่งด้วยได้ไหม” ฉันเอ่ยไป แก๊งพ่นลมหายใจเป็นเชิงว่าตามสบาย ฉันจึงรีบไปนั่งม้านั่งข้างๆแก๊ง
“ทำไมนายดูไม่สดใสเลยอ่ะ” ฉันถามออกไป เพราะธรรมดาแก๊งจะหาวิธีแกล้งฉันสารพัด
“เธอไม่ถอดแว่นออกเหรอ” แก๊งถาม
“หือ” ฉันมองหน้าแก๊ง
แก๊งส่ายหน้าแล้วก็ดึงแว่นออกจากใบหน้าฉันอย่างรวดเร็ว ทำให้ใบหน้าฉันร้อนผ่าวทันที
เพราะแก๊งเข้าใกล้ฉันถึงขนาดหน้าแทบจะโดนกันแล้ว
“อย่างนี้แหละ แบบนี้เธอก็สวยดีนี่” แก๊งว่าทำเอาฉันต้องก้มหน้าด้วยความเขิน
“ที่จริงฉันควรจะถามเธอมากกว่า ธรรมดาเธอจะเดินหนีฉันและไม่ยุ่งกับฉันตลอด
ทำไมวันนี้ถึงมายุ่งกับฉันได้ละ ” แก๊งว่าทำเอาฉันอึ้ง
“เอ่อ ...”
“เธอสนด้วยเหรอว่าฉันจะเป็นยังไง
ธรรมดาเธอสนแต่ว่าฉันจะโดนจับไปโดนทัณฑ์บนได้หลายๆครั้ง
เพื่อจะเพิ่มเกรดตัวเองมากกว่าไม่ใช่เหรอ” แก๊งพูดเหมือนน้อยใจฉันยังไงไม่รู้
ฉันเงียบ
“ที่จริงฉันต้องไม่ยุ่งกับพวกสปายสินะไม่อย่างนั้นเดี๋ยวโดนจับง่ายมากขึ้น” แก๊งว่าแล้วลุกขึ้น
“แก๊ง ...” ฉันเรียกเขาแก๊งหยุดแต่ไม่หันหน้ามา
“ทำไมเธอหลงรักฉันรึไง” แก๊งว่า แล้วใบหน้าฉันก็เกิดสูบฉีดขึ้นมาทันที
“ตาบ้า ...จะไปไหนก็ไปเลย” ฉันว่า
ทำไมเราสารภาพไม่ได้สักทีนะ

เช้าวันหนึ่งที่โรงเรียน หลังโรงยิม (วันพุธ)

“ย้าก! แกตายซะเถอะ”
ตุ้บตับๆๆๆๆๆๆๆ
ฝุ่นตลบอบอวลไปทั่ว ผู้คนมุงดูกันมากมาย เพราะในฝุ่นที่อยู่รอบตัวคนข้างในนั่น
เขากำลัง มีเรื่องชกต่ิอยกัน มีผู้หญิงคนหนึ่งเดินเข้ามาในวงที่เขาต่อยกันอย่างเอาเป็นเอาตาย
ผู้หญิงพึมพำเบาๆแล้วแอบถ่ายรูปเหตุการณ์อย่างเงียบๆ เธอยิ้มที่มุมปาก แล้วก็ขยับแว่นนิดๆ
“อาจารย์มาเว้ย อาจารย์มา”
หลังจากที่เธอแหกปากออกมาด้วยสีหน้าที่ตื่นตกใจบ่งบอกว่าอาจารย์มาจริงๆ
ผู้คนแตกฮือรีบหนีไปคนละทิศ คนที่ต่อยกันก็หยุดทันทีแล้วรีบวิ่งหนีไป
หมับ อื้อๆๆๆๆ
แล้วอยู่ดีก็มีใครมาปิดปากฉันแล้วรัดฉันทางด้านหลังแล้วหลบเข้าห้องเก็บของที่โรงยิม
อ๊าย ม่ายฉันยังจะตายไม่ได้ ฉันยังไม่มีแฟนเลยน้า ช่วยด้วยค่ามีคนจะฆ่าปิดปากฉัน
“หึๆยายบ้า อยู่นี่เองเธอทำอะไรเมื่อกี้บอกมา” เสียงเข้มๆดังเข้าหูฉัน อ๊าๆอย่าฆ่าหนูนะ
ตาที่ปิดปากฉันเปิดปากฉัน แล้วเอามือที่ปิดปากฉันมารัดเอวฉันแทน
