นวนิยาย หมอกรัตติกาล โดย น้ำฟ้า

นวนิยาย เรื่องยาว ต่างๆ

นวนิยาย หมอกรัตติกาล โดย น้ำฟ้า

โพสต์โดย น้ำฟ้า » อาทิตย์ 13 มี.ค. 2011 6:43 pm

- การคัดลอกนิยาย นำไปทำซ้ำ ดัดแปลง หรือเผยแพร่ ถือเป็นการกระทำผิดกฏหมาย ตาม พรบ.ลิขสิทธิ์ พ.ศ.๒๕๓๗ -



jap218.jpg
jap218.jpg (67.55 KiB) เปิดดู 5890 ครั้ง




ณ มุมหนึ่ง ซึ่งมี..ซากุระต้นใหญ่ออกดอกสีชมพูสล้างติดชายป่าทางทิศเหนือ
ลึกลงไปใต้ผืนดิน ร่างไร้วิญญาณของฉันยังคงเฝ้ารอคอยเธอ กลับมา !!


ผู้หญิงธรรมดา..แต่ใจมันด้านชาผู้ชาย
ภาพประจำตัวสมาชิก
น้ำฟ้า
นักเขียนแห่งปี
นักเขียนแห่งปี
 
โพสต์: 886
ลงทะเบียนเมื่อ: ศุกร์ 11 ก.ค. 2008 10:19 am

Re: นวนิยาย เงารัตติกาล โดย น้ำฟ้า

โพสต์โดย น้ำฟ้า » อาทิตย์ 03 เม.ย. 2011 12:06 pm

๑.

ดวงตาสีเหล็กที่ประดับอยู่บนดวงหน้าคมสันมองตรงไปยังลานกว้างด้านนอกศาลาซึ่งมีรั้วไม้ขนาดใหญ่กั้นอยู่อย่างสนใจ ท่ามกลางแสงแดดร้อนระอุของช่วงเวลาใกล้เที่ยง ช้างเอเชียจำนวนห้าเชือกกำลังยืนกระจัดกระจายตามจุดต่างๆในสนาม ประจันหน้ากับผืนผ้าใบสีขาวขึงตึงบนขาตั้งขนาดใหญ่ ขณะที่เพลงบรรเลงแผ่วเบาถูกเปิดคลอไปกับเสียงโฆษกซึ่งอยู่ไม่ไกลจากที่นั่งของเขานัก
“ เตรียมตัวเอาไว้นะนาย ” เสียงกระซิบของชายหนุ่มในชุดเสื้อและกางเกงสีดำทอลายหลากสีดังขึ้นเบาๆ
ณาเคนหันมามองใบหน้าคล้ำแดดของอาเจะแล้วพยักหน้า ทั้งที่หัวคิ้วเข้มทั้งสองข้างขมวดเข้าหากันอย่างหนักใจ ความกังวลแล่นลิ่วอยู่ในหัว งานวันนี้ค่อนข้างเสี่ยงเพราะหากพลาดพลั้งแม้เพียงน้อยนิด อาจทำให้เกิดอันตรายถึงชีวิต ไม่ชีวิตเขาก็อาจจะเป็นนักท่องเที่ยวคนใดคนหนึ่งในที่นี้ แต่ชายหนุ่มก็ไม่มีทางเลือก เมื่อนั่นเป็นวิธีการอันแยบยลมากที่สุดเท่าที่จะทำได้เวลานี้ คิดพลาง แววตาคมกริบก็พุ่งตรงไปยังช้างพลายงาปลีตัวใหญ่สูงราว 6 ฟุต ซึ่งกำลังยกขาหน้าทั้งสองข้างขึ้นรับเสียงปรบมือจากผู้ชมทั่วบริเวณ ก่อนจะใช้งวงตวัดลงไปรับแปรงในมือควาญช้างร่างเล็กที่ยิ้มเผล่รออยู่
ชายหนุ่มก้มลงมองพื้นดินอยู่ครู่หนึ่งจึงเงยหน้าขึ้น หันมองไปยังผู้ที่นั่งอยู่ด้านหลัง อาเจะกำลังหลับตา ทำปากขมุบขมิบคล้ายคนบริกรรมคาถา
ตุบ !!
เสียงแปรงทาสีกระทบพื้นดินดังก้อง ณาเคนขยับตัวลุกพรวดขึ้น สูดลมหายใจเข้าปอดแรงๆ ดวงตามองกดไปยังช้างพลายตัวเดิมที่กำลังฟาดงวงลงกับผืนผ้าใบจนล้มโครมอย่างไม่เป็นท่า ขณะควาญช้างวัยรุ่นผงะถอยร่นออกมา พลางร้องลั่น “ พลายชมพูตกมัน ! ”
ความชุลมุนเริ่มขึ้นในบัดดล เมื่อเหล่าควาญช้างลนลานสั่งช้างของตนถอยฉากจากพลายชมพูที่กำลังหันมาทางควาญหนุ่ม หลังจากทำลายอุปกรณ์วาดรูปจนย่อยยับ งวงใหญ่กวัดแกว่งไปมาอย่างบ้าคลั่ง ดวงตาของมันแดงก่ำเคียดเขม็ง ปากส่งเสียงร้องแปร๋น แปร๋น ก้องไปทั้งปาง
ครู่ใหญ่อาเจะจึงลืมตาขึ้น ขยับเข้าไปหานายหนุ่มแล้วมอบสิ่งของลักษณะคล้ายขี้ผึ้งอยู่ในตลับพลาสติกเล็กๆให้ ก่อนจะกำชับ “ ถ้านายเอาขี้ผึ้งนี่ป้ายตัวมันได้ มันก็จะหยุดทันที ”
ณาเคนมองผู้พูดด้วยท่าทางไม่แน่ใจ “ แล้วมันจะไม่กระทืบข้าตายก่อนเรอะ ”
“ เชื่อมือเฮาสิ ” อาเจะตอบด้วยภาษาถิ่น “ เฮาจะใช้คาถาสะกดมันควบคู่ไปด้วย ”
ผู้เป็นนายพยักหน้าแล้วสูดลมหายใจเข้าปอดอีกครั้ง ก้าวเดินออกนอกศาลาที่พักนักท่องเที่ยว ปีนข้ามรั้วไม้ไปยังลานแสดงช้างด้วยท่าทางองอาจ ทั้งที่รู้สึกเหมือนมีคนเข้ามารัวกลองในหัวใจสักพันคนก็ไม่ปาน



