“ งานคงจะเริ่มพักใหญ่แล้ว มัวแต่ทะเลาะกับอีตาบ้านั่น ” ไกด์สาวบ่นด้วยความขุ่นมัว หากแต่ผู้ฟัง กลับใส่ใจสิ่งรอบกายมากกว่า
ในยามค่ำคืนเช่นนี้ ต้นไม้ใหญ่สูงชะลูดที่อยู่ด้านนอกวัดนับสิบต้น ดูร่มรื่นและน่าสะพรึงกลัวไปพร้อมๆกัน หญิงสาวเริ่มหวั่นใจเมื่อนึกถึงคำที่นางเดือนเตือนก่อนออกจากบ้าน
สุรีย์รัศมิ์หันมาพยักหน้ากับระมิงค์เป็นเชิงชักชวนแล้วจึงเดินออกไปทางด้านหน้าวัด ซึ่งเต็มไปด้วยผู้คนที่แต่งตัวสวยงาม หล่อนยิ้มและทักทายคนที่เดินสวนกันไปมาอย่างคุ้นเคย บางคนแต่งกายตามสมัยนิยม ขณะที่ส่วนใหญ่จะแต่งแบบล้านนาเพื่อให้สมกับได้มาร่วมงานยี่เป็ง
“ วัดนี้แต่เดิมชื่อวัดกานโถม แต่ต่อมาเรียกว่าวัดช้างค้ำ ” เจ้าถิ่นยังคงทำหน้าที่ไกด์คอยแนะนำสถานที่อยู่เสมอ
อยู่ดีๆเสียงคนในงานก็เฮกันดังลั่น ระมิงค์แหงนหน้าขึ้นมองจึงทันเห็นดอกไม้ไฟกำลังพวยพุ่งขึ้นสู่ท้องฟ้าสูงเกือบสิบเมตร ความสวยงามของประกายไฟระยิบระยับตัดกับฉากหลังสีดำสะกดคนทุกผู้ให้ตรึงอยู่กับที่ ครู่ใหญ่ทุกอย่างจึงสงบลง บรรยากาศเริ่มเข้าสู่ปกติ เสียงสะล้อซอซึ้งยังคงบรรเลงอย่างไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อย เช่นเดียวกับช่างฟ้อนที่ร่ายรำอย่างอ่อนช้อย ทุกสิ่งสมกับความเป็นล้านนา ดินแดนที่มีวัฒนธรรมและประเพณีเป็นเอกลักษณ์ของตนเอง
“ คุณสุรีย์คะ ปลัดเสริมพงษ์เชิญไปทางโน้นหน่อยค่ะ ” หญิงกลางคนแต่งกายแบบพื้นเมืองเดินฝ่า
ฝูงชนเข้ามาสะกิด พลางชี้ไปยังกลุ่มชายหญิงที่กำลังนั่งล้อมวงขันโตกอยู่กลางลานวัด
“ งั้นเราไปหาท่านกันก่อนได้ไหมมิ้ง ” เจ้าตัวหันมาถามความคิดเห็นของเพื่อน
ระมิงค์พยักหน้าแล้วจึงเดินตามเข้าไปด้วยอาการสงบ
เมื่อไปถึง กลุ่มคนที่นั่งอยู่บนเสื่อแหย่งรอบขันโตกไม้ต่างก็หันมามองทั้งคู่เป็นตาเดียว แล้วชายกลางคนที่ดูมีอายุมากกว่าเพื่อนจึงเอ่ยเชื้อเชิญขึ้นอย่างอารมณ์ดี
“ มานั่งด้วยกันนี่หนูสุรีย์ เห็นหันรีหันขวางอยู่เลยให้คนไปตาม ”
“ สวัสดีค่ะท่านปลัด ” หญิงสาวค้อมไหว้อย่างอ่อนน้อม ก่อนจะหันไปแนะนำเพื่อนรัก
“ นี่มิ้งเพื่อนของสุรีย์เองค่ะ เพิ่งมาจากกรุงเทพฯ ”
ผู้ถูกแนะนำยกมือขึ้นไหว้บ้าง เมื่อเงยหน้าขึ้นจึงพบว่ามีสายตาคมกริบคู่หนึ่งจ้องมองอยู่ ชายผู้นั้นนั่งอยู่ข้างปลัดเสริมพงษ์ ดูจากแววตากรุ้มกริ่มนั้นก็พอจะดูออกว่าเขาเป็นคนเจ้าชู้อยู่ไม่น้อย หล่อนจึงเฉยเสีย แกล้งทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้
“ ท่านปลัดคะ นั่นอาจารย์นักรบกับคุณสุดเขตเดินมาโน่นแล้วค่ะ ” สตรีที่นั่งเงียบอยู่นานบอกด้วยเสียงกระตือรือร้น
“ คุณคริสช่วยไปเชิญมานั่งด้วยกันทีสิ ” ปลัดเสริมพงษ์สั่ง
ไม่ต้องรอให้สำทับคำรบสอง สาววัยยี่สิบกว่าปีในชุดผ้าไหมงามระยับก็กุลีกุจอลุกขึ้นไปเชิญสองหนุ่มทันที ไม่ช้าทั้งสามก็เดินกลับมาพร้อมกันด้วยท่าทียิ้มแย้ม
