ยัยตัวร้ายปะทะนายแบดบอย..โดย กันย์นิกา

นวนิยาย เรื่องยาว ต่างๆ

ยัยตัวร้ายปะทะนายแบดบอย..โดย กันย์นิกา

โพสต์โดย น้ำฟ้า » เสาร์ 12 ก.ค. 2008 11:34 pm

ประวัติผู้เขียน

• กันย์นิกา


ชื่อจริง กมลวรรณ ศรีคำทา ( กันย์ )


เกิด ๒๐ กันยายน ๒๕๓๖

สาวม.ต้น ผู้มีความตั้งใจจริง สู้ๆนะคะ

E -mai kukan_0981@hotmail.com

เรื่องนี้เขียนตอนหนูกันต์อยู่ม.๒ ค่ะ


ตอน นายคลาสโนว่า ปะทะ ยัยสวยสุดโหด

เปิดเทอม

ก่อนเปิดเทอมนี้ได้มีข่าวว่า สาวสวยสุดโหดแห่งโรงเรียนฟุโรคินในประเทศญี่ปุ่นได้หายสาบสูญจากโรงเรียน หลังจากเธอปราบพวกอันธพาลในย่านหนึ่งที่เรียกว่าฟุโรคินจนสำเร็จ แต่ไม่มีใครรู้ว่าเป็นเรื่องจริง

หรือไม่ แต่แล้ว เธอก็หายไปอย่างไร้ร่องรอยจากวงการต่อสู้ ทำให้แก๊งใหญ่อย่างนาโอกิตามหาให้ วุ่น

แต่ก็ไม่มีใครเจอเธอเลยนับตั้งแต่วันนั้น

เช้าวันเปิดเทอมวันแรกของโรงเรียนมัธยมปลายเอกชนในกรุงเทพฯ ได้มีสาวสุดสวยนามว่า ซัน ได้ย่างกรายเข้ามาในโรงเรียนอย่างมั่นใจ เธอใส่ชุดเสื้อเชิ้ตเนกไทสีดำ กระโปรงดำสั้นถึงเข่า

นั่นคือชุดประจำโรงเรียนของโรงเรียนนี้ ผมสีน้ำตาลเข้มซอยสั้นแบบวัยรุ่นดูโดดเด่นจนคนในโรงเรียนมองกันเป็นตาเดียว แต่รู้สึกเธอจะไม่ได้สนใจพวกเขาเลยซักนิด เธอเดินดุ่มๆไปที่บอร์ดของโรงเรียนเพื่อหา

ห้อง แล้ว ก็เดินออกมา ขึ้นไปยังห้องเรียนของเธอทันที

หลังจากที่เธอเดินตามขั้นบันไดที่เป็นสมัยยูโรเปียน เธอก็เดินเปิดประตูไม้โอ๊คเข้าไปในห้องเรียน เธอก็พบกับโต๊ะที่เรียงเป็นคู่อย่างเป็นระเบียบ เธอก็เลือกที่จะนั่งหลังสุด พอเธอนั่งลงแล้วเธอก็ฟุบหน้าหลับไป

ทันที

(นางเอกเรามาถึงก็หลับซะแล้ว)

เพราะนั่นแหละทำเลดีที่สุดของเธอตอนนี้ ที่เงียบ อันแสนน่านอน

“นี่!เธอฉันขอนั่งด้วยได้มั้ย”แต่ยังไม่ทันทีที่ซันจะหลับได้ก็มีเสียงหนึ่งดังขึ้น เธอจึงเงยหน้าขึ้นมาอย่างหงุดหงิด แล้วเธอก็เห็นหญิงสาวหน้าตาน่ารักคนหนึ่งยืนอยู่ตรงหน้าเธอ

“เมื่อกี้เธอว่า –O-ไร นะ”ซันถามพลางมองหน้าผู้หญิงคนนั้น

“ขอนั่งด้วยได้มั้ย”ผู้หญิงคนนั้นพูดห้วนๆซึ่งไม่เหมาะกับหน้าตาเธอซะเลย

ซันมองข้างๆของตัวเองแล้วพยักหน้าช้าๆที่หมายความว่าเชิญตามสบาย ผู้หญิงคนนั้นก็รีบมานั่งข้างเธอทันที

“เธอชื่ออะไรเหรอ”ผู้หญิงคนนั้นถามเธอ

“ซัน” เธอตอบสั้นๆแล้วทำหน้าเซ็งๆ

“ฉันชื่อว่า กิ๊กนะ” ผู้หญิงคนนั้นพูดขึ้น

-ใครถามเธอ- ซันคิดในใจ

“งั้นเรามาเป็นเพื่อนกันนะ”กิ๊กว่า

“อือ”เธอว่า

แล้วคนที่ชื่อกิ๊กนั่นก็เป็นเพื่อนคนแรกในชั้นเรียนของเธอ

พอถึงตอนพักกลางวันซันกับกิ๊กก็ได้ไปกินอาหารกลางวันที่โรงอาหารแต่ปรากฏว่าโรงอาหารคนเยอะมาก เธอกับกิ๊กจึงหาที่นั่งยากหน่อย พอซันเห็นแถวหลังๆว่างซันจึงตัดสินใจไปนั่งแถวหลังๆ

“ซัน ฉันว่าไม่ดีมั้ง มีแต่ผู้ชายทั้งนั้นเลยอ่ะ”กิ๊กว่า

“เลือกเอาจะยืนกินหรือจะนั่งกิน”เธอว่าแล้วไม่สนใจเดินไปนั่งโต๊ะหลังสุดของโรงอาหาร

พอซันหาที่นั่งได้แล้วก็เตรียมที่จะกินอาหารทันที

“นี่น้องมานั่งตรงนี้ได้ไงเนี่ยนี่มันที่พวกพี่นะ” เสียงเข้มๆอย่างโหดเหี้ยมดังขึ้นมา ทั้งๆยังไม่ทันกินข้าว

มีเรื่องอะไรอีกเนี่ย ซันอารมณ์เสียแต่สีหน้าของเธอก็ยังเงียบขรึมเหมือนเดิม

“อะไรกันก็ไม่มีชื่อหมาตัวไหนมันแปะไว้นี่แล้วมาบอกเป็นเจ้าของได้ไง”กิ๊กว่าทันที ที่ไม่ได้ดูเลยว่าคนที่พูดนั้นคือใคร

มันก็คือผู้ชายร่างสูงใหญ่ที่เจาะตุ้มหูใหญ่ๆ หน้าโหดๆรู้สึกจะเป็นหัวหน้าและมีลูกน้องตัว บิ๊กๆอยู่ข้างหลังอีกสามสี่คน

นั่นไงความซวยมาเยือนแล้ว ความผิดแกแท้ๆเลยอีกิ๊ก -*-

“นี่น้องปากดีไปหน่อยนะอยากมีเรื่องกับพี่ใช่มั้ย”ไอ้หัวหน้าทำเสียงข่มกิ๊กแล้วดึงตัวกิ๊กขึ้นมาทันที

“โอ๊ยไอ้หน้าสตรีเอ้ย-_-^”กิ๊กถุยน้ำลายท้าทาย หน้าไอ้โหดกระตุกอย่างโกรธเกรี้ยว มือง้างขึ้นอย่างสุดแรง

ก่อนที่จะเตรียมตัวเตรียมใจ ฝ่ามือก็กระทบกับหน้าของกิ๊กอย่างจัง ทำเอากิ๊กล้มลงกับพื้น(หัวขาดมั้ยนั่น)

ปัง!

แต่แล้วเสียงจานกระทบกับโต๊ะอย่างแรงทันที ทำเอาข้าวเต็มใจกระโดดมาเต้นฮิบฮอพออกจากจานเกือบหมด

-*-

ไอ้หน้าโหดหันมา แต่ยังไม่รู้ว่ามีอะไรจะเกิดกับมันเสียเลยว่า.....

คนที่อยู่ข้างหลังกำลังทำอะไร

ซันลุกขึ้นไปบนโต๊ะอย่างรวดเร็วแล้ว......

ให้คิดเป็นภาพสโลโมชั่นกลางอากาศ ฟิ้ว~

ปั๊ก!

เท้าของซันกระทบกระปากของไอ้หน้าโหดอย่างจัง ผู้คนแตกฮือกันยกใหญ่ พลางถอยห่างจากซันแล้วไอ้หน้าโหดคนนั้น

“แก...แกเตะปากฉัน-_-^ แกตาย”ไอ้หน้าโหด แตะปากตัวเองที่มีเลือดไหลออกมา แล้วกำหมัดพุ่งมาจะต่อยที่หน้าของซัน

แต่เธอรับหมัดไว้ได้แล้วบิดแขนไอ้หน้าโหดจนได้ยินเสียงดัง กร๊อบ แล้วต่อยเสยไปอีกทีทีนี้ปากไม่ได้มีเลือดซิบๆแล้ว คราวนี้เลือดไหลอย่างกับเขื่อนแตกไอ้หน้าโหดร้องโอดโอยพลางทำหน้า

เหยเกประกอบกับเลือดเต็มปาก ไม่นานไอ้ลูกน้องวิ่งเข้ามาหาซันพร้อมกับไม้ แต่เธอจับไม้อย่างรวดเร็วแล้วจับทุ่มลูกน้องพร้อมกับไม้ลงกับโต๊ะอาหาร แล้วเอาไม้มาจัดการกับลูกน้องอีกที่เหลืออย่างสบายๆ

โดยไม่มีเหงื่อเลยสักเม็ด

ไม่นานผู้ชายที่เพิ่งจะต่อสู้กับเธอเมื่อกี้ก็ลงมานอนกับพื้นโรงอาหารกันหมด

ซันปัดมือแล้วทิ้งไม้ลงแล้วก็ไปพากิ๊กขึ้นมาจากพื้นเดินออกไปด้วยกัน

หิวข้าวชะมัด ไม่ได้กินซักกะคำเลย ไอ้พวกมารเอ้ย เธอคิดในใจ

“ ใครที่ชื่อ ซันห้อง5/3มาที่ฝ่ายปกครองหน่อยซิ “เสียงประกาศตามเครื่องกระจายเสียงด้วยเสียงอันดังตอนจะเข้าเรียนคาบบ่าย

“ซันนั่นเขาเรียกแกใช่มั้ย เฮ้ย มันจะเกี่ยวกับเรื่องที่แกไปแตะปากรุ่นพี่คนนั้นรึเปล่า”กิ๊กพูดอย่างกระวนกระวายใจ ทั้งๆที่ตัวเองไม่ได้เป็นคนโดนเรียก-*-แล้วจะตื่นเต้นเพื่อ

“เงียบเถอะน่า-_- เดี๋ยวฉันจัดการเอง เพียงเธอลอกเลกเชอร์ให้ฉันไปก่อนเถอะ แล้วตอนเย็นฉันจะมารอหน้าโรงเรียน”ซันพูดแล้วเดินออกจากห้องเรียนไป

ระหว่างที่เธอเดินทอดน่องผ่านโรงอาหารที่อยู่ใกล้กับห้องปกครองก็มีเสียงซุบซิบดังขึ้นระหว่างทาง

“นั่นใช่คนที่เตะปากรุ่นพี่ใช่รึเปล่า”

“น่าจะใช่นะ แต่ทำไมหน้าสวยจัง”

“เห็นว่าเป็นเด็กใหม่นะ”

“รู้มั้ยเขาอยู่ห้องไหนอะ”

“โหดจังเนอะ”



ถึงเสียงซุบซิบจะดังจนซันได้ยินจังๆก็ตาม แต่เธอก็เดินผ่านไปไม่สนใจคนรอบข้างเอาเสียเลย จนกระทั่งเธอหยุดยืนที่หน้าห้องปกครอง แล้วก็เดินเข้าไปโดยไม่ลังเลและมั่นใจ

ความเย็นยะเยือกราวกับห้องเย็นสำหรับศพในห้องปกครองกระทบกับผิวหนังเธอ เธอกวาดสายตามองในห้องที่มีตู้แฟ้มที่คิดว่าน่าจะเป็นบัญชีรายชื่อเด็กนักเรียนทำผิดเอาไว้

และมีผู้ชายหน้าตาเคร่งเครียดนั่งที่โต๊ะทำงานท่าทางจะอายุสามสิบกว่าๆเธอจึงเดินไปอยู่ที่หน้าโต๊ะของผู้ชายคนนั้นที่คิดว่าหน้าจะเป็นอาจารย์ฝ่ายปกครอง

เธอไหว้อาจารย์คนนั้นอย่างสวยงาม ราวกับ นาตาลี เกียวโบว่ามาเอง-.,-

“หนูมีอะไรเหรอ”อาจารย์คนนั้นถาม

-แล้วเมื่อกี้อาจารย์ประกาศเรียกคนที่ชื่อ ขันที ไทเทเนียม รึไงค่ะ- ซันคิดในใจ

“หนูชื่อซันห้อง5/3ค่ะ”เธอพูดไปทำเอาอาจารย์คนนั้นแถบตกเก้าอี้ทำงาน

“แน่ใจนะว่าชื่อนี้”อาจารย์ว่า

หนูแน่ใจตั้งแต่เกิดแล้วล่ะค่ะ ว่าหนูชื่อซัน

“ค่ะ”

“งั้นก็นั่งหน้าครูนี่ รอรุ่นพี่ของเธอซะก่อน” อาจารย์พูดด้วยเสียงเครียดๆทันที

ไม่นานนักก็มีผู้ชายมาหกคนพวกนั้นเดินมา พอซันหันหน้าไปทำให้ผู้ชายถอยกรูดแถบไม่ทัน โดยเฉพาะคนที่ตัวใหญ่สุด

นั่นคือกลุ่มที่มีเรื่องกับซันเมื่อกลางวันนั่นเอง

“นั่งลง”อาจารย์สั่ง

ไอ้หัวหน้ากลุ่มลงมานั่งข้างซันโดยเหลือบมองเธอบ้างเป็นระยะๆ

“เหตุทะเลาะวิวาท สำหรับเธอคนนี้เพียงครั้งแรก แค่ทัณฑ์บน แต่นายเจฉันเห็นหน้าแกจนเบื่อแล้วนะ นี่ไม่คิดหยุดพักราชการเลยรึไง อีกอย่างพวกเธอกล้ามากที่มาตีกันห้องปกครองเนี่ย

แล้วรายนี้ใครเคราะห์ร้ายล่ะเนี่ย”

“อ๋มอ๊าบ”ไอ้ตัวใหญ่ที่ชื่อว่า เจ พูดด้วยน้ำเสียงแปลกๆ

“อะไรนะ”อาจารย์ถามซ้ำ “ปากเธอโดนอะไรมา เฮ้ย ฟันหน้าเธอหายไปไหนสองซี่เนี่ย”

แล้วพวกผู้ชายทั้งหมดก็ส่งสายตามาทางฉันพร้อมใช้นิ้วชี้มาด้วย

ทำไมต้องใส่ร้ายฉันด้วยเนี่ย ฟันนายเองอาจจะหักเองก็ได้นี่นา (ยัยบื้อ ฟันแท้นะไม่ได้ฟันน้ำนม ทำหยั่งกะเด็กอนุบาล นางเอกเรา)

“นี่เธอถึงขั้นเอาถาดอาหารฟาดปากเลยรึไงฮะ.....”อาจารย์พูดยังไม่ทันจบเจก็ขัดขึ้นมา

“ไอ๋ไอ้อ้าดแต่เอ้นอีนอ๊าบ”

“อะไรนะ”

“หนูใช้เท้าเตะปากเขาค่ะ”

“หา!”อาจารย์แถบจะไถลตกโต๊ะทำงาน

“ทำโทษเดี๋ยวนี้.....”อาจารย์ฝ่ายปกครองพูดอย่างเหลืออดพลางทำหน้าบู้บี้เหมือนติดแชร์ไว้หลายมือ

“พระบัญชามาเลยค่ะ”ซันว่า

“ทำความสะอาดห้อง และรับใช้ผอ. เป็นเวลาสองอาทิตย์ เพราะแม่บ้านกลับไปหาแม่ที่ต่างจังหวัด”

“โทษ นะค่ะอาจารย์ชื่ออะไรค่ะ”

“ชัยวริช”อาจารย์คนนั้นตอบสั้นๆ
แก้ไขล่าสุดโดย น้ำฟ้า เมื่อ อาทิตย์ 13 ก.ค. 2008 9:07 am, แก้ไขแล้ว 1 ครั้ง
ผู้หญิงธรรมดา..แต่ใจมันด้านชาผู้ชาย
ภาพประจำตัวสมาชิก
น้ำฟ้า
นักเขียนแห่งปี
นักเขียนแห่งปี
 
โพสต์: 886
ลงทะเบียนเมื่อ: ศุกร์ 11 ก.ค. 2008 10:19 am

Re: ยัยตัวร้ายปะทะนายแบดบอย..โดย กันย์นิกา

โพสต์โดย น้ำฟ้า » เสาร์ 12 ก.ค. 2008 11:36 pm

ตอน2
๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑


ผ.อ.

“หา!......อาจาร์ยชัยวริช ซันแกรู้มั้ยแกเจอกับอะไร” กิ๊กพูดอย่างตกใจเมื่อซันบอกเรื่องทั้งหมดให้ฟัง

เธอมองหน้าแต่ไม่ได้ว่าอะไร

“รู้มั้ยนั่นเป็นพ่อของผอ.โรงเรียนนี้”หลังจากที่ กิ๊กพูด ทำเอาซันแทบตกเก้าอี้

“พ่อผอ.นี่เธอจะบ้ารึไงถ้าตาลุงนั่นเป็นพ่อของผอ.ลูกเขาคงจะอายุสิบหก”

“แกนี่เดาถูกเผงเลย”กิ๊กว่าพลางกุมขมับ

“ว่าอะไรนะ”ซันถามอย่างไม่เข้าใจ

“ผอ.ของเราคือ คิมหันต์ ห้อง5/1”

ได้ยินดังนั้นซันแถบจะเอาสมุดฟาดหน้าตัวเอง

เธอเกลียดผอ.ที่อายุน้อย มากๆที่สุดโดย เฉพาะคนนี้

แล้วเวลาแห่งการลงโทษก็เริ่มขึ้น

ช่วงเย็นที่นักเรียนกลับบ้านกันหมดแล้วซันยังคงอยู่ที่โรงเรียนแล้วเดินไปตาม

ทางห้องธุรการที่มีอาจารย์เพียงไม่กี่คนกำลังทำงานค้างอยู่ เธอเดินตรงไปที่

ประตูติดฟิล์มกรองแสงแล้วมีม่านบังไว้ที่เขียนว่าห้องผู้อำนวยการ

มือเล็กๆเคาะสองสามครั้งแล้วก็ได้ยินเสียงตอบมาเบาๆ

“เชิญ”

ซันสูดหายใจเข้าลึกๆแล้วเปิดประตูเข้าไป แอร์เย็นๆกระทบผิวหนังของซัน

เธอเดินตรงไปผ่านตู้หนังสือที่เป็นฉากกั้นไว้จนเธอเดินพ้นมา ก็เห็นคู่หญิงชายกอดกันนัวเนีย

บนโต๊ะทำงาน

“อะแฮ่ม”ซันกระแอมน้อยๆที่พอให้ทั้งคู่หยุดการกระทำนั้นได้

ผู้ชายถอยผละจากโต๊ะทันที เขาเป็นผู้ชายร่างสูงผมสีดำสนิทแววตาสีน้ำตาลอ่อน

หน้าคมสันหันมามองฉันช้าๆ

“เอ่อฉันโดนลงโทษให้มารับใช้ผอ. ค่ะ” แล้วทำไมฉันต้องพูดว่าโดนลงโทษด้วยว้าไอซันเอ๋ย-*-

“อะไรคะคิมจะให้นังนี่มาเป็นคนรับใช้ของคิม พาไม่ยอมนะค่ะ” ผู้หญิงคนนั้นกรี๊ดยกใหญ่

“พ่อสั่งมาแบบนี้ฉันจะทำยังไงได้ล่ะ”หน้าคมสันพูดนิ่ง

“คิมจะเอายัยนี่มาแทนพาใช่มั้ยพาไม่ยอมนะ”

รู้สึกว่าเธอจะงงกับเรื่องนี้แล้ว เพราะเธอเกาหัวแกร๊กๆ

“นี่คิมคิดจะเลิกกับพาเหรอ มันไม่ง่ายไปหน่อยมั้ง”

คิมหันต์ทอนหายใจช้าๆแล้วตัดสินใจพูด

“ถูกแล้วละ” พาวิณีตาโต “ผมเรียกคุณมานี่เพราะเรื่องที่จะเลิกกับคุณ พาวิณี”

“กรี๊ดๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ”เสียงกรี๊ดรองดังมาจากหญิงสาวแล้ววิ่งปร๊าดง้างมือตรงมาทางซัน

แต่เธอจับมือของหญิงสาวไว้ทันก่อนที่จะมากระทบใบหน้าของเธอ

“มันไม่ง่ายไปหน่อยมั้ง”ซันยิ้มเยาะขณะที่มือยังจับมือหญิงสาวเอาไว้ หญิงสาวหน้ายู่ยี่มากขึ้น

เพราะอารมณ์โกรธแล้วง้างมืออีกข้างมาอีกคราวนี้เร็วกว่าเดิมแต่ซันรู้ตัวได้ก่อน

ใช้แขนของเธอฟาดแขนของพาวิณีอย่างแรงแล้วเหวี่ยงหญิงสาวลงกับโซฟา

พาวิณีร้องโอดโอยพลางประคองแขนข้างซ้ายเอาไว้

รู้สึกว่าคิมหันต์ไม่รู้สึกอะไรเสียเลยแถมยังมีกะจิตกะใจมาชงกาแฟเสียอีก

“คิมคะ พาวิณีเจ็บ”หญิงสาวร้องโอดครวญ

คิมหันมานิดนึงก่อนที่จะพูดว่า

“เธอโทรไปเรียกยามมา พา พาวิณีไปส่งโรงพยาบาลหน่อยสิ”เขาสั่งซัน

“กรี๊ดๆๆๆๆๆๆๆ ฉันไม่หน้าหลงรักคุณเลย คุณมันเลวที่สุด”

“โทษ ที ผมขอถามหน่อยคุณหลงรักผมหรือหลงรักเงินของผม”คิมว่า ทำเอาพาวิณีสะอึก

“ไปก็ได้ คิมนายจำไว้น่ะ นายเจอดีแน่” พาวิณีชี้หน้าแล้วก็เดินปึงปังจากไป โดที่คิมโบกมือล้อเลียน

“เป็นการไล่ผู้หญิงที่ห่วยแตกมาก”ซันว่า

“เธอ จะว่าฉันตามตรงก็ได้ว่าฉันเป็นพวกหลอกฟันผู้หญิง” คิมนั่งลงกับเก้าอี้ทำงาน

-อะ แน่นอน-ซันคิด

ซันมองอิริยาบถของคิมหันต์อย่างเงียบๆเขาปลดกระดุมบนออกสองสามเม็ดเพื่อเผยให้เห็นกล้ามนิดๆ

-กะจะหลอกยั่วฉันรึไง-ซันคิด

“นั่งสิ”เขาว่า

เธอนั่งลงแล้วยังคงสังเกตการณ์ที่คิมหันต์กำลังทำเพราะเธอคิดว่ามีราสังหรณ์ร้ายๆ

คืบคลานใกล้ๆตัวเธอ

คิมหันต์ยื่นแก้วกาแฟมาให้เธอ

“ขอบใจ”เธอพูดสั้นๆโดยไม่แตะต้องกาแฟที่เขายื่นมาให้

“ทำไมเธอไม่กินกาแฟล่ะ แล้วหน้าเธอมีหน้าเดียวรึไงไม่ได้เอารอยยิ้มมาจากบ้านเรอะ”

“เรื่องของฉัน ฉันมีหน้าที่รับใช้นาย แล้วนายจะให้ฉันทำอะไร”

“ก็ทำความสะอาดห้อง”

“อย่างเดียว”เธอเลิกคิ้ว

“ไม่ใช่ เธอต้องเป็นเบ๊ให้ฉันระหว่างการทำโทษอีก”

“หา”

“เธอได้ยินถูกแล้ว” คิมยิ้มน้อยๆ “เอ้า ทำความสะอาดห้องสิ”

ซันลุกขึ้นไปหยิบอุปกรณ์ทำความสะอาดจากห้องเก็บของแล้วเริ่มทำความสะอาดทันที

-ผู้หญิงตัวเล็กๆเนี่ยนะโหด น่าขำ เธอน่ะเหมาะกับคำว่าหน้ากินเสียมากกว่า-คิม

ยิ้มน้อยๆแล้วจิบกาแฟต่อไป

มาทางด้านของนักท่องเที่ยวชาวญี่ปุ่นที่อยู่ในถนนข้าวสารยามค่ำคืนกลุ่มหนึ่งซึ่งเป็นเด็กหนุ่มทั้งหมด

ทั้งหมดมีสี่คน และกำลังมองหาใครบางคน

“นาเสะ นายว่าซากุระจะอยู่แถวนี้หรือเปล่าฉันไม่เห็นเจอเลยนะ”ชายหนุ่มผมทองที่แต่งตัวเด็กอีโม

ว่าพลางสอดส่องสายตาหาใครบางคน

ป้าป

“นี่แนะแกไม่รู้รึไงว่าซากุระไม่ชอบมาในที่แบบนี้แล้วแกจะมองหาพระแสงแกหรือ”

ชายหนุ่มผมสีน้ำตาลเข้มที่ใส่แว่นกันแดดที่เข้ากับรูปหน้าของเขาได้เป็นอย่างดี

ทำเอาสาวๆที่เดินผ่านไปผ่านมาก็ต้องเหลียวมองเขากำลังตบหัวเด็กอีโม

“ว้าวสาวไทยน่ารักชะมัดเลย แต่ว่าเราจะหาซากุระได้จากที่ไหนล่ะ”

“เรารู้อย่างเดียวว่าอยู่ที่กรุงเทพฯแต่ดูสิกรุงเทพฯมันเล็กๆซะที่ไหน”

ชายหนุ่มใส่แว่นกรอบสีดำที่ทำให้หน้าเขาดูเก๋น่ารักน่าหยิกพูดขึ้นพลางเกาหัว

“เออหน่าตอนนี้หิวแล้วอะอยากกินอะไรที่อยู่ท้อง”ชายหนุ่มที่มีหัวสีแดงบ่นพลางหยิบกระเป๋า

ออกมาจากกางเกงยังไม่ทันที่เขาจะหยิบเงินออกมาก็โดนมือดีที่ไหนก็ไม่ทราบกระชากกระเป๋าออกไป

“เฮ้ยกระเป๋าฉัน....โธ่เว้ย”ชายหนุ่มหัวแดงสะบัดหัวอย่างอารมณ์เสียแล้วรีบวิ่งตามคนที่ฉกกระเป๋าเขาไป

พร้อมกับเพื่อนของเขา

คนที่ฉกกระเป๋าไปวิ่งอย่างสุดชีวิต แต่หนุ่มผมแดงวิ่งมา ตะครุบ ทันแล้วก็ต่อยหน้าไปหนึ่งที

พร้อมกับหยิบกระเป๋าเก็บเข้าที่

คนที่ฉกกระเป๋าชักมีดขึ้นมาแต่หนุ่มผมแดงรู้ทัน เตะมีดกระเด็นออกจากมือแล้ว

ก็เตะคนที่ฉกกระเป๋าล้มลงไปกองกับพื้น

ขณะเดียวกันที่โรงเรียนในห้องผอ. ซันยังคงทำงานอยู่คนเดียวจากที่ไม่นานที่นายผอ.หน้าละอ่อน

ออกจากห้องไปเงียบๆโดยพูดทิ้งท้ายไว้

“ทำงานไปล่ะให้เสร็จด้วยแต่ระวังนะว่าโรงเรียนนี่นะภารโรงมีแต่ผู้ชาย

เธออาจถูกลากก่อนได้กลับถึงบ้านนะ”

-ขอบใจที่พูดปลอบฉัน รู้สึกสบายขึ้นเยอะ -_- ไอ้บ้า-

หลังจากที่ซันเก็บอุปกรณ์ทำความสะอาดเสร็จแล้วเธอหันมาปิดไฟทีละดวง

ในห้องทำงานแล้วก็เดินออกมา ตั้งท่าจะกลับ

กลางคืนที่มีเสียงรถวิ่งผ่านหน้าโรงเรียนไปมา แสงไฟสลัวๆจากหลอดไฟ

ของโรงเรียนตามทางเดิน ซันเดินตามทางเดินของโรงเรียน ขายาวๆก้าวตาม

ทางเดินโรงเรียนอย่างรวดเร็ว

หลังจากที่เธอเดินใกล้ถึงประตูโรงเรียนก็มีมือหนึ่งอ้อมปิดปากเธอจากด้านหลัง

ด้วยความตกใจ ซันรีบจับแขนแล้วก็ทุ่มคนที่ปิดปากเธอลงกับพื้น

“โอ้ย”

“นี่นาย ทำไมทำแบบนี้เนี่ย”ซันตาโตเมื่อเห็นคิมหันต์นอนตัวงอกับพื้นปูนโรงเรียน

“โห่ ก็เธอไม่ฟังอะไรเสียบ้างเลย ก็ฉันจะกลับกับเธอนะ”คิมดันตัวเองลุกขึ้นพลางจับเอวตัวเอง

“แล้วนายมีธุระอะไรที่ต้องกลับพร้อมฉัน”

“บ้านอยู่ไหน” คิมถามไม่สนใจคำถามที่ซันว่า

“บ้านฉันเป็นคอนโด พอดีฉันเพิ่งย้ายมาจากญี่ปุ่น”

“ดีเลยเธอมีรถมั้ย”

“มี ทำไม”

“ขอติดรถไปด้วยซี่ ^^พอดีรถฉันน้ำมันหมด”

“อะไรของนาย -_-” ซันว่า

“น่านะ”คิมอ้อนซัน จนซันใจอ่อนจนได้ จึงพาไปที่ลานจอดรถ

“เฮ้ๆ อย่าบอกนะว่าเธอเอารถพี่ชายเธอมา” คิมว่าเมื่อเห็นรถที่เธอว่าเป็นรถมอเตอร์ไซด์

แต่งด้วยราคาแพงทั้งนั้นแถมสวยมากด้วย

“นายนี่ท่าจะบ้า ฉันเคยบอกเหรอว่าฉันมีพี่ชายด้วย”

“อ้าวงั้นนี่ก็รถของเธอนะสิ”

“มันคงจะเป็นรถของย่าฉันมั้ง”เอ๊ะไอ้นี่ถามแปลก

“นี่เธอ อย่ามากวน”คิมมองหน้าฉันอย่างหาเรื่อง

“เอ้า ก็รถของฉันนะสิพอดีฉันทำงานที่ญี่ปุ่นเก็บเงินที่เหลือใช้ไปเรื่อยๆ

แล้วค่อยมาซื้อรถนี่แหละ”

“โอ้โหเธอนี่รสนิยมดีเป็นบ้า”คิมว่าพลางลูบคลำรถมอเตอร์ไซด์

“นี่ตกลงนายจะไปมั้ยเนี่ย รึว่านายจะกินรถฉันซะก่อน-_-^ โทษนะ

ถ้านายทำฉันจะจับนายเสียบกับเสาไฟฟ้าซะ”

คิมยิ้มกับคำพูดของเธอแล้วยืนตัวตรงรอให้เธอขึ้นขี่มอเตอร์ไซด์เขาก็ซ้อนท้าย

ตามหญิงสาวสวมหมวกกันน๊อกที่เหมือนรถแข่งแล้วก็ สตาร์ทรถออกตัวทันที

“เฮ้ เธอ ทำไมเธอขับรถเร็วจัง”คิมพูดแข่งกับเสียงลม ที่พัดกระโชกด้วยความเร็วมอเตอร์ไซด์ ร้อยขึ้น

-ยัยนี่จะรีบไปไหนว้า แต่ ขับก็โคตรเก่งเลย-

“นี่นายเดี๋ยวก็ตกรถหรอกจับเอวฉันไว้สิ”ซันว่าพลางจับแขนของคิมโอบกอดเอวเธอ

ชายหนุ่มรู้สึกปวดมวนในท้องแล้วก็รู้สึกหน้าร้อนฉ่าขึ้นมาทันที แต่เขาก็สลัดความรู้สึกนั้นทิ้งไป

“บ้านนายอยู่ไหนอะ เพราะข้างหน้านี้ก็ถึงบ้านฉันแล้วล่ะ”

คิมมองถนนยามค่ำคืน ก็พูดออกมา

“อยู่ห่างจากบ้านเธอ500เมตรอะ”

“เดี๋ยวฉันไปส่งเลยนะ”

“นี่เธอไม่คิดจะพาฉันไปพักบ้านเธอก่อนรึไง”

“ เอ้า ก็ได้”เธอว่าพลางเลี้ยวรถมอเตอร์ไซด์เข้าคอนโดทันที

แล้วฉันก็พาตาหนุ่มน้อย ที่จริงมันก็อายุเท่าฉันนั้นแหละเข้ามาในคอนโดของฉัน

พลางเชิญตาคิมนั่งบนโซฟา

“ต้องการอะไรมั้ย”

“หือ”

ทำไมนายต้องดูรอบๆห้องฉันละเอียดขนาดนั้นด้วยล่ะ

นายจะหาแมลงสาบกินเหรอไง-_-

“ฉันถามว่าต้องการอะไรมั้ย” ฉันถามตาคิมที่กำลังทำหน้าหื่นใส่ฉัน

“แน่นะ”คิมพูดอย่างเจ้าเล่ห์

“ฉันหมายถึงน้ำดื่มจะเอาอะไรมั้ย” ฉันชิงพูดก่อนเพราะหน้าตานั่นมันเริ่มทำให้ฉันกลัวขึ้นมาแล้วละสิ

“อ้อ เอาน้ำเปล่าดีกว่า โธ่ไอ้เราก็นึกว่า...”คิมว่าให้ฉันฟังตอนแรกแต่ตอนท้ายตานั่นกระซิบเสียงลง

แต่ฉันได้ยินนะเฟ้ย

“นายนึกว่าอะไรไม่ทราบ”ฉันถามเสียงดัง ทำเอาคิมแทบจะกลิ้งลงโซฟาเป็นลูกขนุน

“อะไรเธอได้ยินด้วยรึไง” แล้วฉันจะถามนายทำไมละถ้าไม่ได้ยินอะ-*-

“ฉันได้ยินทำไม”ฉันเท้าสะเอวจ้องหน้าตาคิม

“เปล่า นี่”ตาคิมทำหน้าตาไม่รู้ไม่ชี้แล้วก็ลอยหน้าลอยตาชมนกชมไม้ไม่รับรู้สิ่งใดๆ

มันน่าเตะปากชะมัดตานี่-*-

ฉันวางขวดน้ำเปล่าลงที่โต๊ะรับแขก คิมรีบหยิบไปดื่มทันทีไม่นานขวดที่มีน้ำเต็มก็แต่ขวดเปล่า

“ไปได้ยัง”ฉันเก็บขวดโยนลงถังขยะได้ลงถังพอดี

“โหไล่กันเลยเหรอ”แล้วตอนนี้ฉันสอนอังกฤษอยู่รึไงล่ะ

“ใช่ แล้วฉันต้องไปส่งนายป่ะเนี่ยคุณชาย”

“ไม่ต้องหรอก ฉันไปก็ได้ เออแต่ว่าพูดกันมาตั้งนานเธอชื่ออะไรเหรอ”

“ ซัน นายออกไปได้แล้วย่ะ”ฉันดันตัวนายคิมหันต์ออกจากห้องไปทันที

แล้วก็มีเสียงดังมาจากประตูอีกฝั่งของซัน

“ขอบใจนะ สำหรับน้ำ”

นายไปซะทีเถอะฉันรำคาญนายแล้ว เพราะฉันแพ้คนหล่อ เข้าใจ๊-*-


ขณะที่ฉันกินข้าวกับกิ๊กที่สวาปามอย่างเมามันฉันคงมีความสุขกว่านี้

ถ้าไม่มีตาคิมแล้วผองเพื่อนสัตว์โลกผู้น่ารักอีกสามคนนั่งกินข้าวกับฉัน

กรูอยากจะบ้าตาย อยากจะร้องไห้เป็นภาษาจีน คนแรกเป็นตาคิมที่นั่งตรงข้ามฉัน

พอดิบพอดี ต่อจากคิมก็เป็นนายเฟรมที่นั่งตรงข้ามกับกิ๊กที่กำลังจ้องเพื่อนฉันตาเป็นมัน

พอต่อจากตาเฟรมก็เป็นตา แมนและเบลเป็นคนสุดท้าย ที่ต่างคนต่างกิน


แต่ทำไมตาคิมต้องจ้องฉันด้วยนะรู้มั้ยฉันรำคาญจนอยากเตะหน้าหล่อๆของนาย-*-ตกจากโต๊ะซะ

“เอ่อเธอชื่อซันรึเปล่า”ไม่นานก็มีเด็กรุ่นมอสามเดินเป็นกลุ่มใหญ่ๆที่เป็นผู้หญิงมุงที่โต๊ะพวกฉัน

“Yes”ฉันพูดพลางวางช้อนนั่งตามสบายพร้อมกับกิ๊กที่รู้เรื่องรางก็หยุดตามไปด้วย

“มาที่หลังโรงยิมหน่อยเดะ”น้องมอสามคนหนึ่งพูดอย่างใจกล้า แน่มากไอ้น้องพี่ชอบ

ถ้าจะท้ากันต้องแบบนี้


ณ ที่หลังโรงยิมซึ่งมีฉันยืนอยู่อีกฝ่ายคนเดียวหลังจากที่กิ๊กยื้อจะช่วยฉัน

แต่ฉันก็ก็บอกให้รอกับพวกตาคิมหันต์ที่กำลังดูเหตุการณ์แล้วก็น้องมอสามอีกสามคน

ยืนอยู่ข้างหน้าประจันกับฉันที่แต่งตัวผิดระเบียบเต็มที่ ที่เหลือก็นั่งดูอยู่

“แกใช่มั้ยที่พาพี่คิมเข้าคอนโด”พวกมันรู้กันได้ยังไงฟระ-*-

“Yes”ฉันว่าง่ายๆพลางยืนเอียงคอไปมาให้มีเสียงก๊อก

“รู้มั้ยเขาเป็นผู้ชายต้องห้าม แกห้ามยุ่งกับเขา”

“ทำไมก็ฉันจะยุ่งนี่”รู้มั้ยว่าฉันชอบกวนประสาทคนเล่นซะด้วย

“นี่แกคิดจะลองดีกับพวกฉันรึไง-_-^^^”

“เฮอะ มีอะไรก็พูดมาให้จบๆยืดเยื้อว่ะ- -”ฉันพูดอย่างหมดอารมณ์พลางใช่เล็บแคะเล่นๆไปพลางๆ


“ฉันหมันไส้แก ขอสักทีเถอะ”เด็กมอสามพูดทำหน้าบู้บี้ ถ้าพวกเธออยู่ในความมืด

ฉันก็จะคิดว่าเธอเป็นซอมบี้เลยนะเนี่ยหน้าเหมือนชะมัด

แล้วเด็กสามคนก็พุ่งมาที่ฉันทีละคน คนแรกผมออกจะหยิกๆหน่อยพุ่งมาหาฉันเป็นคนแรก

“แกอีหน้าลาว”มันด่าฉันค่ะ กรี๊ด กล้ามาก ยอมไม่ได้แล้ว มันบีบคอฉัน อั๊ก หายใจม่ายออก

“แกนั่นแหละอีหน้าซอมบี้ถูกไฟดูด”มือข้างหนึ่งของฉันจับมือที่ยัยซอมบี้หัวฟู

บีบคอมืออีกข้างหนึ่งก็ตบหน้าอีหัวฟูเต็มที่ หน้าอีหัวฟูมีเลือดซิบๆด้วย ดีที่ฉันไว้เล็บอยู่

“กรี๊ดดดดดดดดดหน้าฉัน”อีหัวฟูหน้าเหวอไปเลยเพราะหน้ามันมีลายเล็บของฉัน

ข่วนเต็มห้านิ้วเลยฮ่าๆทางยาวเลยด้วย เสียโฉมหลายวันแน่แก

แล้วก็มียัยหัวลีบแบนและหัวมันวิ่งมาหาฉันพร้อมกับไม้หน้าสาม อะไรเนี่ย เจ้

เล่นอย่างนี้เลยเหรอ

“แกทำเพื่อนฉัน แกตาย ยัยแรด”มันจะไม้มาตีหัวฉันค่ะ แต่ฝันไปเถอะ

ยัยซันซะอย่าง ฉันรับไม้มันมาได้แล้วจับมันม้วนตัวเข้าหาฉันแล้วฉันก็เอาไม้ล็อกคอมันไว้

“อั๊ก แก อั๊กปล่อย”ยัยหัวแบนพูด แน่ะ นี่ไม่ได้เล่นวิ่งไล่จับนะเว้ยขืนปล่อยแกก็เล่นฉันนะสิ
ยัยเสนปหัวมันแผล็บ
“นี่ยัยกระทิงหัวแบน ฉันยังเล่นกับแกไม่สนุกเลยนะ อะปล่อยก็ได้”ฉันผลักหล่อนออก

และถีบตูดแถมไปอีกด้วยเล่นเอายัยหน้าเสนปไถลไปหลายช่วงเซนติเมตร

แล้วทันใดนั้นเด็กผู้หญิงอีกห้าคนก็มารุมฉัน

โธ่เว้ยพวกแกเล่นอย่างนี้เหรอได้......