“ช่วยด้วยโว้ยๆๆๆ” เรื่องอะไรจะบอกหละ
หมับ แล้วฉันก็โดนปิดปากต่อ
“นี่ถ้าเธอไม่เงียบฉันจะปล้ำเธอ” ตานั่นทำเสียงเด็ดขาด
เงียบสิครับ
“อายอ่าอำอาไออั้นอ๊ะ(นายอย่าทำอะไรฉันนะ)” ฉันพยายามพูดผ่านอุ้งมือของตานั่น
แต่ว่า มือตานั่นหอมดีแฮะ ฟุดฟิด
นี่เธอจะตายยังมีอารมณ์หลีอีกนา
ตานั่นผลักฉันติดกำแพงโอ้แม่เจ้าเขาจะฆ่าหนูแว้ว ขอให้ฉันตายด้วยศพสวยๆด้วยเถิด
พอฉันมองหน้ามันเพื่อจะจำไว้หลังจากฉันตายฉันจะได้หลอกมันถูกไหนๆหล่อไหม
(ตกลงเธอกลัวรึเปล่าเนี่ย)
แต่ก็ต้องตกใจ เพราะภาพที่ฉันเห็น หน้าหล่อๆที่ขาวเนียนนั่นเป็น..แก๊ง
ตานั่นยิ้มเยาะ ไม่น่าเชื่อนายนี่ทำอาชีพฆ่าคนสวยๆอย่างฉันเป็นงานอดิเรกหรือไง
“เธอกลัวฉันด้วยเหรอฮะ” แก๊งพูดเยาะเย้ย
ฮึ้ยอยากตีให้หัวแบะจริงๆเลย ฉันมองเขาเขม็งและพยายามสะบัดตัวหนีออก
แต่ตาแก๊งนั่นเอาตัวมาประชิดฉันจนกระดุกกระดิกไม่ได้ ตานั่นก็เริ่มใช้มือมาจับเอวฉันแล้ว
ยื่นหน้ามาใกล้เรื่อยๆ
นายอย่ามาทำอะไรเสียวๆในที่แถวนี้นะ
“สนใจเป็นแฟนกับฉันไหม”
ฉันมองหน้าเค้าอย่างไม่เข้าใจ ทำไมนายต้องรู้ไปซะทุกเรื่องด้วยนะ ว่าฉันต้องการอะไร
แล้วคำสุดท้ายก็ดังออกจากของปากแยม
“ไม่มีทาง!”
ฉันอุตส่าห์ช่วยนายแล้วนายคิดว่าจะอยากได้ผลตอบแทนอย่างนี่รึไงนะ
แต่ในที่สุดฉันก็เลือกเขา
แล้วก็มาถึงเหตุการณ์ในชั่วโมงเรียนการแสดง
วันนี้อาจารย์ให้เด็กนักเรียนสองห้องมาเรียนรวมกันคือห้องสามกับห้องสี่แล้วบังเอิญ
ที่แยมอยู่ห้องสามกับแก๊งที่อยู่ห้องสี่ ทำให้ทั้งคู่เจอกันแล้วมันก็ทำให้แยมไม่สบอารมณ์มากขึ้น
เพราะเธอรำคาญที่เวลาอาจารย์อธิบายเรื่องเรียน
ตาแก๊งจะแกล้งเอายางลบปาใส่หัวแล้วทำหน้าทะเล้นใส่เธอแต่เธอทำเป็นไม่สนใจอยู่ดี
“นี่นายแก๊งจะแกล้งเพื่อนไปถึงไหนฮะหยุดเดี๋ยวนี้นะ ”
อาจารย์เห็นมานานแล้วเลยว่าแก๊งทันทีแก๊งหยุดแทบจะในทันที
ทำให้แยมหันแลบลิ้นใส่แก๊งอย่างสะใจ แบร่
“เดี๋ยวได้เอาคืนแน่” แก๊งคิด
“เอางี้อาจารย์อยากจะถามว่า”
อาจารย์ล้วงเข้าไปในกระเป๋าแล้วหยิบใบปลิวออกมามันเป็นแบบเอสี่แล้วมีตัวอักษรอยู่ในกระดาษ
ซึ่งเป็นแบบเดียวกันที่เด็กมอหนึ่งแจกให้ในวันนั้น