ร่างระหงเดินลอดซุ้มสร้อยสุมาลีที่เกาะเกี่ยวประตูไม้รูปโค้งส่งกลิ่นหอมกรุ่นไปทั่วบริเวณ แล้วจึงหันกลับมามองชายหนุ่มร่างสันทัดในชุดเสื้อยืดแขนยาวสีขาว กางเกงยีนส์สีดำซึ่งก้าวยาวๆมาตามทางเดินปูด้วยศิลาแลงแผ่นใหญ่ ก่อนจะชี้ไปยังชุดที่นั่งไม้ไผ่จำลองสีเขียวสดตั้งอยู่ใต้ต้นก้ามปูซึ่งมีโคมไม้ไผ่เคลือบเรซินสีเหลืองแขวนประดับอยู่เป็นจุดๆ
“ นั่งคุยกันก่อนดีกว่าค่ะ จิ้งจะได้ดูกำหนดการของคุณนัยด้วย ”
รัศนัยพยักหน้า และเมื่อนั่งลงตามคำเชื้อเชิญของผู้จัดการปางพิงค์แก้วคนใหม่แล้ว ชายหนุ่มจึงเริ่มอธิบายกำหนดการพาลูกทัวร์เข้ามาชมสถานที่ท่องเที่ยวอย่างคร่าวๆ “ รถของทางบริษัทจะมาถึงเก้าโมงครึ่งทุกวันนะครับ ราวๆสิบโมงเราจะพาลูกค้าเข้าชมฟาร์มกล้วยไม้ และฟาร์มผีเสื้อตามอัธยาศัย พอเที่ยงวันก็พักรับประทานอาหารก่อน หลังจากนั้นค่อยไปที่ปาง และดูการแสดงช้างจนถึงบ่ายสามโมงครับคุณจิงจิ้ง ”
ผู้ที่ถูกเรียกว่าจิงจิ้งพยักหน้า ยิ้มน้อยๆ หากแต่ดูจริงจัง “ จิ้งคิดว่าน่าจะเพิ่มการแสดงแบบพื้นเมืองลงไปอีกสองสามรายการ เพื่อสร้างความประทับใจแก่นักท่องเที่ยวนะคะ ”
ชายหนุ่มดีดนิ้วเปาะ พยักหน้าเห็นด้วย แต่แล้วคนทั้งสองก็ต้องยุติการสนทนาลง เมื่อชายกลางคนในชุดม่อฮ่อม กางเกงสะดอวิ่งกระหืดกระหอบหน้าตาตื่นเข้ามาหา
“ เกิดอะไรขึ้นคะลุงบุญ ” รักษณาลีลุกขึ้นยืน เริ่มมีลางสังหรณ์ว่า คงจะมีเรื่องที่ไม่ดีไม่งามเกิดขึ้นเป็นแน่
“ พลายชมพูตกมันครับคุณจิงจิ้ง ” ผู้มาใหม่ตอบเสียงสั่น ทำเอารัศนัยพลอยเป็นกังวลไปด้วย จึงลุกพรวดขึ้นบ้าง “ งั้นเรารีบไปดูกันเถอะครับ ”
ทั้งสามพากันวิ่งตัดสนามข้างบ่อน้ำขนาดใหญ่ ผ่านประตูรั้วสูงราวสามเมตรเข้าไปยังปางช้างซึ่งผู้คนกำลังเกาะกลุ่มวิพากษ์วิจารณ์กันเสียงดังลั่น รักษณาลีกวาดตามองเข้าไปในลานกว้างที่มีเพียงช้างพลายชมพูยืนหายใจดังฟืดฟาดอยู่ข้างๆร่างสูงโปร่งซึ่งยืนหันหลังให้เธออยู่ ผู้จัดการปางพิงค์แก้วสบตานายบุญแล้วเลิกคิ้ว ชายกลางคนจึงบุ้ยใบ้ไปยังควาญประจำตัวพลายชมพูที่ยืนหน้าซีดปากสั่นอยู่ด้านนอกสนามไกลออกไป
“ ดูท่าทางช้างจะสงบแล้วใช่ไหมครับลุง ” รัศนัยถาม
