ตอน 9
การกลับมาของ?
Sun :say
ในที่สุดก็เสร็จงานเสียทีงานเลี้ยงเลิกฉันจะได้ไปนอน เมื่อยชะมัด เหนื่อยด้วย ตอนนี้ฉันกำลังจะเข้าห้องเปลี่ยนเสื้อที่เหลือแค่พวกฉันสี่คน
“ฉันไปห้องก่อนนะ”ฉันพูดกับเพื่อนๆที่พยักหน้า ให้ฉันเข้าไปก่อน เพราะห้องมีแค่ห้องเดียวสำหรับห้องแต่งตัวของโรงเรียนเรา
ฉันจึงรีบถอดชุดบ้านี่ออกทันทีแล้วนุ่งผ้าขนหนูไว้พลางจะหยิบเสื้อสวม
“พะ พวกแกเป็นใคร แกห้ามเข้ามาในนี้นะ ออ....”รู้สึกจะเป็นเสียงกิ๊กนะ พวกนั้นเป็นอะไรรึเปล่า
“กรี๊ดดดดดดดดดดดดด” พอได้ยินเสียงดังนั้นฉันทิ้งเสื้อทันทีแล้วเปิดประตูออกมา
ในห้องว่างเปล่า ไม่มีใครทั้งสิ้นมีเพียงแต่โต๊ะวางเครื่องสำอางกระจัดกระจายไม่เป็นท่า
กิ๊ก เบส ริต้า หายไปด้วย
“ ไม่คิดจะใส่เสื้อเสร็จก่อนเหรอ แหมทำใจร้อนไปได้”น้ำเสียงขบขันของใครบางคน ทำให้ฉันต้องหันไปมอง แล้วมันทำให้ฉันสะดุ้งทันที
“นาย มาที่นี่ได้ไง!”
“จุ๊ๆ พูดอย่างนี้กับพี่ไม่ดีนะจ๊ะ”แววตาขบขันแล้วพอใจอะไรบางอย่างทำให้ฉันนึกโมโห
“นาย!”
“พูด ที่รัก สิจ๊ะแล้วจะบอก”
“ไม่มีทาง!”
“หึๆๆ”
“นายรู้ว่าฉันอยู่ที่นี่”
“แล้วเธอคิดว่าฉันจะโง่เหรอ ว่าไม่รู้ว่าคู่หมั้นตัวเองอยู่ที่ไหน”
“ฉันไม่ได้เป็นคู่หมั้นนาย!”
“ว่าที่คู่หมั้นก็ได้”
“และไม่มีวันเป็น!”ฉันเริ่มทนไม่ได้กับความยียวนของนายนี่แล้ว ตานั่นกัดมุมมุมปากพิงกับหน้าต่างที่ถูกล๊อดกลอนแล้วมองฉันประมาณว่าฉันเป็นคนใจร้อน น่ากวนประสาท
“วันนี้เธอสวยเนอะ”เขามองฉันพลางมองฉันไปทั่วร่างยิ้มนิ่งๆ
“อย่ามายวน มีอะไรก็พูดมา”ฉันเริ่มทนไม่ได้กับสายตาที่แทะเล็มฉันอยู่ ถึงฉันจะเป็นคนใจเย็นแต่พอมาเจอแบบนี้มันก็ทำให้ฉันสติแตกได้เหมือนกัน
“เธอไปกับฉัน เราวิ่งเล่นกันมามากพอแล้ว ได้เวลาเอาจริงซักที”นายนั่นพูดตอนนี้เริ่มมีท่าทางเขร่งขรึมขึ้น
“แสดงว่าที่ฉันเป็นอัมพาตชั่วคราวในวันนั้นแสดงว่านายส่งคนมาเอาตัวฉัน”
“จะพูดก็ถูก”
“นายนี่มีนเลวหาใดเปรียบจริงๆ”
นายนั้นมองหน้าฉันด้วยสายตานิ่งๆแล้วเดินเข้ามาจับแขนฉันผลักติดกับกำแพงอย่างแรง
“ก็เปรียบกับเธอนี่แหละ ที่หนีออกมา และผิดที่ไม่ทำตามคำสั่งแม่ของเธอเอง”เขาพูดในระยะที่ใกล้กับฉันมากจนจมูกของเขาสัมผัสกับจมูกของฉันลมหายใจอุ่นๆเป่ารดที่หน้าของฉัน
มือทั้งสองของเขาจับไหล่ฉันผลักติดกับกำแพง ริมฝีปากของเขาพยายามจะสัมผัสริมฝีปากของฉันอยู่แล้ว
พลั่ก! ปั่ก!
ฉันผลักตัวของตานั่นออกแล้วต่อยอย่างแรง แล้วจะวิ่งออกทางประตูที่ถูกล๊อคไว้ แต่ก็ถูกตานั่นดึงแขนแล้วโยนที่โซฟา แรงของนายนี่เยอะมากจนฉันรับไม่ไหวที่จะต่อสู้แล้ว
มีทางที่จะหนีเพียงหนทางเดียวคือประตู
แต่ก็มาอยู่ที่โซฟาจนได้
ตานั่นขึ้นคร่อมบนตัวของฉัน แล้วมองฉันด้วยแววตาที่โกรธเคืองนิ่งๆ
“สิ่งที่เธอทำกับฉันครั้งนี้แล้วจะไม่มีวันได้ครั้งที่สองจากฉันแน่”นายนั่นกดฉันจนดิ้นไปไหนไม่ได้ ริมฝีปากถูกบดขยี้อย่างรุนแรง ฉันพยายามไม่ตอบรับใดๆ แล้วเม้มริมฝีปากแน่น
แต่นายนั่นก็บดเบียดริมฝีปากจนเจ็บไปหมดความโกรธเคืองที่ฉันทำกับเขา ฉันโดนกลับคืนมาอย่างเจ็บปวด จนสู้ไม่ไหว
ร่างกายของฉันปล่อยให้เขาทำตามอำเภอใจขณะที่นายนั่นพรมจูบที่ซอกคอของฉัน ฉันก็คิดถึงใครบางคน
คิมนายอยู่ไหน นายช่วยฉันด้วยสิ ฉันเจ็บไปหมดแล้ว..........