“ใครมีออกมาหาครูหน่อย” อาจารย์ว่าแล้วมีบางคนที่ลุกขึ้นส่วนแยมกับแก๊งก็เช่นกัน
ทั้งคู่เดินออกไปพร้อมกันแก๊งยังงงกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น
แต่แยมกลับคิดว่ากระดาษนี้เป็นความผิดอะไรบางอย่างซะงั้น
คนประมาณสิบคนยืนตรงเวทีการแสดงทุกคนคงยังงงอยู่มีแต่แยมที่ ... ออกอาการ
“งึมงำๆๆๆแจ๊บๆๆ”
“นี่เธอเป็นอะไรของเธอ”
แก๊งเห็นแล้วอดขำไม่ได้ก็เห็นเธอสวดอะไรที่ไม่ใช่บทสวดมนต์แล้วยังทำหน้าเคร่งเครียดอีก
“ ยุ่งน่า” เธอบอกแล้วก็ท่องอะไรไม่รู้งึมงำอยู่คนเดียว
“เอาล่ะนี่ไหนเซ็นชื่อลงกระดาษซิ” อาจารย์ว่า
เด็กนักเรียนคนอื่นทำตามมีแต่แยมที่ทำท่าทางไม่แน่ใจแต่เธอก็เซ็นลงไป
“ฮะฮ่านี่แหละนักแสดงของเรา เด็กมอหนึ่งนี่ตามีแววชะมัด”
อาจารย์ว่าแล้วรีบเก็บใบที่เด็กๆเซ็นลงไปหมดเลย
เล่นเอาเด็กๆที่ยืนบนเวทีงงกันไปหมด
“อาจารย์หมายความว่าไงคะ” แยมถามขึ้น
“พวกเธอคือผู้แข่งขันประกวดดาวเดือนของโรงเรียนยังไงละ”
“แยมเธอเป็นอะไร” แก๊งถามแยมที่ทำหน้าแปลกๆ
“จะเป็นลมอยากจะเป็นลมแต่ฉันก็ไม่เป็นโอ้ย ...” แยมกุมขมับ
“ไม่เห็นจะแปลกก็แค่ประกวดเอง” แก๊งว่า
“ก็เพราะมีนายนี่แหละโอ้ยฉันอยากจะบ้าตายนี่ฉันต้องเจอนายทุกวันหรอเนี่ยโอ้วมายบูดา”
พอแก๊งได้ยินดังนั้นจึงรู้สึกน้อยใจขึ้นมา
“ยังไงเธอต้องเจอฉันทุกวันอยู่แล้วเธอไม่ต้องห่วง”
เขาพูดด้วยสีหน้ายิ้มแย้มแต่ในใจเขารู้สึกเสียใจที่แยมพูดกับเขาแบบนี้
ยังไงนายก็ไม่เข้าใจหรอกว่าคนแอบรักมันจะรู้สึกยังไง
* แล้วการประกวดก็เริ่มในวันต่อมา
วันแรกเป็นการประกวดความสามารถแก๊งเรียกเสียงกรี๊ดสาวได้เยอะแยะเพราะความหล่อและเท่ของเขา
เขาแสดงโชว์โดยการร้องเพลงแล้วเขาก็เดินมาที่เวทีแล้วจับไมโครโฟนขึ้นมา
“ เพลงนี้ครับผมขอมอบให้ผู้หญิงของผมที่เธออาจไม่รู้หรอกครับ ผมแอบชอบเธอมานานแล้วครับ
เธอเป็นคนที่เผินๆไม่สวยหรอก แต่ถ้าเอาเธอมาปรับอะไรซักอย่างเธอก็สวยแน่ๆ
แต่สำหรับผมไม่ว่าเธอจะเป็นยังไงเธอก็สวยสำหรับผมเสมอ ผมก็เคยสารภาพรักไปแล้วครับ
แต่เธอปฏิเสธผม แต่ยังไงผมก็ยังชอบเธออยู่ดี” เสียงเพลงดังขึ้น
~บังอาจรักเธอ ... ก็รู้ว่าไม่ควรหวัง ... ยังดันทุรัง ... ทั้งๆที่เป็นแค่ดิน ... อุปสรรคมากมาย ...
