นวนิยาย สืบลับลิขิตรัก น้ำฟ้า

นวนิยาย เรื่องยาว ต่างๆ

Re: นวนิยาย สืบลับลิขิตรัก น้ำฟ้า

โพสต์โดย น้ำฟ้า » ศุกร์ 08 มี.ค. 2013 7:12 am

ร่างผอมบางซึ่งนั่งอยู่บนรถเข็นเอี้ยวตัวกลับมามองเมื่อได้ยินเสียงเหยียบย่ำใบไม้ดังกรอบแกรบใกล้เข้ามา “อ้าวหนูน้ำ”

“เห็นใบตองบอกว่าคุณน้ามาอยู่ที่นี่ น้ำก็เลยตามมาน่ะค่ะ” น้ำบุศย์ตอบเมื่อเห็นสายตาแปลกใจของอีกฝ่ายก่อนจะหันไปยิ้มเก๋ไก๋ให้พยาบาลสาวพลางบอกว่า “คุณพยาบาลไปพักผ่อนเถอะค่ะ เดี๋ยวน้ำจะดูแลคุณน้าให้เอง”

“ไปอาบน้ำก่อนเถอะลลิล”คุณธันยาพรเอ่ยอนุญาต

พยาบาลสาวรับคำเบาๆแล้วเดินเลี่ยงออกไป

หลังจากนั้นน้ำบุศย์จึงเข็นรถเข็นของผู้สูงวัยไปยังใต้ต้นไทรแล้วนั่งลงบนม้านั่งซึ่งตั้งอยู่ใต้ร่มเงาไม้ใหญ่ ขณะที่คุณธันยาพรเองก็นั่งอยู่บนรถเข็นอย่างสงบ สายตาทอดมองดอกไม้สีสดก่อนจะถอนหายใจ “อยู่ที่นี่เหงาไหมลูก”

“ไม่หรอกค่ะคุณน้า ที่นี่มีอะไรให้ทำเยอะแยะ”คำตอบของหญิงสาวค้านกับความนึกคิดของตนเองโดยสิ้นเชิง

คุณธันยาพรพยักหน้า เอ่ยด้วยน้ำเสียงเศร้าสร้อย “จริงสิ ความรักทำให้คนเรามีความสุขได้เสมอ ถ้าเราได้อยู่กับคนที่เรารัก”

“ดูคุณน้าจะให้ความสำคัญกับความรักมากนะคะ”น้ำบุศย์พยายามชง เพื่อให้อีกฝ่ายค่อยๆขยายความออกมา

ผู้สูงวัยพยักหน้า “ใช่ น้าอยู่กับความรักและคำว่ารอมากกว่าครึ่งชีวิต”
“แล้วทุกวันนี้ล่ะคะ”นักสืบสาวพยายามตีกรอบให้แคบเข้ามาเรื่อยๆ

“ทุกวันนี้คง...ไม่รอแล้ว แต่...”ผู้เล่าหยุดกลืนน้ำลายลงคอไปอึกใหญ่ ซึ่งน้ำบุศย์รู้ดีว่าคุณธันยาพรกำลังพยายามกลืนความรู้สึกในใจลงไปด้วย “คนเราอาจจะหักใจได้ แต่มันก็ทำได้บ้างเท่านั้นแหละ ไม่ใช่ทั้งหมด”

“แสดงว่าคุณน้ายังรักเขาอยู่หรือคะ”น้ำบุศย์ขยับตัวเข้าไปใกล้อีกฝ่ายมากขึ้นและถามต่อเสียงอ่อน

คุณธันยาพรหลับตาลง ถอนหายใจเฮือกใหญ่แล้วจึงค่อยลืมตาขึ้นอีกครั้ง “สายสัมพันธ์นั้นไม่สามารถตัดได้ง่ายๆเหมือนตัดเชือกหรอกลูก”
“น้ำอยากฟังเรื่องความรักของคุณน้าจังเลยค่ะ”

รอยยิ้มเย็นปรากฏขึ้นบนใบหน้าของประมุขไร่เคียงดอย สายตาที่ทอดมองผู้อ่อนวัยกว่าก็ดูอ่อนโยนดุจเดียวกับน้ำเสียงตอบรับ “ได้สิ”

“ขอบคุณค่ะคุณน้า”หญิงสาวเอ่ยขอบคุณด้วยน้ำเสียงอันปกปิดความยินดีไว้ไม่มิด

เธอกำลังขยับเข้าไปใกล้คำว่า “ความสำเร็จ”เรื่อยๆแล้วใช่ไหม...
ลมหนาวพัดพาความเงียบงันให้ครอบคลุมอาณาบริเวณอยู่ชั่วขณะหนึ่ง ราวอึดใจผู้สูงวัยจึงเริ่มต้นเล่าเรื่องของตนเองด้วยน้ำเสียงอันกรุ่นไปด้วยความเศร้า

“น้ากับเขาพบรักกันตอนเรียนมหา’ลัย เราเรียนอยู่ต่างคณะแต่ด้วยความที่ชอบกิจกรรมเหมือนกันก็เลยทำให้เราสนิทสนมกันในที่สุด”