คิมอย่าโกรธฉันนะที่ฉันปล่อยตัวแบบนี้ นาย...... ฉันสู้ไม่ไหวแล้ว
แล้วน้ำฉันก็ไหลออกมา ฉันเริ่มทนไม่ได้กับสิ่งนายนั่นทำแล้ว เพราะฉันไม่ได้รักเขา ถ้าฉันรักเขาคงไม่มาร้องไห้แบบนี้
“เธอร้องไห้ ที่ฉันทำแบบนี้งั้นเหรอ”นายนั่นถามฉัน
“........”
“ทั้งๆที่ฉันเป็นว่าที่คู่หมั้นของเธอ”
“.....”
“เฮอะให้ตาย ฉันรักเธอ มานานแล้วด้วย ยังไงเธอก็ต้องเป็นของฉัน อาคิระ นาโอกิเท่านั้นจำไว้”
“แล้วฉันจะมารับเธอกลับญี่ปุ่นนะ ซากุระของฉัน”คิระเดินตรงไปที่หน้าต่างที่ล๊อคกลอนไว้
สิ้นเสียงของเขา เขาก็กระโดดออกจากหน้าต่างไป
“ซันเธออยู่ในนั้นรึเปล่า”เสียงของคิมที่อยู่ข้างนอกประตูที่เคาะรัวจนประตูแทบพัง
ร่างกายของฉันไม่อยากขยับไปไหนเลย ฉันหยุดร้องไห้แล้ว เหลือแต่แววตาของฉันที่ยังเหม่อมองอย่างไร้จุดหมาย
ทำไมฉันต้องเจอกับเรื่องแบบนี้ด้วย ฉันคิดว่าฉันเจอเขาแล้ว แต่พระเจ้าก็จะมาพรากเขาจากลูกไป
“ซันเธอเป็นอะไร”คิมมาแล้วเขาเอาผ้ามาคลุมตัวฉันที่เหลือแต่ชุดชั้นในแล้วก็เขย่าถามฉัน
อย่าเลยคิม อย่าเพิ่งแตะตัวฉันตอนนี้เลย มันทำให้ฉันรู้รู้สึกขยะแขยงตัวเองมากขึ้น
“รอยแดงเต็มไปหมด ซันแกไปโดนอะไรมา”กิ๊กถามฉันอีกคนพลางตบแก้มฉันเบาๆ
“นั้นมันรอยจูบชัดๆ”เบลโผล่หน้าพูดขึ้นมา
คำพูดของมันฉันอยากเตะปากมันจริงๆ
“แกเมื่อกี้ที่พวกเราฉันถูกชายชุดดำจับตัวออกไป มีผู้ชายคนหนึ่งอยู่ในห้อง เธอได้พบกับเขารึเปล่า แล้วเขาได้ทำอะไรกับเธอรึเปล่า”เบสถามฉันจับมือฉันอย่างเป็นห่วง
“ไม่หรอกไม่มีเลย”ฉันโกหก
“แน่นะ”ริต้าถามกำมือตัวเองแน่น สีหน้าวิตกเหมือนกลัวอะไรซักอย่าง
“ฉันอยากพัก”ฉันพยายามลุกขึ้นแต่ก็ถูกคิมกดให้นอนเหมือเดิม
“แมน เฟรม เบล พาแฟนแกไปนอนก่อนไปเดี๋ยวนี่ฉันจัดการเอง”
“อื้ม ซันพักผ่อนเยอะๆนะฉันเป็นห่วง”เบลพูดแล้วดึงริต้าไปแมนที่มองฉันฉันก่อนที่จะพาเบสไปและเฟรมที่จะพยายามดึงแฟนตัวเองให้ไปให้ได้เพราะกิ๊กมัวแต่ยื้อไม่อยากไป
-_-^ดูไปเหมือนควาญลากช้างกลับบ้านเลยแฮะ
เมื่อทุกคนไปหมดแล้วคิมมองฉันแล้วเสยผมของฉันที่ปรกหน้าผากขึ้นเบาๆ
“คิระมาแล้วใช่มั้ย”
“......”ฉันอึ้งกับคำที่เขาพูด
เขารู้งั้นเหรอ
“ว่าที่คู่หมั้นของเธอมาที่นี่ใช่มั้ย”
ฉันพยักหน้าเป็นคำตอบ
“เขาทำร้ายเธอเหรอ”
“....”
“ตอนนี้ฉันอยากรู้แล้วว่าเธอรักใครแล้วรึยัง”เขาทำหน้าตั้งใจมากเหมือนเรื่องนี้สำคัญต่อเขา
“......”