เพราะฉันชอบ..- -

ฉันใช้ไม้หน้าสามฟาดที่หัวคนมาทางข้างหน้าฉันและเตะคนที่มาข้างซ้ายอย่างรวดเร็ว

แล้วก็หมุนไม้เป็นวงกลมอย่างรวดเร็วทำให้ไม้ฟาดหน้าอีกสามคนเต็มๆโดยไม่รู้ตัว

ทั้งห้าหนีไปหมดฉันทิ้งไม้ไว้แล้วเดินมาทางฝั่งฉัน

ทำให้ยัยกิ๊กอ้าปากหวอแล้วพวกตาคิมหันต์ก็จ้องกันตาค้าง

แต่มีสิ่งผิดปกติที่ฉันรู้สึกได้ก็คือเหมือนมีสิ่งอะไรบางอย่างเคลื่อนตัวกลางอากาศอย่างรวดเร็ว

แล้วจะมาทางฉัน

ฉันหันไปทันทีแล้วใช้ฝ่ามือกระทบอย่างจัง

แล้วสิ่งนั้นก็ร่วงลงมากองกับพื้น มันเป็นไม้หน้าสามที่ฉันเพิ่งวางไปเมื่อกี้

ฉันหันไปทางต้นเหตุยัยผมหยิกยืนอยู่พลางจับแก้มตัวเองไว้มองมาทางฉันด้วยตาขวาง

“แกเรื่องไม่จบแค่นี้แน่ฉันต้องชนะแกให้ได้ คอยดู”ยัยผมหยิกชี้หน้าฉัน

ฉันมองหน้ามันกลับจนมันหลบตาฉัน

“นี่แกต่อสู้รึแกยืนดูวะเนี่ย ซัน เสื้อแกไม่เปื้อนเลยอะ แต่เวลาแกต่อสู้แล้วเท่ชะมัดเลยว่ะ”

กิ๊กพุ่งตัวมากอดฉันแทบจะทรุดกับพื้น

ตัวแกนี่ไม่เบาเลยนะเนี่ยยัยกิ๊ก-*-

“ไปเถอะแกต่อสู้จบแล้ว ใกล้วิชาเลขด้วยไปเถอะ”ฉันรีบเดินไปหยิบกระเป๋านักเรียน

ขึ้นมาแต่ก็มีมือนึงมาจับแขนฉันไว้

“เฮ้ นี่เธอลืมไปแล้วเหรอว่าเธอต้องไปส่งฉันที่ห้องนะ” เวงทำไมนายต้องมารังควาญฉันด้วยวะเนี่ย

“แกไปส่งเถอะเดี๋ยวฉันถือกระเป่าให้นะซัน”กิ๊กหยิบกระเป๋าออกจากฉัน แล้วทำไมฉันต้องไปส่งตาคิมด้วยเนี่ย

นี่มันกงการอะไรของช้าน......อ้าก...อยากจะบ้า

แล้วฉันก็ต้องตามตาคิมและผองเพื่อนสัตว์โลกผู้น่ารัก โดยมีคิมจูงมือฉันให้เดินต้อยๆตามไปด้วย

นี่นายกลัวฉันเบี้ยวนายรึไงฮะ แล้วพวกนายก็เดินกันเร็วจัง จนฉันตามไม่ทันแล้วนะ

ถึงฉันจะสูงร้อยเจ็ดสิบห้าแต่พวกนายสูงจะร้อยเก้าสิบอยู่แล้วยังไง


พวกนายก็ขายาวกว่าฉันอยู่ดีตาบ้าเอ้ยเดินช้าๆหน่อยซีเว้ย

“โอ้ยนี่ตาคิมนายอย่าลากฉันซิฉันเจ็บมือน่ะ”ฉันรู้สึกแสบที่ฝ่ามือขึ้น

จะอะไรซะอีกล่ะก็มือที่มันจับก็ข้างเดียวกับที่ฉันใช้รับไม้หน้าสามน่ะสิ เจ็บชะมัด คนขว้างก็แรงถึกชิบ-*-

ได้ผลตาคิมหยุดทันที ดีฉันจะได้พัก แต่ดันมาอยู่หน้าห้องหนึ่งนะสิแล้วพวกนั้น
ก็หันมาดูโดยไม่สนครูที่สอนเลยแม้แต่น้อย

ตาคิมก็แบมือฉันขึ้นมือใหญ่ๆของเขารองมือฉันเอาไว้ มืออีกข้างก็ลูบรอยแดงบนฝ่ามือของฉัน

ที่กำลังจะเป็นเขียวแล้ว อ้าก....มันต้องน่าเกลียดมากแน่ๆ

อยู่ๆตาคิมก็โน้มหน้าเข้ามาใกล้มือของฉันพลางเป่าลมเบาๆที่ฝ่ามือข

องฉัน ตอนนี้หน้าฉันต้องแดงมากแน่ๆ ก็อายนะสิ คนดูกันเต็มเลย

โดยเฉพาะผองเพื่อนของตาคิมมองตาเป็นมันเชียว

“หายเร็วๆละกัน”คิมพูดกับฉันแล้วก็เข้าห้องไปพลางเดินผ่าน

อาจารย์ที่ ชะโงกหน้าออกมาดูด้วย นี่อาจารย์ก็เป็นไปกับเขาด้วยเหรอเนี่ย -*-

แล้วฉันก็เดินกลับห้องด้วยความรู้สึกแปลกๆแต่ฉันแน่ใจว่ามันเป็นความรู้สึกที่ดีจริงๆ


๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑
ผู้หญิงธรรมดา..แต่ใจมันด้านชาผู้ชาย
ภาพประจำตัวสมาชิก
น้ำฟ้า
นักเขียนแห่งปี
นักเขียนแห่งปี
 
โพสต์: 886
ลงทะเบียนเมื่อ: ศุกร์ 11 ก.ค. 2008 10:19 am

Re: ยัยตัวร้ายปะทะนายแบดบอย..โดย กันย์นิกา

โพสต์โดย น้ำฟ้า » อาทิตย์ 13 ก.ค. 2008 9:10 am

ตอน3หัวหน้า
แล้วก็มาถึงเช้าอันแสนสุข(รึเปล่า) ฉัน ซันเองพะยะค่ะ ตอนนี้ฉันเพิ่งตื่นเพราะแดส่องฟ้าแล้วกระเด็นมาส่องตาฉันพอดี อ้าก ......ตัวข้าจะละลายแล้วช่วยด้วย (อะไรของฉันเนี่ย) พอฉัน สะลึมสะลือเปิดตามาดูโลกใหม่ยามเช้าที่ละนิดที่นาฬิการูปเซเลอร์มูน หึๆจะมีใครสงสัยบ้างมั้ยว่าคนอย่างฉันจะใช้นาฬิกาเซเลอร์มูน
ถะ.......ถูก...ต้องแล้วคร้าบ ฉันชอบเซเลอร์มูนมากๆเลยแหละ เฮอะๆ
พอๆ กลับเข้าเรื่องต่อ แล้วฉันก็ดูหน้าปัดที่ชี้ไปทางเลขเจ็ดช้าๆ อืม....เจ็ดโมงแล้ว ไหนดูเข็มนาทีซิว่าเท่าไหร่แล้ว อ๋อ..เจ็ดโมงสามสิบ เจ็ดโมงครึ่ง อืม....หือ....เจ็ดโมงครึ่ง O_O หา เ จ็ ด โ ม ง ค รึ่ ง............อ้าก สายแล้วอีซัน
แล้วไงละ ฉันก็เข้าห้องน้ำเสร็จภายในห้านาทีพร้อมด้วยที่แต่งตัวเสร็จสรรพ แล้วก็วิ่งปร๊าดออกจากห้องนอนพลางหยิบขนมปังกับนมวิ่งห้องมาจากห้องตัวเองอีกที ด้วยความโครตเหนื่อย อ้าก.....อีซันทำไมแกสายได้เพียงนี้
แล้วฉันก็ต้องยัดขนมปังแล้วกรอกนมลงไปพร้อมกับวิ่งไปที่รถมอเตอร์ไซด์แล้วทิ้งขวดลงถังแล้วกระโดดขึ้นมอเตอร์ไซด์อย่างรวดเร็ว ไปแล้วเว้ยบรื้นๆ
แล้วรถมอเตอร์ไซด์ก็มาจอดที่ลานจอดรถข้างโรงเรียน ฉันแถบจะลืมกุญแจรถไว้กับเครื่องแล้วมั้ยล่ะวันนี้ฉันเซ่อชิบเลยอ่ะ พลางมองนาฬิกาข้อมือ เจ็ดโมงสี่สิบห้าโอ๊ยอีซันเอ๋ย แกโดนตาคิมฉีกเป็นชิ้นๆแน่ แล้วฉันก็รีบวิ่งไปที่ตึกเรียนของฉันอย่างรวดเร็วแล้วก็ไปที่ห้องที่พบว่ามียัยกิ๊กนั่งอยู่ แล้วพอมันเห็นหน้าฉัน
“นังซันทำไมแกเพิ่งมาหา!นี้แกรู้มั้ย คิมแทบจะพ่นไฟเผาพวกเราในห้องแล้วนะเว้ย” มันเป็นคำทักทายอันแสนบันเทิงใจมากไอ้เพื่อนรัก นี่แกจะดักให้ฉันสะดุดไปถึงไหนเนี่ย ฉันรีบโยนกระเป๋าให้กิ๊กแล้วพุ่งไปทางห้องสี่ทับหนึ่งทันที ฉันหยุดยืนอยู่ที่ประตูหน้าห้องหนึ่งแล้วพิงอย่างหอบๆ เห็นแล้วตาแมนที่นังเล่นเกมบอยอยู่ มันมองเห็นฉันพอดี
แล้วมันก็สะกิดคิมที่ฟังเพลงแล้วอ่านหนังสือเกมออนไลน์อยู่ พอตานั่นเห็นฉัน ฉันก็รับรู้ได้ว่าความชั่วร้ายจะมาหาฉันในไม่ช้าแล้ว
T_Tนายอย่าเพิ่งพ่นไฟนะเดี๋ยวฉันเรียกแฮร์รี่มาช่วยก่อน พลีส....แป๊ปนึง.....
ตานั่นเดินมาหาฉันช้าๆพร้อมกับยิ้มที่มุมปาก
OoO;;อ้าก แฮร์รี่บอกว่าติดธุระอยู่จินนี่อยู่นะเซะ มาไม่ได้ ตาแฮร์รี่นี่ไม่เห็นใจน้องสาวผู้น่ารักของเขาบ้างรึไงนะ>_OO_O_OO_O<”
“ฉันล้อเล่นน้าเฮ้อย่าตีฉันเซ่เจ็บ-_-”ตานั่นจับแขนฉันให้หยุดแล้วดึงฉันขึ้น
“หยุดยัง”ตานั่นดึงฉันเข้าไปใกล้อีก โอ้ย ตัวนายสูงหยั่งกะเปรตอย่าให้ฉันต้องแหงนหน้ามากสิเว้ยคอฉันหักขึ้นมาทำไงเนี่ย
“ยะหยุดแล้วโอเค ฮะเฮ้ ยะ....หยุดแล้ว”ฉันตกใจเมื่อตานั่นดึงไปปะทะกับอกกว้างของตานั่น
“แน่นะ”ตานั่นว่า ทำไมฉันต้องหน้าแดงด้วยเนี่ย-///-
“ พอเถอะ ตาคิมฉันอึดอัด”ฉันผลักตานั่นออกไปแฮ่กๆ หายใจไม่ออกเว้ย
“ฮะๆ หน้าเธอแดงจัง เขินเหรอ”คิมหัวเราะแทบบ้าคลั่ง
อ้าก....-////- ฉันเกลียดหน้าตัวเอง T-Tใครก็ได้ตัดหัวฉันทิ้งที
๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑
ผู้หญิงธรรมดา..แต่ใจมันด้านชาผู้ชาย
ภาพประจำตัวสมาชิก
น้ำฟ้า
นักเขียนแห่งปี
นักเขียนแห่งปี
 
โพสต์: 886
ลงทะเบียนเมื่อ: ศุกร์ 11 ก.ค. 2008 10:19 am

Re: ยัยตัวร้ายปะทะนายแบดบอย..โดย กันย์นิกา

โพสต์โดย ภาษาสยาม » จันทร์ 14 ก.ค. 2008 7:24 pm

ตอน 4
เข้าค่าย+ไล่จับ(โครตเหนื่อย)
“เข้าค่ายสบายใจจัง เข้ากี่ครั้ง กรูก็โง่เป็นควาย”ยัยกิ๊กร้องเพลงอะไรก็ไม่รู้ ในรถทัวร์โรงเรียนซึ่งยังไงฉันก็ยังคิดไม่ได้ว่านังนี่ใช้อะไรคิด แต่คงจะเป็นเล็บขบหัวแม่โป้งของมันมั้ง
“นี่รู้มั้ยเราจะได้นอนยังไง”ฉันถามเรื่องที่พักผ่อนกับยัยกิ๊กที่มันสามารถรู้ได้ทุกเรื่อง
“เห็นว่าต้องจับคู่กันนะเช่นใครได้สีที่ตรงกันก็นอนด้วยกันทำภารกิจด้วยกัน”
“ซึ่งฉันขอให้ได้อยู่กับแกละกัน”ฉันว่า
“เออว่ะ ถ้าเราแยกกันมีหวังซวยบรรลัย เพราะฉันจะไม่มีเพื่อนมาคอยคุ้มกะลาหัว”
คิดได้แค่นี้เหรอไอ้กิ๊กเพื่อนของฉัน เฮ้อ แมร่ง-_-
แล้วรถก็มาหยุดอยู่ ณ โรงแรมจังหวัดประจวบคีรีขันธ์แล้วเจ้าค่า
“อ่า...นักเรียนเตรียมตัวมาอยู่ที่ตรงนี้เลยจ้ะเราจะเริ่มพิธีกันตรงนี้เลยจ๊ะ”อาจารย์ที่ชื่อเรนุมาศหรืออาจารย์เป้ก็ยืนพูดหน้าสวย ณ อาคาร อเนกประสงค์ให้พวกเดินไปหา พอเดินจนครบหมดทุกคนไม่นานอาจารย์อีกสิบคนก็เดินเข้ามาทีละคน แต่ทุกคนแต่งชุดทหารกันหมด
“เอาล่ะทุกคนนี่คือครูฝึกของพวกเรานะ เขาจะให้ครูฝึกเป็นผู้ดูแลในแต่ละกลุ่มโดยการสุ่ม ตอนนี้นักเรียนไปดูป้ายชื่อตรงบอร์ดแล้วมาเข้าแถวตามกลุ่มที่ระบุไว้ตรงป้ายตรงนี้ถ้าใครช้า ห้าคนสุดท้ายออกมาวิดพื้นห้าที 1 ....2 ...3เริ่มได้”แล้วก็เกิดการฝุ่นตลบอบอวล เต็มพื้นที่ เมื่อครูฝึกเป่านกหวีดขึ้นฉันรีบใช้ความเร็ววิ่งเข้าไปก่อนแล้วแทรกไปตามพื้นที่ต่างๆ นั่นไงเจอแล้วกลุ่มที่เก้า แล้วต่อไปฉันต้องหาป้ายชื่อใช่มั้ยเนี่ย อืมนั่นไงรีบไปดีกว่า
แล้วฉันก็หยุดอยู่ตรงหน้าหน้าเป็นคนแรกแล้วก็ตั้งแถวขึ้น
“เฮ้ ซันอยู่กลุ่มเดียวกันด้วยอะ ดีใจเป็นบ้าเลย”กิ๊กที่เพิ่งเข้ามาอยู่กลุ่มเดียวกันกับฉันกระโดดกอดฉัน จนตัวแทบเซ นี่กิ๊กทีหลังแกเพลาๆเรื่องการกินไว้บ้างก็ดีนะ ก่อนที่เพื่อนของเธอจะแบนติดกับพื้น
แล้วในที่สุดก็เป็นไปตามที่เราคาดฝัน ฉัน กิ๊ก ริต้า เบสก็อยู่กลุ่มเดียวกัน โฮ่ๆๆ
“หวัดดียัยงั่ง”เสียงแปลกๆนะเหมือนเคยได้ยินที่ไหนเลยอะ พอฉันหันไปตรงแถวของผู้ชายที่อยู่กลุ่มเดียวกันก็….
แว้ก>OO___’’O_OO_*__*_<”
“ทำเล่นมั้ง มะ มาให้ฉันทำจริงอีกรอบมั้ย”
“อยากเจอดีรึไง-_-”
ฉันส่ายหน้าแล้วเอาหมอนข้างมาแบ่งเขตแล้วล้มตัวลงนอน
Kim:say
หลังจากที่เธอล้มตัวลงนอน ผมก็รีบเปลี่ยนเสื้อผ้าเพราะวันนี้ผมเหนื่อยจริงๆ ต้องวิ่งตามหาเธอให้วุ่น นี่ถ้าผมไม่ได้ไอ้เฟรมนะ ป่านนี้ผมไม่มีทางเจอซันหรอก ยัยนี่หนีเร็วชะมัด ตัวแค่นี้แป๊ปเดียวหาย และหายากอีกต่างหาก พอผมเห็นหน้าเธอตอนนี้ทำให้ผมคิดถึงตอนที่อยู่ในห้องเก็บของในโรงแรม ผมรู้สึกพิเศษกับเธอจัง ผมอาจจะชอบเธอก็ได้มั้ง ตอนที่ซันทำหน้าไม่รู้เรื่องหรือตกใจตลกชะมัด แต่เธอในเวลาเงียบๆเหมือนเธอมีอะไรมากมายที่ค้างอยู่ในใจเธอ แต่ผมไม่สามรถสัมผัสได้ว่าเธอเป็นอะไร......
(- - )( - -)รู้สึกว่าเธอจะหลับไปแล้วนะ -.,- ผมแอบลักหลับเธอดีกว่า^_^
ผมค่อยๆย่องที่ฝั่งที่เธอนอน แล้วก้มหน้าลงจะจุมพิตที่แก้มเธอ
หมับ!
มือครับ มือยัยตัวแสบมาจับหน้าผม แล้วผมก็รู้ได้ว่าเธอยังไม่หลับ เวงแล้วเธอจะฆ่าผมไม่นี่
“นี่นายคิดจะทำอะไร”
“เปล่า”
จริงๆแล้ว จะลักหลับเธอไง ^^ผมนี่หื่นจริงๆ
“ไปนอนที่เขตนายได้แล้วไป ห้ามเลยเขตนะ ไม่งั้น ฉันจะหักคอนาย”
“จ้าT_T” โหดจังง่า YOY
บทสรุปผมก็ไม่ได้ลักหลับเธอได้สำเร็จครับ -_-;;ไว้วันหน้าแล้วกัน นอนก่อนดีกว่า เหนื่อยโคตร


บาดแผลเป็นสัญลักษณ์ของนักสู้
ภาพประจำตัวสมาชิก
ภาษาสยาม
Administrator
Administrator
 
โพสต์: 1145
ลงทะเบียนเมื่อ: อาทิตย์ 06 ก.ค. 2008 9:43 pm

Re: ยัยตัวร้ายปะทะนายแบดบอย..โดย กันย์นิกา

โพสต์โดย ภาษาสยาม » จันทร์ 21 ก.ค. 2008 9:47 pm

ตอน5
ต้อนรับ+พวกนายมาที่นี่ได้ยังไง
“เออเมื่อคืนพวกแกได้นอนห้องยังไงวะ”กิ๊กถามขึ้นระหว่างการกินอาหารตอนเช้าที่แสนสุขสบาย
“เอ่อ ฉันได้เตียงแบบเดี๋ยวสำหรับสองคน อะ แต่พวกแกได้กันแบบนี้กันรึเปล่า”ริต้าว่าพลางถามพวกฉันไปด้วย
“(- -)(_ _)(- -)”นี่คือบทสรุปของเราทั้งสี่ค่ะ
“เอ่อแล้วพวกเธอโดน ตากระหังลากไส้ทั้งสี่ ขออะไรสักอย่างรึเปล่า”
พรืด!
ไอ้เบส แกจะถามตอนนี้ทำไมวะ กรูไม่อยากคิดถึงมาน.....อ้าก-///-
“ไอ้ซันแกโดนขอเหรอ” กิ๊กถามอย่างอยากรู้
เวง เวง แล้วก็เวง กรูจะพรืดหาแป๊ะอะไรเนี่ย โดนถามเลย เอาไงดีวะ
“เอ่อ.....”
“ซัน แกบอกเร็วๆสิกรูอยากรู้”
“อืม-*-”คิดสิคิด
“ฉันขอจูบยัยงั่งทีนึงมีไรมะ”เสียงตาคิมค่ะ ซึ่งฉันไม่รู้ว่าเป็นเสียงสวรรค์หรือเสียงนรกดี
นายพูดอะไรออกไปอายเว้ย-///-
“อืมก็แค่จูบ เอ๊ะจู....เฮ้ย จูบ!”กิ๊กโผล่งขึ้นมา
แล้วแกจะเสียงดังให้มันได้อะไรขึ้นมาฟระกรูอายนะเว้ย
“แก....กับ...คิม”ริต้าเอ่ยอย่างฝันๆ “เหมือนกับในนิยายเลยนะ จูบกันสองต่อสอง ในที่โรแมนติก~_~”
เดี๋ยวนี้แกเห็นห้องเก็บของเป็นสถานที่ที่โรแมนติกขนาดนั้นเลยเหรอ -*- กลุ้ม
ตาคิมนั่นยิ้มอย่างร่าเริงแต่ฉันนี่สิ แทบจะมุดหัวเข้าถุงเท้าอยู่แล้ว อ้ากๆๆ อับอาย
“งั้นสิ่งที่ซันโดนขอก็คือจูบแรกนะสิ”เบสว่า เอาเข้าไปประจาญกรูกันเข้าไป
“จูบแรก-_-aหมายความว่าไง”อันนี้ตาคิมเป็นคนถามค่ะ
“ก็เป็นเฟริทคิส ของไอ้ซันไงล่ะ ซันไม่เคยจูบกับใครเลย” กิ๊กว่า แล้วกรูจะเอาจานข้าวใบไหนปิดหน้าดีวะ แล้วก็แอบย่องออกไป ( - -)(- - )คงไม่มีใครเห็นมั้ง (คงไม่เห็นมั้งไอ้ซัน ความคิดแต่ล่ะอย่างของเมิงนี่)
“หึๆๆ”เสียงหัวเราะในลำคอของคิมหันต์เจ้าค่ะ แสนน่ากลัวเสียกระไร
“ถึงว่า อร่อยชะมัด รสจูบนี้ อยากอีกกินจัง”ตานั่นค่อยๆเลื่อนหน้าเข้ามาใกล้ๆฉัน เอาหน้าหล่อๆของนายออกไปนะเว้ย
“เฮ้ย ซันแมร่งอายว่ะ”เบสพูดอย่างล้อเลียน พวกเมิงพอกันได้ยังเนี่ย-///-
“มานี่สิจ๊ะที่รักจ๋า เค้าอยากฟื้นความทรงจำจูบนั้นอ่ะ มามะ”ตาคิมนั่งลงมาข้างๆฉัน แล้วกระแซะมาใกล้เป็นคนแรก
ไม่นานผองเพื่อนก็กระแซะคู่ของมันทีละคน พวกฉันไม่ใช่ขนมครกที่พวกนายจะมาแซะกันเนี่ย-_-
“นี่นายเอาหน้าออกไปห่างๆได้มั้ย ฉันอึดอัด”
“เดี๋ยวเค้าถอดให้มั้ย ถ้าอึดอัด^^”
“นี่นายคิม” ไอ้ทะลึ่งนายจะพูดอะไรเนี่ย นี่นายคิดจะถอดอะไร (นางเอกแอบคิดลึกค่ะ)
“จ๋าที่รัก ^_^”
ไม่ยุ่งแล้วนายจะพูดอะไรก็ตามใจเถอะฉันจะทำเป็นหูทวนลมละกันชิ ( - -)
“เดี๋ยวฉันไปรอที่ลานอเนกประสงค์นะ” ฉันเดินออกจากโต๊ะอาหารไป ชิอยากทำให้อายดีนัก กรูไม่อยู่ให้ล้อแล้วโว้ย
อาย อายโคตรๆ อายจนอยากๆไปเกิดใหม่ ว้าก! -_-^

มาทางเด็กหนุ่มญี่ปุ่นทั้งสี่(ตอนบทแรกไงคะ)ที่ย้ายโรงเรียนมาอยู่ที่เมืองไทยเพื่อตามผู้หญิงคนหนึ่งซึ่งสำคัญต่อพวกเขา (ตรงไหน) แล้วพวกเขาก็ได้มาฝึกผู้นำที่ประจวบคีรีขันธ์ ในฐานะผู้นำของห้องที่มี24คนห้องละสองคนโรงเรียนนานาชาติ
“นาเสะเขาว่าให้ไปรวมตัวที่ลานอเนกประสงค์ใช่มั้ย”เด็กผมสีทองที่แต่งตัวแหวกแนวของโรงเรียนมากๆถามชายหนุ่มที่มีผมสีน้ำตาลเข้มดูขรึมๆ
“อึมเห็นว่ามีอีกโรงเรียนนึงจะตามมาด้วย เพราะโรงเรียนเอกชนเซนเชียร์มารอพวกเราแล้ว”เขาบอกเด็กที่แต่งตัวแหวกแนว แต่เขาก็นึกอะไรขึ้นมาได้
“เฮ้ อาจจะมีซากุระมาอยู่นี่ก็ได้นะเว้ย ยามาดะ”เขาพูดกะเด็กที่แต่งตัวแหวกแนวนั่น
“นี่แกจะบ้ารึไงอะไรจะบังเอิญขนาดนั้นวะ นาเสะ”หนุ่มใส่แว่นว่า
“ ก็ไม่แน่นะเว้ย ชีบะ”เขาพูดแบบมีความหวังเล็กๆ เมื่อไหร่เขาจะได้เจอเธอซักทีนะ
“พวกเมิงจะว่ายังไงก็ตามนะเว้ย เห็นผู้หญิงคนนั้นมั้ยตัวออกสูงๆหน่อยนะ ซอยผมสั้นด้วยเปรี้ยวเป็นบ้าหน้าตาคล้ายเพื่อนของเราเลยนะ”เด็กหนุ่มหัวแดงว่า แล้วพวกเขาก็มองไปทางเดียวที่ซันเดินมาพอดี
“เออว่ะแต่ซันไม่ชอบซอยผมนี่และไม่แต่งตัวเรียบร้อยแอบเปรี้ยวขนาดนี้หรอก”ชีบะหนุ่มคนใส่แว่นพูด
“เออวะยังไงก็พิสูจน์ไม่ได้ ถ้าไม่ได้เห็น สัญลักษณ์”นาเสะพูดขรึมๆซึ่งเพื่อนของเขาก็เห็นด้วย

Sun:say
“เมื่อไหร่มันจะเสร็จว่ะ”กิ๊กพูดอย่างเนือยๆพลางดูเหตุการณ์ที่โรงเรียนสองโรงเรียนที่เพิ่งมาใหม่กำลังเลือกคู่กันอยู่ แปลกที่สองโรงเรียนนี้ให้เลือกกันตามสบายที่แตกต่างจากโรงเรียนเราอย่างสิ้นเชิง ที่ต้องมาวิ่งสู้ฟัดสปีด 3อย่างเมื่อวาน-_-;;
“หลังจากเก็บข้าวของเสร็จแล้วนะคะแล้วเราเข้ามาที่นี่อีกรอบเพราะรวมจะเข้าฐานแรกนะคะ”เสียงอาจารย์เป้ดังลั่นไปทั่ว
“ค่า/คร้าบ”แล้วพวกฉันก้ตอบรับกันอย่างดี
“จ้า ฐานแรกให้ทุกคนใส่ชุดว่ายน้ำที่คู่ของเราจัดไว้ให้แล้วไปพร้อมที่สระว่ายน้ำที่ฟิตเนตนะ”
ได้ยินดังนั้นพวกเราสี่คนก็มองหน้ากัน
ชุดว่ายน้ำ! O_O นี่คือหน้าของพวกฉัน
^.,^ หึๆๆๆ แล้วนี่ก็สีหน้าของกระหังทั้งสี่ค่ะ ไอ้พวกทะลึ่ง>O< พวกนายจะเอาอะไรให้พวกฉันใส่เนี่ย
“นี่มันมันผ้าเช็ดหน้ารึเปล่าเนี่ย คิมนี่นายคิดจะเอาอะไรให้ฉันใส่ฮะ” ตอนนี้ฉันกำลังพิจารนาชุดว่ายน้ำที่ตาคิมเลือกให้ อยากจะรู้มั้ยค่ะว่าเป็นยังไง
มันเป็นผ้าที่รู้สึกประหยัดพื้นที่มากๆ มันเป็นทูพีทพระเจ้าค่ะ ไม่ใช่ทูพีชธรรมดาเสียด้วยเพราะมันเล็กมากจนมดจะใส่ได้อยู่แล้ว T_T
อ้าก...ไอ้จอมหื่นนายเอาชุดมดแดงมาให้ฉันใส่รึไง-_-^^^^
“ฉันไม่ใส่นะ”ฉันโยนชุดนั่นทิ้งไป ชิ นายเลือกชุดแบบนี้ไม่ให้ฉันแก้ผ้าไปเลยล่ะไอ้บ้า
“เฮ้แล้วเธอจะใส่อะไรล่ะ”คิมว่าพลางเก็บชุดมาให้ฉันอีก เฮ้ บอกว่าไม่เอาไงเล่า
“ใส่เสื้อยืดกางเกงยีนส์มั้ง”ฉันว่าแล้วนั่งหันหลังให้
“ไม่เอาอ่ะฉันอยากเห็นเธอใส่ชุดอย่างนี้อะ คงจี๊ดน่าดู.......เฮ้เธออย่าฆ่าฉันนะ”ฉันหันไปมองตานั่นอย่างอำมหิตจนตานั่นถอยกรูด อีตาบ้ายังไงฉันก็ไม่มีวันใส่ผ้าเช็ดหน้าแบบนั้นหรอกเฟ้ย
“เฮ้อยางอนเซะแหมแกล้งนิดเดียวเอง”คิมจับมือฉันแล้วเอาชุดว่ายน้ำอีกตัวมาให้ฉัน
ตกลงนายจะทะลึ่งหรือจะสุภาพบุรุษกันแน่เนี่ย
“เสร็จรึยังอ่ะ”
“อืมเสร็จแล้ว”แล้วฉันก็เปลี่ยนเสื้อผ้าเสร็จแล้วละค่ะดูดีขึ้นมาหน่อย ตอนแรกฉันนึกว่าจะต้องรำด้าวด๋าวชุดแก้ผ้าแล้วนะเนี่ย ฉันค่อยๆออกจากห้องน้ำด้วยเสื้อคลุม เห็นตาคิมนอนสบายใจเฉิบที่เตียงและดูทีวีอย่างเมามันส์
“หมัดซ้าย ฮุกขวา เอาเลยฆ่ามัน ฆ่ามัน แตะแมร่ง -_- ปืนจ่อหัว ปัง! ตาย!”
-_-;;นายจะดูมวยหรือนายจะฆ่าคนกันแน่เนี่ย
“เอ้าชุดของนาย” ฉันเดินไปหยิบชุดว่ายน้ำของคิมที่ฉันเลือกให้ แล้วโยนใส่ตาคิม
ตาคิมมองหน้าฉันอย่างเอาเรื่องที่ฉันดันโยนผิดที่ แทนที่จะเป็นตักก็ปลิวไปโดนหน้าตานั่นแทน
“เดี๊ยะมีรอบสองนะยัยงั่ง”คิมชี้หน้าฉัน ที่แลบลิ้นใส่ ไม่กลัวโว้ย ^.,^
แล้วพวกฉันและตากระหังทั้งสี่ก็มาพร้อมกันที่สระว่ายน้ำแล้ว ณ บัดนี้ คนมากันเยอะแล้วด้วยประมาณ 100กว่าคนด้วยถ้ารวมอาจารย์และครูฝึก ฉันก็มารวมกลุ่มที่เก้าเป็นที่เรียบร้อย และเตรียมรับคำสั่งต่อไป เขาจะให้แข่งว่ายน้ำกันรึไงนะ