แต่หัวใจแกร่งดังหิน ... ติดปีกไว้บิน ... จะไปจะไขว่คว้ามา ... ดาวยังทอแสง ... ส่องให้ดินหวัง ...
ไม่มีทางยอมแพ้แค่นี้ ... ยิ่งสูงยิ่งชัน ... ยิ่งท้าทายให้ฉันฝ่าฟันไป ... ทางยิ่งไกลยิ่งดีที่จะวัดใจ ...
ลูกผู้ชาย ... สุดท้ายต้องเจ็บ ... ต้องช้ำยังไง ... มันไม่เป็นไร ... พอใจแค่นี้ ... กล้าที่จะรัก ...
ดาวยังทอแสงส่องให้ดินหวัง ... ไม่มีทางยอมแพ้แค่นี้ ... ยิ่งสูงยิ่งชัน ... ยิ่งท้าทายให้ฉันฝ่าฟันไป ...
ทางยิ่งไกลยิ่งดีที่จะวัดใจ ... ลูกผู้ชาย ... สุดท้ายต้องเจ็บ ... ต้องช้ำยังไง ... มันไม่เป็นไร ... พอใจแค่นี้ ...
ยิ่งสูงยิ่งชัน ... ยิ่งท้าทายให้ฉันฝ่าฟันไป ... ทางยิ่งไกลยิ่งดีที่จะวัดใจ ... ลูกผู้ชาย ...
สุดท้ายต้องเจ็บ ... ต้องช้ำยังไง ... มันไม่เป็นไร .... พอใจแค่นี้ .... กล้าที่จะรัก~(กะลา=กล้าที่จะรัก)
แก๊งร้องเพลงจบก็มีเสียงปรบมือดังสนั่น เขาโค้งคำนับแล้วกลับเข้าไปหลังเวที
เขาเดินไปที่ห้องแต่งตัวอย่างเงียบๆ
“ว้าว แก๊งนี่นาวันนี้หล่อจังเลยค่ะ” นักเรียนผู้หญิงคนหนึ่งน่าตาน่ารักชมผมผมก็ยิ้มไปตามมารยาท
“นี่ แยมเดินเร็วหน่อยสิมันจะใกล้คิวเธออยู่แล้วนะ” เด็กนักเรียนคนนั้นเรียกชื่อแยมมันทำให้ผมหันไปมอง
แยมตอนนี้ไม่เหลือเค้าแยมคนเก่าอีกเลยเธอแต่งกายด้วยชุดราตรีสีแดง ที่เซ็กซี่จริงๆ
นะผมที่มัดเป็นสองข้างถูกรวบขึ้นสูงแว่นของเธอก็ถอดออกทำให้เห็นใบหน้าน่ารักของเธอขึ้นมา
แก๊งได้แต่อ้าปากหวอไม่นึกเลยว่านี่คือแยม
สปายของโรงเรียนที่ดูเชยๆเลยเธอมองผ่านเขาไปก่อนที่จะหันไปมองคนอื่น
เธอไม่เคยคิดจะมองเขาเลยสักนิด ให้ตายสิทำไมเขาต้องรักเธอคนนี้ด้วยนะ ทั้งที่เขามีคนมาชอบมากมาย
“เชิญ ยุพดีหรือแยมขึ้นมาแสดงได้แล้วค่ะ”
เสียงพิธีกรดังขึ้นแยมเดินไปที่หลังเวทีแสดงทันแต่ก็ต้องแปลกใจว่ามีแดนพี่ม.หกเป็นดาวโรงเรียน
เดินตามเข้าไปด้วย
แก๊งแอบแทรกในกลุ่มคนที่หน้าเวที
เขาเห็นเธอและรุ่นพี่แดนยืนด้วยกันทั้งสองยิ้มแล้วโค้งคำนับอย่างสง่างามจากนั้นเสียงเพลงดังขึ้น