นายบุญพยักหน้า “ ใช่ครับ ”
“ แล้วผู้ชายคนนั้นเป็นใครคะ ” รักษณาลีขยับเข้ามาใกล้พลางถาม ทว่าน้ำเสียงพูดภาษาไทยไม่ชัดของชายหนุ่มแปลกหน้าก็ดังขึ้นเสียก่อน “ คุณเคนเป็นนักท่องเที่ยว ”
นายสาวแห่งปางพิงค์แก้วดึงหัวคิ้วขึ้นเล็กน้อย ระบายลมหายใจผะแผ่ว “ แสดงว่าเขาเป็นคนเข้าไปช่วยหรือคะ ต้องขอบคุณจริงๆค่ะ ที่พวกคุณช่วยปราบพลายชมพูให้ ไม่เช่นนั้นเกรงว่านักท่องเที่ยวคนอื่นๆอาจจะได้รับอันตรายไปด้วย ”
“ ขอบคุณคนที่เสี่ยงชีวิตเข้าไปในสนามเถอะ ” สำเนียงแปร่งปร่าของอาเจะแนะนำ
สำหรับหนุ่มชาวดอยอย่างเขานั้น ถือได้ว่าเป็นหนี้บุญคุณตระกูลพาณิชย์นารถของณาเคนมาตั้งแต่สมัยอายอบิดาของเขายังเป็นพรานป่า และภายหลังเมื่ออาเจะต้องเข้าไปเรียนต่อในกรุงเทพฯ คุณเมธาบิดาของณาเคนก็ยังมีความปราณีส่งเสียหนุ่มน้อยชาวอาข่าจนจบการศึกษาระดับปริญญาตรี จากนั้นเขาจึงเข้าไปช่วยงานบริษัทในเครือของผู้มีพระคุณจวบจนณาเคนกลับมาจากเมืองนอก อาเจะก็ต้องรับหน้าที่คู่หูของเจ้านายหนุ่มไปโดยปริยายเนื่องจากคุ้นเคยกันมากกว่าคนอื่น
รักษณาลีทำท่าครุ่นคิดอยู่ครู่ใหญ่ก็หันไปทางนายบุญซึ่งยืนสงบเสงี่ยมรอรับคำสั่งอยู่ “ ลุงหนานไปบอกควาญเขียวให้พาพลายชมพูไปพัก แล้วเชิญคุณคนนั้นไปพบจิ้งที่สำนักงานด้วยนะคะ ส่วนคุณ... ” หญิงสาวหันไปทางหนุ่มอาข่า “ เชิญด้วยนะคะ ”
อาเจะก้มลงยิ้มกับพื้นดิน แล้วเงยหน้าขึ้นอีกครั้ง เมื่อได้ยินเสียงกรุ๋งกริ๋งคล้ายโลหะกระทบกันดังใกล้เข้ามา ภาพที่เห็นท่ามกลางแสงแดดระอุ คือ หญิงสาวใบหน้าหมดจดในชุดอาข่าเต็มยศเดินเข้ามาพร้อมกับเด็กหญิงชายอย่างละคน
“ มาก็ดีแล้วอาลูผะ เดี๋ยวหาอาหารว่างไปให้ฉันที่สำนักงาน 2 ที่นะ ”
“ ได้ค่ะคุณจิงจิ้ง ” เธอรับคำสั่ง แล้วจึงเคลื่อนสายตากวาดมองทุกคนที่ยืนอยู่ในศาลา ก่อนจะชะงักเมื่อเห็นชายหนุ่มซึ่งมองปราดเดียวก็รู้ว่ามาจากเผ่าเดียวกัน หญิงสาวจึงระบายยิ้มให้อย่างเป็นมิตรขณะก้าวเดินจากไป แต่ใครจะรู้บ้างเล่าว่าเมล็ดพันธุ์แห่งไมตรี กำลังเริ่มแตกหน่อในหัวใจของหนุ่มอาข่าในเวลานี้ ดวงตาคมวาวของอาเจะจึงมองตามร่างบอบบางไปจนลับตา