Nase:say
“ว้าว สาวชุดบิกินีทั้งนั้นเลย@_@”เด็กหนุ่มหัวแดงทำตาเยิ้มเมื่อเห็นสาวๆกำลังถอดเสื้อคลุมออกมาที่เผยให้เห็นชุดว่ายน้ำหลากหลาย
“ไอ้ซีโร่เมิงเก็บอาการได้มั้ยวะ” ผมว่าเมื่อพวกเรามาในสระว่ายน้ำขนาดใหญ่ที่มีเด็กนักเรียนเกือบร้อยมารอกันที่นี่ แล้วใส่ชุดว่ายน้ำกันหมดรวมทั้งพวกผมด้วย ขณะนี่พวกผมก็มาสืบเรื่องราวกันเงียบๆสี่คน
“ผู้หญิงใส่ชุดว่ายน้ำเปิดหลังกันหมดค่อยหาง่ายหน่อย” ชีบะว่าพลางขยับแว่น
“แต่เราเข้ากลุ่มก่อนดีกว่ากลุ่มที่2ใช่มั้ย” ผมพยักหน้าแล้วเดินไปที่อัฒจรรย์กันอย่างรวดเร็ว พอได้เห็นวิวชัดๆบ้างในที่สุดก็ถึงเวลาอาจารย์เป้ก็ยืนอยู่ข้างริมสระว่ายน้ำ
“เราจะทำการให้แข่งเป็นทีมโดยทุกคนต้องผ่านด่านใต้น้ำให้ได้และได้สิ่งของบางอย่างซึ่งแน่ๆว่าจะสำคัญต่อพวกเรามากเพราะนี่เสมือนชูหน้าชูตาได้เลยแต่ถ้าใครไม่สำเร็จก็ไม่เป็นไรแค่คะแนนไม่มีเท่าเองนะจ้ะ (เท่านั้นเองเนอะ - -) ของสิ่งที่เรามีแค่สี่ชิ้นดังนั้นจะต้องมีผู้ที่ได้ของสำคัญสี่คนหรือน้อยกว่านั้น....เอาล่ะทีมแรกที่พวกเราจะได้แข่งก็คือทีม”อาจารย์เป้ เปิดเอกสารในมืออย่างรวดเร็ว
“ทีมที่หนึ่งและเก้า...นักเรียนในทีมเชิญถอดเสื้อคลุมแล้วรวมตรงอาจารย์เดี๋ยวนี้”ผมเห็นคนที่นั่งๆข้างๆผมยืนขึ้นผมจึงสอดส่องไปที่แถวท้ายสุดที่ไม่ไกลนัก ก็เจอทีมที่เก้า ที่ทุกคนในทีมลุกขึ้น ชายหญิงที่ยืนเป็นคู่ๆ ถอดเสื้อคลุมออก ผู้หญิงทุกคนแต่งชุดวันพีชที่เว้าข้างหลังลึกจนถึงเอวหมด แต่ผมก็สะดุดกับผู้หญิงที่อยู่คนสุดท้าย....
หลังของเธอ!
“รอยสักนั่น”รู้สึกว่าเพื่อนของผมทุกคนจะเห็นแล้ว รูปอินทรีกางปีกขนาดกลางๆยืนอยุ่บนหัวกะโหลกและเขียนตัวอักษรภาษาอังกฤษว่า Sakura Furokin
ซากุระ เธออยู่ที่นี่!
Sun:say
ฉันเดินลงไปตามทางเดินของอัฒจรรย์โดยที่มีตาคิมคอยจูงมือไปหาอาจารย์เป้ริมสระน้ำ
“เอาล่ะกลุ่มที่หนึ่งมี แดน ทราย โจ เนย ดัง ดริงค์ แซน แก้ม กลุ่มเก้ามี คิม ซัน เฟรม กิ๊ก เบล ริต้า แมน เบส”
พวกเราต่างก้าวไปหนึ่งก้าวแล้วคำนับ เวลาอาจารย์เรียกชื่อ รู้สึกว่าพวกกระหังทั้งสี่ เวลาเดินออกไปเสียงกรี๊ดจะสนั่นมากเชียวนะ-_-;;พวกนี้ไม่เคยเห็นกระหังเดินได้รึไงนะ -_-*แต่เมื่อถึงตาฉันโค้งบ้างแล้วกลับเข้าที่ คิมกระตุกแขนฉันเบาๆ
“นี่เธอ......”แต่ยังไม่ทันพูดจบอาจารย์เป้ก็แทรกขึ้น
“เอาล่ะขอให้ทุกคนจำไว้ถ้ามีปัญหาอะไรให้กดปุ่มสีแดงที่สายข้อมือของทุกคนเดี๋ยวพวกเราจะไปช่วยนะจ้ะเอาละเริ่ม1.......2......3!”สิ้นเสียงอาจารย์พวกเราก็ก็กระโดดลงน้ำไป
รอบตัวฉันมีแต่ต้นไม้น้ำที่ถูกจัดไว้เต็มไปหมด พื้นที่นี้จัดเหมือนใต้ทะเลสาบมาก มากจนน่ากลัว
กรูจะเจอฉลามมั้ยเนี่ย-_-;; (ในทะเลสาบคงจะมีหรอกนะไอ้ซัน)
ฉันรีบว่ายน้ำแหวกต้นไม้น้ำตรงไปแต่ก็รู้สึกเหมือนมีอะไรมาดึงขาเอาไว้
ชายชุดประดาน้ำดึงขาไว้ไม่ให้ฉันไป แต่ฉันก็เตะออกไปแต่แรงเตะจะน้อยลงเพราะแรงน้ำหนุนไว้ ชายคนบีบคอฉันอย่างแรง ฉันตาโตอย่างตกใจ นี่คิดจะฆ่ากันรึไง
ฉันรู้สึกจะหมดลมหายใจขึ้นทุกทีเมื่อชายคนนั้นบีบคอฉันนานขึ้น ฉันพยายามตั้งสติแล้วใช้เล็บข่วนหน้าอย่างแรงแล้วเตะออกแล้วฉันก็พุ่งขึ้นไปหายใจเหนือน้ำ
ฉันมองไปรอบที่ทุกคนกำลังต่อสู้กับนักประดาน้ำทุกคน
อั๊ก!
ฉันถูกรัดคอจากด้านหลังด้วยเชือก ฉันพยามจับเชือกที่คอไว้ แล้วฉันก็ถูกลากลงใต้น้ำลงไป
“ซัน”คิมรีบว่ายน้ำมาหาฉันแล้วล็อกคอนักประดาน้ำจนมันปล่อยเชือกจากฉัน ฉันก็ดึงเชือกมาจากมือนักประดาน้ำ แล้วก็รัดคอชายประดาน้ำแทน มันกระสับกระส่ายไปมาด้วยขาดอากาสหายใจ แล้วฉันก็ลากมันขึ้นเหนือน้ำ
“แค่กๆๆ” พอพ้นน้ำฉันก็ปล่อยเชือกแล้วต่อยหน้ามันอย่างจัง จนมันยกมือขึ้น
“ประดาน้ำเขตสองขอความช่วยเหลือพาเขาขึ้นมา ขณะนี้มีนักประดาน้ำแค่ห้าเขต”
“ขอบใจนะ”
“ไม่เป็นไรหรอกเธอเอาไปสิมันสำคัญนะ” คิมส่งถังออกซิเจนมาให้ฉัน
ฉันรับไว้แล้วใส่ทันที แล้วฉันกับคิมก็ลงน้ำไปพร้อมกัน ซึ่งคิมก็ใส่ถังออกซิเจนเหมือนกันแล้วก็ยกนิ้วให้
แล้วเราก็แยกไปส่วนที่ลึกที่สุดคนละฝั่งมีหมู่ไม้น้ำหนาตา ฉันค่อยๆว่ายฝ่าต้นไม้น้ำเข้าไปใกล้มากขึ้น
ในที่สุดก็พบพื้นที่โล่งใต้น้ำที่มีสิ่งหนึ่งตั้งตระหง่านและมีแสงสว่างเพียงจุดที่ตั้งเท่านั้น
มันคือคาบยาวประมาณเมตกว่า สะท้อนเงาเงินวาววับตั้งเด่นเป็นสง่า กลางสระน้ำ
ฉันค่อยๆว่ายเข้าไปไม่นานก็มาอยู่ตรงกลางแท่นวางดาบ มันสวยมากๆเมื่อยิ่งดูใกล้ๆ และเหมือนมีแรงดึงดุดให้แตะต้องมัน
แต่เมื่อฉันสัมผัสกับดาบนั่นก็......
“หึๆๆง่ายไปมั้งนังหนู”ทั้งๆที่ฉันจับดาบได้ก็โดนมีดจ่อที่คอจานักประดาน้ำนั้น มันแนบที่คอจอรู้สึกเหมือนจะบาด
ฉันสะบัดตัวแทงศอกอย่างรวดเร็วทำให้มีดบาดคอแบบถากๆ เลือดสีแดงสดลอยตามน้ำแล้วก็จางหายไป
ฉันยังถือดาบไว้แน่น พลางตั้งการ์ดกับนักประดาน้ำทั้งสอง ยังมีนักประน้ำอยู่อีกเหรอเนี่ย
พวกมันทั้งสองพุ่งมาหาฉันพร้อมๆกัน ฉันจึงตวัดดาบอย่างรวดเร็วที่ลำตัวของมัน ทำเอาเลือดของนักประดาน้ำทั้งสองฟุ้งกระจาย เลือดสีแดงลอยกระจายตามน้ำไปทั่ว
ฉันเลยรีบปล่อยถังออกซิเจนออกจนรู้สึกถึงแรงดันทำให้ฉันลอยขึ้น แต่นักประดาน้ำดึงขาฉันไว้ มันเอามีดมันปาดต้นขาฉันเป็นทางยาว ทำให้เลือดของฉันไหลออกมาเหมือนเขื่อนแตก
ฉันใช้ดาบแฉลบที่หน้ามัน มันจึงปล่อยตัวฉัน แล้วฉันก็ดีดตัวขึ้นเหนือน้ำ
แล้วฉันได้หายใจในอากาศเหนือน้ำอีกครั้ง....ฉันก็ค่อยๆชูดาบขึ้น
“ได้แล้วทีมเก้าได้ของสำคัญแล้ว จบเกม ทีมเก้าได้คะแนน50แต้ม”อาจารย์เป้ประกาศ แล้วเสียงโห่เชียร์ดังลั่นอย่างดีใจ
ฉันค่อยๆขึ้นมาจากน้ำความรู้สึกภายในร่างกายกำลังจะหยุดทุกอย่าง ฉันค่อยๆคลาน เลือดที่กำลังไหลออกมาตามบาดแผลเป็นทางยาว แสบแผลจัง
“ซัน”ความรู้สึกอุ่นๆจากร่างกายใครบางคนกระทบกับตัวฉันแล้วอุ้มฉันขึ้น
“ใครนะ”
“อย่าถามมากเลยเธอต้องถอนพิษออกนะ”
“พิษ” พิษอะไรของเขา
“พิษที่แผลของเธอไง”
แล้วสติทุกอย่างของฉันก็ดับไป
Sky:say
ในห้องทำงานที่มีแต่กองเอกสารเต็มไปหมด มีชายหนุ่มนั่งอยู่หลังกองเอกสารนั่นซึ่งมันสามารถล้มทับเขาเมื่อไหร่ก็ได้แต่ชายหนุ่มผู้นั้นไม่สนเลยสักนิด เขาอายุแค่สิบแปดแต่สามารถจัดการเรื่องงานที่ยิ่งกว่าผู้ใหญ่ทำเสียอีก หน้าตาขาวใสเหมือนเด็ก กำลังขมวดคิ้วเหมือนคิดอะไรสักอย่างหนึ่ง
แต่ไม่นานเสียงโทรศัพท์ของเขาก็ดังขัดจังหวะของเขาจนได้เขารับมาอย่างลวกๆโดยไม่ได้ดูว่าเป็นใครโทรมา
“ฮัลโหล”
“ พี่กายฮะ ผมเจอซากุระแล้วฮะ”
“ว่าไงนะนาเสะ”
“ซากุระฮะ เธออยู่ในโรงเรียนเอกชนในย่านกรุงเทพฮะ พี่กาย”
ชายหนุ่มถึงกับยิ้มเมื่อได้ยินดังนั้น
“แล้วเธอเป็นไงบ้าง”
“เธอบาดเจ็บอยู่ฮะ ในการแข่งขันผู้นำ”
“ว่าไงนะไปดูเธอแล้วรึยัง ซากุระเป็นไงบ้าง”
“คาดว่าโดนยาพิษนะครับแต่ผมจะไปหาเธอให้เร็วที่สุดนะครับ”นาเสะพูดเป็นทำนองว่าให้เขาไม่เป็นกังวล
“รู้อย่างนี้ก็ดีแล้ว ไว้ สองอาทิตย์เดี๋ยวฉันจะไปจัดการ”แต่ในใจเขาก็เป็นกังวลอยู่ดี
“ครับ”แล้วสายก็ถูกตัดไปเขาหันไปดูรูปที่ตั้งบนโต๊ะทำงานที่มีรูปผู้หญิงผมยาวจนถึงเอวยิ้มอย่างมีความสุขเมื่อกอดคอผู้ชายในรูปซึ่งเป็นรูปของเขาและเธอ....เธอคือน้องสาวของเขาที่จากญี่ปุ่นอย่างไม่มีกำหนดว่าจะกลับมา
ซากุระเธอทำให้พี่เป็นห่วงแทบบ้า มันน่าเอามาตีก้นเสียให้เข็ด
San : say
ฉันรู้สึกว่าร่างกายจะแตกเป็นเสี่ยงๆมันแสบไปทั่วร่าง ร่างกายมันขยับไม่ได้เลยมีแต่ดวงตาที่สามารถขยับได้เท่านั้น
“ซันเธอฟื้นแล้วใช่มั้ย” เสียงตาคิมมาคนแรกเลยค่ะเขาจับมือฉันมากุมไว้ ซึ่งฉันรู้สึกถึงไอความร้อนจากมือเขาและความแสบร้อนของตัวฉันเอง
-_-นี่นายจับเบาหน่อยได้มั้ยฉันแสบโว้ย
“ซันแกไปโดนอะไรมาถึงโดนซะเหวอะขนาดนี้” กิ๊กถามอย่างร้อนรน
แล้วกรูจะพูดกับเมิงได้ไม่เนี่ยกรูแสบหน้าตัวเองเว้ย
“อย่าเพิ่งถามอะไรซันตอนนี้เลย ซันโดนยาพิษชนิดใหม่ที่หมอไม่สามารถค้นพบได้ ทางโรงเรียนก็ประสานงานเรื่องนี้อยู่ว่าใครปล่อยให้เรื่องเป็นแบบนี้ขึ้นมาอยู่แต่เราควรจะให้ซันพักผ่อน
กิ๊กพยักหน้าหงึกๆ เมื่อเฟรมพรรณนาจนจบ นี่นายก็พูดดีมีสาระกับเขาเหมือนกันเหรอนี่- -*
คิมลูบผมฉันอย่างอ่อนโยน นี่นายโดนผีเข้ารึไงถึงมาอ่อนโยนกับฉันเนี่ย
“นี่เราไม่สามารถถามอะไรซันได้เลยเหรอว่าใครเป็นคนทำ” ริต้าพูดแบบสั่นๆ
กรูก็อยากบอกนะแต่กรูแสบโว้ยT_T
“แต่ว่าคืนนี้เราต้องให้ซันพักผ่อน พรุ่งนี้คงดีขึ้น นี่เบสเธอช่วยมากับฉันหน่อยได้มั้ย” แมนพูดพลางลากเบสออกไปโดยไม่รอคำตอบจากคนถูกขอ ออกจากห้องพยาบาลไป
แล้วแกจะขอไอ้เบสให้มันได้อะไรขึ้นมาฟระ

ในยามค่ำคืนที่มีแสงจันทร์ส่องมาที่ร่างของซัน ที่นอนหลับใหลอย่างสงบก็มีชายหนุ่มสี่คนเดินเข้ามาในห้องพยาบาลช้าๆแล้วยืนรอบเตียงของซัน
“ซัน”เสียงเรียกนั้นทำให้เธอปรือตาขึ้น
ชายหนุ่มสี่คนยิ้มตรงมาให้เธอแต่ก็มีชายหนุ่มคนหนึ่งก็ยื่นหน้าเข้ามาใกล้เธอจนรู้สึกถึงลมหายใจอุ่นๆของชายคนนั้นได้ดี เมื่อเธอเห็นหน้าตาหล่อเหลา ที่มีผมสีน้ำตาลเข้ม ก็ทำให้เธอตกใจในทันทีแล้วก็สามารถเดาได้ไม่ยากว่าอีกสามคนนั้นเป็นใคร
พวกนาย มาที่นี่กันได้ยังไง !
ชายหนุ่มยิ้มแล้วส่ายหน้าพลางแตะปากเธอเบาๆแล้วเขาก็บรรจงริมฝีปากประกบปากเธออย่างนุ่มนวล
ความรู้สึกแสบที่มีในตอนแรก เริ่มจางหายไปเมื่อชายหนุ่มผลักดันบางสิ่งบางอย่างในปากของเขา เข้าสู่ปากของเธอ
“ ยาแก้พิษเดี๋ยวเธอก็หายแล้วล่ะ”เขาพูดด้วยรอยยิ้มนิ่งๆ.....
แล้วภาพเหล่านั้นก็เริ่มจางหายไป

“พวกนาย!” ฉันลุกขึ้นจากเตียงอย่างหอบๆพลางมองไปรอบๆตัว
“พวกนายมาที่นี่ได้ยังไง” เขาหาฉันเจอแล้ว ฉันจะถูกส่งกลับไหม พระเจ้า อย่าให้เป็นอย่างนั้นเถอะ อย่าให้ฉันไปเจอกับพวกนั้นฉันไม่อยากไป เพราะพ่อไม่รักฉันเลย พ่อฉันจะส่งฉันไป ไม่!
“นาเสะนั่นใช่นายรึเปล่า”ฉันพึมพำกับตัวเองพลางแตะปากที่รู้สึกเหมือนโดนสัมผัสได้ไม่นาน ตอนนี้ความแสบทั่วร่าง ที่ไม่สามารถขยับได้เหมือนอัมพาตได้หายไปเป็นปลิดทิ้ง แล้วฉันก็เชื่อว่าภาพเมื่อกี้เป็นความจริง

ถัดจากเตียงนอนอีกสองเตียง ถ้าซันสังเกตหน่อยก็จะเห็นชายหนุ่มทั้งสี่ที่นั่งยิ้มอย่างอย่างมีความสุขเมื่อได้เห็นเธอ พยายามมองหาพวกเขา โดยเฉพาะ นาเสะที่ยิ้มอย่างอ่อนโยนผสมกับแก้มที่เปื้อนสีแดงระเรื่อในแสงจันทร์ที่ส่องเพียงน้อยนิด ซึ่งไม่สามารถสังเกตเห็นนอกจากความรู้สึกเจ้าตัว
เขาดีใจที่เจอเธอ ดีใจที่สุด
บาดแผลเป็นสัญลักษณ์ของนักสู้
ภาพประจำตัวสมาชิก
ภาษาสยาม
Administrator
Administrator
 
โพสต์: 1145
ลงทะเบียนเมื่อ: อาทิตย์ 06 ก.ค. 2008 9:43 pm

Re: ยัยตัวร้ายปะทะนายแบดบอย..โดย กันย์นิกา

โพสต์โดย ภาษาสยาม » เสาร์ 09 ส.ค. 2008 6:44 pm

ตอน 6
ชอบ

Kim:say
เข้าสู่โหมดของผมกันบ้างนะครับ ผมคิมหันต์ฮะ (เค้ารู้กันอยู่แล้วน่า -*-) ใครๆก็บอกว่าผมเป็นคาสโนว่า คบผู้หญิงไม่เลือกหน้า ใครบอกล่ะ ผมแค่มารู้จักแล้วศึกษานิสัยเฉยๆนะครับ *_*(ความหมายว่า ดูตัว ของแกนี่เอาผู้หญิงขึ้นโต๊ะเลยเหรอคุณคิม-_-) อะ จะว่าผมไม่ได้นะเพราะพวกเธอมายั่วผมเองนะ ผู้ชายที่ไหนจะอดใจได้เล่าของฟรีมาประเคนถึงที่^_^(ความคิดของตานั่นมันรู้สึกเข้าข้างตัวเองอยู่เรื่อยนะ-*-) แต่ตอนนี้ผมกำลังนอนอยู่บนที่นอนครับ
ผมนอนไม่หลับ~หัวใจมันกระซับ กระส่าย -.,-
ผมรู้สึกว่าเตียงมันกว้างเกินไปครับก็จะอะไรซะอีกล่ะครับ ก็ยัยเย็นชาของผมป่วยอยู่ที่ห้องพยาบาลนู่นแน่ะครับใจจริงก็อยากจะเฝ้าเธอทั้งคืนนะ แต่ผมกลัวเธอรำคาญผมอ่ะ ก็เลยออกมา- -นี่ผมเป็นตัวน่ารำคาญใช่มั้ยT_T
(ใช่ =เสียงตอบจากเบื้องบน- -)
ผมเคยคิดนะว่าผมจะไม่สนใจเรื่องบ้าๆของโรงเรียนของพ่อ แต่วันนี้สิ ผมเริ่มอยากศึกษาความให้เข้าใจอย่างถ่องแท้แล้วล่ะสิ
โรงเรียนของผมซึ่งมีนามว่า เซนต์ครูซิเนเออ ครับโรงเรียนของผมแตกต่างจากโรงเรียนทั่วไป เพราะมีองค์กรลับแอบแฝงโดยชาวญี่ปุ่นเป็นคนต้นคิด ร่วมด้วยอิทธิพลของยากูซ่าทั้งไทยและญี่ปุ่นครับ เขาสร้างโรงเรียนนี้ให้เป็นโรงเรียนฝึกสอนพิเศษสำหรับนักเรียนที่สนใจและได้รับการคัดเลือก ซึ่งเราจะฝึกกันทุกวันครับแต่นี้เพิ่งเปิดเทอมเราก็ต้องมีการคัดตัวนักเรียนโดยเริ่มจากหัวหน้าห้องก่อน แล้วค่อยกระจายไปหาในห้องอื่นๆโดยหัวหน้าที่ได้รับเลือกเท่านั้นที่จะเชิญชวนพวกเขาเข้าร่วมได้ ซึ่งปีนี้ก็เหมือนกัน มีเรื่องแปลกๆมายังโรงเรียนของเราครับ
ก็เรื่องที่ซันถูกยาพิษจนเป็นอัมพาตไงละครับ ผมไม่สามารถหาได้เลยว่าเป็นยาชนิดใด ซึ่งหมอก็ไม่สามารถ
วิจัยออกมาได้ด้วย ซึ่งเรื่องพวกนี้ผมคิดว่าต้องเป็นพวกคนที่ผมคิดแน่ๆ ทำไมผมไม่สนใจเรื่องพวกนี้ตั้งแต่แรกนะ-_- (โง่ไง) ผมเกลียดที่สุดไอยากูซ่าเนี่ย
เอาเถอะเข้าเรื่องเลยดีกว่าผมยังค้นหาวิธีใดไม่ได้เลยผมลองส่งตัวอย่างเลือดของซันไปให้บริษัทยาของยากูซ่าแล้วซึ่งไม่สามารถค้นพบ แต่คิดว่าน่าจะเป็นแก๊งยากูซ่าใหญ่ ที่สร้างยาพิษขึ้นมาเอง แต่เขาจะมาจับเธอทำไม แต่ผมน่าจะไปดูเธอซักหน่อยนะ ผมรู้สึกเป็นห่วงเธอจัง
ผมกำลังย่องออกจากห้องอย่างเงียบ ก็พบทางเดินที่เงียบฉี่ ผมแอบย่องดีกว่าจะได้ไม่มีใครสงสัย
“นี่คิม แกจะไปไหนวะ”
จ้าก! อยู่ๆเฟรมก็เรียกผมครับมันอยู่ห้องข้างผม แต่....
มันมายืนอยู่ข้างนอกทำไม-*-
“โอ๊ย กรูตกใจหมดแล้วแกมายืนอะไรตรงนี้วะ”ผมถามมันซึ่งหน้าหงอยไปหน่อย
“ก็อาบน้ำเสร็จแล้ว กรูก็จะหาเสื้อของกรูทีนี้กรู สับสนกับตู้อยู่ไง กรูก็ไปเปิดตู้ของกิ๊กเข้า ด้วยความอยากรู้กรูก็เลยค้นหา นิดหน่อย^^;;”
“ กรูว่าแกจะจะหาอะไรบางอย่างมากกว่ามั้ง-_-”
“แต่เป็นครั้งแรกเลยนะ ที่กรูได้ค้นตู้เสื้อผ้าผู้หญิง*_*”
ดูมันพูด น้ำเสียงมันดูน่าภูมิใจพิลึกแฮะ
“แล้วตกลงแกโดนอะไรดลใจแกมาอยู่นอกห้องเนี่ย”
“แหะ ^^; เล่าต่อนะ พอกรูกำลังค้นหาอยู่ กิ๊กมาเห็นเข้าก็เลยโดนไล่มาอยู่นอกห้องง่าT_T”
สมน้ำหน้าไอ้เพื่อนลามก บังอาจมาลามกกว่าข้า 555++++ (เอ๊ะ ยังไง)
“งั้นเมิงนอนห้องกรูก่อนแล้วกัน แต่ห้ามค้นตู้ซันนะเว้ยไม่งั้นกรูเตะหัวเมิงแน่”ผมบอกเฟรม
“อันแน่แสดงว่ายังไม่ได้ค้นนะเสะ 555++ ไม่เป็นไรเดี๋ยวช่วย....เอ้ยกรูล้อเล่น”เฟรมพยามหลบลูกมะเหงกผม เมื่อมันบอกจะค้นตู้ของซัน
“งั้นกรูไปก่อนล่ะ”
เฟรมพยักหน้าแล้วเดินเข้าห้องไป
ในที่สุดผมก็เดินตามทางเดินของโรงแรมคนเดียว เสียวชะมัดคนยิ่งกลัวผีอยู่ด้วยสิ-_-;
ในที่สุดผมก็ถึงห้องพยาบาลของโรงแรม
ผมสูดลมหายลึกๆก่อนที่จะเปิดเข้าไป
พลั่ก! อั๊ก! ผลัวะ!
เหมือนมีทุกสิ่งทุกอย่างเคลื่อนไหวในความมืด.....เหมือนกำลังต่อสู้
“แฮ่กๆๆๆ”
“ไปกับเราเถอะ ซากุระอย่าดีดดิ้นอยู่เลย”
ซากุระO_O
ผมรีบย่องไปเปิดไฟข้างๆทันที พอไฟทุกดวงเปิดออก แสงสว่างก็สาดส่องทั่วห้องพยาบาล
ชายชุดดำราวสิบคนยืนล้อมตัวซันไว้ ที่ยืนตั้งท่าพร้อมจะสู้ หน้าเธอซีดเซียวมากในตอนนี้ แต่เมื่อเย็นเธอยังเป็นอัมพาตอยู่เลยนี่ แล้วเธอมายืนจังก้าอยู่ตอนนี้ได้ไง
“เฮ้ย ไอ้นี่มาได้ยังไง”
“คิมนายออกไป”ซันพูดเสียงแหบแห้งแต่เรื่องอะไรล่ะที่ผมจะออกไป ดูสภาพเธอสิ
แล้วชายชุดดำสามคนก็พุ่งมาทางผมอย่างรวดเร็ว ซึ่งผมก็วิ่งเข้าไปหาอย่างรวดเร็วแล้วศอกหลังผู้ชายสองคนนั้นอย่างรวดเร็วพร้อมกับเตะเสยคางชายชุดดำอีกคนอย่างจัง ทำให้คนเหล่านั้น
เมื่อผมหันไปทางซัน ก็พบว่าเธอกำลังต่อสู้กับผู้ชายอีกห้าคนที่เหลือผมรีบไปช่วยเธอทันทีที่เธอกำลังเตะปาดรอบตัวทั้งห้าคนผมเลยวิ่งไปจับหัวมัน แล้วบิดอย่างแรงจนเกิดเสียงดังก๊อก
แคว่ก! ฟึ่บ!
แล้วผมก็รู้สึกถึงความแสบจากด้านหลัง มีดคมของชายใส่ชุดดำฟันแฉลบเขาที่หลังของผม เจ็บชะมัด
ปึ่ก! เคร้ง!
ซันเตะมีดออกจากมือชายคนนั้น ซึ่งผมคิดว่าต้องแรงมากแน่ๆ แล้วเธอยังแถมด้วยการถีบหน้าอกผู้ชายคนนั้นอย่างแรงจนไปติดกำแพง
“ขอบใจ”ผมขอบคุณเธอ แต่เธอได้แต่มองหน้าผมเพียงแป๊บเดียว เธอก็ดึงผ้าห่มขึ้นมาอย่างรวดเร็วจนผ้าห่มผืนบางปลิวสยายตามแรงตอนนี้เหลือชายชุดดำอีกสองคน ซันเขวี้ยงผ้าจนกางเต็มพื้นที่ และคลุมชายทั้งสองคนแล้วเธอก็เหวี่ยงมือกระแทกไปที่ผ้าที่คลุมชายทั้งสองคนไว้ จนเกิดเสียงอั๊กตามมา
แล้วความวุ่นวายเมื่อกี้ก็จบลง
“แฮ่กๆๆ”ซันนั่งหอบอย่างน่ากลัวจนผมต้องไปประคอง
“เธอไปทำอะไรมาถึงได้เป็นแบบนี้” ผมอุ้มเธอขึ้นมาบนเตียง
“ ฉันเพิ่งฟื้นไข้น่ะ เลยทำอะไรไม่ได้มาก โอ๊ย!”แล้วผมก็ต้องตกใจเมื่อเธอร้องออกมา เมื่อผมไปจับแขนเธอ
ก็พบว่าเลือดไหลไปทางยาวประกอบด้วยบาดแผลที่ลึกมาก
“นี่เธอ-_-”
“ไม่เป็นไรหรอกแค่จิ๊บๆ^^”
ป๊อก!
“โอ๊ย”เธอร้องเพราะผมมะเหงกเธอไปทีนึงเต็มๆ
“เขกทำไมเนี่ยเจ็บนะ รู้มั้ย”เธอทำหน้ามู่ทู่ ซึ่งทำให้ดูน่ารัก แล้วผมก็ไปหยิบ แอลกอฮอ และสำสีจากตู้ยามาหาเธอ
“อยู่นิ่งๆนะ”
“อือ”เธอก็ยื่นแขนมาให้ผม
ผมลงมือด้วยการล้างแผลด้วยแอลกอฮออย่างเบามือ แปลกที่เธอนั่งนิ่ง ไม่เอะอะเหมือนผู้หญิงทั่วไป
ผมชอบคนอย่างเธอจัง
เธอไม่ร้องด้วยความแสบบ้างเหรอ ผมล่ะสงสัยจัง
ผมแอบเงยหน้ามามองเธอนิดนึง ก็พบว่าเธอมองผมอยู่ก่อนแล้ว
“นายทำแผลเบาจัง เหมือนแม่ฉันเลย”เธอยิ้มให้ผมครับ เป็นครั้งแรกเลยที่เธอยิ้มให้ผม ดีใจจัง
(แล้วเมิงมาดีใจอะไรกับท่ามกลางคนสลบผสมกับคนตายแถวนี้วะ)
“เสร็จแล้วใช่ไหม^_^ นายรีบออกจากที่นี่เถอะเดี๋ยวใครมาเห็นเข้า”เธอยิ้มเหมือนเป็นเรื่องสนุก
แล้วเธอก็ลากผมออกจากห้องพยาบาล พร้อมกล่องยาไม่นานพวกเราก็มาถึงหน้าห้องของเราสองคน พูดอย่างนี้เหมือนคู่เจ้าบ่าว เจ้าสาวเข้าเรือนหอเลยอะ (แล้วผมคิดอะไรเนี่ย ขิน>//OOO<พระเจ้าจอจร์ลอดร์โวลเดอร์มอร์ช่วยข้าด้วย ข้าไม่เอ้า...ทิงเจอร์
แต่เธอไม่สนใจเธอละเลงเต็มที่ หลังผมจะพังมั้ยนี่
“จ้ากๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ”ยัยตัวแสบเดี๋ยวเจอดีแน่ อ้ากๆๆๆๆแสบTOT
“เสร็จแล้วล่ะแผลนายไม่ลึกมากหรอก ร้องจ้ากเชียว แป๊บเดียวก็หายแล้วล่ะ”
แต่ไม่นานเธอจะเสร็จฉันแน่ยัยตัวแสบ มันทิงเจอร์นะไม่ใช่เบตาดีนนะ-*-
แล้วเธอก็หายไปในห้องน้ำ พักนึงเธอก็มาพร้อมกับอ่างน้ำใบเล็ก
“มาฉันเช็ดตัวให้ นายลุกไหวมั้ย”
ผมประครองตัวขึ้นพลางหันหลังให้เธอ ผมรู้สึกน้ำหนักกดทับที่นอนก็รู้ได้ว่าเธอกำลังนั่งอยู่ข้างหลังผม
ครั้งแรกที่เธอใช้ผ้าลูบข้างหลังผมอย่างแผ่วเบาเพื่อขจัดสิ่งสกปรกออกไปก็รู้สึกถึงความอบอุ่นแปลกๆ จากเธอ
“นายอยู่แก๊ง Never dieเหรอ”
“ใช่ เธอรู้ได้ไงอะ”
“สัญลักษณ์ไง”
“แต่ไม่มีใครที่สามารถรู้ความหมายของรูปนั้น นอกจาก....”ผมหันมาทางเธอพลางยื่นหน้าไปไกลต้นคอเธอ
“แก๊งยากูซ่าด้วยกัน”ผมกระซิบด้วยเสียงที่แผ่วเบา
“ใช่ รูปคนยืนกางแขนบนหัวกะโหลกใครบ้างในยากูซ่าจะไม่รู้”เธอหัวเราะหึๆ
ผมจับไหล่เธอแล้วถามเธอทันที
“เธอเป็นใคร ”เธอยิ้มๆแล้วนั่งหันหลัง
พรึ่บ!
เสื้อของเธอถูกถอดออกโดยตัวเธอเป็นคนทำเอง เผยให้เห็นสายชุดชั้นในคาดที่รอยสักของเธอ เธอก็ปลดสายนั้นอีกทีก็เผยให้เห็นสัญลักษณ์ของเธอเต็มๆ รูปอินทรีกางปีกผงาดอยู่บนหัวกะโหลกข้างใต้เขียนว่าSakura furokin
“แก๊งฟุโรคินไงคะ ไลฟ์ never die”เธอเอ่ย
ซากุระ คนที่หายไปจากแก๊งญี่ปุ่นเธอเองน่ะเหรอ
แล้วเธอก็ใส่เสื้อเข้าที่เดิม แล้วหันมาเช็ดตัวให้ผมอีกครั้ง
เธอคนนี้ที่ต่อสู้กับแก๊งนาโอกิแล้วหนีออกมา แต่ไม่คาดว่าเธอจะมาที่นี่ ซากุระ ที่ไม่มีใครรู้จักหน้าของเธอเลยซักคน เธอมาอยู่ที่นี่แล้ว เธอคือน้องสาวหัวหน้าแก๊งฟุโรคิน แก๊งที่ยิ่งใหญ่ในญี่ปุ่น
“รู้แล้วก็เงียบไว้หน่อยนะตาบ้าฉันกำลังหลบหนีอยู่”เธอใช้นิ้วแตะที่ริมฝีปากของผมซึ่งตอนนั้นรู้สึกอย่างไรบอกก็ไม่ถูก มันชาไปทั้งร่าง ขณะที่เธอกำลังเช็ดตัวผมอย่างนุ่มนวล
ไม่น่าเชื่อว่าผม จะหลงรักเธอ..... ซากุระ... ว่าที่คู่หมั้นของ อาคิระ นาโอกิ
“แสดงว่าเรื่องยาที่เธอโดนเข้าไปเธอก็รู้นะสิว่าเป็นยาอะไร”ผมพูดกับเธอเรื่องยาพิษที่เธอโดนเมื่อตอนบ่ายที่ไม่มีใครรู้และรักษาได้ คนที่รู้ก็มีเธอ และก็คนอื่น
“มันก็เป็นความลับสำหรับกลุ่มพวกฉันก็เหมือนกับพวกนายก็มียาพิษส่วนตัวเหมือนกัน”เธอชี้แจง
ดูๆไปเธอก็เป็นคนที่น่ากลัวเหมือนกัน ถึงแม้เรื่องร้ายๆผ่านเข้ามามากมายเธอก็ทำหน้าตายใส่ทุกครั้ง(ตกลงจะชมหรือจะด่าฟระ)
แล้วเราสองคนก็เงียบไปนานมากแต่เวลาเราอยู่บนเตียงสองคนในเวลาแบบนี้มันหวิวยังไงก็ไม่รู้แฮะ-.,-
“ซัน”ผมเรียกเธอ
“หืม”เธอตอบรับขณะเช็ดแขนผมอยู่
“ฉันชอบเธอ”
เธอเงยหน้ามองผม หน้าเราสองคนใกล้กันมาก เพราะผมก้มเข้าไปใกล้เธอ จนรู้สึกลมหายใจอ่อนๆของเธอ ผมค่อยๆบรรจงลงไปที่ริมฝีปากของเธออย่างนุ่มนวล ใช่ลิ้นสอดจนเธอเผยอปากออกมา ทำให้ผมสามารถลุกล้ำเข้าไปในปากเธอ รับรู้ถึงแรงตอบสนองของเธอ ให้ผมรู้สึกถึงความร้อนขึ้นมา
“พอเถอะ”ซันพูดอู้อี้แล้วผลักอกผมออกมา
แล้วเธอก็เดินไปเก็บอ่างน้ำ เมื่อกี้ผมทำอะไรลงไป ผมจูบเธอใช่ไหม ผมจูบกับคนที่มีเจ้าของแล้วงั้นหรือ
ทำไมผมรู้สึกอยากอยู่กับเธอนานๆได้มากขนาดนี้นะ
ฉันต้องเอาเธอมาจากเขาให้ได้....
ซัน เธอต้องเป็นของฉัน

แต่ในขณะเดียวกัน ณ สนามบินสุวรรณภูมิ มีชายหนุ่มร่างสูงโปร่งผมซอยระต้นคอเดินอย่างสง่าผ่าเผยเดินออกจากประตูสนามบิน หน้าตาสุขุมผสมกับนัยน์ตาสีดำวาววับทำให้ดูเหมือนเจ้าชายเย็นชา รอยยิ้มที่มุมปากขยับน้อยๆ
“เธอนี่แก่นได้ใจเหลือเกินนะซากุระ แต่ เธอรู้จักอาคิระ นาโอกิน้อยไปซะแล้ว”เขาหยิบรูปของซากุระขึ้นมาดูอย่างพินิจแล้วก็ยิ้มออกมา

ปัง! ปัง! ปัง!ปัง! ปัง!
เสียงปืนดังลั่นไปทั่วในสนามยิงปืน ผมมาหายัยตัวแสบทั้งสี่ที่นี่ครับ เพราะผมหาเธอทั่วแล้วเหลือที่นี่ที่เดียว วันนี้อาจารย์ให้ฝึกป้องกันตัวกันโดยมีการยิงปืน ยูโด ฟันดาบ และมวยไทย
“ไหนว่ะกิ๊กของกรูอ่ะ”ไอ้เฟรมบ่นกระปอดกระแปดเหมือนจะขาดใจตายเมื่อไม่ได้เห็นหน้ายัยปากจัดนั่นผมล่ะสงสัยว่ามันทนเสียงง้องแง้งของยัยนั่นไปได้ยังไง
“นั่นไงยืนอยู่กับไอ้โจ เฮ้ยเบสยืนอยู่กับไอ้แซนด้วย”แมนพูดจนพวกเราทั้งสี่ก็หันไปมอง
เบสยืนยิงปืนอยู่ขณะที่โดนแซนโอบตัวไว้เพื่อให้เล็งถูกเป้า ริต้ากับถูกกุมมือจากดังที่กำลังสอนวิธีจับปืน ส่วนกิ๊กก็กำลังคุยกันอยู่กับโจ ส่วนซัน....เฮ้ย
เธอกำลังเล็งลูกซองอย่างทะมัดทะแมงเมื่อเธอยิงปืนไป ซันก็ยิ้มให้แดนแล้วตีมืออย่างสนิทสนม
แล้วผมก็รู้สึกอารมณ์เสียซะแล้ว ผมไม่ชอบให้ใครมาใกล้ซันเลย เห็นแล้วมันขวางตา
แล้วผมก็รู้สึกว่าพวกผมอีกสามคนก็รู้สึกเหมือนกันเพราะ
-_-^^^^^^^^^^^^^เพราะหน้าพวกผมเป็นอย่างนี้กันหมด
พวกผมพยักหน้าให้กันแล้วก็ไปตามเป้าหมายทันที
ปิ้ง ป่อง
เสียงออดดังหมดเวลาเรียนพอดีผมจ้องซันที่วางปืนลูกซองไว้ข้างๆแล้วเดินออกมาพอเธอเจอผม เธอกลับยิ้มให้ผมแต่ผมไม่ยิ้มตอบ จนเธอสงสัยกับท่าทางของผม
“เฮ้ นายเป็นอะไร”ผมไม่ตอบ เธอก็รู้หนิว่าผมชอบเธอ ทำไมเธอทำเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้นนะ
“แล้ว...”เธอยักไหล่มองไปทางกิ๊กกับเฟรมทะเลาะกันอยู่ อีกสองคู่ก็หายไป
“ไม่มีอะไรหรอก”
“อะไรของนาย......แต่ช่างมันเถอะนายจะไปเรียนฟันดาบกับฉันมั้ย”
“(- -)(_ _)(- -)”ผมพยักหน้า
แล้วเราสองคนก็เดินไปที่ลานฟันดาบด้วยกัน
เสียงดาบกระทบกระทั่งกันอย่างวุ่นวาย ในลาน เธอมองชะเง้อไปมาเหมือนหาใครซักคน
“นั่น นาเสะ”เหมือนผมได้ยินเธอพึมพำอะไรบางอย่างที่เหมือนชื่อคนแต่ไม่ทันที่ผมจะถามอะไรเธอ เธอก็วิ่งออกไป
“นี่นาเสะนี่นายจริงๆใช่มั้ย^^”
“ซัน^^”
“คิดถึงจัง^^”
ผมหันไปตามเสียงของซัน แต่มันก็ทำให้ผมหยุดแทบจะทันที
ซันกำลังกอดกับผู้ชายที่อยู่ต่างโรงเรียนหน้าตาหล่อเหลามาก ทำไมเขาถึงโดนซันกอดได้ขนาดนั้น ทำไมเขาได้รอยยิ้มที่จริงใจได้มากขนาดนี้ ทำไม- -ทำไมเขาถึงเป็นคนที่ซันคิดถึง ทำไมผมรู้สึกอยากทำลายภาพนั้นในทันที
“ว้าวชีบะนายก็อยู่ ยามาดะด้วย ซีโร่.....นายว้าวเท่จังเลยOoO” แล้วก็มีชายอีกสี่คนเดินเข้ามาร่วมอีก พวกเขาเป็นใครกัน ทำไมซันถึงดูสนิทสนมมากขนาดนี้
“นี่ๆฉันมีเพื่อนใหม่เยอะแยะเลยนะมีตั้งหลายคน^O^”ซันพูดร่าเริงเหมือนเด็กๆแปลกที่ผมไม่เคยเห็นมาก่อน
“นี่คน อย่างเธอมีเพื่อนด้วยเหรอ^^”หนุ่มที่แต่งตัวเหมือนเด็กอีโมหยิกแก้มซัน ที่หัวเราะคิกคัก
ทำไมนะผมเกลียดเสียงหัวเราะของเธอในตอนนี้ .....ที่เธอหัวเราะกับคนอื่น
“เออนี่ๆ ลืมไป นี่ๆ เพื่อนฉัน ชื่อคิมหันต์”เธอพาพวกผู้ชายทั้งสี่คนมาทางผม นี่เธอเพิ่งรู้สึกหรือว่าพาผมมาด้วย
“แน่ใจนะซันว่าไม่ใช่กิ๊กเธอ-_-*”หนุ่มใส่แว่นว่า
“บ้า รู้ได้ไง”เธอบิดตัวอย่างเขินๆ เอ้าเธอคิดกับผมเป็นกิ๊กหรอกเหรอเนี่ย-_-a
-_-นี่คือสีหน้าเพื่อนทั้งสี่คนของเธอ
“โธ่จริงจังไปได้ ^^(อ้าว) ล้อเล่นน่า....นี่เพื่อนฉันจริงๆ เขานอนห้องเดียวกับฉันนะ”
“หา ห้องเดียวกันO_O”ทั้งสี่ตาโต
“อือ”ซันยังคงไม่รู้สึกอะไร
“ซัน เธอทำอะไรมันรึเปล่า”ยามาดะว่าแล้วจับไหล่ซันสั่น ตกลงมันเป็นห่วงใครกันแน่ฟระ
“ก็แค่...เอ้ย นายต้องถามว่าเขาต้องทำอะไรฉันต่างหากเล่าไอ้เพื่อนบ้า”
แล้วหนึ่งชั่วโมงที่ผ่านไปรู้สึกว่าเธอจะลืมผมไปแล้วเพราะคำที่เธอพูดมีแต่
“นาเสะนายมาฟันดาบกับฉันมา^O^”
“ชีบะนายสอนท่าฟันแบบนี้หน่อยสิ*_*”
“ยามาดะนายเล่นแรงๆเลยไม่ต้องเกรงใจ^^”
“ซีโร่นายจะฟันหัวฉันรึไง-_-”
ทั้งหมดนี้ไม่มีชื่อผมเลยสักนิด น้อยใจชะมัดเลยอะ_*_ เหมือนเป็นส่วนเกินยังไงก็ไม่รู้
“บายนะทุกคน ขอบใจมากที่พวกนายช่วยฉันไว้”ตอนเลิกเรียนเธอกำลังบอกลาหนุ่มสี่คนนั่นอยู่
“อะ เดี๋ยว”เธอจับแขนนาเสะไว้
จุ๊บ! ริมฝีปากสีกุหลาบของซันสัมผัสกับแก้มคมสันของนาเสะอย่างนุ่มนวล
“ขอบใจมากนะเพื่อนรัก”
-_-^^^^^อ๊ากๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ
ทำไมผมรู้สึกหงุดหงิดได้มากขนาดนี้ ไม่เข้าใจจริง ๆ

