โดย ภาษาสยาม » พฤหัสฯ. 29 ต.ค. 2009 12:28 pm
คล้ายมีอะไรแล่นมาจุกในอก ระมิงค์จึงยุติคำพูดของตนเองแล้วถอนหายใจยาวเหยียด
“ แล้วมิ้งคิดว่าจะให้อภัยคุณโยได้หรือเปล่าล่ะ ”
“ ไม่ สุรีย์ มิ้งไม่ได้อายหรือสนใจสายตาของคนรอบข้างหรอกนะ แต่เขาทรยศความรักระหว่างเรา สิ่งนี้จะกลายเป็นตราบาปในใจไปจนตายจากกัน ไม่มีวันที่มิ้งจะลืมภาพระหว่างเขากับแก้วในวันนี้ได้ มันเจ็บ
เจ็บเกินกว่าที่จะเยียวยาได้ ”
สายลมเย็นชื้นๆพัดมาแผ่วเบาทำให้ระมิงค์รู้สึกอ่อนไหว หญิงสาวก้มหน้าลงเพื่อซ่อนหยาดน้ำตาแล้วกลืนมันลงสู่หัวใจก่อนจะเงยหน้าขึ้นมาพบกับรอยยิ้มอันปลอบประโลมของผู้เป็นเพื่อน
“ สุรีย์เข้าใจ แต่เมื่อคิดจะตัดขาดแล้ว มิ้งต้องนึกเสมอว่า สองคนนั้นไม่มีค่าพอที่เราจะจดจำ ชีวิตของมิ้งมีค่าต่อทุกคนที่รักและห่วงมิ้ง ชีวิตไม่ใช่นิยายน้ำเน่าที่จะต้องมานั่งเจ็บปวดเพราะความรักจนมองโลกทั้งโลกเป็นสีดำ ก่อนนี้ไม่มีเขาเรายังอยู่ของเรามาได้เลย ถ้าวันต่อไปจะไม่มีเขาเราก็แค่เหงาไปพักหนึ่ง เพราะเราเคยชินกับการมีเขาเป็นเงาตามตัวมานาน แล้วในวันหนึ่งกาลเวลาก็จะเยียวยาแผลใจของเราจนหายดี สุดท้ายเขาก็จะเป็นแค่คนคนหนึ่งเหมือนหลายคนที่เราเคยเดินผ่าน มิ้งจ๊ะ ถึงสุรีย์จะพูดจนน้ำลายหมดปากก็คงจะไม่มีประโยชน์อะไร เพราะความเข้มแข็งที่แท้จริงจะต้องมาจากหัวใจเรา...ไม่ใช่จากคนอื่น ”
สุรีย์รัศมิ์นิ่งไปครู่ใหญ่ เมื่อเห็นว่าระมิงค์ไม่ตอบหล่อนจึงชี้ลงไปด้านล่างของโรงแรม
“ มิ้งมองลงไปข้างล่างสิ ที่นั่นมีคนมากมายที่มีปัญหาชีวิต หลายๆคนอาจจะบอบช้ำกับชีวิตมากกว่าเราด้วยซ้ำ แต่เขาก็ยังใช้ชีวิตอยู่ได้ตามปกติ ”
ระมิงค์มองตามอย่างว่าง่าย
ตึกรามบ้านเรือนที่อยู่เบื้องล่างดูระยิบระยับไปด้วยแสงไฟสีนวล ตัดกับแสงสีส้มเรื่อเรืองบนท้องถนนที่ยังคงมีรถแล่นอยู่ไม่ขาดสาย ต่างกับแม่น้ำเจ้าพระยาอันหลับใหล เต็มไปด้วยความสงบและแสนเยือกเย็น
เมื่อหญิงสาวละสายตาจากความมืดด้านล่างหันไปมองสุรีย์รัศมิ์ ก็พบว่าหล่อนยืนกอดอกพลางทอดสายตาไปไกล ยากนักที่จะคาดเดาความคิด คงจะไม่แปลกเลยถ้าเปรียบหัวใจของมนุษย์กับท้องทะเลลึกที่ไม่มีวันหยั่งถึง เพราะภายใต้ใบหน้าเรียบเฉยที่มองเห็นอาจซุกซ่อนรอยแผลเป็นเอาไว้จนนับไม่ถ้วน
“ สุรีย์จะกลับเชียงใหม่วันไหน ”
สุรีย์รัศมิ์หันมาจ้องหน้าเพื่อนรักอย่างค้นคว้าแล้วจึงตอบด้วยน้ำเสียงเรียบเรื่อย
“ คงกลับวันมะรืน มิ้งมีอะไรหรือเปล่าล่ะ หรืออยากให้สุรีย์อยู่เป็นเพื่อนก่อน ”