แยมเริ่มเต้นในจังหวะลาตินที่เร้าใจแล้วเต้นในท่าเซ็กซี่ทำให้ทุกคนที่ดูในนั้นเหมือนถูกสะกด
แม้แต่แก๊งยังเป็นไปด้วย ทั้งคู่เข้ากันมาก เข้ากันจนแก๊งรู้สึกอยากยอมแพ้
หลังจากแยมแสดงเสร็จก็มาที่หลังเวทีก็คุยหยอกล้อกับรุ่นพี่แดนทำให้แก๊งรู้สึกไม่พอใจกับภาพที่เห็น
“ขอนั่งด้วยได้ไหมคะ” นักเรียนหญิงคนนั้นอีกแล้วเธอมานั่งข้างผม
“สองคนนั้นน่ารักดีนะคะ” นักเรียนหญิงคนนั้นยิ้มอย่างพอใจแต่แก๊งรู้สึกกำลังจะเดือด
“คงเป็นแฟนกันสินะ” เขาว่า
“โอ้ยท่าทั้งคู่เป็นแฟนกันมีหวังโลกแตกแน่ๆ” แก๊งทำหน้าแปลกใจนักเรียนหญิงคนนั้นยิ้มน้อยๆ
“เขาเป็นลูกพี่ลูกน้องกัน”
จากนั้นแก๊งก็นึกอะไรขึ้นมาได้ เขารีบถามเรื่องราวรายละเอียดของแยมจากนักเรียนคนนั้นทันที
“โอ้ยแล้วทำไมฉันต้องเล่นคู่กับนายด้วยเนี่ย ”
แยมบ่นดังลั่นโรงยิมหลังจากทั้งคู่ผ่านการแข่งขันซึ่งแยมดันภาวนาให้ตกรอบ แต่ไม่สำเร็จ
ดังนั้นภารกิจต่อไปก็คือ แสดงละคร
“เธอไม่อยากจะแสดงกับฉันรึไงล่ะ” แก๊งว่าอย่างน้อยใจ
“ช่างมันเถอะ” แยมว่าแล้วดูบท
“เล่นคู่ล่ะสิบนาทีแล้วเราเล่นเป็นอะไรนะ เล่นบทขอเป็นแฟน!ตายๆๆๆ”
แยมกุมขมับแล้วเดินไปเดินมาแก๊งมองแยมแล้วก็มองบทของตัวเอง
ชั่วโมงแรกของการซ้อม
“นี่นายจะไม่จับมือฉันได้ไหม”
“ไม่ได้ต้องจับมือ” แก๊งออกเสียงเฉียบขาด
“ง่า...”
แล้วการซ้อมก็เป็นไปอย่างไม่เป็นสัปปะรด แยมขัดนู่นขัดนี่ แก๊งจึงให้พักก่อน
“ตกลงเธอไม่คิดเลยเหรอที่ฉันขอไปนะ” แก๊งว่าพลางนั่งข้างเก้าอี้ที่อยู่ในโรงยิม
นั่นแหละคือสถานที่ที่เขาเลือกที่จะซ้อมในวันนี้
“ฉัน...ไม่รู้สิ” เธอบีบมือตัวเองเธอรู้สึกประหม่าเวลาอยู่กับแก๊ง
จริงๆแล้วที่ผ่านมาเธอพูดแรงๆกับแก๊งแบบนั้นเธอไม่รังเกียจเขาหรอกแต่เธอกลัว กลัวใจตัวเอง
แล้วมันก็เป็นจริงเธอรักเขาเข้าเต็มเปาเข้าแล้ว
เขาหน้าหงอยไปนิดๆแต่ก็ยิ้มบางๆ
“งั้นวันนี้พอแค่นี้นะพรุ่งนี้ก็แสดงเลย” แก๊งพูดจบก็เดินออกไป
ปล่อยให้แยมนั่งอยู่ในโรงยิมคนเดียว แล้วเรื่องอะไรที่เธอจะบอกไปตรงๆล่ะถ้าเขาไม่ถามให้แน่ใจ
ติ๊ด ติ๊ด ติ๊ด ...