“นี่นายฟังที่ฉันพูดอยู่รึเปล่า”
“อะ หือ”ผมเหมือนตกอยู่ในภวังค์จนเธอเรียกผมให้สะดุ้งขึ้น หลังจากเรียนวิชาต่างๆเสร็จแล้วผมเดินคิดเรื่องราวที่เกิดเมื่อกี้ซ้ำไปซ้ำมา
ทำไมผมถึงเป็นแบบนี้นะ ทำไมต้องหงุดหงิดด้วยทั้งๆที่ผมแค่ชอบเธอ
“ฉันถามว่านายฟังฉันอยู่รึเปล่า”
“ฟะ ...ฟังสิ ^^;”
“แล้วเมื่อกี้ฉันพูดเยี่ยงไรหึ-_-”
“เอ่อพูดว่า นี่นายฟังฉันอยู่รึเปล่า”
“-_-ก่อนหน้านั้นล่ะ”
“อะเอ่อ....ไม่ได้ฟังจ๊ะ”
“อ้ากๆๆๆๆๆๆๆๆๆ^-_-^”ซันกำมือกลางอากาศเหมือนจะบี้อะไรสักอย่างให้แหลกคามือแล้วมองผมอย่างหมันไส้
ผมผิดเหรอเนี่ยT_T
“นายคิดอะไรอยู่รึเปล่า”เธอถามผมแล้วรั้งให้ผมหยุดเดิน
เวลาของเราเริ่มเหลือน้อยลงทุกทีแล้วสินะ
“ฉันคิดว่าเธอจะรู้สึกยังไงเมื่อฉันบอกชอบเธอไปอะ”ผมอยากอยู่กับเธอนานๆจังแต่เวลาก็ยิ่งลดน้อยลงทุกที
ซันนิ่งไปเธอก็ยังมีสีหน้าเดิมคือเย็นชา ไม่มีใครสามารถหยั่งรู้ได้ว่าเธอคิดอะไรอยู่
“ก็....แปลกใจนะ ว่าคาสโนว่าอย่างนายจะมาชอบฉัน”เธอพูดอย่างไร้เดียงสาสีหน้าเธอไม่มีความรู้สึกอายหรือสงสัยอะไรเสียบ้างเลย เป็นครั้งแรกที่ผมคิดว่าเธอเป็นคนที่เย็นชาที่สุด ตกลงผมมาเป็นนางเอกแทนดีมั้ยเนี่ย-*-
“แล้วเธอรู้สึกยังไงกับฉันล่ะเมื่ออยู่กับฉัน”
“จะให้ฉันพูดจริงหรือพูดเล่นล่ะ”
“พูดจริงสิ”
“ตั้งแต่ที่ฉันเจอกับนายนะ ต้อนแรกนายเป็นผู้ชายที่แย่ที่สุด - -แต่เมื่อฉันมารู้จักกับนาย ฉันก็รู้สึกว่านายก็มีความสุภาพบุรุษถึงแม้จะหื่นก็ตาม....^^(เอ๊ะยังไง- -a)อยากจะพูดตรงๆนะนายก็เคยทำให้ฉันรู้สึกแปลกๆเหมือนกัน คือมันเป็นยังไงอะ...เอ่อ แบบผู้ชายกับผู้หญิงรู้สึกอะ แต่ฉันคิดว่าเป็นอารมณ์ชั่ววูบนะก็เพราะฉันอยู่ใกล้นายมากเกินไปมั้ง เลยเคยทำให้มีช่วงหนึ่งที่ฉันชอบนายแต่เพียงแวบเดียว แต่ฉันยังไม่รู้ว่าฉันเองชอบนายจริงๆรึเปล่า
-_-”
นี่ถ้าผมเป็นนางเอกผมคงวิ่งหนีแล้ว ไปร้องไห้ที่ไหนซักแห่งแล้วล่ะ เพราะเธอนี้เย็นชายิ่งกว่าพระเอกหนังเสียอีกเมื่อเห็นสีหน้าไม่มีความรู้สึกใดๆกับคำพูดที่เธอพูดออกมา มันหน้าทำให้ผมร้องไห้จริง T_Tฮึกฮือ(พระเอกขาเก็บอารมณ์หน่อยค่า เป็นพระเอกนะค้า- -)
ผมคงต้องเข้มแข็งสินะ
“แสดงว่าฉันก็แอบชอบเธอฝ่ายเดียวสินะ”ผมหัวเราะกับความรู้สึกตัวเอง
“นาย”
“รู้มั้ยเธอเป็นคนแรกที่ฉันบอกชอบก่อนนะ”
“-_-”ดูสิครับขนาดผมพูดขนาดนี้เธอยังทำหน้าตายเหมือนเดิม ให้ผมบิ้วอารมณ์อยู่คนเดียว- -^
“ไม่เป็นไร ฉันจะทำให้เธอชอบฉันให้ได้”เมื่อผมพูดคำนั้นออกไป
ซันตาโตทันทีแต่ก็ไม่ได้ว่าอะไร (เอาอีกและนางเอกหน้าตายเหมือนเดิม)
ทำไมล่ะก็ผมชอบเธอ ผมต้องเอาเธอมาครองให้ได้ ไม่ว่าด้วยวิธีใดก็ตาม
พระเจ้าเป็นพยานให้ผมด้วยว่าผมชอบเธอ ชอบมาก..มากที่สุด
บาดแผลเป็นสัญลักษณ์ของนักสู้
ภาพประจำตัวสมาชิก
ภาษาสยาม
Administrator
Administrator
 
โพสต์: 1145
ลงทะเบียนเมื่อ: อาทิตย์ 06 ก.ค. 2008 9:43 pm

Re: ยัยตัวร้ายปะทะนายแบดบอย..โดย กันย์นิกา

โพสต์โดย ภาษาสยาม » เสาร์ 09 ส.ค. 2008 6:47 pm


ตอน 7


ขอโทษ
“นี่นายคิมตื่นได้แล้ว”
“อือ”
“นายตกลงจะตื่นดีๆหรือจะตื่นด้วยน้ำตา”
“อือ”(ง่วง)
“นี่นาย”(รำคาญ)
“อือ”(งัวเงีย)
ป้าบ!
คลุกๆ ปั่ก
“โอ๊ยยัยปีศาจ”ผมพูดอย่างอารมณ์เสียเมื่อเธอเตะผมตกเตียง อ้ากเจ็บนะเฟร้ย
เธอต้องเจอดีแน่ๆ ผมมองเธอที่ทำหน้าไม่รู้ไม่ชี้มันหน้าหมั่นไส้จริงๆ
“นี่เดียวฉันจะออกไปก่อนนะที่ศูนย์อาหาร แล้วนายจะเดินย่างไปที่ไหนก็เชิญ เพราะฉันจะไม่ตามนายอีกต่อไปเพราะสัญญาหมดแล้ว โอเค้”เธอพูดกับผมโยนผ้าขนหนูมาให้ผมแล้วเดินออกไป
“อาบน้ำด้วยละฉันไม่ชอบคู่เต้นรำตัวเหม็นๆอี๊”เธอทำหน้าขยะแขยงใส่ผมแล้วก็วิ่งหลบผมที่จะกระโดดกอดเธอ
“ไปละนะ”เธอพูดแล้วก็ออกจากประตูไป
ใช่สิ นี่มันหมดสัญญาแล้วนี่ เธอคงรอคอยวันนี้มานานแล้วสินะ
Sun:say
อะแฮ่ม มาแวะบทฉันซะบ้างเมื่อฉันออกมาจากห้องอย่างสุขอุรา วันนี้เป็นวันปล่อยนักโทษแล้วโว้ย ฮ่าๆๆๆ สะใจ(นางเอกบ้าไปแล้ว) แต่ฉันลืมเตรียมชุดให้ตานั่นซะแล้วสิ มีหวังตานั่นเอากางเกงในมาใส่แทนหมวกแน่ๆเลย(เวอร์)...แต่เอ๊ะแล้วฉันจะสนใจตานั่นไปทำไมในเมื่อฉันไม่ได้เป็นเบ๊ตานั่นแล้วนี่จะสนทำไมอ้ากกกกกก ห้ามสนนะยัยซัน=O=
“นี่ๆซันฉันอยู่นี่”กิ๊กโบกมือเหมือนคิงคองปีนตึก มาทางฉัน ทำไมมันทุเรศจังฟะ ฉันเห็นแล้วอายแทน-*-
แล้วฉันก็เดินทอดน่องไปทางกลุ่มของเพื่อฉัน เพื่อนสุดที่รักจ๋าฉันมาแล้วจ้ะฉันถูกประกันตัวแล้ว^^(ดีใจเกินเหตุ)
“ซัน...ฉันจะบอกแกว่านักเรียนหญิงโรงเรียนของเราโหวตให้กลุ่มหญิงของเราแสดงบนเวทีอ่ะแกจะแสดงอะไรดี”ริต้าถามอย่างกลัวๆนี่แกกลัวตลอดเวลาเลยรึเปล่านี่-_-a
“เล่นละครลิงมั้ง”(หาได้แค่นี่)
“แกจะบ้าเหรอO_O”(จริงจัง)
“แล้วแกจะทำจริงมั้ยล่ะ”(ท้า)
“ไม่ค่ะTOT”(กลัว)
ป๊อก ไอ้กิ๊กเขกหัวฉัน เจ็บนะโว้ย ต่อยกับกรูมั้ยหึ-_-^
“เฮ้ยกรูเจ็บ=O=”(เสียงเรียบ)
“เรื่องของหัวเมิง-_-”(เสียงเข้ม)
“เดี๋ยวแกหัวแบะแน่”(โมโหนิดๆ)
“แล้วแกคิดว่าจะแสดงอะไร”(ถาม)
“เล่นดนตรีไง”(เพิ่งคิดได้)
“เฮ้ยแล้วแกเล่นเป็นรึไง”(งง)
“ไม่เป็น”(เบื่อ)
“เฮ้ยแล้วแกจะเล่นหากระเบื้องวัดรึไง”(ตกใจ)
“หมายถึงฉันเล่นเดี่ยวไม่ได้”(อธิบาย)
“ยังไงวะ”(งง)
“ก็กรูตีกลองชุดเป็นอย่างเดียว จะให้กรูไปตีแห่สิงโตหรือไงกรูตีไม่เป็นเว้ย!”(รำคาญ)
“อ้อ”(เข้าใจ)
สงสัยใช่มั้ยค่ะว่าฉันถึงตีกลองชุดเป็น ก็เรียนนะสิคะถามได้-_-พ่อฉันให้เลือกเรียนดนตรีประเภทใดประเภทหนึ่งฉันเลือกกลองค่ะ ตอนแรกพ่อฉันรู้เกือบตีฉันหัวแบะล่ะT_Tเพราะพ่อว่าเป็นคนตรีสำหรับผู้ชาย
“แล้วพวกแกเล่นอะไรเป็นบ้างล่ะ”ฉันลองถามความสามารถทางดนตรีกับเพื่อนๆดู
“กรูร้องเพลงเป็นอ่ะ”กิ๊กว่า
“หวังว่าคนดูคงอยากฟังเสียงโหยหวนของแก”ฉันว่า(กวน)
“ไอ้ซัน”(ยัวะ)
“ช่างเถอะ”(ไม่สน)
“แล้วริต้าล่ะ”กิ๊กถาม
“ฉันนะเหรอฉันเก่งเปียโนและคีย์บอร์ดอ่ะพ่อฉันให้เรียนตั้งแต่เด็ก”(เดียงสา)
“ชิ ลูกคุณหนู”(หมันไส้)
“ซันอ่าT_T”(กลัว)
“แล้วเบสล่ะ”ฉันถามมัน
“แกเห็นฉันอยู่ในสายตาด้วยเหรอT_T”(ซึ้ง)
“อย่ามาแบ้ว”(รำคาญ)
“ไอ้เพื่อนบ้า ฉันเก่งกีตาร์ไฟฟ้า และก็เบส”(หมดอารมณ์)
“อืมงั้นก็พอจะตั้งเป็นวงได้อ่ะนะเราลองหาที่ซ้อมกันมั้ย”
“แล้วแกจะจากที่ไหนล่ะ”กิ๊กถามอย่างงงๆ
“โธ่แกเอ๊ยโรงแรมนี้ดูปร๊าดเดียวก็รู้ว่าไม่ใช่โรงแรมธรรมดามันเป็นโรงแรมที่มีทุกสิ่งทุกอย่างครบครันไม่ว่าว่าจะห้าง ร้านอาหาร ธนาคาร ฟิตเนต ลานกีฬา ห้องประชุม ที่พัก สปา ยันร้านวัสดุก่อสร้างเลยนะเฟร้ย”ฉันสาธยาย
“ตกลงมันเป็นโรงแรมหรือมันเป็นถิ่นเยาวราชกันแน่ฟระแยอะชิบ”กิ๊กเกาหัว
“แต่มันคงไม่มีห้องซ้อมดนตรีหรอก”เบสว่าแล้วหยิบน้ำสตรอเบอร์รี่ปั่นมาดื่ม
“ในเมื่อมันมีแทบทุกอย่างแล้วทำไมจะไม่มีห้องซ้อมดนตรีกันล่ะ”ฉันว่าและทุกคนเหมือนจะเห็นด้วย
“งั้นไปซ้อมกันเถอะ ยู้ฮู^O^”ฉันกระโดดออกจากโต๊ะแล้วชูมือทั้งสองข้างอย่างสบายใจ
O_O(เพื่อนทั้งสามของอึ้งเพราะไม่เคยเห็นฉันเป็นแบบนี้)
“เพื่อนของกรูโดนไอ้คิมล้างสมองมารึเปล่าวะ”กิ๊กแอบซุบซิบกับเบส
“แน่เลยว่ะ”(สงสัย)
ไอ้เพื่อนเวงกรูได้ยินนะเว้ย เดี๋ยวแม่ตีหัวเละเป็นโจ๊กสามเซียนซะนี่-_-^

“หนึ่ง...สอง...สาม”ฉันเคาะไม้กลองเพื่อนเป็นจังหวะแล้วเริ่มตีกลองชุดในห้องซ้อม บอกแล้ว....ว่าโรงแรมนี่มีทุกอย่างที่ฉันคิดจริงๆ(เพราะจำได้ว่าหนีตาคิมจากชั้นบนสุดยันล่างสุด)
ตอนนี้ฉันกำลังซ้อมเพลงที่ออกแนวร๊อกๆนิดๆเป็นเพลงฝรั่งที่มันส์มากๆเพลงหนึ่งซึ่งกิ๊กร้องมาอย่างไพเราะ หน้าอย่างมันก็ร้องเพลงเพราะเหมือนกันแฮะ
แล้วในขณะที่เราซ้อมกันอยู่ก็มีคนเปิดประตูเข้ามา นั่นก็คือสี่สหายกระหังเก็บจังกอบกินนั่นเอง เฟรมที่แว๊บหน้าแหลมๆเข้ามาก่อนยิ้มแป้นให้พวกเราทั้งสี่
“ว้าวสาวๆเล่นดนตรีกันด้วยกิ๊กร้องเพลงเพราะจังอ่ะ”เฟรมก็ค่อยๆเดินเข้ามาในห้องดนตรีมาหากิ๊กแล้วหยอดคำหวานใส่คนแรกแล้วพวกอีกสามคนก็เดินเข้ามาฉันเห็นตาคิมมาในชุดสีเหลืองแบบฮิพฮอพกับกางเกงสีดำขาสั้นแบบโหลดจนชายปล่อยอยู่ถึงครึ่งหน้าแข้ง วันนี้เขาดูดีจริงๆแต่ชุดนี้ฉันจำได้ว่าฉันจัดไว้ให้นี่ แต่ฉันลืมแขวนให้...ช่างเถอะเขาอาจบังเอิญหยิบเหมือนก็ได้ คิดมากไปได้
คิมมองหน้าฉันอย่างเย็นชา มีรึฉันจะยอมนาย เย็นมาฉันก็เย็นไป ชิ
“เบสเธอเล่นดนตรีกับเขาเป็นด้วยเหรอ”แมนหันมายืนข้างๆเบส ที่ได้ยินดังนั้นก็จะเอากีตาร์แทงนายแมนให้ได้
“เฮ้เธอมันเจ็บนะ”
ท่ามกลางเพื่อนที่ยืนกันเป็นคู่ๆฉันกับคิมก็จ้องหน้ากันผ่านเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นไปแต่เราสองคนก็จ้องหน้ากันอยู่
นายคิดอะไรของนายนะทำไมนายไม่ทักฉันเลย
ติ๊ดๆๆๆๆๆ
แล้วเสียงโทรศัพท์ของคิมก็ดังขึ้น
“ฮัลโหล..จ๋าจ๊ะ....มาที่ที่ห้องซ้อมดนตรีสิจ้ะ......อยู่ห้อง302จ้ะ............มานะจ้ะที่รัก”คิมรู้สึกจะแกล้งพูดดังๆเพื่อให้ฉันได้ยินชัดๆ
“เรารีบซ้อมเพลงต่อไปเถอะฉันหิวข้าวอีกอย่างพวกเราก็ซ้อมมานานแล้วด้วย”ฉันพูดปัดๆแล้วหันเหความสนใจมาทางกลองต่อ ทำไมมือฉันถึงสั่นแล้วก็รู้สึกอึดอัดที่หน้าอกด้วย นี่ฉันเป็นอะไรเนี่ย...
เมื่อพวกฉันซ้อมดนตรีได้ไปครึ่งเพลง (ซอมบี้)ผู้หญิงคนหนึ่งก็เดินเข้ามา
“ทรายมาแล้วเหรอจ้ะ”คิมรู้สึกจะดีใจออกนอกหน้ารีบลุกขึ้นไปหาผู้หญิงคนนั้นแล้วก็หอมแก้มที่ผู้หญิงคนนั้นเบาๆ
“คิกๆ จั๊กจี้นะคิม”(มีความสุข)
“คิก แก้มทรายหอมจัง”(อ้อน)
โอ้ยหมันไส้โว้ย
“เฮ้ย ซัน แกเป็นอะไรตีกลองแรงไปรึเปล่า”เบสที่เล่นเบสอยู่ข้างหน้าฉัน หันมาถามฉันอย่างเป็นห่วง
“ฮึ ไม่ต้องเป็นห่วง ฉันมันส์ในอารมณ์นะ”(ยัวะ)
แล้วฉันก็ต้องมาเห็นนายคิมที่ให้ยัยทรายนั่งตักแล้วคลอเคลียอยู่ข้างๆ
ทำไมรู้สึกไม่ชอบนิดๆนะไม่เข้าใจจริงๆ
แล้วไม่นานฉันก็หยุดตีกลองเสียเฉยๆทำไมฉันต้องมองแต่ตานั่นนะ
“หยุดทำไมล่ะซันกำลังมันส์เลยนะ”เบลว่าจากที่ยืนกับริต้าให้ช่วยสอนเล่นคีย์บอร์ดให้ถามขึ้น
พวกแกกำลังมันส์แต่ฉันกำลังแย่โว้ย-_-
“ไม่มีสมาธิว่ะ เดี๋ยวกรูขอจูนก่อนโทษที”แล้วเมื่อฉันระงับอารมณ์ได้ฉันก็เล่นใหม่อีกครั้ง
เบสกับแมนที่เล่นเบสทั้งสองคนเริ่มเล่นขึ้นอย่าง ร๊อคๆแล้วก็ตามด้วยคีย์ที่ริต้าเล่นแล้วดูเหมือนผู้หญิงที่เท่ไปถนัดตาเพราะเพลงมีความเร็ว ทำให้การเล่นเร็วไปด้วย
แล้วก็ถึงตาฉันที่ต้องตีกลองบ้างฉันพยายามให้ตั้งสมาธิแต่สายตาฉันไปมองคิมที่กำลังจูบกับทราย
แล้วความรู้สึกก็ตื้อไปหมดเหมือนมีอะไรจะดันขึ้นมาตรงหน้าอก มันทำฉันทนไม่ไหว
เคร้ง!
ฉันรีบทิ้งไม้กลองอย่างรวดเร็วแล้วรีบวิ่งออกจากห้องให้เร็วที่สุด แล้วฉันก็รีบวิ่งออกมาข้างนอกโรงแรมในมุมอับซอยที่คับแคบของโรงแรม
“อ้วก! อ้วก! อ้วก! แหวะ!”ฉันพยายามยันกำแพงเพื่อทรงตัวอยู่แต่ฉันรู้สึกว่าแรงของฉันจะหายไปซะเฉยๆ
“อ้วก! แหวะ!”แล้วมันก็ดันขึ้นมาอีกครั้งเมื่อฉันหลับตาแล้วเห็นภาพคิมกอดกับทราย
ฉันเซไปมา แล้วจะรู้สึกถึงพื้นที่รองรับตัวของฉันไว้แต่ก็มีใครคนนึงอุ้มฉันไว้
“ซันเธอเป็นอะไรรึเปล่า”
“แดน....นาย”
“พอดีฉันเดินผ่านมาเธอลุกไหวมั้ย”
“ฉัน....”แล้วสติฉันก็หายไปพร้อมกับเสียง
Kik :say
“เฮ้ยซันเป็นอะไรอ่ะ”ฉันตกใจเมื่อจู่ๆ ซันก็วิ่งออกไปจากห้องซ้อมซะดื้อๆ
“ไม่รู้สิฉันว่าไม่ได้ร้องไห้หรอกดูมันวิ่งเร็วๆชอบกล”เบสว่า
“ไม่ได้การแล้ว”ฉันวิ่งออกไปตามหาซันทันที แกอยู่ไหนเนี่ยไอ้เพื่อนเก็บกดของฉัน
“หาจนทั่วโรงแรมแล้วฉันหาไม่เจอเลย”เบสหอบแฮกๆพร้อมกับริต้าที่ช่วยกันหาซันทั้งโรงแรม
เพื่อนของฉันมันเป็นอะไร
“ฉันว่าพวกเราลองไปหาข้างนอกดูมั้ย”ริต้าออกความเห็นซึ่งพวกเราก็ไม่รอช้ามุ่งไปที่ประตูทางออกทันทีแล้วพวกเราก็เดินไปที่สวนสาธารณะเป็นอันดับที่มีหนุ่มสาวมากมายนั่งจู๋จี๋กันอยู่
“นั่น....ใช่ซันรึเปล่า”ริต้าโผล่งออกมาแล้วศอกสีข้างฉันอย่างแรง เจ็บนะเว้ย
แล้วเมื่อเรามองไปที่จุดที่ริต้าชี้ก็พบหนุ่มสาวอยู่คู่หนึ่ง หญิงสาวที่กำลังนอนหลับใหลบนตักหนุ่มอย่างสงบ
ฉันวิ่งไปดูทันที
“แดน”
“กิ๊ก เบส ริต้า”
“ทำไมซัน”เบสอ้ำอึ้งกับภาพที่เห็นซึ่งฉันก็เป็นไปด้วย แดนอยู่กับซันที่นอนหนุนตักของแดนอย่างไม่รู้อะไรทั้งสิ้น
“ซันสลบไปนะ”แดนพุดให้ฉันซึ่งพอเขาใจแต่ก็มีคำถามผุดขึ้นมาอีก
“แล้วซันเขาเป็นอะไรถึงสลบ ธรรมดาซันไม่ได้เป็นแบบนี้นี่”ซันดูออกจะแข็งแรงเกินหญิงซะด้วยซ้ำแล้วจู่ๆจะมาสลบเหมือดอย่างนี้ได้ไง
“ฉันเห็นซันอ้วกอยู่ข้างโรงแรมพอฉันไปทักเธอก็สลบไป ฉันก็เลยพามาที่สวนสาธารณะเพื่อหาอากาศ บริสุทธิ์บ้าง”แดนว่า
“ยัยนี่เวลานอนสงบๆก็ดูดีเหมือนกันนะ”แดนยิ้มกับปฏิกิริยาของซันที่ขยับตัวน้อยๆ
“ซัน.....”เสียงหนึ่งดังขึ้น
เป็นเสียงของคิมที่โกรธเป็นฟืนเป็นไฟเมื่อเห็นซันอยู่กับแดน สายตาของคิมร้อนเป็นไฟจนฉันรู้สึกได้
ผลั่วะ!
คิมต่อยหน้าแดนอย่างจังซึ่งแดนไม่สามารถขยับไปไหนได้เลยเพราะซันนอนอยู่บนตักของเขา
“แก ฉันบอกแล้วไงว่าห้ามยุ่งกับคนของฉันสักป้าบเถอะ”เมื่อคิมง้างมือจะต่อยอีก....
“หยุดนะ”เสียงของซันพูดขึ้นทำให้ทุกคนหยุดชะงัก
“ถ้านายต่อยเขาอีกล่ะก็นายกับฉันมีเรื่องกันแน่”ซันลุกจากตักของแดน เมื่อฉันเห็นทั้งสองต่อปากต่อคำกันทีไรรังสีอำมหิตแผ่กระจายทั่วสารทิศจริงๆ
เฟรมที่มาตั้งแต่เมื่อไหร่ก็ไม่รู้มาดึงตัวออกไป ทำไมมีแต่กลุ่มผู้ชายกับซันที่มีความลับกับฉัน ฉันเป็นเพื่อนซันทำไมซันถึงไม่บอกฉันบ้าง ฉันเป็นเพื่อนเขานะ ทำไมฉันไม่รู้อะไรบ้างเลย
“ซันฉันไม่เข้าใจเธอเลยวันนั้นเธออยู่กับคนโน้นวันโน้นอยู่กับคนนี้ นี่เธอคิดจะคบผู้ชายเผื่อเลือกรึไง”
“นี่นายอย่ามาดูถูกฉันนะฉันไม่ได้เป็นอย่างที่นายคิด นายคิดไปเองทั้งนั้น”
“งั้นที่ฉันบอกไปแสดงว่าฉันรู้สึกกับเธอข้างเดียวนะสิ เธอทำไมใจร้ายกับฉันจัง ถ้าเธอไม่รักก็บอกกันบ้างสิอย่าให้ฉันเป็นบ้าอย่างนี้”
“นายอย่ามาพูดอย่างนี้นะ! นายคิดว่านายรักฉันเหรอ นายรักคนอื่นมากกว่า นายคิดจะหลอกฉันรึไง อย่าคิดว่าฉันโง่นะนายไปหาคนที่นายควงดีกว่าอย่าเอาฉันมาเล่นด้วย”ฉันเพิ่งเห็นซันโกรธได้ขนาดนี้ มันก็ว่ากันเองโดยที่ฉันไม่เข้าใจความหมายมันเลยซักนิดทั้งสองคนนี้เป็นอะไรกัน เขารักกันงั้นเหรอ
“ฉันมองเธอผิดไปจริงๆฉันไม่หน้าชอบเธอเลย เธอมันผู้หญิงหลายใจ”
“มันก็เหมือนกับนายที่หลอกฟันผู้หญิงทั่วๆไปเหมือนกันนั่นแหละ ถ้านายเห็นฉันเป็นอย่างนี้ก็ได้ ฉันจะไปจากชีวิตนาย!พอซะที!”ซันพุดชัดทุกคำ มันดูรุนแรงมากที่เห็นกลุ่มเรามาทะเลาะกันแบบนี้มันทำไห้น้ำตาฉันไหลออกมาฉันกลัวเสียงตะคอกของซันจริงๆมันน่ากลัวมาก
“ซัน”
“ไม่ต้องพูดอะไรทั้งนั้นไม่งั้นนายโดนดีแน่”ซันพูดแกมขู่ซึ่งคิมก็เงียบไป
“อุ้บ”อยู่ดีๆซันก็เอามือมาปิดปากตัวเองแล้ววิ่งไปที่ข้างต้นไม้ ฉันรีบไปหาซันอย่างเป็นห่วง
“ซันเป็นอะไร”ฉันจับแขนที่อ่อนแรงของซันที่อ้วกออกมาอย่างน่ากลัว
“ซัน....”คิมที่พยายามจะพยุงซันแต่ก็ถูกซันผลักออกไป
“ ออกไปอย่ามายุ่งกับชีวิตฉัน อ้วก!”ซันควานหาโทรศัพท์ในกระเป๋าออกมารู้สึกว่าเธอจะกดโทรหาใครซักคน
“อ้วก! นาเสะ แหวะ! มาหาฉันที่สวนสาธารณะ ....หน่อย อุ้บ!”
“ไปหาหมอมั้ยซัน”ริต้าค่อยๆพยุงซันขึ้นมา
“ไม่เป็นไร”ซันส่งยิ้มเหนื่อยๆมาให้
“อ้วก!”แล้วตอนนี้ฉันก็รู้สึกว่าฉันเกลียดคิมแล้วที่ทำให้เพื่อนของฉันเป็นแบบนี้
“ซัน...”คิมที่ทำหน้าที่อยากจะช่วยแต่อยู่ได้ห่างๆเพราะโดนซันไล่ตะเพิดออกมา สมควรแล้วล่ะ
“คิมนายไปเถอะ นายสะใจรึยังที่ทำให้เพื่อนของฉันเป็นแบบนี้ นายห้ามยุ่งกับซันอีกนะ!”ฉันพูดกับคิมที่ยืนนิ่งเมื่อได้ยิน
“ฉันไม่ได้ตั้งใจ”
“ไม่ฉอเลาะกับยัยทรายอีกสิ ทำไม ซันไม่ได้ทำอะไรให้ นายมาทำแบบนี้กับซันทำไม”
“ซัน”เสียงคนอื่นดังขึ้นอีกครั้งคราวนี้เป็นคนที่ฉันไม่รู้จักทั้งสี่คนที่วิ่งมาหาซันทั้งหมด
“พาซันไปห้องพยาบาลเร็ว”หนุ่มผมแดงผู้เมื่อเห็นซัน สลบไปอีกรอบทีนี้หนุ่มผมน้ำตาลก็มาอุ้มตัวซันไปแล้ววิ่งออกไปทันทีซึ่งพวกฉันทั้งหมดก็วิ่งตามไปด้วย
ณ ห้องพยาบาล
“หนูเขาเป็นโรคเครียดลงกระเพาะนะอย่าให้เครียดมากนะ ฉันให้ยาแล้วล่ะ”พยาบาลประจำห้องพยาบาลว่าแล้วก็ออกจากห้องพิเศษที่มีคนเต็มไปหมด
“ใครเป็นคนที่ทำให้ซันเป็นแบบนี้”หนุ่มผมแดงที่หน้าตาโคตรหล่อพูดขึ้น
“ฉันเอง”คิมยอมรับโดยไม่กลัวอะไรทั้งสิ้น
พลั่ก!
แล้วหนุ่มผมแดงก็ต่อยคิมแบบไม่ปรานีเช่นกัน
“จำไว้ถ้าแกทำให้ซันเป็นอะไรอีกล่ะก็พวกแกไม่เหลือแน่ไอ้เนเวอร์ได”หนุ่มผมแดงชี้หน้าคิมที่เซถลาตามแรงต่อย
“แล้วแก๊ง นาโอกิ ซีเวอร์ฟลู นาโอเซีย และ มองแฟลจะมาจัดการกับแก”ทีนี้หนุ่มผมทองพูดขึ้นบ้าง ทำให้พวกผู้ชายถึงกับอึ้ง
แก๊งพวกนี้มันอะไรกัน
แล้วมันเกี่ยวอะไรกับซันด้วย
Kim :say
ผมเป็นคนที่เห็นแก่ตัวที่สุด ผมทำให้คนที่ผมรักเจ็บ ตั้งแต่ซันฟื้นขึ้นเธอพูดกับทุกคนยกเว้นผมคนเดียว ซึ่งมันยิ่งทำให้อึดอัดขึ้นไปอีก ผมไม่รู้จะทำยังไงจริงๆ เรื่องทั้งหมดเป็นเพราะผมงี่เง่าเองที่โวยวายไม่ได้ฟังคำจากปากของเธอ
ผมนั่งในห้องอยู่คนเดียวที่ไม่มีซันที่มาเล่นอะไรกับผมอีกแล้ว ผมเหงาจัง
แกร๊ก
อยู่ๆก็มีเสียงประตูเปิดเข้ามา ซันเดินเข้ามาเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้นเธอไม่สนอะไรทั้งสิ้นแม้กระทั่ง...ผม..ทำไมผมถึงแคร์เธอได้มากขนาดนี้นะ
เธอเหมือนจะหยิบอะไรบางอย่าง
“ซัน”
“....”ไม่มีเสียงตอบรับ โธ่เธอจะทำให้ผมเป็นบ้าอยู่แล้วนะ
“เธอจะให้ฉันทำยังไงเธอถึงจะคุยกับฉัน”
“....”
“ซัน!”
“......”
“ซันฉันขอโทษ”
“....”
แล้วเธอเหมือนจะเดินออกไป ผมขอเถอะอย่าไปเลย ผมรีบโผกอดเธอทันที
“นี่นายปล่อยฉันนะ”ซันดีดดิ้นเมื่ออยู่ในอ้อมกอดของผมเพื่อรั้งเธอเอาไว้
“ขอ 5 วิ 10วิ 1นาทีไม่สิ10นาทีได้มั้ย ขอฉันกอดเธอนานๆได้มั้ย”รู้สึกว่าซันจะนิ่งไปผมก็กระชับกอดให้แน่นขึ้นเพื่อให้หายคิดถึง
“ฉันขอโทษ”ผมพูดข้างหูเธอซึ่งขยำเสื้อเธอเป็นคำตอบแล้วใช้หน้าซุกที่หน้าอกผม
“...........ฉันเสียใจนะ.........รู้มั้ย.....ที่นายพูดออกมาครั้งนั้น”เธอตอบผมเบาๆซึ่งผมก็เอาหัวซุกที่ไหล่ของเธอ
“ฉันขอโทษที่ฉันพูดออกไปเมื่อคราวนั้น ถึงเธอจะไม่รักฉันตอบ แต่ฉันก็ขอรักเธอต่อได้มั้ย ขอแค่เธอสนใจฉันซักหน่อย”
“คิม”ซันเรียกผมเบาๆ
“รู้มั้ยฉันไม่เคยห่วงใครเท่านายมาก่อนเลย”ซันพูดกับผมซึ่ง ก็ไม่เข้าใจความหมายนั้นแต่ผมก็พร้อมที่จะรับฟังทุกคำที่เธอพูด
“รู้มั้ย นายทำให้ฉันไม่อยากละสายตาไปจากนายเลย”ซันยิ้มน้อยๆ
“....”
“นายทำให้ฉันคิดถึงจนเป็นบ้าอยู่แล้ว”เธอพูดแล้วก็เงยหน้ามาหาผมเธอเขย่งตัวให้สูงขึ้น
“ฉันก็ต้องขอโทษนายเหมือนกันที่ฉันไม่บอกความรู้สึกกับนายไป”
แล้วผมจะจดจำภาพนี้ไว้ ภาพที่เธอจูบผมก่อน เป็นจูบที่นุ่มนวลกว่าสิ่งใดทั้งสิ้น จนผมอยากหยุดเวลาไว้ตรงนี้นานๆ
แล้วผมก็รู้สึกได้ว่าครั้งนี้ผมรักเธอมากจริงๆ
บาดแผลเป็นสัญลักษณ์ของนักสู้
ภาพประจำตัวสมาชิก
ภาษาสยาม
Administrator
Administrator
 