สำนักงานใหญ่ของปางพิงค์แก้วมีลักษณะเป็นโดมสไตล์คลาสสิคสีเขียวอ่อน แทรกตัวอยู่ท่ามกลางดงไม้ซึ่งมีทั้ง จิก โมก พญาสัตบรรณ ฯลฯ ที่เสียดกิ่งก้านตัดกับสีขาวสว่างไสวของท้องฟ้ายามบ่าย ต่ำลงมาเป็นทางเดินขนาบด้วยต้นคริสตินาที่ตัดแต่งคล้ายกำแพงจนถึงบันไดซึ่งปลูกไม้ประดับเรียงรายในกระถางดินเผาทรงเตี้ยบนพื้นกระเบื้องมันวาวสีเทาอ่อน
ณาเคนถอดรองเท้าไว้บนชั้นทำด้วยไม้ หันมองคนสนิทที่กำลังหยีตาฝ่าเปลวแดดตามมาแล้วหัวเราะ “ ท่าทางเหนื่อยจังนะ อาเจะ ”
“ ทั้งลุ้น ทั้งเหนื่อยเลยแหละนาย ยิ่งตอนที่เจ้าช้างนั่นตวัดงวงมาทางนายนะ เฮาตกใจแทบแย่แน่ะ ”
คำพูดของผู้ที่เพิ่งเดินขึ้นมาทำให้ผู้ฟังประหวัดไปถึงนาทีระทึกซึ่งผ่านพ้นไปก่อนหน้าไม่กี่นาที