ระมิงค์หันไปมองเพื่อนซึ่งกำลังเก็บความรู้สึกส่วนตัวเอาไว้อย่างเต็มที่ จะทำอย่างไรได้เล่า เมื่อผู้ใหญ่ประสงค์ให้ร่วมวงสนทนากับคู่อริ หญิงสาวรู้ดีว่า การอยู่ในสังคมจะต้องสวมหน้ากากบ้างในบางครั้ง ดังเช่นในคืนนี้ที่สุรีย์รัศมิ์แสร้งทำยิ้มแย้มต่อหน้าทุกคน เพื่อกลบเกลื่อนความคุกรุ่นที่อยู่ในใจ สุดเขตก็ดูจะรู้ซึ้งถึงข้อนี้ เขาจึงนั่งอมยิ้มอยู่ตลอดเวลา
“ เอ้า ! มาพร้อมแล้วก็เชิญทานข้าวกันเลยทุกคน ” ปลัดเสริมพงษ์กล่าว
อาหารเหนือหลากหลายชนิดที่วางอยู่ในขันโตกทรงกลมขนาดใหญ่ แล้วตกแต่งด้วยผักแกะสลักสีสันสวยงามพร่องลงอย่างช้าๆ เพราะทุกคนรับประทานไป พูดคุยกันไปอย่างสนุกสนาน
ช่างฟ้อนชุดฟ้อนเล็บลงจากเวทีไปแล้ว การแสดงชุดต่อไปจึงเข้ามาแทนที่ เด็กหญิงในชุดม่อฮ่อมเดินขึ้นมาพร้อมกับดาบสีเงินวาววับ เสียงฆ้องกลองกระชับจังหวะให้เร็วขึ้น เด็กน้อยจึงร่ายรำด้วยท่วงท่าอ่อนช้อยท่ามกลางความหวาดเสียวของคนดู
“ สนใจฟ้อนดาบหรือคุณมิ้ง ” ปลัดสูงวัยชวนคุย
ระมิงค์หันขวับมามองแล้วส่งยิ้มหวานให้แทนคำตอบ สุรีย์รัศมิ์จึงเป็นฝ่ายตอบเสียเอง
“ มิ้งเขาเป็นนักเขียนน่ะค่ะท่าน ก็เลยเป็นนักเก็บข้อมูลตัวยง ไม่ว่าจะมีอะไรแปลกหูแปลกตาเป็นต้องสนใจทุกเรื่อง ”
“ ไม่ลองเขียนเกี่ยวกับเวียงกุมกามดูหรือครับ ” สุดเขตเอ่ยถาม ในขณะที่ประโยคถัดไปของเขาทำเอาสุรีย์รัศมิ์หันมามองตาเขียวปั๊ด
“ สำหรับคุณมิ้งผมยินดีให้ข้อมูลเสมอ”
นักรบหัวเราะหึหึในลำคอ เพราะรู้นิสัยเจ้าชู้ประตูดินของเพื่อนรักดี อันที่จริงแล้วเขาไม่เห็นด้วยเท่าใดนักที่สุดเขตจะขายขนมจีบให้หญิงสาวที่เพิ่งรู้จักกันเช่นระมิงค์ เพราะการใช้เสน่ห์ฟุ่มเฟือยอย่างที่เป็นอยู่จะทำให้ถูกมองว่าขาดความจริงใจ แต่อีกส่วนหนึ่งถ้าจะถามความในใจของตนเองนั้น นักรบยอมรับว่าเขาเองก็ประทับใจระมิงค์อยู่ไม่น้อย ซึ่งอาจจะมีบ่อเกิดมาจากความใกล้ชิดในคืนรถคว่ำที่แปรเปลี่ยนเป็นความชอบในภายหลัง หากชายหนุ่มก็ค่อยเป็นค่อยไปไม่ผลีผลามเข้าไปตีสนิทเหมือนดังที่สุดเขตกำลังทำอยู่
“ ถ้ามิ้งจะเขียนเกี่ยวกับเวียงกุมกามจริงๆสุรีย์ก็ให้รายละเอียดได้นะ อย่าลืมว่าไกด์อย่างสุรีย์ต้องรู้จักสถานที่ลึกซึ้งพอถึงจะให้บริการลูกทัวร์ได้ ” คู่อาฆาตสุดเขตดักคอ
“ คุณมิ้งนี่เสน่ห์แรงจังนะครับท่านปลัด มีแต่คนอยากช่วยเหลือ ” ชายหนุ่มข้างกายปลัดเสริมพงษ์แกล้งถามความคิดเห็น ขณะที่ผู้ถูกถามเพียงแค่หันไปมอง ไม่ปริปากตอบแต่อย่างใด
“ คริสว่าบางทีเสน่ห์ก็เป็นผลร้ายต่อตัวเราเหมือนกันนะคะคุณเมฆพัด ถ้าเราใช้ไม่เป็น ” ชาคริยาซึ่งนั่งฟังอยู่นานแล้วแขวะขึ้นมาบ้าง ในขณะที่ตาคู่สวยทอดไปสบสายตานักรบอย่างจงใจ เมื่ออยู่ต่อหน้าชายหนุ่มที่หมายปอง จะปล่อยให้หญิงอื่นเด่นกว่าตนได้อย่างไร
ระมิงค์ชม้ายตามองชาคริยาอย่างใจเย็น แล้วจึงกล่าวตอบไปด้วยน้ำเสียงราบเรียบ
“ คำว่าเสน่ห์เนี่ยสำหรับบางคนก็เกิดขึ้นโดยไม่รู้ตัวนะคะคุณ ในขณะที่บางคนพยายามแทบตาย ก็ทำไม่ได้ ”