โพสต์: 1145
ลงทะเบียนเมื่อ: อาทิตย์ 06 ก.ค. 2008 9:43 pm

Re: ยัยตัวร้ายปะทะนายแบดบอย..โดย กันย์นิกา

โพสต์โดย ภาษาสยาม » เสาร์ 09 ส.ค. 2008 6:50 pm

ตอน 8งานเลี้ยง
ค่ำคืนที่ครอบคลุมด้วยท้องฟ้าอันมืดมิดเหล่านักเรียนหลายคนแต่งตัวสบายๆดูแล้วสวย หล่อ ต่างรอกันอยู่หน้างานที่แต่งอย่างเก๋ไก๋ริมชายหาด เสียงดนตรีคลาสสิกบรรเลงคลอไปตามบรรยากาศบนเวที ข้างโต๊ะอาหารแต่ก็มีเวทีอีกด้านหนึ่งที่ใหญ่พอสมควรที่สร้างเหมือนเวทีประลองดูสง่าและผ่าเผยมันถูกสร้างให้มีกรงครอบไว้(ตกลงจะแสดงละครสัตว์กันรึไง
“ฮัลโหลเทส หนึ่ง สอง สาม นักเรียนทั้งหลายขา”อาจารย์ปูเป้ส่งเสียงขึ้นขัดจังหวะดนตรีที่บรรเลงอยู่ที่เวทีประลองซึ่งทำให้หนุ่มสาวหันไปมองเป็นจุดเดียว
“ได้เวลาที่นักเรียนทั้งหลายก็จะได้พบกับการประลองการต่อสู้เพื่อเป็นแชมป์การต่อสู้ และจะได้รับสิทธิพิเศษอีกด้วย เอาล่ะเราจะให้นักต่อสู้ทั้งหญิงและชายทั้งสิบแปดคนมากันได้แล้ว ณ หน้าเวทีนะคะ”แล้วหนุ่มสาวที่แต่งตัวสวยๆก็เริ่มมามุงดูรอบเวทีมากขึ้นด้วยความสนใจ
“แม้กติกาจะโหดซักหน่อยแต่เราก็จะไม่ว่ากันนะจ้ะ เราจะค่อยๆบอกกติกาทีละข้อนะจ้ะ”อาจารย์ปูเป้พูดขึ้น
“เริ่มจากนักเรียนชายก่อน ให้ผู้ชายเริ่มเล่นก่อนนะ เราจะให้ผู้ชายจับฉลาก ใครได้เลข1 ก็ต้องมาสู้กับหมายเลข2 ใครชนะก็ต้องมาต่อสู้กับหมายเลข 3กับ4 และเมื่อใครชนะอีกก็ต้องมาต่อสู้กับหมายเลข 5กับ 6 เสร็จก็มาสู้กับหมายเลข 7 8 9 ตามลำดับ ถ้าใครไม่ลุกภายในหนึ่งนาทีถือว่าแพ้ หรือเธอจะยอมแพ้ก็ได้ แล้วเราจะปล่อยคุณออกมา ผู้หญิงก็เป็นเช่นเดียวกันนะจ้ะ เริ่มได้”
ผมอยู่ในชุดกางเกงขายาวและใส่เสื้อกล้ามมาพร้อมกับคู่ต่อสู้อีกแปดคน พวกเขาดันให้ส่งตัวแทนกลุ่มหญิงกับชายมากลุ่มละสองคน ซึ่งตามระเบียบผมโดนเลือกครับT_T
อาจารย์เป้ส่งไม้มาให้ผมหยิบซึ่งผมก็หยิบได้เป็นเลขเก้า ดีจังผมจะได้ไม่ต้องเหนื่อย เพราะเป็นกลุ่มสุดท้าย เย้ ^^(บ้า)
“ เชิญหมายเลขหนึ่ง นาเสะ ”อาจารย์เป้ประกาศขึ้นนาเสะขึ้นไปในชุดแบบเดียวกับผม เมื่อเก้าแรกที่เหยียบขึ้นไป เสียงกรี๊ดของสาวๆให้สนั่นลั่นชายหาดทันที
“หล่อว่ะแก อยากกินจัง ตัวขาวอ่ะ”
เชื่อสิถ้าผมขึ้นไปรับรองสาวๆ พูดไม่ออกแน่เพราะอะไรนะเหรอ ก็ผมหล่อนะสิถามได้-_-*
“นาเสะ ฮู้สู้ตายเพื่อน”เสียงแหลมจากหน้าเวทีครับผมหันไปมองทันที ยัยแซบของผมเชียร์ใหญ่เลยครับ
นาเสะขยิบตาให้ซันนิดนึงซึ่งทำให้ให้สาวๆมองซันตาเขียวปั๊ดไปที่ซันที่บังอาจมาคุยกับนาเสะของพวกเธอ
ทำไมเธอไม่เชียร์ผมบ้างอ่ะ น้อยใจ
“หมายเลข2 แดน” ไอ้แดนมันได้หมายเลขสองครับท่าน สมน้ำหน้ามันยิ่งนัก
แดนขึ้นไปอยู่กับนาเสะในกรงที่แข็งแรง
เกิดความเงียบในงานทั้งสองอยู่ในกรงเดินวนเป็นวงกลมมองหน้ากัน ไม่นานทั้งคู่ก็กระโจนใส่กัน หมัดแลกหมัดทั้งคู่ต่อสู้อย่างดุเดือดซึ่งนาเสะดูมีชั้นเชิงในการต่อสู้ แดนก็เป็นแชมป์คาราเต้เสียด้วย
อั๊ก!
แต่แดนก็เป็นคนที่ต้องออกไปจากกรงก่อน เพราะโดนนาเสะซ้อมเสียสลบ
แล้วหมายเลขสาม ซึ่งเป็นเด็กโรงเรียนเอปริเนเออในเครือข่ายของคนไทย และเด็กโรงเรียนเดียวกับนาเสะคือโรงเรียนฟาซิเนเออที่เป็นเครือข่ายของอังกฤษ
เหมือว่าทุกคนจะดูอย่างเงียบกริบ มีแต่เสียงคลื่นซัดของทะเลเท่านั้น
ยิ่งต่อสู้กับคนมากเท่าไรนาเสะยิ่งต่อสู้ดุเดือดและไม่ปรานีมากเท่านั้น เพราะเขาทำให้คนสลบไปถึงห้าคนติดๆกันภายในสิบนาที
แล้วก็ถึงตาผมที่ต้องขึ้นไปทั้งสามคน ผมกับคนข้างๆผมมองหน้ากัน
ย้าก!
ผมพุ่งไปที่เด็กฟาซิเนเอออีกคนที่มาด้วยกันผมถูกต่อยอย่างแรงที่ปากทำมีเลือดไหลออกมา แต่ผมก็กระโดดเตะคอมัน จนมันเซไปติดกรงผมพยายามจะถีบซ้ำแต่มันหนีได้ มันกลับมารัดคอผมจากข้างหลังมันทำให้ผมหายใจไม่ออกผมดิ้นรนเพื่อหาอากาศหายใจผมจึงใช้แรงทั้งหมดผลักถอยหลังให้มันไปชนกับกรงอย่างแรงจนผมได้ยินเสียงดังอั๊กมันเริ่มจะคลายมือออกจากคอผมแล้วซึ่งผมก็ฉวยโอกาสทุ่มมันลงกับพื้น
แล้วมันก็นอนลุกขึ้นไม่ได้จนเวลาผ่านล่วงเลยไปหนึ่งนาทีทำให้กรรมการมาลากตัวออกไป
“2คนสุดท้ายจากโรงเรียนฟาซิเนเออกับครูซิเออ”อาจารย์ปูเป้ว่าทำให้คนถึงกับกลืนน้ำลายดังเอื้อก
นาเสะกับผมจ้องหน้ากัน ตอนนี้ผมเห็นดวงตาที่น่ากลัวของนาเสะที่สามารถฆ่าคนได้อย่างเลือดเย็นทีเดียว เหงื่อเกาะพราวที่ลำตัวผมทั้งสองแต่ทั้งสองไม่รู้สึกเหนื่อยเลยซักนิด
ทั้งผมและนาเสะฟาดแข้งกันอย่างดุเดือดซึ่งผมก็ไม่สามารถเตะถึงตัวเขาได้เพราะต่างคนต่างป้องกันแล้วก็พุ่งพร้อมกัน
นาเสะยิ้มเยาะอย่างขรึมๆแล้วก็พุ่งหมัดที่ผมไม่ทันได้ตั้งตัว ผมจึงเริ่มใช้วิ่งชาที่เรียนมาต่อสู้กับนาเสะแต่นาเสะก็สามารถปัดได้ทุกอย่าง
ผมเหนื่อยหอบที่ต้องต่อสู้กันเป็นเวลานานแต่ผมก็ต้องตั้งท่าต่อสู้เตรียมพร้อม
นาเสะก็ตั้งท่าขึงขังในลักษณะคาราเต้
ผมตั้งสติให้มั่นแล้วมองไปที่นาเสะ
ย้าก!
ทั้งผมและนาเสะก็พุ่งพร้อมกัน แต่มาในท่าไม่เหมือนกันอีกต่อไปผทมกระโดดขึ้นสูงแล้วถีบอกนาเสะให้ยันตัวสูงขึ้นเราทั้งสองจึงฟาดแข้ง โดยที่ผมดูกลางอากาศ เพียงไม่กี่วิกับนาเสะอยู่ข้างล่าง นาเสะทำท่าจะเตะผมอีกที ผมเลยกระโดดตีลังกาถอยหลังแล้วจะสกัดเท้าของนาเสะ แต่นาเสะกระโดดขึ้นเสียก่อน ผมรีบลุกขึ้นทันทีแล้วฟาดสันมือไปที่คอของนาเสะอย่างแรง
ผมรู้สึกปวดที่คอด้วยเหมือนกัน เมื่อนาเสะฟาดมือมาที่คอผมเหมือนรู้ทัน ผมและนาเสะเลยล้มไปนอนทั้งคู่
“แฮ่กๆ” เสียงหอบของทั้งคู่ทำให้คณะกรรมการสูดลมหายใจอย่างลุ้นๆ
ผมลุกขึ้นอีกครั้งพร้อมกับนาเสะ
แล้วมุ่งไปที่เป้าหมายอีกครั้งอีก
ผมเตะหน้านาเสะอย่างแรงซึ่งพอกับที่ผมถูกต่อยเซไปพิงที่กรง ผมพยายามยึดกรงไว้ แล้วลุกขึ้นยืนอย่างช้าๆ จนเวลาผ่านล่วงเลยไป นาเสะไม่สามารถยืนขึ้นได้พอๆกับผมที่พลอยจะเซไปชนกรงบ่อยๆ
“นาเสะล้ม ไม่ยืนภายหนึ่งนาที นาเสะแพ้”เสียงอาจารย์ปู้เป้พูดขึ้น
เสียงโห่ร้องจากโรงเรียนฟานซิเนเออก็ดังขึ้นทันที
“พอแล้วนักเรียนก็เห็นกันอยู่เป็นไปตามกติกานะ” เมื่ออาจารย์ปูเป้ขัดขึ้นอย่างน่ากลัวสียงก็เงียบลงทันที
ผมถูกเฟรมและเบล เพื่อนของผมพยุงผมมานั่งข้างล่างเพื่อดูผู้หญิงแข่งขันกันต่อ
“ต่อไปเป็นการแข่งขันของผู้หญิงเบอร์แรก ทราย เบอร์ที่2 ซัน”กิ๊กที่นั่งอยู่ข้างๆผมกุมมือตัวเองไว้เหมือนภาวนาให้เพื่อนตัวเองชนะ (นี่ยังไม่เชื่อพลังม้าของซันอีกรึไงนะ)
เสียงโห่ร้องของผู้ชายดังขึ้นเมื่อซันขึ้นไปทำไงได้ล่ะก็หน้าตาเธอสวยซะขนาดนั้น จนผมยังหลงด้วยซ้ำ
ซันในชุดเสื้อกล้ามสีขาวที่ฟิตตัวนิดนึงและกางเกงขาสั้นสีน้ำตาลอ่อนเดินอย่างมั่นใจในตัวเองท่ามกลางเสียงโห่เชียร์ของผู้ชายเต็มไปหมด
“โห่ทำไม! หญิงกรูห้ามยุ่ง!”ผมตวาด ซึ่งซันยิ้มเหมือนขำๆ
“.....”ทุกคนเงียบกริบ(เสียงคิมน่ากลัวจัด)
ลองขัดผมสิ ผมสับหัวแบะหมดแน่
แล้วทั้งคู่ก็ต่อสู้ขึ้นซึ่งซันก็ล้มทรายภายในห้านาทีโดยเธอไม่ได้ได้เหนื่อยเลยซักนิด
“เฮ้ยไอ้ซันดูเหมือนจะกระทำรุนแรงจังไปโกรธใครมาฟระ”กิ๊กว่าซึ่งผมนั่งหงอไปเลย
จะใครล่ะก็ผมนี่ล่ะตัวเต็งเลยง่า=O=
“แหมก็จะใครซะอีกละกิ๊กก็เพื่อนฉันนี่ไงไอ้คิมเสือสมิง หญิงตรึม”เฟรมพูดข้างกับกิ๊กซึ่งทำหน้าเบ้ใส่ผมเพราะยังเคืองผมอยู่
“เสือสมิงหญิงสยองมากกว่า ชิ”กิ๊กว่าผมซะเสีย ซึ่งทำให้คนที่นั่งโต๊ะเดียวกันแถบจะสำลักกับข้าวตาย
แหม ถ้าไม่ใช่แฟนเพื่อนนะลากขึ้นเขียงไปนานแล้ว ยัยผู้หญิงปากดีเธออยากจะลองมั้ย-_-^
ต่อมาซันก็ทำให้เบอร์สามกับเบอร์สี่สลบอีกรอบ เพราะเข้ามาคราวนี้ถึงซันจะโดนรุมแต่ก็ไม่ระแคะระคายอะไรกับเธออีกจนได้จนได้ (ตอนนี้ผมเริ่มรู้สึกเหมือนจะชอบผู้หญิงซาดิสม์ซะแล้วสิ)
แล้วก็เป็นอันรู้กันว่าพลังช้างสารของเธอไม่มีใครสะกิดเธอได้ แม้แต่คนเดียวเธอกลายเป็นผู้ชนะ เพราะคนที่เจ็ดขอร้องอย่าตบหน้าเขาอีกเป็นรอบที่สิบเก้า เพราะหน้าบวมเป่งจนแทบจะเป็นซาลาเปาย้อมสี(แดง)อย่างเจ็บปวด
ถึงซันจะดูโหดๆแต่ก็เรียกเสียงเชียร์ของผู้ชายได้ไม่น้อย
ซันยิ้มนิดให้ผู้ชายหลายๆคน นี่เธอจะหว่านเสน่ห์อะไรอีกมากมายนะ แค่ไอ้ลาวากับแดนผมก็จะเป็นบ้าอยู่แล้ว
แล้วร่างบางก็เดินมาที่โต๊ะอย่างมั่นใจซันนั่งข้างผมแล้วก็พิงพนักอย่างสบายๆแล้วยิ้มให้ผมนิดนึง
อ้าก>_O_O__OO__OOO_O< TOT กลัว
(ยิ่งเพลงอย่างนี้ด้วยอ้ากกกกกกกกกก โรงแรมระเบิดแน่)
ใครก็ได้ช่วยผมด้วยY_Y
บาดแผลเป็นสัญลักษณ์ของนักสู้
ภาพประจำตัวสมาชิก
ภาษาสยาม
Administrator
Administrator
 
โพสต์: 1145
ลงทะเบียนเมื่อ: อาทิตย์ 06 ก.ค. 2008 9:43 pm

Re: ยัยตัวร้ายปะทะนายแบดบอย..โดย กันย์นิกา

โพสต์โดย น้ำฟ้า » ศุกร์ 29 ส.ค. 2008 6:40 am

ตอน 9
การกลับมาของ?

Sun :say
ในที่สุดก็เสร็จงานเสียทีงานเลี้ยงเลิกฉันจะได้ไปนอน เมื่อยชะมัด เหนื่อยด้วย ตอนนี้ฉันกำลังจะเข้าห้องเปลี่ยนเสื้อที่เหลือแค่พวกฉันสี่คน

“ฉันไปห้องก่อนนะ”ฉันพูดกับเพื่อนๆที่พยักหน้า ให้ฉันเข้าไปก่อน เพราะห้องมีแค่ห้องเดียวสำหรับห้องแต่งตัวของโรงเรียนเรา

ฉันจึงรีบถอดชุดบ้านี่ออกทันทีแล้วนุ่งผ้าขนหนูไว้พลางจะหยิบเสื้อสวม

“พะ พวกแกเป็นใคร แกห้ามเข้ามาในนี้นะ ออ....”รู้สึกจะเป็นเสียงกิ๊กนะ พวกนั้นเป็นอะไรรึเปล่า

“กรี๊ดดดดดดดดดดดดด” พอได้ยินเสียงดังนั้นฉันทิ้งเสื้อทันทีแล้วเปิดประตูออกมา

ในห้องว่างเปล่า ไม่มีใครทั้งสิ้นมีเพียงแต่โต๊ะวางเครื่องสำอางกระจัดกระจายไม่เป็นท่า

กิ๊ก เบส ริต้า หายไปด้วย

“ ไม่คิดจะใส่เสื้อเสร็จก่อนเหรอ แหมทำใจร้อนไปได้”น้ำเสียงขบขันของใครบางคน ทำให้ฉันต้องหันไปมอง แล้วมันทำให้ฉันสะดุ้งทันที

“นาย มาที่นี่ได้ไง!”

“จุ๊ๆ พูดอย่างนี้กับพี่ไม่ดีนะจ๊ะ”แววตาขบขันแล้วพอใจอะไรบางอย่างทำให้ฉันนึกโมโห

“นาย!”

“พูด ที่รัก สิจ๊ะแล้วจะบอก”

“ไม่มีทาง!”

“หึๆๆ”

“นายรู้ว่าฉันอยู่ที่นี่”

“แล้วเธอคิดว่าฉันจะโง่เหรอ ว่าไม่รู้ว่าคู่หมั้นตัวเองอยู่ที่ไหน”

“ฉันไม่ได้เป็นคู่หมั้นนาย!”

“ว่าที่คู่หมั้นก็ได้”

“และไม่มีวันเป็น!”ฉันเริ่มทนไม่ได้กับความยียวนของนายนี่แล้ว ตานั่นกัดมุมมุมปากพิงกับหน้าต่างที่ถูกล๊อดกลอนแล้วมองฉันประมาณว่าฉันเป็นคนใจร้อน น่ากวนประสาท

“วันนี้เธอสวยเนอะ”เขามองฉันพลางมองฉันไปทั่วร่างยิ้มนิ่งๆ

“อย่ามายวน มีอะไรก็พูดมา”ฉันเริ่มทนไม่ได้กับสายตาที่แทะเล็มฉันอยู่ ถึงฉันจะเป็นคนใจเย็นแต่พอมาเจอแบบนี้มันก็ทำให้ฉันสติแตกได้เหมือนกัน

“เธอไปกับฉัน เราวิ่งเล่นกันมามากพอแล้ว ได้เวลาเอาจริงซักที”นายนั่นพูดตอนนี้เริ่มมีท่าทางเขร่งขรึมขึ้น

“แสดงว่าที่ฉันเป็นอัมพาตชั่วคราวในวันนั้นแสดงว่านายส่งคนมาเอาตัวฉัน”

“จะพูดก็ถูก”

“นายนี่มีนเลวหาใดเปรียบจริงๆ”

นายนั้นมองหน้าฉันด้วยสายตานิ่งๆแล้วเดินเข้ามาจับแขนฉันผลักติดกับกำแพงอย่างแรง

“ก็เปรียบกับเธอนี่แหละ ที่หนีออกมา และผิดที่ไม่ทำตามคำสั่งแม่ของเธอเอง”เขาพูดในระยะที่ใกล้กับฉันมากจนจมูกของเขาสัมผัสกับจมูกของฉันลมหายใจอุ่นๆเป่ารดที่หน้าของฉัน

มือทั้งสองของเขาจับไหล่ฉันผลักติดกับกำแพง ริมฝีปากของเขาพยายามจะสัมผัสริมฝีปากของฉันอยู่แล้ว


พลั่ก! ปั่ก!

ฉันผลักตัวของตานั่นออกแล้วต่อยอย่างแรง แล้วจะวิ่งออกทางประตูที่ถูกล๊อคไว้ แต่ก็ถูกตานั่นดึงแขนแล้วโยนที่โซฟา แรงของนายนี่เยอะมากจนฉันรับไม่ไหวที่จะต่อสู้แล้ว

มีทางที่จะหนีเพียงหนทางเดียวคือประตู

แต่ก็มาอยู่ที่โซฟาจนได้

ตานั่นขึ้นคร่อมบนตัวของฉัน แล้วมองฉันด้วยแววตาที่โกรธเคืองนิ่งๆ

“สิ่งที่เธอทำกับฉันครั้งนี้แล้วจะไม่มีวันได้ครั้งที่สองจากฉันแน่”นายนั่นกดฉันจนดิ้นไปไหนไม่ได้ ริมฝีปากถูกบดขยี้อย่างรุนแรง ฉันพยายามไม่ตอบรับใดๆ แล้วเม้มริมฝีปากแน่น

แต่นายนั่นก็บดเบียดริมฝีปากจนเจ็บไปหมดความโกรธเคืองที่ฉันทำกับเขา ฉันโดนกลับคืนมาอย่างเจ็บปวด จนสู้ไม่ไหว

ร่างกายของฉันปล่อยให้เขาทำตามอำเภอใจขณะที่นายนั่นพรมจูบที่ซอกคอของฉัน ฉันก็คิดถึงใครบางคน

คิมนายอยู่ไหน นายช่วยฉันด้วยสิ ฉันเจ็บไปหมดแล้ว..........

คิมอย่าโกรธฉันนะที่ฉันปล่อยตัวแบบนี้ นาย...... ฉันสู้ไม่ไหวแล้ว

แล้วน้ำฉันก็ไหลออกมา ฉันเริ่มทนไม่ได้กับสิ่งนายนั่นทำแล้ว เพราะฉันไม่ได้รักเขา ถ้าฉันรักเขาคงไม่มาร้องไห้แบบนี้

“เธอร้องไห้ ที่ฉันทำแบบนี้งั้นเหรอ”นายนั่นถามฉัน

“........”

“ทั้งๆที่ฉันเป็นว่าที่คู่หมั้นของเธอ”

“.....”

“เฮอะให้ตาย ฉันรักเธอ มานานแล้วด้วย ยังไงเธอก็ต้องเป็นของฉัน อาคิระ นาโอกิเท่านั้นจำไว้”

“แล้วฉันจะมารับเธอกลับญี่ปุ่นนะ ซากุระของฉัน”คิระเดินตรงไปที่หน้าต่างที่ล๊อคกลอนไว้

สิ้นเสียงของเขา เขาก็กระโดดออกจากหน้าต่างไป

“ซันเธออยู่ในนั้นรึเปล่า”เสียงของคิมที่อยู่ข้างนอกประตูที่เคาะรัวจนประตูแทบพัง

ร่างกายของฉันไม่อยากขยับไปไหนเลย ฉันหยุดร้องไห้แล้ว เหลือแต่แววตาของฉันที่ยังเหม่อมองอย่างไร้จุดหมาย

ทำไมฉันต้องเจอกับเรื่องแบบนี้ด้วย ฉันคิดว่าฉันเจอเขาแล้ว แต่พระเจ้าก็จะมาพรากเขาจากลูกไป

“ซันเธอเป็นอะไร”คิมมาแล้วเขาเอาผ้ามาคลุมตัวฉันที่เหลือแต่ชุดชั้นในแล้วก็เขย่าถามฉัน

อย่าเลยคิม อย่าเพิ่งแตะตัวฉันตอนนี้เลย มันทำให้ฉันรู้รู้สึกขยะแขยงตัวเองมากขึ้น

“รอยแดงเต็มไปหมด ซันแกไปโดนอะไรมา”กิ๊กถามฉันอีกคนพลางตบแก้มฉันเบาๆ

“นั้นมันรอยจูบชัดๆ”เบลโผล่หน้าพูดขึ้นมา

คำพูดของมันฉันอยากเตะปากมันจริงๆ

“แกเมื่อกี้ที่พวกเราฉันถูกชายชุดดำจับตัวออกไป มีผู้ชายคนหนึ่งอยู่ในห้อง เธอได้พบกับเขารึเปล่า แล้วเขาได้ทำอะไรกับเธอรึเปล่า”เบสถามฉันจับมือฉันอย่างเป็นห่วง

“ไม่หรอกไม่มีเลย”ฉันโกหก

“แน่นะ”ริต้าถามกำมือตัวเองแน่น สีหน้าวิตกเหมือนกลัวอะไรซักอย่าง

“ฉันอยากพัก”ฉันพยายามลุกขึ้นแต่ก็ถูกคิมกดให้นอนเหมือเดิม

“แมน เฟรม เบล พาแฟนแกไปนอนก่อนไปเดี๋ยวนี่ฉันจัดการเอง”

“อื้ม ซันพักผ่อนเยอะๆนะฉันเป็นห่วง”เบลพูดแล้วดึงริต้าไปแมนที่มองฉันฉันก่อนที่จะพาเบสไปและเฟรมที่จะพยายามดึงแฟนตัวเองให้ไปให้ได้เพราะกิ๊กมัวแต่ยื้อไม่อยากไป

-_-^ดูไปเหมือนควาญลากช้างกลับบ้านเลยแฮะ

เมื่อทุกคนไปหมดแล้วคิมมองฉันแล้วเสยผมของฉันที่ปรกหน้าผากขึ้นเบาๆ

“คิระมาแล้วใช่มั้ย”

“......”ฉันอึ้งกับคำที่เขาพูด

เขารู้งั้นเหรอ

“ว่าที่คู่หมั้นของเธอมาที่นี่ใช่มั้ย”

ฉันพยักหน้าเป็นคำตอบ

“เขาทำร้ายเธอเหรอ”

“....”

“ตอนนี้ฉันอยากรู้แล้วว่าเธอรักใครแล้วรึยัง”เขาทำหน้าตั้งใจมากเหมือนเรื่องนี้สำคัญต่อเขา

“......”

“เขาคนนั้นจะได้คุ้มครองเธอไง”

“นาย”

“หืม”

“อยู่กับฉันตลอดไปได้มั้ย”

“.....”คิมก้มหน้าไปสักพัก เขาคงไม่อยากอยู่กับฉันหรอก เลือกที่จะไม่รั้งเขาไว้จะดีกว่า

“ถ้านายไม่พอใจนายไม่ต้องลำบากก็ได้”

“ได้สิ”คิมเงยหน้ามา

รอยยิ้มอบอุ่นแตกต่างจากเวลาอื่นโดยสิ้นเชิง และนั่นก็เสมือนคำมั่นระหว่างเราสองคน

แล้วฉันก็เดินกลับห้องกับคิมสองคนระหว่างเดินนั้นมีแต่รอยยิ้มและหัวเราะของเราทั้งสองอย่างมีความสุข

ตอนนี้ฉันอยู่ในห้องนอน ตาคิมนั่นอาบน้ำอยู่ ฉันก็ล้มตัวลงนอนทันทีเพราะมันตีสองครึ่งแล้ว วันนี้ก็บ้ามาทั้งวันแล้ว

“พรุ่งนี้ตื่นกี่โมง”รู้สึกว่าคิมจะอาบน้ำเสร็จแล้วเพราะเสียงตานั่นใกล้มาก

“สายสุดได้เจ็ดโมงเพราะรถออกเก้าโมง”ฉันตอบทั้งที่หลับตาอยู่ รู้สึกถึงแรงกดทับที่เตียงระยะไกล ทำให้รู้ว่าตานั่นขึ้นเตียงแล้ว

ฟึ่บ!

“เฮ้นายคิม นายคิดจะทำอะไร”ฉันร้องเมื่อตาคิมใช้แขนโอบเอวฉัน

“อือ”ทำเสียงมันดูง่วงๆฟระ

ตกลงที่มันไปอาบน้ำ มันละเมอถูสบู่รึเปล่า-_-*ชักไม่แน่ใจ

“นาย ปล่อย ฉันอึดอัด”เหมือนว่าตาคิมจะละเมอจริงๆนะ ฉันบอกปล่อยมันกอดแน่นกว่าเดิมจนตัวของฉันไปอยู่กับตานั่นทั้งร่าง ผู้ชายอะไรตัวใหญ่ชะมัด>_<

“ปล่อย”

“อือ นอนทั้งอย่างนี้แหละ”

“นี่นาย”

“อืม................”

“.........”
“ขอเถอะ เป็นวันสุดท้ายแล้ว ที่ฉันจะได้อยู่กับเธอแบบนี้”

“......-///-”แล้วทำไมฉันต้องเขินด้วยละเนี่ย


จุ๊บ!

อ้ากกกกกกกกกกกกกกก>O< ตานั่นหอมแก้มฉัน มันไม่ได้ง่วงจริงนี่ ฉันดิ้นไปดิ้นมาแต่ตานั่นก็กอดแน่นมากกว่าเดิม ชาติก่อนนายเป็นงูเหลือมรึไง กอดแน่นจนลิ้นฉันจะจุกตายอยู่แล้ว-_-


เมื่อฉันพูดเท่าไหร่ตานั่นก็ไม่ฟัง ความง่วงก็ประดังเข้ามาทำให้ฉันหลับไปในอ้อมกอดของตาคิมโดยไม่รู้ตัว

Kim:say

รู้สึกว่าเธอจะหลับไปแล้วนะ คิกๆตอนเธอหลับน่ารักจัง ผมจูบที่หน้าผากของเธอ เธอก็ขยับตัวไปมาจนขยับมาซบอกผม

ผู้หญิงอะไรเหมือนเด็กชะมัด ^^

แต่รอยแดงที่ซอกคอของเธอเหมือนเป็นตราให้รู้ว่าเจ้าของของเธอได้มาทวงเธอคืนแล้ว

ซึ่งผมไม่สามารถทำอะไรได้

เมื่อเธอเป็นว่าที่คู่หมั้นของเขา แต่ผมไม่ได้เป็น

เขามีสิทธิที่จะทำอะไรเธอก็ได้

แต่ผมกลับช่วยเธอไม่ได้เลย

แล้วผมต้องเห็นเธอเป็นแบบนี้ไปถึงเมื่อไหร่

แต่แล้วผมก็นึกอะไรขึ้นมาได้.....

“บาย”ซันโบกลามืออยู่หน้าห้องของเธอให้ผม ผมยิ้มแล้วโบกมือให้เธอ จะมีใครอีกมั้ยที่ทำให้ผมมีความสุขมากกว่าอยู่กับเธอ ไม่มีอีกแล้ว

“พ่อของผมอยู่ไหนฮะ”ผมถามป้าอ้นที่เป็นคนใช้ของบ้านที่เดินผ่านมาพอดี

“อยู่ที่ห้องทำงานค่ะคุณหนู”

“ขอบคุณครับ”ผมเดินมุ่งหน้าไปที่ห้องทำงานเพื่อหาพ่อทันที พอผมเข้าไปก็พบพ่อนั่งอยู่กับกองหนังสือกองเบอเร่อ


“พ่อฮะ”

“อ้าวกลับมามาแล้วเหรอไอ้ลูกหมา ไหนไปเที่ยวงาบเด็กได้กี่คนลูกพ่อ”

พ่อแน่ใจนะว่าเป็นคำพูดที่ต้อนรับผมเนี่ย-_-;;

“พ่อ ผมมีเรื่องจะถาม”

“อะไรเหรอ”

ผมนั่งลงกับเก้าอี้โต๊ะทำงานตรงข้ามกับพ่อ ซึ่งพ่อก็นั่งฟังอย่างตั้งใจ

“พ่อถ้าผมทำงานผ.อ.แล้วพ่อจะให้ผมรู้เรื่องเกี่ยวกับโรงเรียนและแก๊งของเรามั้ยครับ”

พ่อผมนิ่งไปซักพักแต่ก็พยักหน้าให้ผม

“ผมก็จะมีสิทธิรู้เรื่องในกิจการของเราใช่มั้ยครับ”

“ใช่”

“งั้นพ่อฮะพรุ่งนี้ผมจะไปซ้อมการต่อสู้พร้อมกับครูฝึกและเด็กเรียนพิเศษฮะ”

พ่อของผมตาโตทันที

‘วันนี้ไม่ต้องรอฉันนะ ฉันมีธุระกันทั้งหมดพวกเธอกลับบ้านกันไปก่อนก็ได้’

ฉันมองข้อความที่รับมาอย่างเหนื่อย เป็นวันที่สามแล้วที่เราไม่ค่อยได้เจอหน้ากัน พวกตาคิมไปทำอะไรกันทุกเย็นนะ

สามวันที่ผ่านมาฉันได้ยินเสียงของคิมจากโทรศัพท์เท่านั้น แต่ก็ตอนดึกแล้ว เขามีเรื่องอะไรที่ต้องทำนักหนานะ

“พวกผู้ชายไม่อยู่กันใช่มั้ยวันนี้เราไปเที่ยวห้างกันดีกว่า”

“อือไปสิฉันจะได้ไปหลีชายเสียหน่อย”เบสกระโดดโลดเต้นอยู่รอบตัวเรา นี่ยัยกิ๊กถ่ายทอดวิชาปอบพิชิตเทวดาให้เบสรึเปล่าฟระ-_-^ วิชาแรงกล้าชอบกล

“นี่แกสวยมั้ยอ่ะ”กิ๊กถามฉันแล้วโชว์สร้อยรูปสมอเรือขึ้นมาให้ดู

“ไม่สวย”

“ฉันว่าสร้อยนี่ก็สวยดีออกน้า แกมองยังไงเนี่ย”กิ๊กมองฉันอย่างสงสัย

“แกนั่นแหละไม่สวย=O=”

ป้าบ!

โดนอีกจนได้

“นี่ใช่มือตีหรือเบื้องล่างตีฟระ-_-”(ซัน)

“ไอ้ซันแกอยากมีเรื่องกับฉันเหรอไง”(กิ๊ก)

“ลานว่างมั้ยล่ะ-_- เดี๋ยวแม่ตบล้างน้ำ เจ็บนะเฟร้ย”(ซัน)

“เลิกทะเลาะกันเสียที ซันเธอว่าอันนี้สวยมั้ย”(ริต้า)

“ไม่รู้ฉันขอไปร้านหนังสือจะได้มั้ยอะ ฉันเลือกของไม่เป็น”แล้วฉันก็เดินออกไปโดยไม่รอคำตอบ มันหน้าเบื่อมากที่ต้องมาดูแสงวิบวับกระเด็นเข้าตาแบบนี้ จะบ้าตาย-_-

หมับ!

ฉันตกใจเมื่อมีคนมาจับแขนฉัน ฉันบิดมือแล้วทุ่มคนๆนั้นลงกับพื้นทันที

“ดะ...เดี๋ยวซัน โอ๊ยฉันเอง ลาวา”ตาลาวายกมือขึ้นแล้วเงยหน้าขึ้นมาฉันจึงเปลี่ยนอิริยาบถเป็นดึงเขาขึ้นมาแทน

“แล้วใครใช้ให้นายมาจับมือคนเขาอย่างนี้เล่า”

“คิดถึงเธอแทบตายไม่ได้เจอเธอตั้งหลายวัน”

“แค่ห้าวันเองนะ”

“แต่ห้าวันเหมือนห้าปีเลยนะ*_*”

“อยากอ้วกจัง-_-”

“ซัน นี่เธอจะเข้าร้านหนังสือกันมั้ยไปหาอะไรอ่านกัน”

“อือ”

แล้วฉันกับตาลาวาสุดน่ารัก(แค่หน้าตา แต่นิสัยไม่แน่ใจว่าจะติงต๊องหรือเจ้าชู้กันแน่)ก็ดูหนังสือด้วยกัน รู้สึกตานั่นจะชอบเรื่องวิทยาศาสตร์นะอ่านใหญ่เลยแฮะ

“นายอ่านเรื่องพวกวิทยาศาสตร์แบบนี้ ไม่เบื่อบ้างเหรอ”

“แล้วเธอละไม่เบื่อบ้างเหรอที่มัวอ่านกฎหมาย”ลาวาขยับแว่นนิดเพื่ออ่านหนังสือ ตอนลาวาใส่แว่นก็น่ารักไม่เบาแฮะ

(-_- )( -_-)(-_- )ฉันส่ายหน้า

“ฉันก็เหมือนกับเธอนั่นแหละ”ลาวาส่งยิ้มมาให้

ซันหันกลับมามองหนังือตัวเองแต่ก็อ่านไม่รู้เรื่องเลยซักนิดเพราะเธอกำลังคิดถึงเรื่องบางอย่าง

ในสวนสาธารณะแห่งหนึ่งในโตเกียว เด็กผู้หญิงอายุประมาณสิบกว่าขวบนั่งเขี่ยพื้นดินเล่นข้างบ่อน้ำอย่างเหม่อลอย

“นี่เธอ”เสียงนั่นทำให้เธอหันไปมอง เด็กผู้ชายอายุประมาณสิบขวบกว่าหน้าตาถึงขั้นว่าน่ารักมาก แต่ติดตรงที่การวางตัวของเด็กผู้ชายคนนี้ออกจะผู้ใหญ่เกินตัว เธอมองเขาแล้วหันเหความสนใจมาเขี่ยดิน

เหมือนเดิม

โลกนี้มันน่าเบื่อไม่มีอะไรสนุกๆทำเอาเสียเลย-_-

“เธอชื่ออะไรนะ”เขาถามเธอที่นั่งเหมือนคนเบื่อโลก

เธอหันมาช้าๆแล้วทำหน้าเฉยชาแล้วตอบ

“ชื่อซากุระ”

“คิกๆชื่อเธอน่ารักจัง หน้าก็น่ารักด้วย”เด็กคนนั้นพูดซึ่งๆหน้า ซึ่งเธอไม่รู้สึกเขินเลยซักนิด กลับไปเขี่ยดินบนพื้นต่อ แล้วทำหน้าตาประมาณว่า ฉันเกิดมาเพื่ออะไร=_=

“ทำไมเธอไม่พูดเลยละ>_<ธรรมดาเด็กผู้หญิงจะร่าเริงนะ”

“พอดีธรรมดาของฉันมันไม่ชอบพูดนะ เมื่อยปาก”เธอตอบอย่างรำคาญแล้วลุกขึ้นเดินอย่างไม่ใส่ใจซึ่งแน่นอนเด็กผู้ชายคนนั้นก็เดินตามไปด้วย

“ทำไมเธอไม่ยิ้มบ้างล่ะ”

“ขี้เกียจ-_-”นั่นคือคำตอบสั้นๆของเธอ

“-_-”เด็กผู้ชายมองหน้าเธออย่างหมดอารมณ์ แต่ก็อยากจะคุยด้วย เพราะความน่ารักของเธอ

“ฉันชื่อคิระ นาโอกินะยินดีที่ได้รู้จัก”

“ลูกคุณน้า นาอาโอกิ นาโอกิใช่มั้ย”

“O_Oเธอรู้ได้ยังไงนะ”เด็กผู้หญิงนั้นหัวเราะหึๆแล้วหันมาพูดกับเขา

“ก็ฉันเป็นลูกสาวของหัวหน้าแก๊งฟุโรคิน พ่อฉันชื่อเซกิ ฟุโรคิน มีเรื่องอะไรที่ฉันจะไม่รู้บ้างล่ะ”

เมื่อเขาได้ยินดังนั้นแทนที่เขาจะกลัวแต่ไม่เลยซักนิดมันมีแต่ที่เขาจะชอบเธอมากขึ้น

สองวันต่อมา

“คุณหนูซากุระคะ บอสเรียกคุณหนูนะคะ”คนรับใช้ในบ้านโผล่หัวเข้ามาในห้องฝึกซ้อมของเธอซึ่งเธอกำลังต่อสู้กับผู้ชายร่างล่ำบึกที่เป็นครูของเธอ เมื่อเธอได้ยินเธอโค้งให้ครูฝึกแล้วเดินออกที่ห้องนั่งเล่นที่มี

พ่อของเธอและพี่ชายนั่งอยู่

“วันนี้มีเพื่อนของเรามาอยู่กับเราซักอาทิตย์นึงนะซากุระต้อนรับเขาด้วยล่ะ”

“หนูเรียนทั้งวันนะค่ะพ่อ จะให้หนู ต้อนรับเขายังไงไม่ให้ พี่โซต้อนรับละคะ”

“ก็พวกนี้เขาอายุประมาณลูก ก็จะให้เรียนกับลูกนั่นแหละ”

“เหรอคะ อืม...แล้วหนูจะพยายามนะ”

“อะเดี๋ยวรู้จักกับห้าคนนี่นะ โซระแนะนำให้น้องหน่อยสิ”

แล้วพ่อของเธอก็เดินออกไปเพื่อให้เราคุยกันเอง

“นี่ซีโร่ ลูกชายหัวหน้าแก๊ง ซีเวอร์ฟลู ยามาดะ ลูกหัวหน้าแก๊งนาโอเซีย ชีบะลูกหัวหน้ากีงมองแฟล และคิระกับนาสะสองคนนี้เป็นพี่น้องกันอยู่แก๊งนาโอกิ เพื่อนสนิทของแก๊งเราไง

พวกนี้จะมาเรียนที่โรงเรียนของเราละเขาฝากฝังมาละ”

“อ้อ=_+”

“นี่น้องพี่ อายุสิบสองอยู่นะทำหน้าเหมือนเด็กอายุยี่สิบสิ-_-”

“...+_+” หน้าของซากุระ

“หา!o_oนี่เหรออายุ สิบสอง ฉันนึกว่าสิบขวบเสียอีก”เด็กที่ชื่อชีบะพูด

“ทำไมหน้านิ่งจัง ผู้หญิงธรรมดาจะร่าเริงไม่ใช่เหรอ”ยามาดะที่หน้าหล่อแบบเด็กๆพูดแล้วยืนมาข้างๆเธอ

“พอดีน้องฉันมันเป็นคนเงียบๆไม่ค่อยสุงสิงกับใครเท่าไหร่หรอก”โซระว่าพลางโอบน้องสาวอย่างรักใคร่

“ถ้าเธอยิ้มคงจะน่ารักน่าดูเลยละ”คนที่ชื่อนาเสะพูดแล้วเข้ามาจับแก้มของเธอ ซึ่งเธอก็มองหน้านิ่งเหมือนเป็นเรื่องไร้สาระ

“ย้ากกกกกกกกกกกกก!-v-”

ซากุระที่กำลังต่อสู้อย่างดุเดือดกับพี่ชายชองตัวเอง ทำให้เด็กทั้งห้ามองกันตาค้าง

ทั้งสองถือไม้กระบองเหมือนกัน โดยที่สาวน้อยถือกระบองอันเดียว แต่พี่ชายของเธอกลับถือทั้งสองข้าง

ถึงจะดูโหดไปหน่อยที่ผู้ชายมีอาวุธมากกว่า แต่ความคิดของพี่ชาย นั้น ไม่ เพราะการต่อสู้ น้องสาวเธอร้ายยิ่งกว่าครูฝึกเสียอีก

ทั้งคู่วิ่งไล่ตีกันไปมาในห้องโถงใหญ่ที่ว่างเปล่า ซึ่งมีครูฝึกคอยมองอย่างภาคภูมิใจในลูกศิษย์สุกที่รัก กับความตะลึงของเด็กผู้ชายทั้งห้าที่มองงงเป็นไก่ตาแตกไปเลย

ซากุระที่ตัวเล็กนิดเดียว ควงไม้หมุนไปรอบตัวเพื่อป้องกันไม้กระบองพี่ชายของเธอ และใช้ความเร็วตีที่ขาอย่างแรง จนเด็กทั้งหาร้องตกใจ

“อั๊ก ...ฉันเป็นพี่เธอนะ เล่นแรงจังTOT”โซระทำหน้าเบี้ยวด้วยความเจ็บเธอจึงดึงพี่ชายของตัวขึ้นมา

“พี่แพ้แล้ว-_-”

“เธอนี่แรงเยอะกว่าพี่อีกนะY_Y”โซระเดินกระเผลกไปพักริมห้องโดยที่ซากุระพาไป

“แล้วก็มีความดีที่เธอต้องทำนะโซระ ในเมื่อแพ้ ก็เรียนเพิ่มอีกหนึ่งชั่วโมง โอเค”

“ง่า >{}<โอเคTOTคร้าบ”โซระทำหน้าประมาณว่า โดนอีกแล้วเหรอเรา

“เอ้าเด็กอีกห้าคนลองมาต่อสู้กับซากุระหน่อยซิ”

“หา>O<”ทั้งห้าคนร้อง

“เป็นช่วงทดลองจะได้รู้ว่าต้องฝึกระดับไหนบ้าง”

แล้วก็ผ่านไปสี่คน ที่เธอล้มได้สำเร็จแล้วต้องไปเรียนกับโซระตามระเบียบ

จนมาถึงคิระ

ตอนนี้เธอกำลังควงไม้ที่ คิระตีใส่ไม่ยั้ง ซึ่งเธอก็พยายามที่จะหาช่องว่างเพื่อบุก

“ฉันต้องชนะเธอให้ได้”

“ไม่มีทาง”

“ยังไงฉันก็ต้องได้เรียนกับเธอ”

แต่แรงเขามีมากกว่าเธอทำให้คิระตีไม้จนหลุดจากมือเธอ ท่ามกลางเสียงกลืนน้ำลายดัง กรึ๊บของครูฝึก

มันทำให้ซากุระหน้านิ่งไปเลย ที่จริงหน้าเธอก็นิ่งตลอดเวลาอยู่แล้วละ-_-

คิมที่จะฟาดไม้ลงทั้งสองข้างที่ไหล่ของเธอเมื่อเห็นจังหวะ แต่เธอใช้แขนรับตั้งฉากแล้วหมุนควงเป็นวงอย่างรวดเร็ว แล้วบิดมืออย่างแรงทำให้ไม้กระเด็นออกจากมือของคิระ

ด้วยความตกใจของคิมทำให้เธอใช้ช่องว่างเตะเสยคาง แล้วกระโดดเตะคอของคิระซ้ำจนเซล้มไป

ซากุระยิ้มน้อยๆอย่างมีชัย

“ฉันชนะ-_-”ถึงจะดีใจไม่น้อย แต่เธอก็เผยเพียงสีหน้านิ่งๆออกมา กับคิระที่ทำหน้ามุ่ยด้วยความเจ็บ

“ใช้ได้ งั้นเรียนคลาสเดียวกับซากุระก็แล้วกัน เพราะเป็นคนแรกที่ทำให้อาวุธของซากุระหลุดมือ”

แต่เสียงครูฝึกทำให้เธอแทบจะเป็นลมคาที่O_O;;

เรียนการต่อสู้กับตานี้มีหวังจุ้นประสาทฉันกระเจิงแน่ๆ ซากุระคิด_*_

“ไงละ ยังไงฉันก็ได้เรียนกับเธอ”คิระพูดอย่างมีชัยเหนือกว่า

“รู้ อย่ามาย้ำ”ซากุระพูดอย่างไม่สบอารมณ์เมื่อเธอเดินเข้าห้องครัว ซึ่งวิชาต่อไปที่เธอต้องเรียนคือการทำอาหาร

“วันนี้ครูจะให้ซากุระกับโซระโชว์ฝีมือก็แล้วกัน วันนี้อาจารย์เตรียมอุปกรณ์มาสำหรับสองคน ซึ่งไม่รู้จะมีเด็กมาเพิ่มนะ”อาจารย์ที่สอนวิชานี้พูดกับเด็กๆ

“นี่เธอจะทำไอศกรีมมั้ย^^”คิระถามเธอ ขณะที่เธอกำลังหยิบของในตู้อุปกรณ์และเครื่องปรุง

“แล้วบ้านนายใช้ซอสมะเขือเทศทำไอศกรีมรึไง-_-”เธอยกขวดซอสจ่อที่หน้าคิระ

แป่ววว=_=;;

“แล้วเธอชอบเค้กรึเปล่า”

“ไม่-_-”

“ไอศกรีมละ”

“สองอย่างนี่เกลียดสุดๆ”คำๆนั้นทำให้คิระหน้าเบ้ไป เพราะทั้งหมดนั่นเป็นของชอบของเขาทั้งนั้น

เวลาผ่านไปหนึ่งชั่วโมง

“ว้าวซาซิมิ สปาเก็ตตี้ครีมซอส กับมักกะโรนี ว้าวโซระกับ ซากุระเก่งสุดยอด”นาเสะพูดอย่างชื่นชมในตัวซากุระและยิ้มชื่นชมซากุระอย่างยิ่ง ซึ่งซากุระก็รับยิ้มน้อยๆ


“ซากุระชอบกินอะไรมากที่สุดละ”นาเสะพูดแก้มตุ่ยเพราะยัดสปาเก็ตตี้เป็นจานที่สองและมากกว่าจานแรกเสียอีกซึ่งทำให้ซากุระยิ้มขำๆ

“ฉันชอบ ซาซิมิ คิกๆ”

“เธอขำอะไร”นาเสะมองอย่างสงสัยกับสิ่งที่เธอกระทำอยู่

“หน้านายเหมือนแมวเลย เปื้อนซอสนะ”เธอยิ้มแล้วชี้ที่แก้ม

“โธ่พี่สาว อาหารเก่ง ต่อสู้ก็ร้ายกาจ ท่านพี่นี่สุดยอดจริงๆ”ซีโร่พูดอย่างชื่นชมโดยที่ข้าวห่อสาหร่ายยังเต็มปากอยู่

“พี่โซระไปเถอะ ไปเรียนต่อ”ซากุระแก้เขินโดยการดันพี่ตัวเองออกจากห้องครัว ทำให้ทุกคนเดินตามกันไปด้วย

ณ ห้องเรียน

“เรียนก็เก่งนรก น่ารักไม่เกรงใจใครจริงๆ”ชีบะพึมพำตอนเวลาเรียนวิชาการเพิ่มเติมที่ซากุระสรุปใจความในหนังสือได้อย่างไม่มีขาดตกบกพร่อง

ณ สนามซ้อมยิงปืน

ปัง!ปัง!