“เขาคนนั้นจะได้คุ้มครองเธอไง”
“นาย”
“หืม”
“อยู่กับฉันตลอดไปได้มั้ย”
“.....”คิมก้มหน้าไปสักพัก เขาคงไม่อยากอยู่กับฉันหรอก เลือกที่จะไม่รั้งเขาไว้จะดีกว่า
“ถ้านายไม่พอใจนายไม่ต้องลำบากก็ได้”
“ได้สิ”คิมเงยหน้ามา
รอยยิ้มอบอุ่นแตกต่างจากเวลาอื่นโดยสิ้นเชิง และนั่นก็เสมือนคำมั่นระหว่างเราสองคน
แล้วฉันก็เดินกลับห้องกับคิมสองคนระหว่างเดินนั้นมีแต่รอยยิ้มและหัวเราะของเราทั้งสองอย่างมีความสุข
ตอนนี้ฉันอยู่ในห้องนอน ตาคิมนั่นอาบน้ำอยู่ ฉันก็ล้มตัวลงนอนทันทีเพราะมันตีสองครึ่งแล้ว วันนี้ก็บ้ามาทั้งวันแล้ว
“พรุ่งนี้ตื่นกี่โมง”รู้สึกว่าคิมจะอาบน้ำเสร็จแล้วเพราะเสียงตานั่นใกล้มาก
“สายสุดได้เจ็ดโมงเพราะรถออกเก้าโมง”ฉันตอบทั้งที่หลับตาอยู่ รู้สึกถึงแรงกดทับที่เตียงระยะไกล ทำให้รู้ว่าตานั่นขึ้นเตียงแล้ว
ฟึ่บ!
“เฮ้นายคิม นายคิดจะทำอะไร”ฉันร้องเมื่อตาคิมใช้แขนโอบเอวฉัน
“อือ”ทำเสียงมันดูง่วงๆฟระ
ตกลงที่มันไปอาบน้ำ มันละเมอถูสบู่รึเปล่า-_-*ชักไม่แน่ใจ
“นาย ปล่อย ฉันอึดอัด”เหมือนว่าตาคิมจะละเมอจริงๆนะ ฉันบอกปล่อยมันกอดแน่นกว่าเดิมจนตัวของฉันไปอยู่กับตานั่นทั้งร่าง ผู้ชายอะไรตัวใหญ่ชะมัด>_<
“ปล่อย”
“อือ นอนทั้งอย่างนี้แหละ”
“นี่นาย”
“อืม................”
“.........”
“ขอเถอะ เป็นวันสุดท้ายแล้ว ที่ฉันจะได้อยู่กับเธอแบบนี้”
“......-///-”แล้วทำไมฉันต้องเขินด้วยละเนี่ย
จุ๊บ!
อ้ากกกกกกกกกกกกกกก>O< ตานั่นหอมแก้มฉัน มันไม่ได้ง่วงจริงนี่ ฉันดิ้นไปดิ้นมาแต่ตานั่นก็กอดแน่นมากกว่าเดิม ชาติก่อนนายเป็นงูเหลือมรึไง กอดแน่นจนลิ้นฉันจะจุกตายอยู่แล้ว-_-
เมื่อฉันพูดเท่าไหร่ตานั่นก็ไม่ฟัง ความง่วงก็ประดังเข้ามาทำให้ฉันหลับไปในอ้อมกอดของตาคิมโดยไม่รู้ตัว
Kim:say
รู้สึกว่าเธอจะหลับไปแล้วนะ คิกๆตอนเธอหลับน่ารักจัง ผมจูบที่หน้าผากของเธอ เธอก็ขยับตัวไปมาจนขยับมาซบอกผม
ผู้หญิงอะไรเหมือนเด็กชะมัด ^^
แต่รอยแดงที่ซอกคอของเธอเหมือนเป็นตราให้รู้ว่าเจ้าของของเธอได้มาทวงเธอคืนแล้ว
ซึ่งผมไม่สามารถทำอะไรได้
เมื่อเธอเป็นว่าที่คู่หมั้นของเขา แต่ผมไม่ได้เป็น
เขามีสิทธิที่จะทำอะไรเธอก็ได้
แต่ผมกลับช่วยเธอไม่ได้เลย
แล้วผมต้องเห็นเธอเป็นแบบนี้ไปถึงเมื่อไหร่
แต่แล้วผมก็นึกอะไรขึ้นมาได้.....
“บาย”ซันโบกลามืออยู่หน้าห้องของเธอให้ผม ผมยิ้มแล้วโบกมือให้เธอ จะมีใครอีกมั้ยที่ทำให้ผมมีความสุขมากกว่าอยู่กับเธอ ไม่มีอีกแล้ว
“พ่อของผมอยู่ไหนฮะ”ผมถามป้าอ้นที่เป็นคนใช้ของบ้านที่เดินผ่านมาพอดี
“อยู่ที่ห้องทำงานค่ะคุณหนู”
“ขอบคุณครับ”ผมเดินมุ่งหน้าไปที่ห้องทำงานเพื่อหาพ่อทันที พอผมเข้าไปก็พบพ่อนั่งอยู่กับกองหนังสือกองเบอเร่อ
“พ่อฮะ”
“อ้าวกลับมามาแล้วเหรอไอ้ลูกหมา ไหนไปเที่ยวงาบเด็กได้กี่คนลูกพ่อ”
พ่อแน่ใจนะว่าเป็นคำพูดที่ต้อนรับผมเนี่ย-_-;;
“พ่อ ผมมีเรื่องจะถาม”
“อะไรเหรอ”
ผมนั่งลงกับเก้าอี้โต๊ะทำงานตรงข้ามกับพ่อ ซึ่งพ่อก็นั่งฟังอย่างตั้งใจ