เสียงโทรศัพท์ดังขึ้นแยมกดรับ
“ขอบคุณนะที่ไม่บอกอาจารย์วันที่ฉันมีเรื่องเมื่อสองวันที่แล้วยังดีที่เธอเห็นฉันเป็นเพื่อน ... ตู๊ดๆๆๆ
แก๊งวางสายไปแล้ว แยมมองโทรศัพท์แล้วถอนหายใจ ใครบอกว่าฉันเห็นนายเป็นเพื่อนฉัน
แต่วันนั้นฉันตกใจจนทำอะไรไม่ถูกไม่รู้จะพูดอะไรดีนะสิ เพื่อน รู้ไว้ซะด้วย
ฉันไม่ได้คิดกับนายแบบนั้นสักนิดฉันเดินออกจากโรงยิมแต่ก็สะดุดกับภาพตรงหน้า
แก๊งกำลังกอดกับแป้ง ดูหน้าเขาช่างมีความสุขมากกว่าอยู่กับฉันเสียอีก
ฉันไม่อยากเห็นภาพแบบนี้เลย ทำไมเธอคนนั้นไม่ใช่ฉันนะ
แยมวิ่งออกจากที่แห่งนั้นทันทีพร้อมกับหยาดน้ำตาไหลมาที่ไม่รู้ว่ามันจะหยุดเมื่อไร
มาทางแก๊งที่กำลังกอดกับแป้งเพื่อนสนิทของแยม ก็คลายกอดออกมา
“ขอบใจนะที่เป็นคู่ซ้อมให้ เพราะฉันไม่กล้ากอดแยมเลยมันอายน่ะ ” แก๊งว่าแล้วก็โบกมือให้แป้ง
เฮ้อแยมนี่เธอใช้เพื่อนเธอจนคุ้มเลยนะ
มาถึงวันงานทุกคนเตรียมตัวอย่างดีทุกคนต่างซักซ้อมบทเพื่อไปแสดงบนเวทีอย่างขะมักเขม้น
แตกต่างจากคู่ของแก๊งและแยมที่ต่างนั่งคนละทิศละทาง แก๊งยังแอบมองแยม
ที่ยังคงนั่งนิ่งๆอยู่อย่างนั้น เฮ้อ ... เธอจะตอบรับรักเขารึเปล่าน้า
“เอาล่ะมาถึงคู่ที่สิบเจ็ดแล้วเชิญเลยครับ” พิธีกรเรียกคู่ของแก๊งและแยม
แก๊งพยายามจะจับมือแยมแต่แยมก็ชักมือออก เธอโกรธอะไรผมรึเปล่าเนี่ย
เธอเดินไปที่เวทีก่อนผมได้วิ่งตามไปจนถึงกลางเวทีเธอหันหน้าหนีผมเหมือนงอนอะไรซักอย่าง
ผมเอื้อมมือไปจับมือเธอแต่เธอสะบัดออก
“เป็นอะไรไปแยมทำไมเธอหนีหน้าฉัน” ยิ่งเธอทำแบบนี้ยิ่งทำให้ฉันเป็นบ้ารู้มั้ย
“ฉันไม่ได้หนี” เธอพูดพลางเชิดหน้า
“แต่ที่เธอทำอยู่นี่เขาเรียกว่าเล่นโดดยางรึไงแยม”เธอหันมาแล้วสะบัดหน้าหนีอย่างงอนๆ
“แล้วคำถามที่ฉันถามวันนั้นเธอ ยังมั่นคงคำเดิมเหรอแยม”แยมนิ่งไม่พูดอะไร
“ไม่เป็นไรแต่ฉันอยากจะถามอีกสองคำถามเท่านั้น”
“ว่ามา” เธอพูดแต่ยังคงหันหลังให้ผมเหมือนเดิม
“เธอเคยคิดว่าฉันเป็นเพื่อนตลอดเลยเหรอ” เธอไม่สนใจแล้วจะเดินกลับ
“ฉันรักเธอนะแยม ฉันรักเธอ” แก๊งสารภาพออกไปดังลั่นเพื่อให้แยมได้ยิน