เขาก้าวลงสู่ลานแสดงช้างด้วยความรู้สึกไม่สู้ดีนัก คล้ายสมองพร่าเบลอ เลือดในกายร้อนฉ่าขึ้นมาราวน้ำเดือดบนเตา ทว่าชายหนุ่มก็บังคับสองขาให้ก้าวเข้าไปยังจุดที่พลายชมพูยืนอยู่จนได้ แม้จะรู้ดีว่า สติของมันขาดผึง สามารถทำลายทุกสิ่งที่ขวางหน้า รวมทั้งเขาซึ่งกำลังเดินเข้าไปหาในเวลานี้ ณาเคนกลับกลายเป็นเป้าหมายใหม่ของมันอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ มันจึงพุ่งตรงเข้ามาหาอย่างรวดเร็ว เขาตั้งสติไปพร้อม ๆ กับการเบี่ยงตัวหลบฉากไปได้อย่างหวุดหวิด ก่อนสิ่งที่ไม่คาดคิดจะประจักษ์แก่สายตา
ขณะที่ทุกคนกำลังพุ่งความสนใจไปยังพลายชมพูและชายหนุ่มร่างสูงกลางสนาม สิ่งหนึ่งที่อยู่นอกระยะสายตาก็เริ่มเคลื่อนที่ออกมาจากจอมปลวกติดกับตอไม้เก่ารกเรื้อ งูสีดำขนาดใหญ่ตัวยาวราวสามเมตรเลื้อยพรวดพราดเข้าไปพันขาหน้าด้านซ้ายของพลายชมพูจนกระดิกกระเดี้ยไม่ได้ ณาเคนเบิกตาโพลง ตรึงขาตนเองเอาไว้กับที่นิ่งนาน
“ เร็วเข้าสินาย ” อาเจะตะโกนเร่ง
หนุ่มนักเรียนนอกจึงนึกขึ้นได้ ถึงแผนการซึ่งตระเตรียมไว้แต่ต้น วิ่งพรวดเข้าไปหาพลายชมพูที่กำลังแกว่งงวง สะบัดขาขับไล่งูตัวใหญ่จ้าละหวั่น
“ เอาเลยนาย ! ” อาเจะย้ำ
ณาเคนหันมามองลูกน้องด้วยสายตาประหวั่น ตั้งแต่เกิดมาเป็น ณาเคน พาณิชย์นารถ เขาไม่เคยพบเจอเหตุการณ์ที่ต้องเสี่ยงตายเช่นนี้มาก่อน แต่ในวันนี้ เพื่อทำตามความตั้งใจของตน เขาต้องทำให้ได้ และจะต้องสำเร็จเท่านั้น
คิดดังนั้น ร่างสูงก็เปิดตลับเล็ก ๆ ในมือออก ใช้นิ้วชี้ป้ายขี้ผึ้งสีเหลืองซึ่งบรรจุภายใน ก่อนจะกระโดดเข้าไปหาพลายชมพู เพื่อนำสิ่งที่อยู่บนนิ้วแตะลงบนลำตัวของมันด้วยความรวดเร็ว พร้อมกันนั้น ดวงตาแข็งกร้าวของช้างหนุ่มก็เริ่มอ่อนแสงลงทันใด พลายชมพูยืนนิ่งหายใจฟืดฟาดราวกับเหนื่อยล้ามาแรมปี