“พ่อถ้าผมทำงานผ.อ.แล้วพ่อจะให้ผมรู้เรื่องเกี่ยวกับโรงเรียนและแก๊งของเรามั้ยครับ”
พ่อผมนิ่งไปซักพักแต่ก็พยักหน้าให้ผม
“ผมก็จะมีสิทธิรู้เรื่องในกิจการของเราใช่มั้ยครับ”
“ใช่”
“งั้นพ่อฮะพรุ่งนี้ผมจะไปซ้อมการต่อสู้พร้อมกับครูฝึกและเด็กเรียนพิเศษฮะ”
พ่อของผมตาโตทันที
‘วันนี้ไม่ต้องรอฉันนะ ฉันมีธุระกันทั้งหมดพวกเธอกลับบ้านกันไปก่อนก็ได้’
ฉันมองข้อความที่รับมาอย่างเหนื่อย เป็นวันที่สามแล้วที่เราไม่ค่อยได้เจอหน้ากัน พวกตาคิมไปทำอะไรกันทุกเย็นนะ
สามวันที่ผ่านมาฉันได้ยินเสียงของคิมจากโทรศัพท์เท่านั้น แต่ก็ตอนดึกแล้ว เขามีเรื่องอะไรที่ต้องทำนักหนานะ
“พวกผู้ชายไม่อยู่กันใช่มั้ยวันนี้เราไปเที่ยวห้างกันดีกว่า”
“อือไปสิฉันจะได้ไปหลีชายเสียหน่อย”เบสกระโดดโลดเต้นอยู่รอบตัวเรา นี่ยัยกิ๊กถ่ายทอดวิชาปอบพิชิตเทวดาให้เบสรึเปล่าฟระ-_-^ วิชาแรงกล้าชอบกล
“นี่แกสวยมั้ยอ่ะ”กิ๊กถามฉันแล้วโชว์สร้อยรูปสมอเรือขึ้นมาให้ดู
“ไม่สวย”
“ฉันว่าสร้อยนี่ก็สวยดีออกน้า แกมองยังไงเนี่ย”กิ๊กมองฉันอย่างสงสัย
“แกนั่นแหละไม่สวย=O=”
ป้าบ!
โดนอีกจนได้
“นี่ใช่มือตีหรือเบื้องล่างตีฟระ-_-”(ซัน)
“ไอ้ซันแกอยากมีเรื่องกับฉันเหรอไง”(กิ๊ก)
“ลานว่างมั้ยล่ะ-_- เดี๋ยวแม่ตบล้างน้ำ เจ็บนะเฟร้ย”(ซัน)
“เลิกทะเลาะกันเสียที ซันเธอว่าอันนี้สวยมั้ย”(ริต้า)
“ไม่รู้ฉันขอไปร้านหนังสือจะได้มั้ยอะ ฉันเลือกของไม่เป็น”แล้วฉันก็เดินออกไปโดยไม่รอคำตอบ มันหน้าเบื่อมากที่ต้องมาดูแสงวิบวับกระเด็นเข้าตาแบบนี้ จะบ้าตาย-_-
หมับ!
ฉันตกใจเมื่อมีคนมาจับแขนฉัน ฉันบิดมือแล้วทุ่มคนๆนั้นลงกับพื้นทันที
“ดะ...เดี๋ยวซัน โอ๊ยฉันเอง ลาวา”ตาลาวายกมือขึ้นแล้วเงยหน้าขึ้นมาฉันจึงเปลี่ยนอิริยาบถเป็นดึงเขาขึ้นมาแทน
“แล้วใครใช้ให้นายมาจับมือคนเขาอย่างนี้เล่า”
“คิดถึงเธอแทบตายไม่ได้เจอเธอตั้งหลายวัน”
“แค่ห้าวันเองนะ”
“แต่ห้าวันเหมือนห้าปีเลยนะ*_*”
“อยากอ้วกจัง-_-”
“ซัน นี่เธอจะเข้าร้านหนังสือกันมั้ยไปหาอะไรอ่านกัน”
“อือ”
แล้วฉันกับตาลาวาสุดน่ารัก(แค่หน้าตา แต่นิสัยไม่แน่ใจว่าจะติงต๊องหรือเจ้าชู้กันแน่)ก็ดูหนังสือด้วยกัน รู้สึกตานั่นจะชอบเรื่องวิทยาศาสตร์นะอ่านใหญ่เลยแฮะ
“นายอ่านเรื่องพวกวิทยาศาสตร์แบบนี้ ไม่เบื่อบ้างเหรอ”
“แล้วเธอละไม่เบื่อบ้างเหรอที่มัวอ่านกฎหมาย”ลาวาขยับแว่นนิดเพื่ออ่านหนังสือ ตอนลาวาใส่แว่นก็น่ารักไม่เบาแฮะ
(-_- )( -_-)(-_- )ฉันส่ายหน้า
“ฉันก็เหมือนกับเธอนั่นแหละ”ลาวาส่งยิ้มมาให้
ซันหันกลับมามองหนังือตัวเองแต่ก็อ่านไม่รู้เรื่องเลยซักนิดเพราะเธอกำลังคิดถึงเรื่องบางอย่าง
ในสวนสาธารณะแห่งหนึ่งในโตเกียว เด็กผู้หญิงอายุประมาณสิบกว่าขวบนั่งเขี่ยพื้นดินเล่นข้างบ่อน้ำอย่างเหม่อลอย
“นี่เธอ”เสียงนั่นทำให้เธอหันไปมอง เด็กผู้ชายอายุประมาณสิบขวบกว่าหน้าตาถึงขั้นว่าน่ารักมาก แต่ติดตรงที่การวางตัวของเด็กผู้ชายคนนี้ออกจะผู้ใหญ่เกินตัว เธอมองเขาแล้วหันเหความสนใจมาเขี่ยดิน
เหมือนเดิม