ขอเถอะเธออย่าตอบคำตอบเดิมเลยนะผมขอล่ะพระเจ้า
คราวนี้เธอหันมา เขาไม่สนแล้วว่าเรื่องจะเป็นยังไงต่อไปดีกว่าให้มันอึดอัดอยู่อย่างนี้
“ฉันคิดถึงเธอจะตายแต่เธอไม่คิดจะมองฉันเลย เธอทำให้ฉันกำลังเป็นบ้านะ
ทำไมเธอใจร้ายกับฉันอย่างนี้อ่ะ ที่ฉันมาหาเธอจนเธอรำคาญเพราะฉันคิดถึงเธอ
ถ้าฉันไม่มาเห็นหน้าเธอตอนนี้ ฉันคิดว่าเธอจะจากฉันไป
ฉันอยากบอกว่าฉันรักเธอ... มานานแล้ว...” แก๊งพูดด้วยใจห่อเหี่ยว
แยมที่ยืนนิ่งอยู่นานเธอเดินมาหาแก๊งที่ยืนคอตกอย่างเศร้าๆ
“แค่นั้นแหละที่ฉันต้องการได้ยินจากปากนาย”แยมว่า
เล่นเอาแก๊งอึ้งไปเลย
“เพราะฉันก็รักนายเหมือนกัน นานมากแล้วด้วย” แยมยิ้ม
“แต่นายก็ทำให้ฉันจะเป็นบ้าเหมือนกัน นายกอดคนอื่นที่ไม่ใช่ฉัน” แยมว่า
“ นี่เธอหึงฉันเหรอ ”แก๊งว่า
“ ก็ใช่นะสิ ”แยมยิ้มนิดๆ
“จริงหรือแยม ธอหึงฉันด้วย เย้ ฉันดีใจที่สุดเลย” แก๊งยิ้มกว้างแล้วกอดแยมอย่างดีใจ
ดูๆแล้วแยมคงรู้สึกไม่ต่างจากแก๊งเท่าไรหรอก
เพราะเธอก็ใจห่อเหี่ยวเช่นเดียวกับเขา
“เรามาเป็นแฟนกันเถอะนะ”แก๊งว่า
“อื้ม...เรามาเป็นแฟนที่น่าอิจฉาที่สุดในโลกกันเถอะ” แยมว่าพร้อมกับยิ้มอย่างน่ารัก
จากนั้นแก๊งก็โน้มหน้าไปหอมแก้มแยมอย่างนุ่มนวลแล้วเลื่อนมาที่หน้าผากเนียนๆของเธอ
แปะ แปะ แปะ
เสียงปรบมือดังสนั่นเล่นเอาทั้งคู่ตกใจเพราะลืมไปว่านี่คือเวทีประกวด
งั้นภาพทั้งหมดเมื่อกี้คนดูทั้งหมดก็เห็นหมดแล้วสิ รวมทั้งกรรมการด้วย
เอาไงล่ะที่นี้ อายทั้งคู่เลย
“ทำได้ดีมากชักอยากมีแฟนบ้างแล้วสิเนี่ย” พิธีกรผู้ชายแซว
“เขาและเธอเล่นเก่งมากครับเล่นเอาผมอินไปเลยนะเนี่ย”
แยมกับแก๊งโค้งคำนับพลางยิ้มเขินๆแล้วมองหน้ากัน
ทั้งสองรู้อยู่แก่ใจว่าภาพเมื่อกี้มันไม่ตรงบทเลยสักนิดและไม่เหมือนที่เธอและเขาซ้อมแม้แต่น้อย
เพราะนั่นคือคำพูดที่มาจากใจจริงจากปากคนทั้งคู่ สารภาพจากใจจริง

หลังจากประกวดเสร็จแล้วแยมกับแก๊งก็ได้เป็นดาวเดือนปีสองพันเจ็ดของโรงเรียน
อาจเป็นเพราะการแสดงสารภาพรักก็ได้ถึงทำให้ถูกใจกรรมการเลยให้คะแนนเต็มที่