ความคิดยุติลง ร่างสูงก็เอี้ยวตัวกลับมามองลูกน้องอีกครั้ง “ งูยักษ์นั่นเป็นงูอาคมหรืออาเจะ ”
หนุ่มอาข่าวางรองเท้าลงบนชั้น แล้วสั่นหน้า “ งูอะไรละนาย ไม่เห็นมี ”
“ หือ ! ” คนถูกย้อนถามตีหน้าเครียดอธิบายต่อ “ ก็งูสีดำตัวใหญ่ที่เข้ามารัดขาช้างเอาไว้ไงล่ะ ข้ายังแปลกใจเลยนะว่าพอช้างสงบลงปั๊บ มันก็เลื้อยออกไปง่ายดาย”
ผู้ฟังทำหน้างง ส่ายหน้าอีกครั้ง “ นายตาฝาดหรือเปล่า ไม่เห็นมีงูสักตัว ”
ณาเคนเขม้นมองผู้พูดด้วยท่าทางจริงจัง แต่ก็พบเพียงร่องรอยแปลกใจในแววตาเท่านั้น
“ เชิญด้านในเลยค่ะ คุณ ” เสียงใส ๆ ของหญิงสาวที่อาเจะประทับใจดังขึ้น หลังจากประตูกระจกสีทึมเลื่อนออก
ณาเคนพยักหน้า เดินนำลูกน้องคนสนิทผ่านกรอบประตูเข้าไปอย่างเงียบเชียบ
ประตูปิดดังกึก! ใบหน้ารูปไข่ซึ่งก้มต่ำคล้ายกำลังเคร่งเครียดกับกองเอกสารบนโต๊ะจึงเงยขึ้น คิ้วที่กระตุกเข้าหากันเมื่อครู่คลี่ออกช้าๆ รอยยิ้มแตะแต้มเรียวปากบาง ส่งผลให้ดวงหน้าเคร่งเครียดนั้น งดงามชวนมองขึ้นหลายเท่าตัว ส่วนหญิงสาวสวยเฉียบในชุดเสื้อยืดแขนกุดรัดรูป กระโปรงสีขาวสั้นหมิ่นเหม่ซึ่งยืนอยู่ข้าง ๆ ขยับตัวเล็กน้อย เผยอยิ้มให้หน่อยหนึ่งก่อนจะจ้องเขาด้วยสายตากึ่งทึ่งกึ่งฉงน
“ เชิญนั่งค่ะ ดิฉันชื่อรักษณาลี เป็นผู้จัดการปางพิงค์แก้ว ส่วนนี่บุษยมาส น้องสาวของดิฉันเอง ” เธอผู้นั้นแนะนำตัว ดวงตาคู่สวยมองตามร่างสองร่างซึ่งกำลังนั่งลงอีกฝั่งโต๊ะทำงานเขม็ง
“ เรียกสั้น ๆ ว่าพรีมก็ได้ค่ะ คุณ...” ผู้ถูกแนะนำว่าเป็นน้องสาวพูดต่อ ผลคือมีเสียงกระแอมเบา ๆ ดังมาจากสตรีอีกคน รักษณาลีไม่นิยมการแสดงออกแบบสาวสมัยใหม่ของญาติผู้น้องนัก จึงต้องมีการปรามกันอยู่เสมอ
“ ยินดีที่ได้รู้จักครับ ผมชื่อเคน ส่วนนี่อาเจะ รุ่นน้องที่เรียนมาด้วยกันฮะ ” เขาตอบ พลางหลบสายตาที่มองมาอย่างค้นคว้า เชื่อว่าผู้จัดการสาวมิได้คิดจะจับผิด แต่ดวงตาสีนิลนั้นมีร่องรอยเชื่อมั่นจนเขาไม่อาจทนสบตาได้
“ ต้องขอบคุณคุณเคนมากนะคะที่ช่วยจัดการพลายชมพูจนอยู่หมัด ”
“ ครับ ” เขารับคำไม่เต็มเสียงนัก
“ คุณมาจากกรุงเทพฯหรือคะ ” บุษยมาสเป็นฝ่ายถาม
“ ใช่ครับ ผมเพิ่งจบปริญญาโทมา ก็เลยตะลอน ๆ เที่ยวและหางานทำไปพลาง ๆ ”
รักษณาลีนิ่ง ดวงตามองสบดวงตาสีเหล็กอย่างเปิดเผย พินิจบุรุษแปลกหน้าอย่างตั้งใจ เขาเป็นคนที่บุคลิกค้านกันอยู่ในที ไม่ว่าจะเป็นใบหน้าได้รูปอันประกอบด้วยเรียวปากและดวงตาซึ่งคล้ายผู้หญิง แต่กลับมีคิ้วหนาเป็นปื้นและจมูกโด่งเป็นสันโดดเด่น ร่างกายนั้นเล่าก็สูงโปร่งค่อนข้างบาง ทว่าเต็มไปด้วยมัดกล้ามอย่างคนที่ออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ
“ เรียนจบมาทางไหนคะ ” เธอถามต่อ แต่ยังไม่ทันที่ชายหนุ่มจะตอบ บุษยมาสก็พูดแทรกขึ้นเสียก่อน “ พรีมว่าน่าจะให้คุณเคนเข้ามาทำงานกับเรานะคะพี่จิงจิ้ง ผู้จัดการปางช้างก็ยังขาดอยู่อีกตำแหน่งไม่ใช่หรือคะ ”
รักษณาลีตวัดหางตามองญาติผู้น้องอย่างนึกหมั่นไส้ เธอค่อนข้างชื่นชมความสามารถของชายหนุ่มอยู่ไม่น้อย แต่ก็นึกขวางที่เห็นบุษยมาสแสดงท่าที เข้าข้าง กันมากเกินไป เพราะจะอย่างไรก็ดี เขานั้นยังถือว่าเป็นคนแปลกหน้าสำหรับทุกคน “ ไม่ยักรู้ว่าพรีมก็สนใจกิจการของปางพิงค์แก้วด้วย ”
ผู้ถูกค่อนขอดยักไหล่ แล้วหันไปยิ้มให้ณาเคน ก่อนจะสะบัดหน้ากลับมาเมื่ออาเจะยิ้มเผล่ส่งมาบ้าง “ แค่ดูแลสปาของตัวเองก็เหนื่อยจะแย่แล้วละค่ะ พรีมจะแยกร่างมาดูแลปางนี่ได้ยังไง ไม่เหมือนคนว่างงานเหมือนพี่จิงจิ้งนี่ อ้อ ! แต่เรื่องผู้จัดการปางช้างคนเก่ายักยอกเงินน่ะเป็นเรื่องใหญ่นะคะ พรีมเป็นหลานคุณปู่พรีมก็ต้องรู้เป็นธรรมดา ”
“ แล้วพรีมเอาอะไรมาวัดละจ๊ะ ว่าคุณเคนเขาเหมาะกับงานนี้ ” สาวผู้พี่หยั่งเชิงด้วยคำถามเรียบเรื่อย ไม่ใส่ใจน้ำเสียงกระแทกกระทั้นของอีกฝ่าย
“ ก็เขาเอาช้างตกมันอยู่ แค่นี้ก็เพียงพอแล้วล่ะค่ะ ”
เสียง หึ ดังมาจากลำคอรักษณาลีอย่างไม่ปกปิด “ เรื่องนี้ไม่ใช่การเล่นขายของนะจ๊ะ ปางพิงค์แก้วมีหุ้นส่วนหลายคน ...” เธอชะงักถ้อยคำ พลางปรายตามองชายหนุ่มทั้งสองก่อนพูดต่อ “ ถ้าคุณคิดว่าทำได้ ฉันจะลองเสนอประธานกรรมการของที่นี่ดูค่ะ ถือว่าตอบแทนที่คุณช่วยเราเอาไว้ในวันนี้ก็แล้วกัน ”
กระเป๋าถือสีดำราคาแพงถูกวางกระแทกลงพื้นดังกึก ! “ เรื่องนี้ พรีมจะขอกับคุณพ่อเอง ”
สิ้นคำของน้องสาว ร่างบางของรักษณาลีจึงเอนตัวพิงพนักเก้าอี้ด้วยความรู้สึกเหนื่อยหน่าย มือเรียวถูกยกขึ้นโบกเบา ๆ ขณะดวงตากลมโตเมินมองออกไปนอกกระจกหน้าต่าง “ ถ้าอย่างนั้นก็ตามใจเธอก็แล้วกัน พรีม ”
รอยยิ้มหมิ่น ๆ ผุดขึ้นเหนือมุมปากซึ่งเคลือบลิปสติกสีสดเอาไว้ การช่วยเหลือชายหนุ่มเข้ามาทำงานในครั้งนี้ย่อมทำให้เขากลายเป็นคนของเธอไปโดยปริยาย แม้จะมิได้สนใจกิจการของครอบครัวมากนัก แต่บุษยมาสรู้ดีว่า รายได้มหาศาลของปางพิงค์แก้ว ไม่ควรตกเป็นกรรมสิทธิ์ของคนชุบมือเปิบอย่างรักษณาลีเลย...แม้แต่น้อย
ผู้หญิงธรรมดา..แต่ใจมันด้านชาผู้ชาย
ภาพประจำตัวสมาชิก
น้ำฟ้า
นักเขียนแห่งปี
นักเขียนแห่งปี
 
โพสต์: 886
ลงทะเบียนเมื่อ: ศุกร์ 11 ก.ค. 2008 10:19 am


ย้อนกลับไปยัง นวนิยาย

ผู้ใช้งานขณะนี้

กำลังดูบอร์ดนี้: ไม่มีสมาชิก และ บุคคลทั่วไป 23 ท่าน

cron