โลกนี้มันน่าเบื่อไม่มีอะไรสนุกๆทำเอาเสียเลย-_-
“เธอชื่ออะไรนะ”เขาถามเธอที่นั่งเหมือนคนเบื่อโลก
เธอหันมาช้าๆแล้วทำหน้าเฉยชาแล้วตอบ
“ชื่อซากุระ”
“คิกๆชื่อเธอน่ารักจัง หน้าก็น่ารักด้วย”เด็กคนนั้นพูดซึ่งๆหน้า ซึ่งเธอไม่รู้สึกเขินเลยซักนิด กลับไปเขี่ยดินบนพื้นต่อ แล้วทำหน้าตาประมาณว่า ฉันเกิดมาเพื่ออะไร=_=
“ทำไมเธอไม่พูดเลยละ>_<ธรรมดาเด็กผู้หญิงจะร่าเริงนะ”
“พอดีธรรมดาของฉันมันไม่ชอบพูดนะ เมื่อยปาก”เธอตอบอย่างรำคาญแล้วลุกขึ้นเดินอย่างไม่ใส่ใจซึ่งแน่นอนเด็กผู้ชายคนนั้นก็เดินตามไปด้วย
“ทำไมเธอไม่ยิ้มบ้างล่ะ”
“ขี้เกียจ-_-”นั่นคือคำตอบสั้นๆของเธอ
“-_-”เด็กผู้ชายมองหน้าเธออย่างหมดอารมณ์ แต่ก็อยากจะคุยด้วย เพราะความน่ารักของเธอ
“ฉันชื่อคิระ นาโอกินะยินดีที่ได้รู้จัก”
“ลูกคุณน้า นาอาโอกิ นาโอกิใช่มั้ย”
“O_Oเธอรู้ได้ยังไงนะ”เด็กผู้หญิงนั้นหัวเราะหึๆแล้วหันมาพูดกับเขา
“ก็ฉันเป็นลูกสาวของหัวหน้าแก๊งฟุโรคิน พ่อฉันชื่อเซกิ ฟุโรคิน มีเรื่องอะไรที่ฉันจะไม่รู้บ้างล่ะ”
เมื่อเขาได้ยินดังนั้นแทนที่เขาจะกลัวแต่ไม่เลยซักนิดมันมีแต่ที่เขาจะชอบเธอมากขึ้น
สองวันต่อมา
“คุณหนูซากุระคะ บอสเรียกคุณหนูนะคะ”คนรับใช้ในบ้านโผล่หัวเข้ามาในห้องฝึกซ้อมของเธอซึ่งเธอกำลังต่อสู้กับผู้ชายร่างล่ำบึกที่เป็นครูของเธอ เมื่อเธอได้ยินเธอโค้งให้ครูฝึกแล้วเดินออกที่ห้องนั่งเล่นที่มี
พ่อของเธอและพี่ชายนั่งอยู่
“วันนี้มีเพื่อนของเรามาอยู่กับเราซักอาทิตย์นึงนะซากุระต้อนรับเขาด้วยล่ะ”
“หนูเรียนทั้งวันนะค่ะพ่อ จะให้หนู ต้อนรับเขายังไงไม่ให้ พี่โซต้อนรับละคะ”
“ก็พวกนี้เขาอายุประมาณลูก ก็จะให้เรียนกับลูกนั่นแหละ”
“เหรอคะ อืม...แล้วหนูจะพยายามนะ”
“อะเดี๋ยวรู้จักกับห้าคนนี่นะ โซระแนะนำให้น้องหน่อยสิ”
แล้วพ่อของเธอก็เดินออกไปเพื่อให้เราคุยกันเอง
“นี่ซีโร่ ลูกชายหัวหน้าแก๊ง ซีเวอร์ฟลู ยามาดะ ลูกหัวหน้าแก๊งนาโอเซีย ชีบะลูกหัวหน้ากีงมองแฟล และคิระกับนาสะสองคนนี้เป็นพี่น้องกันอยู่แก๊งนาโอกิ เพื่อนสนิทของแก๊งเราไง
พวกนี้จะมาเรียนที่โรงเรียนของเราละเขาฝากฝังมาละ”
“อ้อ=_+”
“นี่น้องพี่ อายุสิบสองอยู่นะทำหน้าเหมือนเด็กอายุยี่สิบสิ-_-”
“...+_+” หน้าของซากุระ
“หา!o_oนี่เหรออายุ สิบสอง ฉันนึกว่าสิบขวบเสียอีก”เด็กที่ชื่อชีบะพูด
“ทำไมหน้านิ่งจัง ผู้หญิงธรรมดาจะร่าเริงไม่ใช่เหรอ”ยามาดะที่หน้าหล่อแบบเด็กๆพูดแล้วยืนมาข้างๆเธอ
“พอดีน้องฉันมันเป็นคนเงียบๆไม่ค่อยสุงสิงกับใครเท่าไหร่หรอก”โซระว่าพลางโอบน้องสาวอย่างรักใคร่
“ถ้าเธอยิ้มคงจะน่ารักน่าดูเลยละ”คนที่ชื่อนาเสะพูดแล้วเข้ามาจับแก้มของเธอ ซึ่งเธอก็มองหน้านิ่งเหมือนเป็นเรื่องไร้สาระ
“ย้ากกกกกกกกกกกกก!-v-”
ซากุระที่กำลังต่อสู้อย่างดุเดือดกับพี่ชายชองตัวเอง ทำให้เด็กทั้งห้ามองกันตาค้าง
ทั้งสองถือไม้กระบองเหมือนกัน โดยที่สาวน้อยถือกระบองอันเดียว แต่พี่ชายของเธอกลับถือทั้งสองข้าง