เสียงปืนที่ดังลั่น มาจากซากุระที่กำลังจ่อปืนสำหรับผู้หญิงอย่างชำนาญ ซึ่งถ้าเธอโตไปเธอคงเป็นนักฆ่าได้อย่างไม่มีใครสงสัย

นอกจากนี้เธอยังเรียนเกี่ยวกับจิตวิทยา การปฐมพยาบาลเมื่อบาดเจ็บจนกระทั่งเรียนเรื่องเคมีที่เกินกว่าอายุสิบกว่าขวบด้วยซ้ำ

ถึงว่าทั้งห้าและพี่โซระจะมานั่งพักที่ห้องนั่งเล่นแล้ว แต่ว่าซากุระก็ยังไปทำงานต่ออยู่ดี

จนเวลาเวลาก็ผ่านไปสองชั่วโมง คนรับใช้เรียกพวกเขาเข้าไปรับประทานอาหาร แต่ก็ไม่มีใครเห็นเธอ

จนมาถึงโต๊ะตัวใหญ่ที่มีคุณเซกิ ที่นั่งเด่นอยู่ ข้างๆก็มี ท่านญารินคุณแม่ของซากุระและโซระที่นั่งยิ้มอยู่

ท่านสวยมากไม่แปลกเลยที่ซากุระที่น่ารักขนาดนี้

เมื่อพวกเขานั่งกันหมดแล้วคิระเอ่ยขึ้นทันที

“ซากุระล่ะฮะ”เขาถามพลางสอดส่องสายตาแต่ก็ไม่เจอเธอ

“น้องกำลังเตรียมอาหารอยู่นะจ๊ะ เดี๋ยวก็มาแล้ว”ท่านญารินพูด

“มาแล้วค่ะ-_-”น้ำเสียงใสไร้อารมณ์ตามฉบับของเธอพูดขึ้น เมื่อมีรถเข็นอาหารนำมาก่อน

“แกงกระหรี่ไก่”เธอวางกับข้าวตรงหน้าชีบะที่นั่งตาลุกวาว เพราะเป็นของชอบของเขานั่นเอง

“บุยยาเบส”เธอวางไว้ระหว่างยามาดะและซีโร่เพราะเป็นของชอบของพวกเขาเหมือนกัน

“สตูไก่”เธอวางกับข้าวระหว่างคิระกับนาเสะ นาเสะยิ้มออกมาอย่างดีใจเพราะก็เป็นของชอบเหมือนกัน

แต่คิระ เขาหน้านิ่งไปเลย

เธอไม่มีอะไรวางให้เขาทั้งๆที่เขาพยายามเสาะหาทั่วรถเข็นแล้วก็ตาม

เมื่ออาหารพร้อม คนพร้อมทุกคนจึงเริ่มกินอย่างเอร็ดอร่อย

เว้นแต่คิระที่กินได้ไปหน่อยเดียวเท่านั้น

ทำไมต้องแคร์เมื่อเธอไม่ได้ทำอาหารให้เขา ก็แค่นั้น ไม่เห็นต้องเสียใจอะไรเลยนี่ คิระคิดในใจ

ทุกคนอิ่มกันเต็มที่ แต่แปลกที่คิระยังท้องร้องประสานเสียงกันอยู่

“คิระยังไม่อิ่มอีกเหรอ ท้องร้องเสียงดังเชียว”ท่านญารินพูดยิ้มๆเมื่อเห็นสีหน้าไม่สู้ดีของคิระ

“เอ่อ-_-;;”

“ซากุระหนูไปเอาของหวานมาให้พี่กินหน่อยสิคะ^^แล้วพวกที่อิ่มแล้วเชิญตามสบาย”

ทุกคนลุกขึ้นโดยอัตโนมัติแต่เขาก็ยังแข็งทื่อเป็นตอไม้เหมือนเดิม เขาอยากจะไปแต่เขาก็ไปไม่ได้ เขาอยากลองดูอีกสักครั้ง เธอน่าจะ....

“ไอศรีมช๊อกโกแลตชิพ และรสช๊อกโกแลตแท้กินคู่กับบราวนี่ และบัตเตอร์เค้ก”เสียงใสดังขึ้นอีกครั้ง ทำให้คิระหน้าเหวอเล็กน้อย ขณะที่ซากุระถือถ้อยไอศกรีมที่จัดคู่กับเค้กอย่างสวยงาม

เมื่อเธอวางที่ตรงหน้าของเขามันทำให้เขายิ้มได้แทบจะในทันที

“ไหนว่าเธอเกลียดขนมกับไอติมนี่ ทำไมเธอทำเป็น”เขาถามอย่างสงสัย

“แต่ฉันก็ไม่ได้บอกนี่ว่าฉันทำไม่เป็น-_-”

“กินละนะ^^”
“จะเททิ้งให้หมาก็ตามใจ-_-”เธอพูดแล้วเท้าคางนั่งมองเขากินเงียบๆ

เวลาผ่านไปไม่รู้ว่านานเท่าไหร่ แต่รู้ว่ามันทำให้คิระรู้สึกปลื้มเธอคนนี้มากขึ้น

“อร่อยจัง^^”
“ถ้วยที่สามแล้วนะ-_-”เธอมองเขาอย่างเบื่อๆ แต่การกระทำของเธอแตกต่างกันมาก พอได้รู้จักเธอก็ได้รู้ว่าเธอก็อบอุ่นไม่หยอก

“ก็มันชอบนี่^^”เมื่อเธอได้ยินจึงส่ายหน้าอย่างไม่สบอารมณ์แล้วกวักมือเรียกคนรับใช้เอาไอศกรีมมาให้อีกถ้วย

“เธอเรียนก็เก่ง บู๊ก็เกินหน้าเกินตา สวยไม่บันยะบันยัง แถมยังทำอาหารก็เทพชิงมาเกิด ถ้าได้เธอเป็นแฟนก็คงดี”

“อายุสิบสองขวบเอง--_-- คิดแบบนี้ตอแหลจัง”

“ นี่สมัยเขามีแฟนตั้งแต่เด็กกันทั้งนั้นแหละ แต่ฉันชอบเธอนะ ^^อยากขอเธอแต่งงานจัง”

“ดูหนังมากไปรึเปล่านาย”

“ฉันพูดจริงๆนะ”

“ไปขอแม่ฉันไป อย่ามาขอกับฉัน”

“เธอหมายความว่าเธออนุญาตเหรอ”


“นายกลับไปจูนสมองใหม่ไป-_- อายุแค่นี้แก่แดดจริงนะนาย”

ถึงแม้เธอจะไม่สนใจกับคำพูดของคิระ แต่คิระจะพิสูจน์ให้ได้ว่าเขาทำจริง

เมื่อถึงเวลาที่ลูกมาเฟียทั้งหลายจะต้องนั่งรถออกจากบ้านเพื่อไปเรียนที่โรงเรียนฟุโรคิน โรงเรียนที่ดังในเรื่องการศึกษาและการต่อสู้ เหมาะสมกับการที่จะเรียนต่อตำรวจ

บอดี้การ์ด เอฟบีไอ นักสืบ และการทำงานให้กับมาเฟีย

ส่วนมากมีแต่ผู้ชายที่มาเรียนกันมาก แต่ผู้หญิงก็มีส่วนมากจะเป็น บอดี้การ์ดเสียมากกว่าที่จะมาเรียนแต่พวกเธอก็มีแต่หน้าดุๆจนผู้ชายไม่ค่อยกล้าเข้าใกล้

แต่เธอคนนี้ ซากุระเมื่อเธอเดินก้าวเข้ามากับพี่ชาย ทุกคนทักทายและรู้จักกันทุกคน เธอใส่ชุดนักเรียนที่จัดได้ว่าเท่ที่สุดจากบรรดาโรงเรียนทั้งหลาย

เสื้อเชิ๊ตสีขาวแขนสั้นผูกเนกไทสีดำหลวมลายนกอินทรีสีขาว อยู่ใต้ตัวอักษรFK ถุงมือหนังสีดำกระโปรงดำสั้นขึ้นมาจากเข่าหนึ่งคืบ และใส่ถุงน่องตาข่ายรูกว้างที่มีที่เก็บมีประจำสัญลักษณ์โรงเรียนฟุโรคิน

ซึ่งพี่ชายเขาใส่ชุดคล้ายๆกับซากุระเพียงแต่เสื้อสีดำ เนกไทสีขาวลายนกอินทรีสีดำ ถุงมือเป็นสีขาว ใส่กางเกงเสลกสีดำขาวคลุมข้อ

ทั้งสองได้เดินนำหน้าเด็กทั้งห้าคนที่เดินมาใหม่ มีแต่ผู้ชายที่มาทักทายกับเธอแต่เธอก็เฉยทุกครั้ง


“ซากุระ”

“อ่าหวัดดีคะอาจารย์O-O”ซากุระไหว้อาจารย์ ขณะที่อาจารย์กำลังเดินผ่านมา

แล้วทุกคนก็ต้องตกตะลึงเมื่ออาจารย์ที่พวกเขาเห็นคือ..................

พ่อซากุระO_O

ไม่หน้าเชื่อว่าพ่อของซากุระจะเป็นครูสอนประวัติศาสตร์ และเป็นผ.อ.ของโรงเรียน เสียด้วย

แล้วเรื่องก็เริ่มมาจากโรงเรียนนั้น
ผู้หญิงธรรมดา..แต่ใจมันด้านชาผู้ชาย
ภาพประจำตัวสมาชิก
น้ำฟ้า
นักเขียนแห่งปี
นักเขียนแห่งปี
 
โพสต์: 886
ลงทะเบียนเมื่อ: ศุกร์ 11 ก.ค. 2008 10:19 am

Re: ยัยตัวร้ายปะทะนายแบดบอย..โดย กันย์นิกา

โพสต์โดย น้ำฟ้า » พฤหัสฯ. 09 ต.ค. 2008 8:26 am

ตอน 9
การกลับมาของ?

Sun :say


ในที่สุดก็เสร็จงานเสียทีงานเลี้ยงเลิกฉันจะได้ไปนอน เมื่อยชะมัด เหนื่อยด้วย ตอนนี้ฉันกำลังจะ

เข้าห้องเปลี่ยนเสื้อที่เหลือแค่พวกฉันสี่คน

“ฉันไปห้องก่อนนะ”ฉันพูดกับเพื่อนๆที่พยักหน้า ให้ฉันเข้าไปก่อน เพราะห้องมีแค่ห้องเดียว

สำหรับห้องแต่งตัวของโรงเรียนเรา

ฉันจึงรีบถอดชุดบ้านี่ออกทันทีแล้วนุ่งผ้าขนหนูไว้พลางจะหยิบเสื้อสวม

“พะ พวกแกเป็นใคร แกห้ามเข้ามาในนี้นะ ออ....”รู้สึกจะเป็นเสียงกิ๊กนะ พวกนั้นเป็นอะไรรึเปล่า

“กรี๊ดดดดดดดดดดดดด” พอได้ยินเสียงดังนั้นฉันทิ้งเสื้อทันทีแล้วเปิดประตูออกมา

ในห้องว่างเปล่า ไม่มีใครทั้งสิ้นมีเพียงแต่โต๊ะวางเครื่องสำอางกระจัดกระจายไม่เป็นท่า

กิ๊ก เบส ริต้า หายไปด้วย

“ ไม่คิดจะใส่เสื้อเสร็จก่อนเหรอ แหมทำใจร้อนไปได้”น้ำเสียงขบขันของใครบางคน

ทำให้ฉันต้องหันไปมอง แล้วมันทำให้ฉันสะดุ้งทันที

“นาย มาที่นี่ได้ไง!”

“จุ๊ๆ พูดอย่างนี้กับพี่ไม่ดีนะจ๊ะ”แววตาขบขันแล้วพอใจอะไรบางอย่างทำให้ฉันนึกโมโห


“นาย!”

“พูด ที่รัก สิจ๊ะแล้วจะบอก”

“ไม่มีทาง!”

“หึๆๆ”

“นายรู้ว่าฉันอยู่ที่นี่”

“แล้วเธอคิดว่าฉันจะโง่เหรอ ว่าไม่รู้ว่าคู่หมั้นตัวเองอยู่ที่ไหน”

“ฉันไม่ได้เป็นคู่หมั้นนาย!”

“ว่าที่คู่หมั้นก็ได้”

“และไม่มีวันเป็น!”ฉันเริ่มทนไม่ได้กับความยียวนของนายนี่แล้ว ตานั่นกัดมุมมุมปากพิงกับหน้าต่าง

ที่ถูกล๊อกกลอนแล้วมองฉันประมาณว่าฉันเป็นคนใจร้อน น่ากวนประสาท

“วันนี้เธอสวยเนอะ”เขามองฉันพลางมองฉันไปทั่วร่างยิ้มนิ่งๆ

“อย่ามายวน มีอะไรก็พูดมา”ฉันเริ่มทนไม่ได้กับสายตาที่แทะเล็มฉันอยู่ ถึงฉันจะเป็นคนใจเย็น

แต่พอมาเจอแบบนี้มันก็ทำให้ฉันสติแตกได้เหมือนกัน

“เธอไปกับฉัน เราวิ่งเล่นกันมามากพอแล้ว ได้เวลาเอาจริงซักที”นายนั่นพูดตอนนี้เริ่มมีท่าทางเขร่งขรึมขึ้น


“แสดงว่าที่ฉันเป็นอัมพาตชั่วคราวในวันนั้นแสดงว่านายส่งคนมาเอาตัวฉัน”

“จะพูดก็ถูก”

“นายนี่มีนเลวหาใดเปรียบจริงๆ”

นายนั้นมองหน้าฉันด้วยสายตานิ่งๆแล้วเดินเข้ามาจับแขนฉันผลักติดกับกำแพงอย่างแรง

“ก็เปรียบกับเธอนี่แหละ ที่หนีออกมา และผิดที่ไม่ทำตามคำสั่งแม่ของเธอเอง”เขาพูด

ในระยะที่ใกล้กับฉันมากจนจมูกของเขาสัมผัสกับจมูกของฉันลมหายใจอุ่นๆเป่ารดที่หน้าของฉัน

มือทั้งสองของเขาจับไหล่ฉันผลักติดกับกำแพง ริมฝีปากของเขาพยายามจะ

สัมผัสริมฝีปากของฉันอยู่แล้ว

พลั่ก! ปั่ก!

ฉันผลักตัวของตานั่นออกแล้วต่อยอย่างแรง แล้วจะวิ่งออกทางประตูที่ถูกล๊อคไว้

แต่ก็ถูกตานั่นดึงแขนแล้วโยนที่โซฟา แรงของนายนี่เยอะมากจนฉันรับไม่ไหวที่จะต่อสู้แล้ว

มีทางที่จะหนีเพียงหนทางเดียวคือประตู

แต่ก็มาอยู่ที่โซฟาจนได้

ตานั่นขึ้นคร่อมบนตัวของฉัน แล้วมองฉันด้วยแววตาที่โกรธเคืองนิ่งๆ

“สิ่งที่เธอทำกับฉันครั้งนี้แล้วจะไม่มีวันได้ครั้งที่สองจากฉันแน่”นายนั่นกดฉันจนดิ้นไปไหนไม่ได้

ริมฝีปากถูกบดขยี้อย่างรุนแรง ฉันพยายามไม่ตอบรับใดๆ แล้วเม้มริมฝีปากแน่น

แต่นายนั่นก็บดเบียดริมฝีปากจนเจ็บไปหมดความโกรธเคืองที่ฉันทำกับเขา

ฉันโดนกลับคืนมาอย่างเจ็บปวด จนสู้ไม่ไหว

ร่างกายของฉันปล่อยให้เขาทำตามอำเภอใจขณะที่นายนั่นพรมจูบที่ซอกคอของฉัน

ฉันก็คิดถึงใครบางคน

คิมนายอยู่ไหน นายช่วยฉันด้วยสิ ฉันเจ็บไปหมดแล้ว..........

คิมอย่าโกรธฉันนะที่ฉันปล่อยตัวแบบนี้ นาย...... ฉันสู้ไม่ไหวแล้ว

แล้วน้ำฉันก็ไหลออกมา ฉันเริ่มทนไม่ได้กับสิ่งนายนั่นทำแล้ว เพราะฉันไม่ได้รักเขา

ถ้าฉันรักเขาคงไม่มาร้องไห้แบบนี้

“เธอร้องไห้ ที่ฉันทำแบบนี้งั้นเหรอ”นายนั่นถามฉัน

“........”

“ทั้งๆที่ฉันเป็นว่าที่คู่หมั้นของเธอ”

“.....”

“เฮอะให้ตาย ฉันรักเธอ มานานแล้วด้วย ยังไงเธอก็ต้องเป็นของฉัน อาคิระ นาโอกิเท่านั้นจำไว้”

“แล้วฉันจะมารับเธอกลับญี่ปุ่นนะ ซากุระของฉัน”คิระเดินตรงไปที่หน้าต่างที่ล๊อคกลอนไว้

สิ้นเสียงของเขา เขาก็กระโดดออกจากหน้าต่างไป

“ซันเธออยู่ในนั้นรึเปล่า”เสียงของคิมที่อยู่ข้างนอกประตูที่เคาะรัวจนประตูแทบพัง

ร่างกายของฉันไม่อยากขยับไปไหนเลย ฉันหยุดร้องไห้แล้ว เหลือแต่แววตาของฉัน

ที่ยังเหม่อมองอย่างไร้จุดหมาย

ทำไมฉันต้องเจอกับเรื่องแบบนี้ด้วย ฉันคิดว่าฉันเจอเขาแล้ว แต่พระเจ้าก็จะมาพรากเขาจากลูกไป

“ซันเธอเป็นอะไร”คิมมาแล้วเขาเอาผ้ามาคลุมตัวฉันที่เหลือแต่ชุดชั้นในแล้วก็เขย่าถามฉัน

อย่าเลยคิม อย่าเพิ่งแตะตัวฉันตอนนี้เลย มันทำให้ฉันรู้รู้สึกขยะแขยงตัวเองมากขึ้น

“รอยแดงเต็มไปหมด ซันแกไปโดนอะไรมา”กิ๊กถามฉันอีกคนพลางตบแก้มฉันเบาๆ

“นั้นมันรอยจูบชัดๆ”เบลโผล่หน้าพูดขึ้นมา

คำพูดของมันฉันอยากเตะปากมันจริงๆ

“แกเมื่อกี้ที่พวกเราฉันถูกชายชุดดำจับตัวออกไป มีผู้ชายคนหนึ่งอยู่ในห้อง

เธอได้พบกับเขารึเปล่า แล้วเขาได้ทำอะไรกับเธอรึเปล่า”เบสถามฉันจับมือฉันอย่างเป็นห่วง

“ไม่หรอกไม่มีเลย”ฉันโกหก

“แน่นะ”ริต้าถามกำมือตัวเองแน่น สีหน้าวิตกเหมือนกลัวอะไรซักอย่าง

“ฉันอยากพัก”ฉันพยายามลุกขึ้นแต่ก็ถูกคิมกดให้นอนเหมือเดิม

“แมน เฟรม เบล พาแฟนแกไปนอนก่อนไปเดี๋ยวนี่ฉันจัดการเอง”

“อื้ม ซันพักผ่อนเยอะๆนะฉันเป็นห่วง”เบลพูดแล้วดึงริต้าไปแมนที่มองฉันฉันก่อน

ที่จะพาเบสไปและเฟรมที่จะพยายามดึงแฟนตัวเองให้ไปให้ได้เพราะกิ๊กมัวแต่

ยื้อไม่อยากไป -_-^ดูไปเหมือนควาญลากช้างกลับบ้านเลยแฮะ

เมื่อทุกคนไปหมดแล้วคิมมองฉันแล้วเสยผมของฉันที่ปรกหน้าผากขึ้นเบาๆ

“คิระมาแล้วใช่มั้ย”

“......”ฉันอึ้งกับคำที่เขาพูด

เขารู้งั้นเหรอ

“ว่าที่คู่หมั้นของเธอมาที่นี่ใช่มั้ย”

ฉันพยักหน้าเป็นคำตอบ

“เขาทำร้ายเธอเหรอ”

“....”

“ตอนนี้ฉันอยากรู้แล้วว่าเธอรักใครแล้วรึยัง”เขาทำหน้าตั้งใจมากเหมือนเรื่องนี้สำคัญต่อเขา

“......”

“เขาคนนั้นจะได้คุ้มครองเธอไง”

“นาย”

“หืม”

“อยู่กับฉันตลอดไปได้มั้ย”

“.....”คิมก้มหน้าไปสักพัก เขาคงไม่อยากอยู่กับฉันหรอก เลือกที่จะไม่รั้งเขาไว้จะดีกว่า

“ถ้านายไม่พอใจนายไม่ต้องลำบากก็ได้”

“ได้สิ”คิมเงยหน้ามา

รอยยิ้มอบอุ่นแตกต่างจากเวลาอื่นโดยสิ้นเชิง และนั่นก็เสมือนคำมั่นระหว่างเราสองคน

แล้วฉันก็เดินกลับห้องกับคิมสองคนระหว่างเดินนั้นมีแต่รอยยิ้ม

และหัวเราะของเราทั้งสองอย่างมีความสุข



ตอนนี้ฉันอยู่ในห้องนอน ตาคิมนั่นอาบน้ำอยู่ ฉันก็ล้มตัวลงนอนทันที

เพราะมันตีสองครึ่งแล้ว วันนี้ก็บ้ามาทั้งวันแล้ว

“พรุ่งนี้ตื่นกี่โมง”รู้สึกว่าคิมจะอาบน้ำเสร็จแล้วเพราะเสียงตานั่นใกล้มาก

“สายสุดได้เจ็ดโมงเพราะรถออกเก้าโมง”ฉันตอบทั้งที่หลับตาอยู่ รู้สึกถึงแรงกดทับ

ที่เตียงระยะไกล ทำให้รู้ว่าตานั่นขึ้นเตียงแล้ว

ฟึ่บ!

“เฮ้นายคิม นายคิดจะทำอะไร”ฉันร้องเมื่อตาคิมใช้แขนโอบเอวฉัน

“อือ”ทำเสียงมันดูง่วงๆฟระ

ตกลงที่มันไปอาบน้ำ มันละเมอถูสบู่รึเปล่า-_-*ชักไม่แน่ใจ

“นาย ปล่อย ฉันอึดอัด”เหมือนว่าตาคิมจะละเมอจริงๆนะ ฉันบอกปล่อยมันกอดแน่นกว่าเดิม

จนตัวของฉันไปอยู่กับตานั่นทั้งร่าง ผู้ชายอะไรตัวใหญ่ชะมัด>_<


“ปล่อย”
“อือ นอนทั้งอย่างนี้แหละ”

“นี่นาย”

“อืม................”

“.........”


“ขอเถอะ เป็นวันสุดท้ายแล้ว ที่ฉันจะได้อยู่กับเธอแบบนี้”

“......-///-”แล้วทำไมฉันต้องเขินด้วยละเนี่ย

จุ๊บ!

อ้ากกกกกกกกกกกกกกก>O< ตานั่นหอมแก้มฉัน มันไม่ได้ง่วงจริงนี่

ฉันดิ้นไปดิ้นมาแต่ตานั่นก็กอดแน่นมากกว่าเดิม ชาติก่อนนายเป็นงูเหลือมรึไง

กอดแน่นจนลิ้นฉันจะจุกตายอยู่แล้ว-_-

เมื่อฉันพูดเท่าไหร่ตานั่นก็ไม่ฟัง ความง่วงก็ประดังเข้ามาทำให้ฉันหลับไป

ในอ้อมกอดของตาคิมโดยไม่รู้ตัว



Kim:say

รู้สึกว่าเธอจะหลับไปแล้วนะ คิกๆตอนเธอหลับน่ารักจัง ผมจูบที่หน้าผากของเธอ

เธอก็ขยับตัวไปมาจนขยับมาซบอกผม

ผู้หญิงอะไรเหมือนเด็กชะมัด ^^

แต่รอยแดงที่ซอกคอของเธอเหมือนเป็นตราให้รู้ว่าเจ้าของของเธอได้มาทวงเธอคืนแล้ว

ซึ่งผมไม่สามารถทำอะไรได้

เมื่อเธอเป็นว่าที่คู่หมั้นของเขา แต่ผมไม่ได้เป็น

เขามีสิทธิที่จะทำอะไรเธอก็ได้

แต่ผมกลับช่วยเธอไม่ได้เลย

แล้วผมต้องเห็นเธอเป็นแบบนี้ไปถึงเมื่อไหร่

แต่แล้วผมก็นึกอะไรขึ้นมาได้.....

“บาย”ซันโบกลามืออยู่หน้าห้องของเธอให้ผม ผมยิ้มแล้วโบกมือให้เธอ

จะมีใครอีกมั้ยที่ทำให้ผมมีความสุขมากกว่าอยู่กับเธอ ไม่มีอีกแล้ว

“พ่อของผมอยู่ไหนฮะ”ผมถามป้าอ้นที่เป็นคนใช้ของบ้านที่เดินผ่านมาพอดี

“อยู่ที่ห้องทำงานค่ะคุณหนู”

“ขอบคุณครับ”ผมเดินมุ่งหน้าไปที่ห้องทำงานเพื่อหาพ่อทันที พอผมเข้าไปก็พบ

พ่อนั่งอยู่กับกองหนังสือกองเบอเร่อ

“พ่อฮะ”
“อ้าวกลับมามาแล้วเหรอไอ้ลูกหมา ไหนไปเที่ยวงาบเด็กได้กี่คนลูกพ่อ”

พ่อแน่ใจนะว่าเป็นคำพูดที่ต้อนรับผมเนี่ย-_-;;

“พ่อ ผมมีเรื่องจะถาม”

“อะไรเหรอ”

ผมนั่งลงกับเก้าอี้โต๊ะทำงานตรงข้ามกับพ่อ ซึ่งพ่อก็นั่งฟังอย่างตั้งใจ

“พ่อถ้าผมทำงานผ.อ.แล้วพ่อจะให้ผมรู้เรื่องเกี่ยวกับโรงเรียนและแก๊งของเรามั้ยครับ”

พ่อผมนิ่งไปซักพักแต่ก็พยักหน้าให้ผม

“ผมก็จะมีสิทธิรู้เรื่องในกิจการของเราใช่มั้ยครับ”


“ใช่”
“งั้นพ่อฮะพรุ่งนี้ผมจะไปซ้อมการต่อสู้พร้อมกับครูฝึกและเด็กเรียนพิเศษฮะ”

พ่อของผมตาโตทันที

‘วันนี้ไม่ต้องรอฉันนะ ฉันมีธุระกันทั้งหมดพวกเธอกลับบ้านกันไปก่อนก็ได้’

ฉันมองข้อความที่รับมาอย่างเหนื่อย เป็นวันที่สามแล้วที่เราไม่ค่อยได้เจอหน้ากัน

พวกตาคิมไปทำอะไรกันทุกเย็นนะ

สามวันที่ผ่านมาฉันได้ยินเสียงของคิมจากโทรศัพท์เท่านั้น แต่ก็ตอนดึกแล้ว

เขามีเรื่องอะไรที่ต้องทำนักหนานะ
“พวกผู้ชายไม่อยู่กันใช่มั้ยวันนี้เราไปเที่ยวห้างกันดีกว่า”

“อือไปสิฉันจะได้ไปหลีชายเสียหน่อย”เบสกระโดดโลดเต้นอยู่รอบตัวเรา

นี่ยัยกิ๊กถ่ายทอดวิชาปอบพิชิตเทวดาให้เบสรึเปล่าฟระ-_-^ วิชาแรงกล้าชอบกล

“นี่แกสวยมั้ยอ่ะ”กิ๊กถามฉันแล้วโชว์สร้อยรูปสมอเรือขึ้นมาให้ดู

“ไม่สวย”

“ฉันว่าสร้อยนี่ก็สวยดีออกน้า แกมองยังไงเนี่ย”กิ๊กมองฉันอย่างสงสัย

“แกนั่นแหละไม่สวย=O=”

ป้าบ!

โดนอีกจนได้

“นี่ใช่มือตีหรือเบื้องล่างตีฟระ-_-”(ซัน)

“ไอ้ซันแกอยากมีเรื่องกับฉันเหรอไง”(กิ๊ก)

“ลานว่างมั้ยล่ะ-_- เดี๋ยวแม่ตบล้างน้ำ เจ็บนะเฟร้ย”(ซัน)

“เลิกทะเลาะกันเสียที ซันเธอว่าอันนี้สวยมั้ย”(ริต้า)

“ไม่รู้ฉันขอไปร้านหนังสือจะได้มั้ยอะ ฉันเลือกของไม่เป็น”แล้วฉันก็เดินออกไป

โดยไม่รอคำตอบ มันหน้าเบื่อมากที่ต้องมาดูแสงวิบวับกระเด็นเข้าตาแบบนี้ จะบ้าตาย-_-

หมับ!
ฉันตกใจเมื่อมีคนมาจับแขนฉัน ฉันบิดมือแล้วทุ่มคนๆนั้นลงกับพื้นทันที

“ดะ...เดี๋ยวซัน โอ๊ยฉันเอง ลาวา”ตาลาวายกมือขึ้นแล้วเงยหน้าขึ้นมา

ฉันจึงเปลี่ยนอิริยาบถเป็นดึงเขาขึ้นมาแทน

“แล้วใครใช้ให้นายมาจับมือคนเขาอย่างนี้เล่า”

“คิดถึงเธอแทบตายไม่ได้เจอเธอตั้งหลายวัน”

“แค่ห้าวันเองนะ”

“แต่ห้าวันเหมือนห้าปีเลยนะ*_*”

“อยากอ้วกจัง-_-”

“ซัน นี่เธอจะเข้าร้านหนังสือกันมั้ยไปหาอะไรอ่านกัน”

“อือ”
แล้วฉันกับตาลาวาสุดน่ารัก(แค่หน้าตา แต่นิสัยไม่แน่ใจว่าจะติงต๊องหรือเจ้าชู้กันแน่)

ก็ดูหนังสือด้วยกัน รู้สึกตานั่นจะชอบเรื่องวิทยาศาสตร์นะอ่านใหญ่เลยแฮะ

“นายอ่านเรื่องพวกวิทยาศาสตร์แบบนี้ ไม่เบื่อบ้างเหรอ”

“แล้วเธอละไม่เบื่อบ้างเหรอที่มัวอ่านกฎหมาย”ลาวาขยับแว่นนิดเพื่ออ่านหนังสือ

ตอนลาวาใส่แว่นก็น่ารักไม่เบาแฮะ

(-_- )( -_-)(-_- )ฉันส่ายหน้า

“ฉันก็เหมือนกับเธอนั่นแหละ”ลาวาส่งยิ้มมาให้

ซันหันกลับมามองหนังือตัวเองแต่ก็อ่านไม่รู้เรื่องเลยซักนิดเพราะ

เธอกำลังคิดถึงเรื่องบางอย่าง




ในสวนสาธารณะแห่งหนึ่งในโตเกียว เด็กผู้หญิงอายุประมาณสิบกว่าขวบ

นั่งเขี่ยพื้นดินเล่นข้างบ่อน้ำอย่างเหม่อลอย

“นี่เธอ”เสียงนั่นทำให้เธอหันไปมอง เด็กผู้ชายอายุประมาณสิบขวบกว่า

หน้าตาถึงขั้นว่าน่ารักมาก แต่ติดตรงที่การวางตัวของเด็กผู้ชายคนนี้

ออกจะผู้ใหญ่เกินตัว เธอมองเขาแล้วหันเหความสนใจมาเขี่ยดินเหมือนเดิม

โลกนี้มันน่าเบื่อไม่มีอะไรสนุกๆทำเอาเสียเลย-_-

“เธอชื่ออะไรนะ”เขาถามเธอที่นั่งเหมือนคนเบื่อโลก

เธอหันมาช้าๆแล้วทำหน้าเฉยชาแล้วตอบ

“ชื่อซากุระ”

“คิกๆชื่อเธอน่ารักจัง หน้าก็น่ารักด้วย”เด็กคนนั้นพูดซึ่งๆหน้า

ซึ่งเธอไม่รู้สึกเขินเลยซักนิด กลับไปเขี่ยดินบนพื้นต่อ แล้วทำหน้าตาประมาณว่า

ฉันเกิดมาเพื่ออะไร=_=

“ทำไมเธอไม่พูดเลยละ>_<ธรรมดาเด็กผู้หญิงจะร่าเริงนะ”

“พอดีธรรมดาของฉันมันไม่ชอบพูดนะ เมื่อยปาก”เธอตอบอย่างรำคาญ

แล้วลุกขึ้นเดินอย่างไม่ใส่ใจซึ่งแน่นอนเด็กผู้ชายคนนั้นก็เดินตามไปด้วย

“ทำไมเธอไม่ยิ้มบ้างล่ะ”

“ขี้เกียจ-_-”นั่นคือคำตอบสั้นๆของเธอ

“-_-”เด็กผู้ชายมองหน้าเธออย่างหมดอารมณ์ แต่ก็อยากจะคุยด้วย เพราะความน่ารักของเธอ

“ฉันชื่อคิระ นาโอกินะยินดีที่ได้รู้จัก”

“ลูกคุณน้า นาอาโอกิ นาโอกิใช่มั้ย”

“O_Oเธอรู้ได้ยังไงนะ”เด็กผู้หญิงนั้นหัวเราะหึๆแล้วหันมาพูดกับเขา

“ก็ฉันเป็นลูกสาวของหัวหน้าแก๊งฟุโรคิน พ่อฉันชื่อเซกิ ฟุโรคิน

มีเรื่องอะไรที่ฉันจะไม่รู้บ้างล่ะ”


เมื่อเขาได้ยินดังนั้นแทนที่เขาจะกลัวแต่ไม่เลยซักนิดมันมีแต่ที่เขาจะชอบเธอมากขึ้น



สองวันต่อมา

“คุณหนูซากุระคะ บอสเรียกคุณหนูนะคะ”คนรับใช้ในบ้านโผล่หัวเข้ามา

ในห้องฝึกซ้อมของเธอซึ่งเธอกำลังต่อสู้กับผู้ชายร่างล่ำบึกที่เป็นครูของเธอ

เมื่อเธอได้ยินเธอโค้งให้ครูฝึกแล้วเดินออกที่ห้องนั่งเล่นที่มีพ่อของเธอและพี่ชายนั่งอยู่

“วันนี้มีเพื่อนของเรามาอยู่กับเราซักอาทิตย์นึงนะซากุระต้อนรับเขาด้วยล่ะ”

“หนูเรียนทั้งวันนะค่ะพ่อ จะให้หนู ต้อนรับเขายังไงไม่ให้ พี่โซต้อนรับละคะ”

“ก็พวกนี้เขาอายุประมาณลูก ก็จะให้เรียนกับลูกนั่นแหละ”

“เหรอคะ อืม...แล้วหนูจะพยายามนะ”