น้ำใจของเพื่อนทำให้ผู้ฟังรู้สึกซาบซึ้ง ก่อนหน้านี้หล่อนแทบจะไม่เคยสัมผัสถึงความห่วงใยจากเพื่อนคนนี้ สุรีย์รัศมิ์เป็นคนพูดน้อย ตรงไปตรงมา และไม่ใคร่จะแสดงความรู้สึกของตนให้ใครได้รับรู้มากนัก แต่เมื่อพายุร้ายโหมพัดกระหน่ำชีวิตของหล่อนในวันนี้จึงค้นพบว่า แท้จริงแล้วเพื่อนคนนี้พร้อมจะอยู่เคียงข้างหล่อนเสมอ
“ ไม่หรอก มิ้งแค่อยากจะไปพักผ่อนสักระยะน่ะ ”
สุรีย์รัศมิ์เอี้ยวตัวมาจับมือเพื่อนเขย่าด้วยความดีใจ ทันทีที่เรียนจบ หล่อนก็กลับไปทำงานเป็นมัคคุเทศก์ที่เชียงใหม่ซึ่งเป็นบ้านเกิด เนิ่นนานจึงจะมีโอกาสได้ลงมาเจอระมิงค์ที่กรุงเทพฯสักครั้งหนึ่ง การตัดสินใจของหญิงสาวในครั้งนี้จึงเป็นสิ่งที่น่ายินดีนัก แม้จะรู้ดีว่าสาเหตุของการเดินทางที่แท้จริง คือ
การหลบหนีจากความเจ็บปวดของหัวใจ..ก็ตาม
“ มิ้งจะไปพร้อมสุรีย์เลยก็ได้นะ เดี๋ยวโทรไปจองเครื่องบินให้ ”
“ ยังหรอก คงต้องเคลียร์งานให้เสร็จก่อนน่ะ สุรีย์ช่วยดูแลเรื่องที่พักให้มิ้งด้วยก็แล้วกัน ”
สุรีย์รัศมิ์โบกมือพลางส่ายหัวจนผมที่จัดทรงไว้อย่างดีพันกันยุ่งเหยิง
“ ไม่ได้เลยมิ้ง ถ้าไปเชียงใหม่ก็ต้องไปพักบ้านสุรีย์สิ จะไปพักโรงแรมให้มันเสียเงินทำไม ”
“ แต่ว่า มิ้งไม่ได้ไปแค่สองสามวันนะ มิ้งอยากอยู่ที่นั่นสักระยะ ถือว่าไปพักผ่อนแล้วก็ทำงานไปด้วย ”
“ โอ๊ย ! นั่นไม่ใช่ปัญหา ขอแค่ให้มิ้งอยู่แล้วสบายใจ จะอยู่สักสิบปีก็ได้ เผื่อว่ามิ้งคนเดิมที่เคยร่าเริง สนุกสนาน จะกลับมาเร็วขึ้นไงล่ะ ”
สุรีย์รัศมิ์จ้องหน้าเพื่อนเขม็งคล้ายกับเป็นการยืนยันว่าหล่อนคิดอย่างนั้นจริงๆ
“ ขอบใจจริงๆสุรีย์ ”
น้ำอุ่นใสเริ่มคลอตาคู่สวยอีกครั้ง แต่มิได้มีสาเหตุมาจากความเจ็บปวดใจเช่นในคราวแรก ในยามที่ชีวิตตกอยู่ในความมืด เพียงแค่มือบางมือคอยพยุงให้พบกับแสงสว่าง เพียงเท่านี้ก็อบอุ่นใจเกินพอแล้ว ระมิงค์สูด
ลมหายใจเข้าไปจนเต็มปอดก่อนจะหันไปมองเพื่อนรักด้วยสายตาแน่วแน่
“ มิ้งจะต้องลืมโยให้ได้ แม้ว่ามันจะยากเย็นแค่ไหนก็ตาม ”
หลังจากนั้นราวห้าวันระมิงค์จึงโทรศัพท์ไปจองที่นั่งกับสายการบินแห่งหนึ่งแต่ก็ได้รับคำตอบว่า
เครื่องเต็มแล้ว เช่นเดียวกับอีกหลายๆสายการบินที่บอกหล่อนว่า การเดินทางไปเชียงใหม่ในช่วงเทศกาล
ลอยกระทงจะต้องจองที่นั่งไว้ล่วงหน้าร่วมเดือน หล่อนจึงเบนเข็มการเดินทางของตนเองมาใช้บริการรถทัวร์แทน เพราะหล่อนอยากมีใครสักคนอยู่เคียงข้างในคืนวันลอยกระทงอันแสนหวั่นไหว
- ไฟล์แนป
-
- *-*
- 044-0609.jpg (87.95 KiB) เปิดดู 27991 ครั้ง
บาดแผลเป็นสัญลักษณ์ของนักสู้