ถึงจะดูโหดไปหน่อยที่ผู้ชายมีอาวุธมากกว่า แต่ความคิดของพี่ชาย นั้น ไม่ เพราะการต่อสู้ น้องสาวเธอร้ายยิ่งกว่าครูฝึกเสียอีก
ทั้งคู่วิ่งไล่ตีกันไปมาในห้องโถงใหญ่ที่ว่างเปล่า ซึ่งมีครูฝึกคอยมองอย่างภาคภูมิใจในลูกศิษย์สุกที่รัก กับความตะลึงของเด็กผู้ชายทั้งห้าที่มองงงเป็นไก่ตาแตกไปเลย
ซากุระที่ตัวเล็กนิดเดียว ควงไม้หมุนไปรอบตัวเพื่อป้องกันไม้กระบองพี่ชายของเธอ และใช้ความเร็วตีที่ขาอย่างแรง จนเด็กทั้งหาร้องตกใจ
“อั๊ก ...ฉันเป็นพี่เธอนะ เล่นแรงจังTOT”โซระทำหน้าเบี้ยวด้วยความเจ็บเธอจึงดึงพี่ชายของตัวขึ้นมา
“พี่แพ้แล้ว-_-”
“เธอนี่แรงเยอะกว่าพี่อีกนะY_Y”โซระเดินกระเผลกไปพักริมห้องโดยที่ซากุระพาไป
“แล้วก็มีความดีที่เธอต้องทำนะโซระ ในเมื่อแพ้ ก็เรียนเพิ่มอีกหนึ่งชั่วโมง โอเค”
“ง่า >{}<โอเคTOTคร้าบ”โซระทำหน้าประมาณว่า โดนอีกแล้วเหรอเรา
“เอ้าเด็กอีกห้าคนลองมาต่อสู้กับซากุระหน่อยซิ”
“หา>O<”ทั้งห้าคนร้อง
“เป็นช่วงทดลองจะได้รู้ว่าต้องฝึกระดับไหนบ้าง”
แล้วก็ผ่านไปสี่คน ที่เธอล้มได้สำเร็จแล้วต้องไปเรียนกับโซระตามระเบียบ
จนมาถึงคิระ
ตอนนี้เธอกำลังควงไม้ที่ คิระตีใส่ไม่ยั้ง ซึ่งเธอก็พยายามที่จะหาช่องว่างเพื่อบุก
“ฉันต้องชนะเธอให้ได้”
“ไม่มีทาง”
“ยังไงฉันก็ต้องได้เรียนกับเธอ”
แต่แรงเขามีมากกว่าเธอทำให้คิระตีไม้จนหลุดจากมือเธอ ท่ามกลางเสียงกลืนน้ำลายดัง กรึ๊บของครูฝึก
มันทำให้ซากุระหน้านิ่งไปเลย ที่จริงหน้าเธอก็นิ่งตลอดเวลาอยู่แล้วละ-_-
คิมที่จะฟาดไม้ลงทั้งสองข้างที่ไหล่ของเธอเมื่อเห็นจังหวะ แต่เธอใช้แขนรับตั้งฉากแล้วหมุนควงเป็นวงอย่างรวดเร็ว แล้วบิดมืออย่างแรงทำให้ไม้กระเด็นออกจากมือของคิระ
ด้วยความตกใจของคิมทำให้เธอใช้ช่องว่างเตะเสยคาง แล้วกระโดดเตะคอของคิระซ้ำจนเซล้มไป
ซากุระยิ้มน้อยๆอย่างมีชัย
“ฉันชนะ-_-”ถึงจะดีใจไม่น้อย แต่เธอก็เผยเพียงสีหน้านิ่งๆออกมา กับคิระที่ทำหน้ามุ่ยด้วยความเจ็บ
“ใช้ได้ งั้นเรียนคลาสเดียวกับซากุระก็แล้วกัน เพราะเป็นคนแรกที่ทำให้อาวุธของซากุระหลุดมือ”
แต่เสียงครูฝึกทำให้เธอแทบจะเป็นลมคาที่O_O;;
เรียนการต่อสู้กับตานี้มีหวังจุ้นประสาทฉันกระเจิงแน่ๆ ซากุระคิด_*_
“ไงละ ยังไงฉันก็ได้เรียนกับเธอ”คิระพูดอย่างมีชัยเหนือกว่า
“รู้ อย่ามาย้ำ”ซากุระพูดอย่างไม่สบอารมณ์เมื่อเธอเดินเข้าห้องครัว ซึ่งวิชาต่อไปที่เธอต้องเรียนคือการทำอาหาร
“วันนี้ครูจะให้ซากุระกับโซระโชว์ฝีมือก็แล้วกัน วันนี้อาจารย์เตรียมอุปกรณ์มาสำหรับสองคน ซึ่งไม่รู้จะมีเด็กมาเพิ่มนะ”อาจารย์ที่สอนวิชานี้พูดกับเด็กๆ
“นี่เธอจะทำไอศกรีมมั้ย^^”คิระถามเธอ ขณะที่เธอกำลังหยิบของในตู้อุปกรณ์และเครื่องปรุง
“แล้วบ้านนายใช้ซอสมะเขือเทศทำไอศกรีมรึไง-_-”เธอยกขวดซอสจ่อที่หน้าคิระ
แป่ววว=_=;;
“แล้วเธอชอบเค้กรึเปล่า”
“ไม่-_-”
“ไอศกรีมละ”
“สองอย่างนี่เกลียดสุดๆ”คำๆนั้นทำให้คิระหน้าเบ้ไป เพราะทั้งหมดนั่นเป็นของชอบของเขาทั้งนั้น
เวลาผ่านไปหนึ่งชั่วโมง