“อะเดี๋ยวรู้จักกับห้าคนนี่นะ โซระแนะนำให้น้องหน่อยสิ”

แล้วพ่อของเธอก็เดินออกไปเพื่อให้เราคุยกันเอง
“นี่ซีโร่ ลูกชายหัวหน้าแก๊ง ซีเวอร์ฟลู ยามาดะ ลูกหัวหน้าแก๊งนาโอเซีย

ชีบะลูกหัวหน้ากีงมองแฟล และคิระกับนาสะสองคนนี้เป็นพี่น้องกันอยู่แก๊งนาโอกิ

เพื่อนสนิทของแก๊งเราไง พวกนี้จะมาเรียนที่โรงเรียนของเราละเขาฝากฝังมาละ”


“อ้อ=_+”

“นี่น้องพี่ อายุสิบสองอยู่นะทำหน้าเหมือนเด็กอายุยี่สิบสิ-_-”

“...+_+” หน้าของซากุระ

“หา!o_oนี่เหรออายุ สิบสอง ฉันนึกว่าสิบขวบเสียอีก”เด็กที่ชื่อชีบะพูด

“ทำไมหน้านิ่งจัง ผู้หญิงธรรมดาจะร่าเริงไม่ใช่เหรอ”ยามาดะที่หน้าหล่อแบบเด็กๆ

พูดแล้วยืนมาข้างๆเธอ

“พอดีน้องฉันมันเป็นคนเงียบๆไม่ค่อยสุงสิงกับใครเท่าไหร่หรอก”

โซระว่าพลางโอบน้องสาวอย่างรักใคร่

“ถ้าเธอยิ้มคงจะน่ารักน่าดูเลยละ”คนที่ชื่อนาเสะพูดแล้วเข้ามาจับแก้มของเธอ

ซึ่งเธอก็มองหน้านิ่งเหมือนเป็นเรื่องไร้สาระ


“ย้ากกกกกกกกกกกกก!-v-”

ซากุระที่กำลังต่อสู้อย่างดุเดือดกับพี่ชายชองตัวเอง ทำให้เด็กทั้งห้ามองกันตาค้าง

ทั้งสองถือไม้กระบองเหมือนกัน โดยที่สาวน้อยถือกระบองอันเดียว

แต่พี่ชายของเธอกลับถือทั้งสองข้าง

ถึงจะดูโหดไปหน่อยที่ผู้ชายมีอาวุธมากกว่า แต่ความคิดของพี่ชาย นั้น ไม่

เพราะการต่อสู้ น้องสาวเธอร้ายยิ่งกว่าครูฝึกเสียอีก

ทั้งคู่วิ่งไล่ตีกันไปมาในห้องโถงใหญ่ที่ว่างเปล่า ซึ่งมีครูฝึกคอยมองอย่างภาคภูมิใจ

ในลูกศิษย์สุดที่รัก กับความตะลึงของเด็กผู้ชายทั้งห้าที่มองงงเป็นไก่ตาแตกไปเลย

ซากุระที่ตัวเล็กนิดเดียว ควงไม้หมุนไปรอบตัวเพื่อป้องกันไม้กระบองพี่ชายของเธอ

และใช้ความเร็วตีที่ขาอย่างแรง จนเด็กทั้งหาร้องตกใจ

“อั๊ก ...ฉันเป็นพี่เธอนะ เล่นแรงจังTOT”โซระทำหน้าเบี้ยวด้วยความเจ็บเธอจึงดึงพี่ชายของตัวขึ้นมา

“พี่แพ้แล้ว-_-”

“เธอนี่แรงเยอะกว่าพี่อีกนะY_Y”โซระเดินกระเผลกไปพักริมห้องโดยที่ซากุระพาไป

“แล้วก็มีความดีที่เธอต้องทำนะโซระ ในเมื่อแพ้ ก็เรียนเพิ่มอีกหนึ่งชั่วโมง โอเค”

“ง่า >{}<โอเคTOTคร้าบ”โซระทำหน้าประมาณว่า โดนอีกแล้วเหรอเรา

“เอ้าเด็กอีกห้าคนลองมาต่อสู้กับซากุระหน่อยซิ”

“หา>O<”ทั้งห้าคนร้อง

“เป็นช่วงทดลองจะได้รู้ว่าต้องฝึกระดับไหนบ้าง”

แล้วก็ผ่านไปสี่คน ที่เธอล้มได้สำเร็จแล้วต้องไปเรียนกับโซระตามระเบียบ

จนมาถึงคิระ

ตอนนี้เธอกำลังควงไม้ที่ คิระตีใส่ไม่ยั้ง ซึ่งเธอก็พยายามที่จะหาช่องว่างเพื่อบุก

“ฉันต้องชนะเธอให้ได้”

“ไม่มีทาง”
“ยังไงฉันก็ต้องได้เรียนกับเธอ”

แต่แรงเขามีมากกว่าเธอทำให้คิระตีไม้จนหลุดจากมือเธอ

ท่ามกลางเสียงกลืนน้ำลายดัง กรึ๊บของครูฝึก

มันทำให้ซากุระหน้านิ่งไปเลย ที่จริงหน้าเธอก็นิ่งตลอดเวลาอยู่แล้วละ-_-

คิมที่จะฟาดไม้ลงทั้งสองข้างที่ไหล่ของเธอเมื่อเห็นจังหวะ แต่เธอใช้แขนรับตั้งฉาก

แล้วหมุนควงเป็นวงอย่างรวดเร็ว แล้วบิดมืออย่างแรงทำให้ไม้กระเด็น

ออกจากมือของคิระ ด้วยความตกใจของคิมทำให้เธอใช้ช่องว่างเตะเสยคาง

แล้วกระโดดเตะคอของคิระซ้ำจนเซล้มไป

ซากุระยิ้มน้อยๆอย่างมีชัย

“ฉันชนะ-_-”ถึงจะดีใจไม่น้อย แต่เธอก็เผยเพียงสีหน้านิ่งๆออกมา กับคิระที่ทำหน้ามุ่ยด้วยความเจ็บ

“ใช้ได้ งั้นเรียนคลาสเดียวกับซากุระก็แล้วกัน เพราะเป็นคนแรกที่ทำให้อาวุธของซากุระหลุดมือ”

แต่เสียงครูฝึกทำให้เธอแทบจะเป็นลมคาที่O_O;;

เรียนการต่อสู้กับตานี้มีหวังจุ้นประสาทฉันกระเจิงแน่ๆ ซากุระคิด_*_

“ไงละ ยังไงฉันก็ได้เรียนกับเธอ”คิระพูดอย่างมีชัยเหนือกว่า

“รู้ อย่ามาย้ำ”ซากุระพูดอย่างไม่สบอารมณ์เมื่อเธอเดินเข้าห้องครัว

ซึ่งวิชาต่อไปที่เธอต้องเรียนคือการทำอาหาร

“วันนี้ครูจะให้ซากุระกับโซระโชว์ฝีมือก็แล้วกัน วันนี้อาจารย์เตรียมอุปกรณ์

มาสำหรับสองคน ซึ่งไม่รู้จะมีเด็กมาเพิ่มนะ”อาจารย์ที่สอนวิชานี้พูดกับเด็กๆ

“นี่เธอจะทำไอศกรีมมั้ย^^”คิระถามเธอ ขณะที่เธอกำลังหยิบของในตู้อุปกรณ์และเครื่องปรุง

“แล้วบ้านนายใช้ซอสมะเขือเทศทำไอศกรีมรึไง-_-”เธอยกขวดซอสจ่อที่หน้าคิระ

แป่ววว=_=;;

“แล้วเธอชอบเค้กรึเปล่า”

“ไม่-_-”

“ไอศกรีมละ”

“สองอย่างนี่เกลียดสุดๆ”คำๆนั้นทำให้คิระหน้าเบ้ไป เพราะทั้งหมดนั่นเป็นของชอบของเขาทั้งนั้น

เวลาผ่านไปหนึ่งชั่วโมง

“ว้าวซาซิมิ สปาเก็ตตี้ครีมซอส กับมักกะโรนี ว้าวโซระกับ ซากุระเก่งสุดยอด”

นาเสะพูดอย่างชื่นชมในตัวซากุระและยิ้มชื่นชมซากุระอย่างยิ่ง ซึ่งซากุระก็รับยิ้มน้อยๆ

“ซากุระชอบกินอะไรมากที่สุดละ”นาเสะพูดแก้มตุ่ยเพราะยัดสปาเก็ตตี้


เป็นจานที่สองและมากกว่าจานแรกเสียอีกซึ่งทำให้ซากุระยิ้มขำๆ

“ฉันชอบ ซาซิมิ คิกๆ”

“เธอขำอะไร”นาเสะมองอย่างสงสัยกับสิ่งที่เธอกระทำอยู่

“หน้านายเหมือนแมวเลย เปื้อนซอสนะ”เธอยิ้มแล้วชี้ที่แก้ม

“โธ่พี่สาว อาหารเก่ง ต่อสู้ก็ร้ายกาจ ท่านพี่นี่สุดยอดจริงๆ”

ซีโร่พูดอย่างชื่นชมโดยที่ข้าวห่อสาหร่ายยังเต็มปากอยู่

“พี่โซระไปเถอะ ไปเรียนต่อ”ซากุระแก้เขินโดยการดันพี่ตัวเองออกจากห้องครัว

ทำให้ทุกคนเดินตามกันไปด้วย




ณ ห้องเรียน

“เรียนก็เก่งนรก น่ารักไม่เกรงใจใครจริงๆ”ชีบะพึมพำตอนเวลาเรียนวิชาการเพิ่มเติม

ที่ซากุระสรุปใจความในหนังสือได้อย่างไม่มีขาดตกบกพร่อง


ณ สนามซ้อมยิงปืน

ปัง!ปัง!

เสียงปืนที่ดังลั่น มาจากซากุระที่กำลังจ่อปืนสำหรับผู้หญิงอย่างชำนาญ

ซึ่งถ้าเธอโตไปเธอคงเป็นนักฆ่าได้อย่างไม่มีใครสงสัย

นอกจากนี้เธอยังเรียนเกี่ยวกับจิตวิทยา การปฐมพยาบาลเมื่อบาดเจ็บ

จนกระทั่งเรียนเรื่องเคมีที่เกินกว่าอายุสิบกว่าขวบด้วยซ้ำ

ถึงว่าทั้งห้าและพี่โซระจะมานั่งพักที่ห้องนั่งเล่นแล้ว แต่ว่าซากุระก็ยังไปทำงานต่ออยู่ดี



จนเวลาเวลาก็ผ่านไปสองชั่วโมง คนรับใช้เรียกพวกเขาเข้าไปรับประทานอาหาร

แต่ก็ไม่มีใครเห็นเธอ
จนมาถึงโต๊ะตัวใหญ่ที่มีคุณเซกิ ที่นั่งเด่นอยู่ ข้างๆก็มี

ท่านญารินคุณแม่ของซากุระและโซระที่นั่งยิ้มอยู่

ท่านสวยมากไม่แปลกเลยที่ซากุระที่น่ารักขนาดนี้

เมื่อพวกเขานั่งกันหมดแล้วคิระเอ่ยขึ้นทันที

“ซากุระล่ะฮะ”เขาถามพลางสอดส่องสายตาแต่ก็ไม่เจอเธอ

“น้องกำลังเตรียมอาหารอยู่นะจ๊ะ เดี๋ยวก็มาแล้ว”ท่านญารินพูด

“มาแล้วค่ะ-_-”น้ำเสียงใสไร้อารมณ์ตามฉบับของเธอพูดขึ้น

เมื่อมีรถเข็นอาหารนำมาก่อน

“แกงกระหรี่ไก่”เธอวางกับข้าวตรงหน้าชีบะที่นั่งตาลุกวาว

เพราะเป็นของชอบของเขานั่นเอง

“บุยยาเบส”เธอวางไว้ระหว่างยามาดะและซีโร่เพราะเป็นของชอบของพวกเขาเหมือนกัน

“สตูไก่”เธอวางกับข้าวระหว่างคิระกับนาเสะ นาเสะยิ้มออกมาอย่างดีใจเพราะก็เป็นของชอบเหมือนกัน

แต่คิระ เขาหน้านิ่งไปเลย

เธอไม่มีอะไรวางให้เขาทั้งๆที่เขาพยายามเสาะหาทั่วรถเข็นแล้วก็ตาม

เมื่ออาหารพร้อม คนพร้อมทุกคนจึงเริ่มกินอย่างเอร็ดอร่อย

เว้นแต่คิระที่กินได้ไปหน่อยเดียวเท่านั้น

ทำไมต้องแคร์เมื่อเธอไม่ได้ทำอาหารให้เขา ก็แค่นั้น

ไม่เห็นต้องเสียใจอะไรเลยนี่ คิระคิดในใจ

ทุกคนอิ่มกันเต็มที่ แต่แปลกที่คิระยังท้องร้องประสานเสียงกันอยู่

“คิระยังไม่อิ่มอีกเหรอ ท้องร้องเสียงดังเชียว”ท่านญารินพูดยิ้มๆเมื่อเห็นสีหน้าไม่สู้ดีของคิระ

“เอ่อ-_-;;”

“ซากุระหนูไปเอาของหวานมาให้พี่กินหน่อยสิคะ^^แล้วพวกที่อิ่มแล้วเชิญตามสบาย”

ทุกคนลุกขึ้นโดยอัตโนมัติแต่เขาก็ยังแข็งทื่อเป็นตอไม้เหมือนเดิม

เขาอยากจะไปแต่เขาก็ไปไม่ได้ เขาอยากลองดูอีกสักครั้ง เธอน่าจะ....

“ไอศรีมช๊อกโกแลตชิพ และรสช๊อกโกแลตแท้กินคู่กับบราวนี่ และบัตเตอร์เค้ก”

เสียงใสดังขึ้นอีกครั้ง ทำให้คิระหน้าเหวอเล็กน้อย ขณะที่ซากุระถือถ้วยไอศกรีม

ที่จัดคู่กับเค้กอย่างสวยงาม
เมื่อเธอวางที่ตรงหน้าของเขามันทำให้เขายิ้มได้แทบจะในทันที

“ไหนว่าเธอเกลียดขนมกับไอติมนี่ ทำไมเธอทำเป็น”เขาถามอย่างสงสัย

“แต่ฉันก็ไม่ได้บอกนี่ว่าฉันทำไม่เป็น-_-”

“กินละนะ^^”

“จะเททิ้งให้หมาก็ตามใจ-_-”เธอพูดแล้วเท้าคางนั่งมองเขากินเงียบๆ

เวลาผ่านไปไม่รู้ว่านานเท่าไหร่ แต่รู้ว่ามันทำให้คิระรู้สึกปลื้มเธอคนนี้มากขึ้น

“อร่อยจัง^^”

“ถ้วยที่สามแล้วนะ-_-”เธอมองเขาอย่างเบื่อๆ แต่การกระทำของเธอแตกต่างกันมาก

พอได้รู้จักเธอก็ได้รู้ว่าเธอก็อบอุ่นไม่หยอก

“ก็มันชอบนี่^^”เมื่อเธอได้ยินจึงส่ายหน้าอย่างไม่สบอารมณ์แล้ว

กวักมือเรียกคนรับใช้เอาไอศกรีมมาให้อีกถ้วย

“เธอเรียนก็เก่ง บู๊ก็เกินหน้าเกินตา สวยไม่บันยะบันยัง

แถมยังทำอาหารก็เทพชิงมาเกิด ถ้าได้เธอเป็นแฟนก็คงดี”

“อายุสิบสองขวบเอง--_-- คิดแบบนี้ตอแหลจัง”

“ นี่สมัยเขามีแฟนตั้งแต่เด็กกันทั้งนั้นแหละ แต่ฉันชอบเธอนะ

^^อยากขอเธอแต่งงานจัง”

“ดูหนังมากไปรึเปล่านาย”

“ฉันพูดจริงๆนะ”

“ไปขอแม่ฉันไป อย่ามาขอกับฉัน”

“เธอหมายความว่าเธออนุญาตเหรอ”

“นายกลับไปจูนสมองใหม่ไป-_- อายุแค่นี้แก่แดดจริงนะนาย”

ถึงแม้เธอจะไม่สนใจกับคำพูดของคิระ แต่คิระจะพิสูจน์ให้ได้ว่าเขาทำจริง


เมื่อถึงเวลาที่ลูกมาเฟียทั้งหลายจะต้องนั่งรถออกจากบ้านเพื่อไปเรียน

ที่โรงเรียนฟุโรคิน โรงเรียนที่ดังในเรื่องการศึกษาและการต่อสู้

เหมาะสมกับการที่จะเรียนต่อตำรวจ บอดี้การ์ด เอฟบีไอ นักสืบ

และการทำงานให้กับมาเฟีย

ส่วนมากมีแต่ผู้ชายที่มาเรียนกันมาก แต่ผู้หญิงก็มีส่วนมากจะเป็น

บอดี้การ์ดเสียมากกว่าที่จะมาเรียนแต่พวกเธอก็มีแต่หน้าดุๆจนผู้ชายไม่ค่อยกล้าเข้าใกล้

แต่เธอคนนี้ ซากุระเมื่อเธอเดินก้าวเข้ามากับพี่ชาย ทุกคนทักทายและรู้จักกันทุกคน

เธอใส่ชุดนักเรียนที่จัดได้ว่าเท่ที่สุดจากบรรดาโรงเรียนทั้งหลาย

เสื้อเชิ๊ตสีขาวแขนสั้นผูกเนกไทสีดำหลวมลายนกอินทรีสีขาว อยู่ใต้ตัวอักษรFK

ถุงมือหนังสีดำกระโปรงดำสั้นขึ้นมาจากเข่าหนึ่งคืบ และใส่ถุงน่องตาข่ายรูกว้าง

ที่มีที่เก็บมีประจำสัญลักษณ์โรงเรียนฟุโรคิน

ซึ่งพี่ชายเขาใส่ชุดคล้ายๆกับซากุระเพียงแต่เสื้อสีดำ เนกไทสีขาวลายนกอินทรีสีดำ

ถุงมือเป็นสีขาว ใส่กางเกงเสลกสีดำขาวคลุมข้อ

ทั้งสองได้เดินนำหน้าเด็กทั้งห้าคนที่เดินมาใหม่ มีแต่ผู้ชายที่มาทักทายกับเธอ

แต่เธอก็เฉยทุกครั้ง

“ซากุระ”

“อ่าหวัดดีคะอาจารย์O-O”ซากุระไหว้อาจารย์ ขณะที่อาจารย์กำลังเดินผ่านมา

แล้วทุกคนก็ต้องตกตะลึงเมื่ออาจารย์ที่พวกเขาเห็นคือ..................

พ่อซากุระO_O

ไม่หน้าเชื่อว่าพ่อของซากุระจะเป็นครูสอนประวัติศาสตร์ และเป็นผ.อ.ของโรงเรียน

เสียด้วยแล้วเรื่องก็เริ่มมาจากโรงเรียนนั้น
ผู้หญิงธรรมดา..แต่ใจมันด้านชาผู้ชาย
ภาพประจำตัวสมาชิก
น้ำฟ้า
นักเขียนแห่งปี
นักเขียนแห่งปี
 
โพสต์: 886
ลงทะเบียนเมื่อ: ศุกร์ 11 ก.ค. 2008 10:19 am

Re: ยัยตัวร้ายปะทะนายแบดบอย..โดย กันย์นิกา

โพสต์โดย ภาษาสยาม » อาทิตย์ 09 พ.ย. 2008 7:13 am

ตอน 10
การกลับมาของ? (2)


Kira :say
ผมกำลังอยู่ในห้องเรียนกับซากุระครับ เธออายุแค่สิบสองแต่เธอก็กระโดดมาเรียนชั้นม.2ซะแล้ว

-_-เก่งบรรลัย

ซึ่งผมก็มีสิทธิ์มาเรียนเหมือนกันเพราะอะไรนะเหรอ ก็ผมเก่งนะสิถามได้-_-

(ผมอายุสิบสามฮับ^_^)

ปีนี้ผมก็สิบสี่ตอนเดือนตุลาคมนี้แหละครับ

“ภาพนี้จะได้เป็นด้านมุมด้าน และภาพที่สองจะเป็นภาพอะไร”อาจารย์คณิตที่สอนอยู่

ที่มีหน้าเป็นอาวุธป้องกันตัวและแถมฆ่าคนได้อีกด้วย คงไม่ต้องอธิบายหน้าอาจารย์นะ

ว่าหน้าตาน่ากลัวแค่ไหน

ระหว่างที่ทุกคนตั้งใจกันเต็มที่แต่....ซากุระ กลับ ฮัมเพลงไปเรื่อยและอ่านหนังสือการ์ตูนใต้โต๊ะขอรับ

-_-ช่างกล้าดีแท้

“ซากุระเธอไม่ได้ฟังที่ฉันสอนรึไง!” อาจารย์สอนคณิตตวาดลั่น

“ฟังอยู่เจ้าค่ะ=O=”เธอพูดแล้วพลิกหนังการ์ตูนหน้าต่อไปเพื่ออ่านต่อ

ใครบอกว่าเธอฟังละ เธอแถบจะหลับในห้องเรียนอยู่แล้วต่างหาก

“ถ้าเธอฟังไหนบอกคำตอบทั้งหมดของแบบฝึกหัดนี้ซิ”รู้สึกว่าอาจารย์จะหมันไส้มากเลย

ให้ซากุระทำแบบฝึกหัดที่พวกเรายังเรียนไม่ถึง

ซวยแล้ว-_-

แต่ซากุระไม่มีท่าทีกลัวแม้แต่น้อย เธอหยิบหนังสือแบบฝึกหัดขึ้นมาแล้วบรรเลง วิทยายุธทันที

“ข้อหนึ่งเป็นด้านมุมด้าน ข้อสอง มุมด้านมุม.........ข้อสิบด้านด้านด้าน ค่ะอาจารย์”

แล้วทุกคนก็อึ้งไปทั้งห้องครับ รวมทั้งอาจารย์หน้าขีประนาวุธด้วย แต่ตอนนี้หน้าอาจารย์

เริ่มเหมือนอะไรซักอย่างที่กำลังเขียวขึ้น

“มีอะไรจะให้เฉลยอีกมั้ยคะ หนูจะได้ยืนรอ-_-”ซากุระทำหน้าท้าทาย

“นั่งลงไป!”อาจารย์ตอบเสียงเขียว ซากุระโค้งคำนับแบบกวนๆแล้วนั่งลงกับที่เหมือนเดิม

ดุท่าทางเธอจะไม่กลัวอะไรซักอย่างเลยนะนั่น

หลังที่ผมกับเธอเรียนด้วยกันหลายวันทำให้ได้คุยและรู้จักมากขึ้นสนิทสนมกัน

เธอรู้สึกเหมือนเด็กมากเวลาอยู่กับผม นาเสะ ซีโร่ ชีบะ และยามาดะ

และมันยิ่งทำให้ผมชอบในตัวเธอมากขึ้น

“ใครมันสูบบุหรี่แถวนี้ฟระ-_-*”เธอบ่นพึมพำขณะที่เดินกับผมผ่านห้องน้ำตึกศิลปะ

แล้วสายตาเรดาร์ของเธอก็จับจ้องไปที่ห้องน้ำชาย แล้วเท้าของเธอก็ค่อยๆย่างก้าวไปตรงห้องน้ำชาย

หะเฮ้ย O_o เธอจะเข้าจริงเหรอนั่น ห้องน้ำชายนี่นะ

สายไปแล้วครับ เธอเดินเข้าไปแล้ว>_<

แล้วเสียงที่ตามมาคือ

“พวกเมิงทำอะไรกาน.........>O<”เสียงซันไม่ผิดแน่ๆ

“เฮ้ย!”แล้วก็เสียงผู้ชายอีกหลายๆคน

“พวกเมิงออกมาที่หน้าห้องน้ำเดี๋ยวนี้ใครหนีพวกเมิงตายทั้งหมด-_-”

ตอนนี้ผมก็ยังงงกับเหตุการณ์อยู่แหละครับ

แล้วผู้ชายที่เดินออกมา ราวสิบคนก็เดินออกมาที่ละคนอย่างหงอยๆ

แล้วทุกคนก็ใส่ชุดนักเรียนประมาณปีสามปีสี่เสียด้วย

แล้วเธอก็ออกมาเป็นคนสุดท้ายพร้อมกับไม้กวาดทางมะพร้าวออกมา

ด้วยแล้วเธอมายืนข้างกระผมขอรับ ตัวเธอสูงชะมัด ประมาณร้อยหกสิบกว่าๆได้มั้ง

“ทุกคนนั่ง”เธอพูดเสียงเข้ม ทุกคนก็ทำตาม ไม่น่าเชื่อว่าคนตัวเล็กอย่างเธอ

เวลาแบบนี้ดูมีอำนาจมากขนาดนี้

“เฮ้อฉันจะทำอย่างไงกับพวกแกดีเนี่ย”เธอพูดแล้วเดินไปมองหน้าคนที่นั่งทุกคน

อย่างเอาเรื่อง

“ส่งห้องปกครองดีมั้ย-_-”

“ไม่นะครับTOT”รู้สึกเสียงจะพร้อมเพรียงกันเปะด้วยความกลัว

“แล้วใครใช้แกมาสูบบุหรี่แถวนี้เล่า เข้าห้องเรียนก็ไม่เข้า ไอ้พวกเวรนี่”เธอพูดใส่ปาวๆ

แถมเหวี่ยงไม้กวาดทางมะพร้าวร่อนผ่านหัวพวกนั้น แบบเฉียดๆ เห็นแล้วเสียวแทน-_-;;

หน้ากลัวแฮะ

“ฉันบอกแล้วว่าให้ไปสูบที่อื่นอย่ามาสูบที่โรงเรียน –O- ถ้าเมิงไปสูบใต้ต้นไม้กรูจะไม่ว่าเลย

โลกจะได้ไม่ค่อยร้อน เพราะต้นไม้ซึมซับ-_-”

น่าน...มีสอน-_-

“ฮานาเบะไอ้นี่นี่ตัวนำ เดี๋ยวแม่ตีพุงแตก”เธอใช่ไม้ชี้ไปที่คนที่ท่าทางจะอ้วนมากที่สุด

และรู้สึกจะกลัวเธอมากี่สุดเพราะสังเกตจากลักษณะตัวของมันสั่นอย่างกับแผ่นดินไหว

ป๊อก! แล้วเธอก็เคาะหัวฮานาเบะหนึ่งที

“ไปได้แล้ว เหม็นขี้หน้า”

“คร้าบ”แล้วมันก็วิ่งหนีไปราวกับพายุ

แล้วเธอก็จบลงด้วยการตีหัวทีละคนแล้วเธอปล่อยตัวไป

“เธอไม่กลัวมันจะมาทำอีกเหรอ”ผมถามเธอ

“ช่างเถอะฝ่ายปกครองเขารู้หมดแหละ เพราะในโรงเรียนมีกล้องทุกตัว”เธอว่าแล้วเดินนำหน้าผมไป

O_Oงั้นห้องน้ำที่ผมเพิ่ง เข้าไปเมื่อเช้าเขาก็รู้หมดนะสิ

อ้ากกกกกกกกกกกกกกกกกก o>O<o

“เอ๊ะ เดี๋ยวสิ”เธอดึงแขนผมมาชิดกับตัวเธอ เพราะอะไรไม่รู้ มันทำให้ผมเขินขึ้นมากะทันหัน

เธอหยิบอะไรมาไม่รู้แล้วใช้แขนคล้องจากข้างหลังของผมทำให้ผมได้กลิ่นโคโลญอ่อนๆของเธอ

ขณะที่ผมมัวแต่ดมโคโลญจากมือเธอ(แบบแอบๆ) เธอก็ใส่อะไรบางอย่างที่คอผม

มันเป็นสร้อยที่คล้องแหวนสองวง เป็นลายที่แปลกมากจนผมผมคิดว่าเป็นลายโบราณแต่ก็ดูมีสมัยเหมือนกัน

“นี่สร้อย ^^ ฉันให้พวกนายที่ละคนจนเหลือนายแล้วล่ะ”เธอว่า

ให้ตาย ผมเพิ่งเห็นเธอยิ้มก็วันนี้แหละ เธอยิ้มสวยกว่าที่ผมคิดไว้เสียอีก

ยิ้มที่สดใส.......จน........

ผมไม่อยากเผื่อแผ่ให้ใครเลยละ

“แค่นี่พวกนายก็เป็นเพื่อนฉันเต็มตัวแล้วนะ”พอเธอพูดเสร็จเราก็เดินกลับบ้านด้วยกัน

โดยมีผมเธอนาเสะ ชีบะ ยามาดะ ซีโร่ และรุ่นพี่โซระ

“เอ่อ ซันถามอะไรหน่อยได้มั้ยนะ”นาเสะพูดชื่อเล่นของซากุระได้อย่างสนิทสนม

เพราะเธอเป็นคนบอกพวกเราอย่างนี้ ดูไปชื่อเธอเหมือนผู้ชายเลยแฮะ-_-

“ว่า”

“ถ้าเรามีแฟนจะต้องทำอย่างไง”นาเสะว่า

“นอนกับแฟน-_-”

“O_Oเฮือก”นี่คือสีหน้าของเราเหล่าผู้ชายที่เดินรอบตัวเธอรวมถึงรุ่นพี่โซระด้วย

คำตอบสั้น ได้ใจความมาก คุณเธอ-_-

“มะไม่ใช่หมายถึงเธอจะตัดสิทธิ์ออกจากกลุ่มรึเปล่า”

“ไม่หรอกแต่ต้องขอให้เรารู้หน่อยว่าใครเป็นแฟนพวกนาย เพื่อง่ายต่อการสอบสวนเรื่องแต่ละเรื่อง

เพียงแค่นายให้แหวนที่คู่กันนั้นให้เอาแหวน หนึ่งวงมาให้แฟนพวกนายใส่ซะจะได้รู้ว่าใครเป็นสัตว์เลี้ยงใคร-_-”

ดูเธอพูด ทำอย่างกับแฟนเป็นหมา-*-

“ง่ะ-_-งั้นเธอก็ต้องให้แหวนกับแฟนเหมือนกันนะสิ”นาเสะว่า

“จำไว้มันเป็นสัญลักษณ์ประจำกลุ่มถ้ามีแฟนอยู่กลุ่มเดียวกัน ก็แลกแหวนกันคนละวง

ถ้าจะเลิกกันก็เอาแหวนคืน หวังว่าพวกนายคงจะไม่เป็นแฟนกันเองหรอกนะ-_-”

-_-ดูความคิดเธอ อยากโดดลงจากเก้าอี้นักเรียนเหลือเกิน-*-พวกผมแมนทั้งแท่งนะ

“ปากดีนะเธอ นี่เดี๋ยวปั๊ด -_-^จับจูบ”ซีโร่พูดแล้วกอดคอซันที่หัวเราะร่า

“แล้วหลังจากนั้นฉันก็จะทำนายเป็นอาหารเย็นคอยดูสิ-_-”แต่การตอบของเธอน้ำเสียงมันน่ากลัวแฮะ

“เฮือกO_O”หน้าของซีโร่

“งั้นเธอก็ให้แหวนกับผู้ชายไว้เยอะแล้วละสิ”นาเสะพูด

“ไม่หรอก.........”คำพูดของเธอทำให้เราทั้งสี่หยุดนิ่ง

“ทำไมล่ะ”ทุกคนแทบจะหยุดเดินและถามพร้อมกัน

“ก็เพราะซันไม่เคยมีความรักอย่างนั้นนะสิ”พี่โซระเดินมาโอบไหล่น้องสาวแล้วพาเดินต่อ

“และพวกนั้นรู้ดีว่าใครทำน้องสาวฉันเสียใจมันคิดผิดแล้วละ”พี่โซระพูดเหมือนเป็นเรื่องตลก

แต่บรรยากาศมันช่างตรงข้ามกับความเป็นจริง




1ปีผ่านไป

“ตรงนี้มันต้องได้สอง นายทำผิดตั้งแต่ต้นแล้วนะ เอ นายเป็นพี่ฉันนะแค่นี้ทำไมยังไม่รู้เรื่องละคิระ”

เธอทำหน้ามุ่ยขณะที่เธอกำลังสอนการบ้านให้ผมที่ห้องทำงานละครับ

ผมแทบจะไม่รู้เรื่องเสียด้วยซ้ำ ทำไมนะเหรอก็ผมมัวแต่มองหน้าเธอจนไม่ได้ฟังเลยนะสิ^^

ตอนนี้ผมย้ายมาอยู่ที่บ้านแล้วละครับแต่ผมอยากเห็นเธอทั้งวันเลยอ้อนพ่อของเธอให้มาสอนพิเศษซะเลย

ได้อยู่กับเธออย่างนี้มีความสุขจัง

“นายทำไม่อีกครั้งทั้งหมด -_- ถ้าผิดแม้แต่ข้อเดียว ก็ทำใหม่”

“อ่า.....” ทำไมโหดจังฟระT_T

“เร็ว เดือนหน้าก็จะสอบปลายภาคมอต้นแล้วตั้งใจหน่อยสิ-_-”เธอหยิบสตรอเบอร์รี่ขึ้นมากิน

นี่กะกินยั่วผมนี่นา-_- หิวด้วย

“ซากุระจ๋า+_+”

“อะไรคิระ-_-”

“*_*อยากกินสตรอเบอร์รี่อะ”

“ทำให้ถูกหมดเสียก่อนแล้วจะให้กิน-_-แล้วแถมของขวัญอีกด้วย”

“จริงนะ@_@”

“เร็ว-_-”

“คร้าบ^^V”

ผมเริ่มต้นทำด้วยความตั้งใจ ทันที


สิบนาทีผ่านไป

โอ้ยทำไมมันยากอย่างนี้นะ สมองผมจะระเบิดอยู่แล้วนะเนี่ย-_-

ยี่สิบนาที

อ้ากกกกกกกกกกก ยากโว้ย>O< แถมโดนซันเขกหัวโทษฐานแอบอู้อีกต่างหากTOT

สามสิบนาที

ทำไมยิ่งคิดยิ่งงงฟระ สมองผมนี่มันสับปะรดเน่าจริงๆ -*-

สี่สิบนาที

แล้วผมก็เสร็จ อ้ากกกกกกกกมั่วแหลก>_<

“เสร็จแล้วไหนเอามาดูซิ”เธอว่าแล้วหยิบสมุดขึ้นมาดูแล้วเธอก็ทำหน้านิ่งไปเลย

จนผมกลัว.....กลัวจะผิดเลยอะT_T

“เป็นไงบ้าง”ผมถามเธอเมื่อเธอวางสมุดลง

“ก็ดี ถูกหมด”เธอหยิบสตรอเบอร์รี่ใส่ปากแล้วพูด

จริงดิO_O

“งั้นขอของขวัญนะ”

“บอกมาสิเดี๋ยวหาให้”เธอว่า

“เหรอ...”ผมพูดแล้วหยิบสตรอเบอร์รี่ขึ้นมากิน

“อืม”เธอพยักหน้า

“งั้นเธอไม่ต้องหาหรอกมันอยู่ที่ตัวเธอแล้วละ”

ผมพูดแล้วบรรจงริมฝีปากของเธออย่างนุ่มนวล หัวใจผมเต้นโครมครามดังกึกก้องเต็มหัวไปหมด

ผมกอดเธอจนแน่น แน่นจนจนผมได้ยินเสียงหัวใจเต้น...... ของเธอ เธอก็ใจเต้นเหมือนกับผมเลย

แล้วเวลาผ่านไปหลายนาทีจนผมละจากริมฝีปากเธอไป

“นายทำอะไรของนาย-*-”

“ของขวัญไง”

“รู้มั้ยนาย......”เมื่อฟังจากน้ำเสียงที่จริงจังของเธอทำให้ผมต้องเหลียวมอง

“นั่นมันจูบแรกในชีวิต และจูบแรกของฉันกับนาย”

“งั้นเธอเป็นแฟนกับฉันได้มั้ย”ไม่รู้อะไรดลใจให้ผมไปกระซิบที่ข้างหูเธอ

แล้วผมก็ได้คำตอบของเธอในวันนั้น

แล้วผมกับเธอก็ได้เป็นแฟนกันผมทะนุถนอมเธอยิ่งกว่าไข่ในหินเสียอีก

ทำไมไม่รู้ผมถึงรักเธอมากขนาดนี้ เพราะเธอคงเป็นคนเดียวในชีวิตของผมแล้วละมั้ง

ตอนนี้เราก็คบกันได้สองปีมาแล้ว แล้วตอนนี้ผมอายุสิบเจ็ดแล้วละ

พ่อของผมเริ่มให้ผมดูแลกิจการที่ร้านบาร์ในย่านของโรงเรียนฟุโรคินเพื่อฝึกงาน

“จ๋าจ๊ะ ตอนนี้ฉันอยู่ในห้างข้างโรงเรียนนะ จ๋า จ๊ะ”

และผมก็ต้องปิดเรื่องนี้ไว้เงียบๆเธอเพราะผมกลัวเธอเกลียดผมนะสิ

แล้วตอนนี้เราก็เปิดร้านแล้วมีวัยรุ่นเข้ามามาก ทำให้ผมต้องมาดูแลร้าน

อย่างเงียบโดยมานั่งจิบเบียร์ดูร้านอยู่เงียบๆ

“ท่านคิระครับเอ่อผู้หญิงโต๊ะนั้นเธอส่งจดหมายมาให้ครับ”

บ๋อยที่อายุแก่กว่าผมพูดแล้วส่งจดหมายมาให้ผม ผมก็รู้สึกแปลกๆเหมือนกันนะ

ที่เขาเรียกผมแบบนั้นแต่มันช่วยไม่ได้นี่

“ขอบคุณครับ”ผมขอบคุณเขาแล้วผมให้เขาไปทำงานตามสบาย ผมจึงเปิดการ์ดขึ้นมาอ่าน

ก็แค่การ์ดยั่วผู้ชาย ‘ชวนไปนั่งที่โต๊ะ’เรื่องอะไรที่เขาต้องไปตามเอเธอต่างหากที่ต้องตามผม

ผมมองไปที่โต๊ะฝั่งตรงข้ามที่ออกไปสองสามโต๊ะ ผมได้แต่ยิ้มแล้วยกแก้วเบียร์ทักทาย

รู้สึกผู้หญิงคนนั้จะมากับเพื่อนสินะ จัดได้ว่าน่ารักทีเดียว แต่สู้ซากุระของผมไม่ได้หรอก

ผู้หญิงคนนั้นมองมาทางผม ผมก็มองเอกลับแล้วไม่นานเธอก็เดินมาที่โต๊ะของผม

“ขอนั่งด้วยได้มั้ย”

“ได้สิ”

ผู้หญิง ที่เสนอตัวให้ผมแบบนี้มีเยอะไป ถึงพวกเธอจะเคยยุ่งกับผม

แต่ผมไม่เคยเอาพวกเธอมาเก็บในสมองซักครั้ง

“เธอมีแฟนรึยัง”

“แล้วเธอคิดว่ามีมั้ยละ”

“มีสินายออกจะดูดี”

ท่าเพิ่มคามว่าหล่อจะ ยินดีเป็นอันมาก-.,-

ผมยิ้มให้เธอ หน้าที่แสนจะดื้อรั้นของเธอ ทำให้ผมนึกขำ ไม่มีใครเหมือนเธอเลยซักคนเลย

แล้วเราก็จบลงด้วยการมีอะไรกัน

วันรุ่งขึ้นผมก็มาดูแลร้านเหมือนอย่างเก่าแต่วันนี้ผู้หญิงคนนั้นก็มาอีกครั้ง

“คิดถึงคุณจัง”อยู่เธอก็มากอดแขนผมแล้วก็จูบปาก รสชาติของเธอ

มันจืดชืดจริงๆ--_
--
“วันนี้ต่ออีกมั้ย”เธอพูดออกมาแล้วคลอเคลียกับผม เหมือนแมวชะมัด

“ต่อที่โรงฆ่ามั้ยล่ะฉันแนะนำ”เสียงคุ้นๆมันทำให้ผมต้องหันไปมอง

“ซัน!” ผมร้องออกมาเมื่อเห็นร่างสูงระหง สีหน้าบูดบึ้งตลอดเวลาแต่เธอก็ยังสวย

“แปลกใจมากนักหรือไงจ๊ะคิระจ๋า-_-”ถึงคำพูดจะไม่หน้ากลัวแต่สีหน้าเธอตอนนี้หน้ากลัวมากกว่า


---___________---^^^^^^^^^^^^^^^^^^^^^^^^^^^^^^^^^^^

กกกกกกกกกกกกกกก หน้าเธอนิ่งสงบสยบทุกสิ่งที่เคลื่อนไหวจริงๆTOT

“ไม่ยักรู้ว่านายจะมีคู่นอนกะเขาด้วย เมนูนี้น่าสนใจนะเดี๋ยวฉันลองเอาไปใช้บ้าง-_-”

เธอพูดประมาณว่า

ถ้าลุกหนีมึงตาย!