แล้วหลังจากนั้น(อีก)แก๊งกับแยมก็ได้เป็นแฟนกัน
คงแปลกใจใช่ไหมล่ะทำไมถึงมีแต่เรื่องบังเอิญให้แยมกับแก๊งมาเจอกันเกือบทุกครั้งได้ยังไง
แล้วใครเป็นคนทำ
คนนั้นคือแป้งไงล่ะ งงใช่ม้า เธอนี่แหละจัดการเรื่องราวนี้ทั้งหมด
เธอแหละเป็นคนให้แก๊งไปสารภาพรักกับแยมตอนที่แก๊งมาปรึกษาเธอ แต่ไม่สำเร็จ
เธอจึงวางแผนจัดการให้ทั้งคู่ได้เล่นละครด้วยกัน แล้วบอกให้แก๊งสารภาพวันนั้นซะเลย
แล้วแผนคุณเพื่อนก็สำเร็จ ทั้งคู่รักกัน แยมจะรู้ไหมนะว่าเรื่องราวทั้งหมดเป็นแผนที่เพื่อนของเธอ
เพื่อให้แยมยอมรับแล้วเลิกปากแข็งซักที ว่าแยมนะแอบชอบแก๊งมานานแล้วเหมือนกัน
นี่แหละน้ามิตรภาพของเพื่อนที่น่ายกย่องจริงๆ
เอ้าแล้วคุณล่ะกำลังแอบชอบใครอยู่รึเปล่า สารภาพไปสิ ถึงเขาจะไม่ตอบรับ เราอย่าเสียใจเลย
ก็ยังดีที่มีคนให้รักในโลก ถ้าโลกนี้ไม่มีความรัก เราคงแย่น่าดูเลย รักแล้วอย่าลืมใส่ใจกับมัน
เหมือนที่ต้องรดน้ำต้นให้มันเจริญเติบโต รักเราจะได้แข็งแรงและอยู่ยืนนานไงล่ะ
“เดี๋ยวสิเวลาตอนจบนางเอกกับพระเอกรักกันก็ต้องจูบกันไม่ใช่เหรอ”
“อืมฉันรู้ ”
“แล้วเรามาจูบกันเถอะ”
“เดี๋ยวๆๆ”
“ทำไมอ่ะมันก็ถูกแล้วไม่ใช่เหรอ ”
“ใช่ถูกต้อง”
“แล้วจะเดี๋ยวทำไมอ่ะ”
“ฉันเดี๋ยวเพื่อจะฆ่านายก่อนได้ไหม นี่มันห้องนอนฉันนะ นายเข้ามาได้ยังไงหา! ขอถีบก่อนเถอะ”
พลั่ก! ตุ๊บ!
“เฮ้ ฉันเป็นแฟนเธอนะ” แก๊งร้องเมื่อแยมได้ถีบเข้าตกจากเตียงอย่างไม่ปรานี
“แต่นายเข้ามาในห้องนอนฉัน ตายซะเถอะ” แล้วแยมก็ไล่เตะแก๊ง(ที่เป็นแฟน)
รอบห้องนอนอย่างเอาเป็นเอาตายถึงความรักเรื่องนี้จะไม่ค่อยหรูหราเหมือนเรื่องอื่นๆ
แต่มันก็ทำให้เรารักกันได้มันก็ดีไม่ใช่เหรอ
(ขอให้ความรักจงเจริญ)


•••••••••••••••••••••••••••••••••••••••
โลกใบเก่าเหงาเหมือนเคย
ภาพประจำตัวสมาชิก
บ้านเพียงพอ
นักเขียน VIP
นักเขียน VIP
 
โพสต์: 136
ลงทะเบียนเมื่อ: อาทิตย์ 20 ก.ค. 2008 8:47 am

ย้อนกลับไปยัง เรื่องสั้น

ผู้ใช้งานขณะนี้

กำลังดูบอร์ดนี้: ไม่มีสมาชิก และ บุคคลทั่วไป 20 ท่าน

cron