“ว้าวซาซิมิ สปาเก็ตตี้ครีมซอส กับมักกะโรนี ว้าวโซระกับ ซากุระเก่งสุดยอด”นาเสะพูดอย่างชื่นชมในตัวซากุระและยิ้มชื่นชมซากุระอย่างยิ่ง ซึ่งซากุระก็รับยิ้มน้อยๆ
“ซากุระชอบกินอะไรมากที่สุดละ”นาเสะพูดแก้มตุ่ยเพราะยัดสปาเก็ตตี้เป็นจานที่สองและมากกว่าจานแรกเสียอีกซึ่งทำให้ซากุระยิ้มขำๆ
“ฉันชอบ ซาซิมิ คิกๆ”
“เธอขำอะไร”นาเสะมองอย่างสงสัยกับสิ่งที่เธอกระทำอยู่
“หน้านายเหมือนแมวเลย เปื้อนซอสนะ”เธอยิ้มแล้วชี้ที่แก้ม
“โธ่พี่สาว อาหารเก่ง ต่อสู้ก็ร้ายกาจ ท่านพี่นี่สุดยอดจริงๆ”ซีโร่พูดอย่างชื่นชมโดยที่ข้าวห่อสาหร่ายยังเต็มปากอยู่
“พี่โซระไปเถอะ ไปเรียนต่อ”ซากุระแก้เขินโดยการดันพี่ตัวเองออกจากห้องครัว ทำให้ทุกคนเดินตามกันไปด้วย
ณ ห้องเรียน
“เรียนก็เก่งนรก น่ารักไม่เกรงใจใครจริงๆ”ชีบะพึมพำตอนเวลาเรียนวิชาการเพิ่มเติมที่ซากุระสรุปใจความในหนังสือได้อย่างไม่มีขาดตกบกพร่อง
ณ สนามซ้อมยิงปืน
ปัง!ปัง!
เสียงปืนที่ดังลั่น มาจากซากุระที่กำลังจ่อปืนสำหรับผู้หญิงอย่างชำนาญ ซึ่งถ้าเธอโตไปเธอคงเป็นนักฆ่าได้อย่างไม่มีใครสงสัย
นอกจากนี้เธอยังเรียนเกี่ยวกับจิตวิทยา การปฐมพยาบาลเมื่อบาดเจ็บจนกระทั่งเรียนเรื่องเคมีที่เกินกว่าอายุสิบกว่าขวบด้วยซ้ำ
ถึงว่าทั้งห้าและพี่โซระจะมานั่งพักที่ห้องนั่งเล่นแล้ว แต่ว่าซากุระก็ยังไปทำงานต่ออยู่ดี
จนเวลาเวลาก็ผ่านไปสองชั่วโมง คนรับใช้เรียกพวกเขาเข้าไปรับประทานอาหาร แต่ก็ไม่มีใครเห็นเธอ
จนมาถึงโต๊ะตัวใหญ่ที่มีคุณเซกิ ที่นั่งเด่นอยู่ ข้างๆก็มี ท่านญารินคุณแม่ของซากุระและโซระที่นั่งยิ้มอยู่
ท่านสวยมากไม่แปลกเลยที่ซากุระที่น่ารักขนาดนี้
เมื่อพวกเขานั่งกันหมดแล้วคิระเอ่ยขึ้นทันที
“ซากุระล่ะฮะ”เขาถามพลางสอดส่องสายตาแต่ก็ไม่เจอเธอ
“น้องกำลังเตรียมอาหารอยู่นะจ๊ะ เดี๋ยวก็มาแล้ว”ท่านญารินพูด
“มาแล้วค่ะ-_-”น้ำเสียงใสไร้อารมณ์ตามฉบับของเธอพูดขึ้น เมื่อมีรถเข็นอาหารนำมาก่อน
“แกงกระหรี่ไก่”เธอวางกับข้าวตรงหน้าชีบะที่นั่งตาลุกวาว เพราะเป็นของชอบของเขานั่นเอง
“บุยยาเบส”เธอวางไว้ระหว่างยามาดะและซีโร่เพราะเป็นของชอบของพวกเขาเหมือนกัน
“สตูไก่”เธอวางกับข้าวระหว่างคิระกับนาเสะ นาเสะยิ้มออกมาอย่างดีใจเพราะก็เป็นของชอบเหมือนกัน
แต่คิระ เขาหน้านิ่งไปเลย
เธอไม่มีอะไรวางให้เขาทั้งๆที่เขาพยายามเสาะหาทั่วรถเข็นแล้วก็ตาม
เมื่ออาหารพร้อม คนพร้อมทุกคนจึงเริ่มกินอย่างเอร็ดอร่อย
เว้นแต่คิระที่กินได้ไปหน่อยเดียวเท่านั้น
ทำไมต้องแคร์เมื่อเธอไม่ได้ทำอาหารให้เขา ก็แค่นั้น ไม่เห็นต้องเสียใจอะไรเลยนี่ คิระคิดในใจ
ทุกคนอิ่มกันเต็มที่ แต่แปลกที่คิระยังท้องร้องประสานเสียงกันอยู่
“คิระยังไม่อิ่มอีกเหรอ ท้องร้องเสียงดังเชียว”ท่านญารินพูดยิ้มๆเมื่อเห็นสีหน้าไม่สู้ดีของคิระ
“เอ่อ-_-;;”
“ซากุระหนูไปเอาของหวานมาให้พี่กินหน่อยสิคะ^^แล้วพวกที่อิ่มแล้วเชิญตามสบาย”
ทุกคนลุกขึ้นโดยอัตโนมัติแต่เขาก็ยังแข็งทื่อเป็นตอไม้เหมือนเดิม เขาอยากจะไปแต่เขาก็ไปไม่ได้ เขาอยากลองดูอีกสักครั้ง เธอน่าจะ....