“นังนี่มันใครค่ะ”ผู้หญิงที่นั่งข้างผมพูดอย่างถือดี แต่คุณเธอไม่รู้อะไรเสียบ้างเลยเธอกำลังคุยกับปีศาจชัดๆ

“นังคู่นอนของนายนี่ปากกล้าจริงนะ”เธอพูดยิ้มๆ แต่สำหรับผมในตอนนี้มันเหมือนยิ้มพิฆาตตายไม่เป็นศพแน่ๆ-*-

“ใครบอกเธอว่าซินดี้เป็นคู่นอนของคิระ ซินดี้เป็นแฟนของคิระ”

ผมเพิ่งจะรู้นะเนี่ยว่าผู้หญิงก็โมเมเก่งเหมือนกัน แต่เอ๊ะเธอชื่อซินดี้เหรอ

(โธ่ นอนกับเขาทั้งคืนดันไม่รู้ชื่อเขาซะงั้น)

“ถ้าเธอเป็นแฟนของคิระฉันก็เป็นคู่หมั้นของคิระแล้วนะสิ”เธอพูดเหมือนจะเบื่อๆแล้วนั่งข้างผม

“อะไรนะ ไหนว่าคิระบอกว่าไม่มีแฟนไงคะ”เธอเริ่มสาวเรื่องมาถึงผมแล้วไงละ

“ใครบอกว่าคุณว่าผมไม่มีแฟน คุณคิดไปเองมากกว่า”

“กรี๊ดดดดดดดดดดด”

“จะกรี๊ดหาไส้เดือนอะไรยะ!”ซันตวาดใส่ยัยซินดี้

“แก...เรื่องมันไม่จบแค่นี้หรอกอยู่ดีๆแกจะมาเอาคนของฉันไปได้ไง”

ซินดี้รู้สึกจะเสียงเหมือนนกหวีดเลยนะขี้หูผมจะเป็นไส้เดือนเต้นแทงโก้อยู่แล้ว-*-

“นายเมคยาใส่ยัยลิ้นปี่นี่รึเปล่าคิระคุง-*-ดูแปลกๆนะ”(เขาชื่อซินดี้:ผู้แต่ง)

“อีร่าน เที่ยวจับผู้ชายไปทั่ว อย่ามายุ่งกับผัวของฉัน”

เอาแล้วไงละครับยัยซินดี้หาว่าผมเป็นสามีเฉยเลย ทั้งๆที่ผมเพิ่งหมั้นกับซันเมื่อสองเดือนก่อนนี่นะ

ซ่า!

ซันสาดน้ำใส่ยัยซินดี้จนเปียกปอนเต็มไปหมด

รู้สึกว่าซันจะรู้สึกตงิดมานิดๆแล้ว ดีนะที่เธอแค่สาดน้ำ เพราะถ้าเป็นผู้ชายเธอคงเอาแก้วลอยไปด้วยแน่ๆ-*-

“กรี๊ดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดด”

“กรี๊ดทำแรดอะไร- -”ซันพูดแล้วโยนแก้วน้ำพันช์มาที่ตักผมแล้วเท้าสะเอวท้าทายยัยสินเชื่อ

เอ๊ยเธอชื่ออะไรหว่า-_-a (กรรมจำไม่ได้ทั้งคู่)

“แกกับฉันต้องเจอดีแน่”

“มาที่บ้านฉันได้เดี๋ยวฉันจะรอ ย่านฟุโรคิน แล้วบอกว่าจะพบคนชื่อซันเพราะที่นั่นมีบ้านฉันบ้านเดียว”

ก็แหงสินั่นมันย่านแก๊งของเธอนี่-*-

“แกได้เจอดีแน่”ซินดี้พูดทิ้งท้ายแล้วเดินออกไป

“เดี๋ยวเธอก็ได้เจอตีนฉันเหมือนกัน-_-”

ซันพูดทิ้งท้าย

คราวนี้ซันเปลี่ยนจุดมาที่ผมแล้วละครับ

บรึ๋ย-_-;

“ถ้านายทำแบบนี้อีกนายเตรียมตัวยกเลิกเป็นคู่หมั้นกับฉันได้เลย”เธอพูดแล้วไม่มองหน้าผมอีก

“ซันฉันก็แค่เล่นๆนะเธออย่าโกรธฉันเลยนะ”ผมเข้าไปโอบกอดเธอแต่เธอก็แกะมือผมออก

“ถ้ายัยซินดี้อะไรนั่นทำครอบครัวฉันไปอะไรไปนายอย่าได้มายุ่งกับฉันเชียว”เธอพูดอย่างเคร่งเครียด

“ถ้านายปล่อยผู้หญิงของนายมายุ่งกับครอบครัวของฉันนายอย่าได้คุยกับฉันอีกต่อไป”

สองวันผ่านไปเสียงโทรศัพท์ก็ปลุกผมแต่เช้าผมรับโทรศัพท์อย่างช้าๆ

“ฮัลโหล”

“นี่คิระมาที่บ้านฟุโรคินเดี๋ยวนี้ซันมันจะฆ่าคนแล้ว”เสียงของพี่โซระดูเหมือนจะร้อนใจมากมันทำให้ผมตกใจ

จนกระเด้งตัวออกมาไม่ต้องคิดชีวิตเลยทีเดียว

“แกรู้มั้ยว่าฉันเป็นลูกของใคร ฮะนี่แม่เหรอ สวยดีนี่แต่แม่แกจะต้องเสียดโฉมแน่ๆ”

“ทำไมเรื่องแค่นี้ทำเหมือนคนที่ขาดผู้ชายไม่ได้เสียจริง-*-”

ซันกำลังพูดเมื่อพูดคุยกันธรรมดา กับซินดี้ที่วันนี้บุกมากับพวกผู้หญิงอีกหลายคนถึงบ้านฟุโรคิน

“อย่ามาโย้เย้ถ้าเธอยอมกราบเท้าฉันแล้วยกคิระมาให้ฉันฉันจะปล่อยแม่แก”

“แก๊งกรรไกรเขาใช้วิธีนี้แย่งผู้ชายกันเหรอเนี่ยช่างน่าสมเพช”

แก๊งกรรไกร นั่นมันแก๊งของโรงเรียนตรงข้ามของโรงเรียนเราและเป็นคู่อริกับซันนี่

“เหรอ”

“แต่บ้านแกใหญ่ดีนะแสดงโกงคนอื่นเยอะละสิ”

“อย่ามาว่าครอบครัวฉัน และอย่าทำฉันโมโห”

“หรือมันไม่จริง”

“ก็ไม่ใช่นะเซ่!” อยุ่ดีเธอก็ใช่ความเร็วในการกระโดดเตะมีดทำให้ท่านญารินพ้นจากคมมีดออก

แต่ในขณะนั้นเธอก็เตะหน้ายัยซินดี้ด้วย

“แกต้องการอะไร”

“ต้องการเห็นแก๊งในโรงเรียนของแกเป็นทาสโรงเรียนฉันนะสิ”

“ฝัน”ซันพูดแล้วหันหลังเดินเข้าไปในห้อง

ปัง!

“ซันระวัง”นั่นคือเสียงของแม่ซัน

“กรี๊ดดดดดดดดดดดด”เสียงนั่นต้องทำให้เธอหันไปมอง

แม่ของซากุระตาเบิกโพลง ร่างกายค้างเติ่งในอากาศท่ามกลางเสียงร้องกรี๊ดจากพวกแก๊งกรรไกร

เลือดไหลรินที่หน้าอกด้านซ้ายอย่างเหมาะเจาะ และมมันจะปลิดชิวิตเธอเพียงไม่กี่วินาทีนี้แล้ว

ซันรีบไปรับแม่ของเธอที่ทรุดตัวลงมา

“แม่ขอโทษ…ที่บังคับ…”คำพูดที่แผ่วเบาเหมือนอากาศรอบตัวไม่สามารถใช้ได้อีกต่อไป ผ่านไม่ถึงวิ

ร่างของเธอก็แน่นิ่งเหมือนละทิ้งทุกสิ่งทุกอย่าง

“แม่!”ถึงเสียงของซันจะดังมากเท่าไหร่ เธอก็ไม่สามารถเรียกชีวิตแม่ของเธอกลับสู่ร่างได้

“หึๆๆ”เสียงหัวเราะอันหน้ากลัวของเธอทำให้ทุกคนในแก๊งกรรไกรต้องชะงัก

“ล้อมมันไว้ค่ะ”เธอพูดเบาราวกับเสกคาถา

พรึบเดียวบอดี้การ์ดหลายสิบคนเล็งไซเฟิลมาที่แก๊งกรรไกรจนหมด

“ไม่นึกนะว่าเธอจะใช้ปืน ทำไมไม่บอกละฉันจะได้เล่นด้วย”ซันพูดแววตาเหมือนคนไม่มีชีวิต

ไม่ใช่สิ ไม่ใช่คนมากกว่า

“กะ แกเป็นยากูซ่างั้น ระ หรอ”ซินดี้ที่ถือปืนสั่นงกๆถามอย่างกลัวๆ

“ใช่แล้ว แกฆ่าภรรยาหัวหน้าแก๊งนี่รู้มั้ยมันจะมีโทษแค่ไหน”

ซันดึงไม้จากโต๊ะขึ้นมาแล้วยืดยาวออกเป็นไม้กระบองสีดำ

ไม่ทันได้พูดซันเหวี่ยงไม้ไปโดนที่ท้องของซินดี้จนจุกแล้วจัดการกับทุกคนทีละคน

ไม่นานก็มีผู้หญิงนอนหมอบใต้แทบเท้ากันเป็นสิบ เธอเดินมาที่ซินดี้แล้วจิกหัวขึ้นมา

“แกมันสำคัญตัวผิดไป แต่แกก็ไปเคลียร์กับคิระให้จบก็แล้วกัน เพราะฉันจะไม่ยุ่งกับตานั่นเป็นอันขาด

สืบเนื่องก็เพราะเธอ! เธอทำแม่ฉันตาย ”ซันตะคอกใส่ซินดี้ที่ไหว้มือของโอกาส

แต่ซันไม่ฟังใครอีกแล้ว ซันลากเธอไปที่กำแพง ดึงหัวซินดี้ให้ไปชนกับกำแพงอย่างแรง


ปั่ก

“เป็นไงรู้สึกเข้ากะโหลกของแกบ้างมั้ย!”พูดเสียงเย็นเยียบเหมือนคนบ้าของซันนั้นมันทำซินดี้กลัวจับใจ

ปั่ก

“รสชาติของความตายของแกยังไม่มาถึงหรอก แกต้องมาทดแทนชีวิตแม่ของฉัน”

ซันพูดเบาๆที่หูของซินดี้ที่ร้องไห้อย่างเจ็บปวดที่หน้าผากของเธอเต็มไปด้วยเลือดสีแดงฉาน

ปั่ก ปั่ก!

เลือดไหลติดกำแพงเหมือนกับหน้าและเสียงร้องระงมของซินดี้ไม่สามารถกระทบจิตใจของซันได้เลย

ถึงเสียงจะเจ็บปวดรวดร้าวมากเพียงใดแต่มันก็สู้ความรู้สึกของซันตอนนี้ไปไม่ได้เลย เมื่อเทียบกันแล้ว

เพี๊ยะ!
“พอแล้วซัน พอแล้ว เลิกบ้าเสียทีนี่เธอกลังจะฆ่าคนอยู่แล้วนะ!”คิระที่เพิ่งมาถึงก็ดึงตัวซันไว้แต่ซันก็สะบัดตัวออก


“ไปไกลๆจากฉัน!”เธอพูดแล้วเดินไปนั่งอยู่ใกล้ๆแม่ของเธอ

“แม่จ๋าแม่ตื่นขึ้นมาสิ แม่ไม่ได้โดนยิงซะหน่อย แม่ใครทำแม่เลือดออกนะ คนนั้นใช่มั้ย

หนูอาเลือดมันมาแล้วนะแม่ แต่มันไม่ตายอะแม่ แต่ทำไมแม่ต้องไปด้วยละ แม่กลับมาลูบหัวหนูสิ แม่

แม่กลับมาสิ แม่!”
ซันใคร่ครวญน้ำตาคลอแล้วโยนข้าวของใส่พวกแก๊งกรรไกรอย่างบ้าคลั่ง

“แม่! ถ้าแม่ไม่ตื่นหนูจะไม่แต่งงานนะ หนูจะยกเลิกหมั้น สัญญาเป็นอันว่าขาดนะแม่

หนูจะหนีออกจากบ้าน แม่ ตื่นสิ!”

ถึงเสียงจะสั่นแต่เธอก็ไม่เล็ดลอดน้ำตาออกมาแม้แต่น้อยเธอกอดแม่ของเธอไว้อย่างนั้น

“มาสิแม่ตื่นขึ้นมา แม่ถ้าแม่ไม่ตื่นหนูไม่ทำตามสัญญานะ หนูทำจริงนะแม่”

ร่างอันไร้วิญญาณ นอนอย่างเงียบสงบและไม่มีสิ่งตอบรับใดๆจากท่านญาริน

ท่ามกลางเสียงร้องระงมของแก๊งกรรไกร

แต่แล้วโซระพี่ชายของเธอก็วิ่งเข้ามาแต่เมื่อเห็นสภาพของแม่ตัวเองถึงกับนิ่งแล้วเดินมาหาแม่ของเขาทันที

“แม่เราเป็นอะไรซัน แม่”โซระพูดเหมือนคนใจลอย น้ำตาลูกผู้ชายรินไหลออกมาเป็นสายเมื่อเห็นร่างอันแน่นิ่ง
ของผู้เป็นมารดา
“แม่ของเราตายแล้วพี่โซระ ลูกของแก๊งกรรไกรมันยิงแม่ของเรา”น้ำเสียงนิ่งสงบของซัน

มันทำให้ความโกรธของโซระครุกกรุ่นดั่งเพลิงเผาผลาญ

“มันเป็นใคร!”เสียงดังของโซระทำให้ผู้หญิงของพวกแก๊งกรรไกรยิ่งร้องไห้หนักของไปอีก

ซันค่อยๆเดินไปที่ซินดี้ที่นอนร้องไห้ด้วยความเจ็บปวด จากบาดแผลตามร่างกายที่บอบช้ำ

“โอ๊ย ฮึก ฮือซากุระ”

“ไม่ต้องบอก ฉันรู้ชื่อตัวเองดีว่าฉันเป็นใคร ก็ดีกว่าคนที่ไม่เจียมแล้ว ทำตัวก่อเรื่อง”

ซันพูดที่ข้างหูของซินดี้นั้นเยียบเย็บจับใจ

“พ่อ....”แต่เสียงก็แข็งกระด้างอย่างพยาบาทเมื่อคิดว่าพ่อจะช่วยเธอได้

“อ๋อจะให้พ่อมาเคลียร์ ไม่ต้องกลัวฉันเรียกแน่ แกโทรหาพ่อแกเลยมั้ย โทรสิ แล้วฉันจะคุยให้”

ตรงกันข้ามเธอไม่กลัวเลยซักนิด คำพูดที่เหมือนปีศาจของเธอทำให้ซินดี้ที่ยืนสั่นอยู่ต้องรีบติดต่อทันที

“ฮัลโหล.........ฉันเป็นใครนะเหรอ ฉันซากุระ ฟุโรคิน แกน่าจะรู้ว่าฉันเป็นใคร

และแกคงไม่อยากยุ่งกับฉันใช่ม้า แต่ความสงบสุขของแกมันคงไม่มีอีกแล้วละ

ลูกแก อยู่ในโรงเรียนตรงข้ามกับโรงเรียนฉันใช่มั้ย ลูกแกตั้งแก๊งเหมือนแก๊งพ่อมันด้วยแหละ

น่าสมเพช ตอนนี้ลูกแกจะตายแหล่ไม่ตายแหล่ในบ้านของฉันแล้ว รีบมานะหัวหน้าแก๊งกรรไกร หึ”

แล้วซันก็เขวี้ยงโทรศัพท์ของซินดี้ใส่คนที่พยายามจะหนีออกไปจากบ้านฟุโรคินอย่างแรง

“ไม่ดี ไม่ดีทิ้งเพื่อนของเธอกันได้อย่างไรเนี่ย ซิดี้เหงาแย่”ซันพูดหัวเราะเหมือนคนบ้า

แล้วเธอก็ลากซินดี้มาที่โซระและร่างอันแน่นิ่งที่นอนอยู่บนพื้น

ปั่ก

ซันเหวี่ยงหัวซินดี้กระทบกับพื้นกระเบื้องอย่างแรงและพอดีที่เท้าแม่ของเธอก็อยู่ตรงนั้น

“นี่แม่ฉัน แกจำไว้ด้วยเนี่ยแหละภรรยาหัวหน้าแก๊งฟุโรคินที่มีชื่อเสียงที่สุดในญี่ปุ่น หึ รู้ไหม

แกทำอะไรลงไป ฉันฟันหัวแกออกมาอยู่กับแม่ของฉันดีมั้ย ฉันจะได้ขวักมันสมองของแกออกมา

ว่าแกคิดบ้างรึเปล่าว่าการใช้ปืนมันรุนแรงแค่ไหน”

พลั่ก!

แล้วเธอก็เตะเสยข้างซินดี้ที่ร้องไห้อย่างดังจนมันสลบไป

“รำคาญ ร้องอยู่ได้-_-พี่แจซุคะไปเรียกรถพยาบาลแล้วกักตัวยัยพวกนี้ไว้ด้วยโดยเฉพาะยัยสิ้นคิด

พ่อฉันจะมาพรุ่งนี้พร้อมกับพ่อของมัน แล้วคิดบัญชีทีเดียว ใครยึกยักซ้อมให้สลบแล้วหมายหัว

รุมโทรมได้เลย”ซันพูดแล้วเธอผ่านคิระไปเหมือนกับเขาที่ไม่มีตัวตน

“ซัน”คิระพยายามดึงตัวซันไว้
บาดแผลเป็นสัญลักษณ์ของนักสู้
ภาพประจำตัวสมาชิก
ภาษาสยาม
Administrator
Administrator
 
โพสต์: 1145
ลงทะเบียนเมื่อ: อาทิตย์ 06 ก.ค. 2008 9:43 pm

Re: ยัยตัวร้ายปะทะนายแบดบอย..โดย กันย์นิกา

โพสต์โดย ภาษาสยาม » อาทิตย์ 09 พ.ย. 2008 7:24 am

ตอน ๑๑ อวสาน


“ฉันขอนะคิระ ฉันทำตามสัญญาไม่ได้แล้ว ผู้หญิงที่นอนกับนายมันฆ่าแม่ฉัน ฉันรับไม่ได้”

ซันแกะมือผมออก

ทำไมทั้งๆที่เรารักกันแต่ทำไมยังมีมารมาขัดขวางเรา

“ซันให้โอกาสฉันซักครั้งซันเธอรักฉันไม่ใช่เหรอ”

ซันหันหน้ามาอย่างกับรู้เหตุนั้นดี

“รัก มันหมายความว่าอย่างไรเหรอคิระ”

คำพูดของเธอทำผมแทบหมดเรี่ยวแรง และไม่เข้าใจสิ่งที่เธอพูด

“ฉันไม่รู้เลยว่าความรักเป็นอย่างไร เพราะฉันไม่เคยรักใคร......นอกจากครอบครัวตัวเอง”

“เธอ ที่เธอพูดหมายความว่าอย่างไร”ผมรู้ตื้อไปหมด เหมือนมีสิ่งใดสิ่งหนึ่งกำลัง คืบคลานเข้ามา

“ฉันไม่เคยรักนาย ไม่เคยคิด”เธอพูดอย่างนิ่งสงบ

“ทำไมเธอรักฉันไม่ใช่เหรอ”

“ที่ผ่านมาฉันเคยบอกว่ารักหรือไง” เมื่อได้ฟังคำนี้ทำผมพูดไม่ออก เธอไม่เคยบอกรักผมจริงๆซักครั้ง

“แล้วเธอคบกับฉันเพื่ออะไร”

“พ่อของนายขอฉันให้เป็นคู่หมั้นตั้งแต่เด็กแล้ว ซึ่งแม่ฉันก็ขอให้ฉันหมั้น เพราะแม่ฉันชอบนาย
ฉันทำตามสัญญาเพราะแม่อยากเห็นฉันในชุดงานหมั้นและงานแต่งในอีกสองเดือนเพราะแม่ฉัน

เป็นมะเร็งระยะสุดท้าย แต่แม่ฉันไม่อยู่แล้ว ไม่จำเป็น ที่จะต้องทำตามสัญญา”

“มันไม่เกี่ยวกันนะ”

“ฉันถือว่าสัญญาเมื่อสูญสลายไปแล้วสัญญาก็ไม่เป็นผลอีกต่อไป..........................

ฉันขอโทษนะ...........ที่ฉันรักนายไม่ได้................และไม่ได้รักนาย”

ทุกสิ่งทุกอย่างที่เงียบงัน หัวใจมันแน่นเหมือนโดนบิดเป็นเกลียว และเหมือนจะสลายให้ได้

เมื่อเธอถอดแหวนที่นิ้วออก มันเป็นแหวนหมั้นของผมกับเธอตอนวันหมั้น

เธอวางไว้กับโต๊ะรับแขกแล้วเดินจากไป

ปั่ก พลั่ก ตุ้บ

อั่ก!

“พอได้แล้วซันลูกพ่อ ลูกอย่าเอามือมาเปื้อนเลือดจากการฆ่าคนตายเลย มันยังไม่ถึงเวลา”

ท่านเซกิจับไหล่ของซันที่สั่นเทาด้วยความโกรธลงนั่งกับเก้าอี้ลูกฟูกในห้องโถงบ้านฟุโรคิน

ซิ้นดี้ที่นอนสลบแน่นิ่ง และ ทาซะงาวะผู้เป็นพ่อของซินดี้ที่ได้แต่นั่งมองลูกจนแทบจะร้องไห้

“ว่าไงทาซะงาวะลูกเป็นอย่างนี้ควรทำอย่างไร จะโดนยุบแก๊งหรือฆ่าเมียของแก”

แต่มันหน้าซีดเป็นไก่ต้ม และสั่นงักๆเหมือนปลิงโดนขี้เถ้า

“ว่าไงเล่า!”ท่านเซกิตะคอกจนทาซะงาวะสดุ้ง

“ยะ ยุบขอรับ”ชายวัยกลางคนมองลูกสาวที่นอนราบกับพื้นและหายใจรวยรินอย่างเจ็บปวด

“มันหน้าจะฆ่าแม่ของมัน -_- มันจะได้รู้ว่าแม่โดนฆ่ามันเป็นอย่างไร”ซันพูดขึ้นมา

“อย่าเลยครับผมกราบเถอะ”

“อย่ามากราบ คุณแก่กว่าฉัน”ซันพูดเมื่อทาซะงาวะคลานเข้ามาจะกราบที่เท้าของเธอ

“คราวนี้ฉันจะปล่อยแกไป ถ้าเมิงยังไม่ยุบแก๊งฉันจะไปถล่มให้ราบคาบ”ท่านเซกิพูดน้ำเสียงเด็ดขาด

“ไปเลยทั้งพ่อทั้งลูก เห็นแล้วรำคาญ”ซันพูด ทาซะงาวะแทบจะอุ้มลูกของตัวเองวิ่งไปทันที

“พ่อคะหนูไม่ทำตามสัญญาแล้วนะคะ หนูตีหน้าสดใสเพื่อแม่ไม่ได้อีกแล้วขอหนูออกไปอยู่คนเดียวได้มั้ยคะพ่อ”

“พ่อเป็นห่วงลูกนะ”

“พ่อจะรู้ข่าวสารหนูได้ทางอีเมล์เดี๋ยวหนูส่งไปให้นะคะ แต่พ่ออย่าบอกใครนอกจากครอบครัวของเรานะคะ”

“หนูไปละคะ”

“เดี๋ยวลูก”

“อะไรคะ”

“สุขสันต์วันเกิดนะลูก”

“ค่ะ”

แล้วเธอก็เดินจากบ้านฟุโรคินไป ทำให้ท่านเซกิใจหายไม่รู้ว่าเมื่อไหร่ซากุระลูกของเขาจะได้อยู่กับเขาอีก

เมื่อไหร่.....

“พวกผมมาหาซากุระครับ”นาเสะ ซีโร่ ยามาดะ ชีบะมาที่บ้านของซากุระเมื่อสองชั่วโมงหลัง

จากที่ซากุระไปแล้ว และมีคนที่สำคัญ คิระที่มาเหมือนคนที่ไม่มีชีวิตจิตใจเดินเข้ามาเจอท่านเซกิพ่อของซากุระและโซระ

“ซากุระไม่อยู่แล้ว”

“ทำไมละครับ”คิระพูดขึ้น

“ซากุระออกไปอยู่คนเดียวแล้ว”

“รู้มั้ยครับที่ไหน”

“นั่นเป็นเรื่องของซากุระเขา อยากรู้ตามหาเอาเอง”

คิระแถบจะหยุดหายใจ คนที่เขารักจากไปแล้ว

ไม่บอกลา แม้แต่คำพูดซักคำ

หมดความหมาย Blue dock

ต้องอยู่คนเดียวอีกครั้งไม่อยากจะฟัง เรื่องราว....ใดๆ

เฝ้าบอกกับใจที่อ่อนล้าว่าจบกันที ความรักที่ฉันทุ่มเทไป

ไม่มีเหลือ.....ไม่มีแล้ว ความหวังเป็นเพียงดั่งลมที่พัดไป

ผ่านเลยไปเพียงชั่วคราว

ได้แต่ฝัน ตื่นลืมตาไม่พบเธอ

เมื่อเธอไม่รัก ก็หมดความหมาย จะให้ฉันนั้นรอเธอคงไม่ไหว

ในเมื่อความรัก ไม่อาจจะบังคับใคร

นอกจากตัวฉันที่หลงรักเธอเพียงผู้เดียว

ไม่มีเหลือ.....ไม่มีแล้ว ความหวังเป็นเพียงดั่งลมที่พัดไป

ผ่านเลยไปเพียงชั่วคราว

ได้แต่ฝัน ตื่นขึ้นมาไม่พบเธอ

เมื่อเธอไม่รัก ก็หมดความหมาย จะให้ฉันนั้นรอเธอคงไม่ไหว

ในเมื่อความรัก ไม่อาจจะบังคับใคร

นอกจากตัวฉันที่หลงรักเธอเพียงผู้เดียว

เมื่อเธอไม่รัก ก็หมดความหมาย จะให้ฉันนั้นรอเธอคงไม่ไหว

ในเมื่อความรัก ไม่อาจจะบังคับใคร

นอกจากตัวฉันที่หลงรักเธอเพียงผู้เดียว

เธอจะรักใครก็ไม่ผิดไม่รักฉันก็ไม่ผิด

แต่ผิดที่ฉันนั้นรักเธอ

ผมผิดเองที่ผมไปรักเธอ ทำให้ผมกลับมาเจ็บเอง



Sun:say

แล้วฉันก็มีคนเลี้ยงหนังสือฉันแล้ว โฮ่ๆๆฉันเกิดมาเพื่อสิ่งนี้จริงๆ ของฟรี*O*(ตาแพรวพราว)

“ขอบใจนะไอ้น้องชาย”

“รู้สึกว่าฉันจะเป็นพี่เธอนะในเมื่อเธอเกิดวันที่17ธันวา ฉันเกิดวัน 26เมษา”

“นั่นมันก็เรื่องของนายฉันจะเรียกอย่างนี้มีไรมั้ย”

“อ่าT_Tไม่มี”

“ไปต่อเถิดชาวโลก”แล้วฉันก็เดินออกจากร้านหนังสือกับลาวาระหว่างทางที่ฉันเดินผ่านร้านไอศกรีมชื่อดัง

ที่มีหนุ่มสาวมาเดตกันที่นี่ ตอนแรกฉันก็ไม่ได้ตั้งใจหันไปมองหรอกแต่มันมิ่งหนึ่งทำให้ฉันสะดุดตา

“นั่นคิมนี่”ฉันพูดขึ้นเมื่อเห็นคิมกำลังพูดคุยกับเด็กผู้หญิงประมาณมัธยมต้นอย่างสนิทสนม

“ไหน.....อ้อนั่นยัยเชอร์รี่นี่นาเห็นว่าตามจีบคิมอยู่นี่ จีบติดแล้วเรอะ”

“หน้าอย่างตาคิม มันมีคนชอบด้วยเรอะ-*-”

“ฮะเธอเป็นคนแรกที่ฉันได้ยินผู้หญิงว่าคนหล่อๆอย่างนี้นะ”

“ธรรมดาฉันเห็นคนหล่อกว่านี้ตั้งเยอะ”ฉันพูดอย่างไม่ใส่ใจ แต่ใจมันรู้สึกหวิวแปลกๆ

แล้วแก็หยิบโทรศัพท์ขึ้นมาแล้วโทรออกทันที

“ฮัลโหลซันเหรอ”

“อืม”

“ตอนนี้เธออยู่ไหนละ”

“อยู่ที่ห้าง”

“อยู่กับใครเหรอ”

“อยู่กับลาวา”

“ไอ้หน้าตุ๊ดนั่นนะเหรอ”

“หยั่งกะหน้าของนายดีตายละ-*-”

“เธออยู่ห่างๆกับมันไว้เลยนะ”

“ไม่เรื่องลาวาอุตส่าห์เลี้ยงหนังสือฉันตั้งหลายเล่มฉันต้องเลี้ยงของตอบแทนหน่อยสิ- -”

“ไม่นะ>_<”

“ไม่รู้ละวันนี้ฉันต้องไปเที่ยวกับลาวา ทีนายยังเที่ยวกับเด็กได้เลย ฉันก็เที่ยวกับเด็กอื่นบ้าง”

“ไม่”

“หึๆอย่านึกว่าฉันโง่นะ ฉันรู้ ฉันเห็น”

“หมายความว่าอย่างไรอะ”

“หันมาดูหน้าร้านสิ”

ฉันยิ้มกับตัวเองพร้อมกับวางโทรศัพท์แล้วควงแขนลาวาเดินออกไปทันที

“ลาวาวันนี้นายอยากกินอะไร วันนี้ฉันเลี้ยง”

“จริงเหรอ”

“อืม”

“ฉันว่าไปกินพิชซ่าที่ทำเองแล้วถูกๆแถมอร่อยมากด้วยเธออยากลองมั้ยละ”

“ดีสิฉันไม่ค่อยได้กินพิซซ่าเลย”

แล้วเราทั้งสองก็เดินเข้ามาในซอยแคบที่คนออกจะพลุ่กพล่าน กินเครื่องเทศหอมอ่อนลอยมาตลอดทางเดิน

ในซอยข้างห้างที่เราเพิ่งเดินออกมา ลาวาพาฉันมาที่ร้านเล็กๆซอมซ่อแต่มีคนมากมายนั่งกันเต็มตรงหน้า

หน้าทุกคนก็มีพิซซ่าหลากหลายเต็มไปหมด

“ซันจะเอาอะไรละ”

“แล้วแต่ลาวาก็แล้วกัน”ฉันพูดยิ้มให้กับลาวาแล้วนั่งโต๊ะรอระหว่างที่ลาวากำลังยืนสั่งพิซซ่าที่หน้าร้าน

“ซัน มีอะไรที่เก็บไว้ในใจรึเปล่า”ลาวาพูดกับฉันเมื่อนั่งโต๊ะตรงข้ามกับฉัน

ทำไมฉันต้องมีอะไรด้วยละ”

“ฉันไม่เคยเห็นใครจะดูสุขุมเกินตัวแบบเธอมาก่อนเลยนะ”

“ฉันก็เป็นอย่างนี้อยู่แล้วนี่”

“ซันเธอเป็นเพื่อนฉันนะมีอะไรต้องบอกกันสิ”

“นายไม่จำเป็นต้องรู้”

“นี่เธอทำแบบนี้กับเพื่อนงั้นเหรอ”

“.......”

“ฉันขอบอกเลยนะ ไม่ว่ายังไงเธอยังมีเพื่อน ยังมีคนที่อยู่ข้างเธอเสมอนะ”

“อืม”

“ถ้าเธอทุกใจอะไรเธอบอกกับเพื่อนคนนี้ได้เสมอนะ”

“ขอบใจนะ”ฉันยิ้มให้กับลาวา

ความรู้ว่าเพื่อนนี่ มันพิเศษจริงๆ

แล้วคืนนี้ลาวาก็มาส่งฉันหน้าคอนโด และฉันเดินมาถึงหน้าห้องแล้วเปิดประตูห้องเข้าไป

ท่ามกลางแสงไฟสลัว จากแสงไฟยามราตรีจากข้างนอกสาดส่องเข้ามาภายในฉันเดินเข้ามาแล้วเอื้อมมือจะเปิดไฟ

หมับ!

ความรู้สึกมืออุ่นๆและหนากุมมือฉันไว้แน่นจากข้างหลัง และลมหายใจพ่นรดที่ปลายนิ้วของฉัน

ทำให้ฉันรู้สึกถึงคนๆนั้นได้ง่ายดาย

“นายมาที่นี่ทำไม”

“คิดถึง”สิ้นคำพูดของเขา เขาก็ดึงตัวฉันไปติดกำแพงแล้วโอบกอดอย่างโหยหา

ป๊อก! มันทำให้หลังของฉันไปสัมผัสกับสวิตซ์ไฟพอดี

แสงสว่างจากดวงไฟส่องพรึบ ส่องมาที่เราทั้งสองคน ซึ่งมีฉันและหนุ่มผมซอยไสลด์แบบแฟนชั่น

หน้าตาคมสันเกยที่ไหล่ของฉันแล้วโอบกอดฉันไว้

มันทำให้ให้ฉันกัดริมฝีปาก อย่างรู้สึกผิด..........

ผิดที่ไม่น่าทำลายความรู้สึกผู้ชายคนนี้เลย

“ปล่อยฉัน”

“.....”ไร้สิ้นเสียงคำตอบจากเขา

“คิระ”

“เรื่องราวที่ผ่านมามันเป็นแค่ฝันใช่มั้ย ฉันตื่นขึ้นมา ฉันยังรักกับเธออยู่ใช่มั้ย”

น้ำเสียงคาดหวังของเขาเหมือนทิ่มแทงฉันอยู่ตลอดเวลา มันเจ็บมาก ที่เห็นคนต้องมาเสียใจเพราะฉัน

“ไม่ใช่หรอกคิระ มันเป็นความจริงที่เกิดขึ้นแล้ว คิระนายปล่อยฉัน”

“ไม่จริงเธอหลอกฉันเล่นใช่มั้ย”

“ตลอดหนึ่งปีที่ผ่านมานาน นายยังพิสูจน์ไม่ได้รึไง”

คิระคลายกอดฉันแล้วมองหน้าฉัน แววตาที่สั่นไหวของเขา มองฉันอย่างเสียใจ

“นายมีธุระอะไร”ฉันพูดแล้วนั่งลงกับโซฟา

“เธอกลับมาเป็นเหมือนเดิมไม่ได้เหรอ”เสียงคิระพูดด้วยเสียงที่แผ่วเบา

“กลับไปรักนายแบบหลอกๆนะเหรอ”

“เธอโกรธที่ฉันไปนอนกับผู้หญิงอื่นเหรอ”

“เปล่า”

“เธอยังรักฉันอยู่ใช่มั้ย”

“ที่นายเห็นอยู่นี่มันเป็นความรักรึเปล่าละ”ฉันหันไปถามคิระเรามองตากันอยู่นาน

“...........”

“ฉันขอโทษนะคิระ”

“.......”

“ที่ฉันหลอกนาย”

“........”

“ทั้งๆที่ฉันเคยคิดว่าซักวันฉันคงจะรักนาย เหมือนที่แม่หวังไว้”

“...........”

“แต่ฉันไม่มีความหวังจากแม่ มันคงเป็นไปไม่ได้”

“เธอนี่ใจดำเนอะ”เสียงคิระราบเรียบและดูเย็นชา

“ฉันขอโทษ”

“แต่ในที่สุดยังไงเธอก็ต้องเป็นของฉันด้วยความเต็มใจให้ได้”

“......”แววตาของคิระทำให้ฉันตกตะลึง เขาไม่เหมือนคิระคนเก่าอีกแล้ว

คิระที่ร่าเริง ไม่มีอีกแล้ว เขามีแววตาที่เย็นชาดุจน้ำแข็ง

ไม่มีอีกแล้ว แววตา.................ที่อ่อนโยน

“ฉันรักเธอนะ รักเธอเสมอ”คิระลงมาจุมพิตที่ริมฝีปากของฉันอย่างนุ่มนวลก่อนที่จะเดินออกไป

มันไม่มีทางหรอกคิระ ถึงนายจะทำยังไงนายก็ไม่สามรถทำให้ฉันเปลี่ยนใจได้

ขอโทษจริงๆคิระ ฉันขอโทษ

ติ๊ดๆๆๆๆๆๆๆๆ

“ฮัลโหล”ฉันหยิบโทรศัพท์ขึ้นมารับ

“ยัยงั่งงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงง>O<”

“-*-”ผู้อ่านน่าจะรู้นะว่าเป็นใคร

“เธอกล้าไปเที่ยวกับคนอื่นนอกจากฉันงั้นเหรอ- -”คิมพูดเสียงเคืองๆในโทรศัพท์


“แล้วไง- -”ถึงน้ำเสียงฉันจะเย็นชา แต่ถ้าทุกคนมาเห็นฉันในตอนนี้นะ ^^ ฉันนั่งยิ้มเป็นบ้าอยู่คนเดียวล่ะ

“ฉันจะไปมีกิ๊ก”น้ำเสียงนุ่มๆตวัดเสียงเสียงสั้นๆแบบงอนๆ


“-*-เชิญฉันจะได้ไปหาบ้าง”^O^ทำไมแกล้งคนถึงสนุกอย่างนี้นะ คิกๆ

“ไม่ได้- -^”

อ้าว - -*นี่มันเข้าข่าย เห็นแก่ตัวรึเปล่านี่ ไอ้พระเอกกร๊วกกกกกกกกกกกก

“ซันฉันขอถามอะไรหน่อยได้มั้ย”

“ได้สิ”

“เธอชอบฉันมั้ย”

-_-;; แล้วฉันจะตอบยังไงเนี่ย ขอไปคิดที่ทางช้างเผือกได้มั้ยเนี่ย-*-

“เอ่อ”

“ว่าไงละ”

“ก็นิดๆนะ”

“งั้นเหรอ”

“....”

“ซัน เธอคบกับฉันมั้ย”

O_Oq(ท่าถือโทรศัพท์ค้าง)

อึ้ง ทึ่ง ตะลึง O_O เสียว อันหลังท่าทางจะไม่ใช่แฮะ-*-

“......”

“ว่าไงละ”

“อืม....”

ไม่รู้เหมือนกันว่าอะไรดลใจให้ฉันตอบอย่างนั้นไป
บาดแผลเป็นสัญลักษณ์ของนักสู้
ภาพประจำตัวสมาชิก
ภาษาสยาม
Administrator
Administrator
 
โพสต์: 1145
ลงทะเบียนเมื่อ: อาทิตย์ 06 ก.ค. 2008 9:43 pm

ต่อไป

ย้อนกลับไปยัง นวนิยาย

ผู้ใช้งานขณะนี้

กำลังดูบอร์ดนี้: ไม่มีสมาชิก และ บุคคลทั่วไป 24 ท่าน

cron