“ไอศรีมช๊อกโกแลตชิพ และรสช๊อกโกแลตแท้กินคู่กับบราวนี่ และบัตเตอร์เค้ก”เสียงใสดังขึ้นอีกครั้ง ทำให้คิระหน้าเหวอเล็กน้อย ขณะที่ซากุระถือถ้อยไอศกรีมที่จัดคู่กับเค้กอย่างสวยงาม
เมื่อเธอวางที่ตรงหน้าของเขามันทำให้เขายิ้มได้แทบจะในทันที
“ไหนว่าเธอเกลียดขนมกับไอติมนี่ ทำไมเธอทำเป็น”เขาถามอย่างสงสัย
“แต่ฉันก็ไม่ได้บอกนี่ว่าฉันทำไม่เป็น-_-”
“กินละนะ^^”
“จะเททิ้งให้หมาก็ตามใจ-_-”เธอพูดแล้วเท้าคางนั่งมองเขากินเงียบๆ
เวลาผ่านไปไม่รู้ว่านานเท่าไหร่ แต่รู้ว่ามันทำให้คิระรู้สึกปลื้มเธอคนนี้มากขึ้น
“อร่อยจัง^^”
“ถ้วยที่สามแล้วนะ-_-”เธอมองเขาอย่างเบื่อๆ แต่การกระทำของเธอแตกต่างกันมาก พอได้รู้จักเธอก็ได้รู้ว่าเธอก็อบอุ่นไม่หยอก
“ก็มันชอบนี่^^”เมื่อเธอได้ยินจึงส่ายหน้าอย่างไม่สบอารมณ์แล้วกวักมือเรียกคนรับใช้เอาไอศกรีมมาให้อีกถ้วย
“เธอเรียนก็เก่ง บู๊ก็เกินหน้าเกินตา สวยไม่บันยะบันยัง แถมยังทำอาหารก็เทพชิงมาเกิด ถ้าได้เธอเป็นแฟนก็คงดี”
“อายุสิบสองขวบเอง--_-- คิดแบบนี้ตอแหลจัง”
“ นี่สมัยเขามีแฟนตั้งแต่เด็กกันทั้งนั้นแหละ แต่ฉันชอบเธอนะ ^^อยากขอเธอแต่งงานจัง”
“ดูหนังมากไปรึเปล่านาย”
“ฉันพูดจริงๆนะ”
“ไปขอแม่ฉันไป อย่ามาขอกับฉัน”
“เธอหมายความว่าเธออนุญาตเหรอ”
“นายกลับไปจูนสมองใหม่ไป-_- อายุแค่นี้แก่แดดจริงนะนาย”
ถึงแม้เธอจะไม่สนใจกับคำพูดของคิระ แต่คิระจะพิสูจน์ให้ได้ว่าเขาทำจริง
เมื่อถึงเวลาที่ลูกมาเฟียทั้งหลายจะต้องนั่งรถออกจากบ้านเพื่อไปเรียนที่โรงเรียนฟุโรคิน โรงเรียนที่ดังในเรื่องการศึกษาและการต่อสู้ เหมาะสมกับการที่จะเรียนต่อตำรวจ
บอดี้การ์ด เอฟบีไอ นักสืบ และการทำงานให้กับมาเฟีย
ส่วนมากมีแต่ผู้ชายที่มาเรียนกันมาก แต่ผู้หญิงก็มีส่วนมากจะเป็น บอดี้การ์ดเสียมากกว่าที่จะมาเรียนแต่พวกเธอก็มีแต่หน้าดุๆจนผู้ชายไม่ค่อยกล้าเข้าใกล้
แต่เธอคนนี้ ซากุระเมื่อเธอเดินก้าวเข้ามากับพี่ชาย ทุกคนทักทายและรู้จักกันทุกคน เธอใส่ชุดนักเรียนที่จัดได้ว่าเท่ที่สุดจากบรรดาโรงเรียนทั้งหลาย
เสื้อเชิ๊ตสีขาวแขนสั้นผูกเนกไทสีดำหลวมลายนกอินทรีสีขาว อยู่ใต้ตัวอักษรFK ถุงมือหนังสีดำกระโปรงดำสั้นขึ้นมาจากเข่าหนึ่งคืบ และใส่ถุงน่องตาข่ายรูกว้างที่มีที่เก็บมีประจำสัญลักษณ์โรงเรียนฟุโรคิน
ซึ่งพี่ชายเขาใส่ชุดคล้ายๆกับซากุระเพียงแต่เสื้อสีดำ เนกไทสีขาวลายนกอินทรีสีดำ ถุงมือเป็นสีขาว ใส่กางเกงเสลกสีดำขาวคลุมข้อ
ทั้งสองได้เดินนำหน้าเด็กทั้งห้าคนที่เดินมาใหม่ มีแต่ผู้ชายที่มาทักทายกับเธอแต่เธอก็เฉยทุกครั้ง
“ซากุระ”
“อ่าหวัดดีคะอาจารย์O-O”ซากุระไหว้อาจารย์ ขณะที่อาจารย์กำลังเดินผ่านมา
แล้วทุกคนก็ต้องตกตะลึงเมื่ออาจารย์ที่พวกเขาเห็นคือ..................
พ่อซากุระO_O
ไม่หน้าเชื่อว่าพ่อของซากุระจะเป็นครูสอนประวัติศาสตร์ และเป็นผ.อ.ของโรงเรียน เสียด้วย
แล้วเรื่องก็เริ่มมาจากโรงเรียนนั้น