จบประโยคนั้นคุณธันยาพรจึงหันมายิ้มให้น้ำบุศย์ หากเป็นรอยยิ้มที่ช่างเศร้าหมองนัก หญิงสาวจึงเอื้อมมือไปกุมมือผอมบางนั้นเอาไว้แล้วยิ้มตอบ “ถึงความรักจะจากไปนานสักแค่ไหน แต่ความทรงจำจะคงอยู่กับเราไปจนตายค่ะคุณน้า แม้ในยามรักนั้นเราจะพบทั้งทุกข์และสุขมากมายแค่ไหน แต่สิ่งที่จะตกเป็นตะกอนในใจเราคือความสุข เพราะไม่มีใครอยากเก็บความทุกข์เอาไว้กับตัวหรอกค่ะ”

คนฟังเบือนหน้าหลบสายตาหญิงสาวรุ่นลูกไปอีกทาง ปล่อยให้ดวงตาบวมแดงปลดปล่อยน้ำตาออกมา ความทรงจำเก่าๆและบรรยากาศอันเงียบเหงาทำให้คุณธันยาพรไม่อาจหักห้ามความสะเทือนใจได้ ซึ่งน้ำบุศย์ก็เข้าใจดี เธอจึงไม่เร่งเร้า ปล่อยให้อีกฝ่ายจมอยู่กับความรู้สึก เนิ่นนานคุณธันยาพรจึงหันกลับมา “แต่บางทีเราก็เจ็บปวดเกินกว่าจะทนรับมันไหว”

“กาลเวลาอาจจะไม่สามารถลบริ้วรอยแผลใจได้ทั้งหมด แต่มันก็ทำให้แผลนั้นเจือจางลงได้ไม่ใช่หรือคะ”

“อาจจะใช่ แต่ก็ใช้ได้กับคนที่เดินทางไปข้างหน้าเท่านั้นแหละ สำหรับคนที่ย่ำอยู่กับที่แล้ว ทุกวันที่ผ่านไป ทุกอย่างยังเหมือนเดิม”

“สมัยนั้นคุณน้าเรียนที่ไหนคะ”น้ำบุศย์เริ่มตะล่อมถามอีกครั้ง เมื่อเห็นว่าบทสนทนาเริ่มห่างไกลออกไปจากเรื่องที่อยากรู้พอสมควรแล้ว

“น้าเรียนที่กรุงเทพฯจ้ะ”

“คุณน้าคนนั้นเป็นคนลำปางเหมือนกันหรือเปล่าคะ”

“บ้านเขาอยู่ต่างจังหวัดน่ะ ตอนเรียนเขาก็เลยต้องมาพักอยู่ใกล้มหา’ลัย...”เล่ามาถึงตรงนี้น้ำเสียงของคุณธันยาพรก็เริ่มสั่น และยิ่งดูเศร้าสร้อยเมื่อเอ่ยประโยคถัดไป “ตอนนั้นน้า ก็ เอ่อ พักอยู่กับเขา”

น้ำบุศย์กะพริบตาถี่ๆ นึกในใจว่าอย่างนี้นี่เองผู้สูงวัยจึงฝังใจนัก ด้วยความเป็นหญิงนั้นหากพลาดพลั้งตกเป็นของใครเราก็มักจะทึกทักเอาเองว่าเราเป็นของเขา โดยลืมเลือนไปว่าแท้จริงแล้วชีวิตยังเป็นของเราอยู่

“ทุกการตัดสินใจของเราสองคนเป็นเพราะความรักนะหนูน้ำ เราสัญญากันว่าจะแต่งงานกันให้ได้ แต่เขาฐานะ ไม่ดี เราจึงต้องช่วยกันเก็บเงินแต่งงาน” พูดจบคุณธันยาพรก็ก้มหน้าลงมองมือตนเอง แน่นอน น้ำบุศย์เชื่อว่านั่นคือวิธีการกลบเกลื่อนรอยน้ำตาไม่ให้เธอเห็น แต่ก่อนที่เรื่องราวในอดีตจะถูกขยายความมากไปกว่านั้น เสียงกระดิ่งเล็กๆก็ดังขึ้นพร้อมกับน้ำเสียงเล็กแหลมของสิตานัน “น้าพรมาอยู่นี่เอง สตางค์ตามหาแทบแย่เลย”

เด็กสาวเดินลิ่วๆเข้ามายืนแทรกกลางระหว่างน้าสาวและน้ำบุศย์ “พี่ลิขิตให้สตางค์มาตามน้าพรค่ะ บอกว่าอากาศเย็นมากแล้ว”

ผู้สูงวัยฝืนยิ้ม “ทำเหมือนน้าเป็นเด็กๆเลยนะ”

สิตานันหัวเราะเบาๆ “ก็น้าพรทำเพื่อพวกเรามามากแล้วนี่คะ เราก็ต้องดูแลน้าพรบ้าง กลับเข้าบ้านกันเถอะค่ะเดี๋ยวสตางค์เข็นรถให้เอง”

เมื่อผู้เป็นน้าพยักหน้า เด็กสาวจึงวางเจ้าปิงปองลงกับพื้นแล้วปรายตามองน้ำบุศย์หน่อยหนึ่ง ก่อนก้าวฉับๆไปยืนอยู่ด้านหลังรถเข็นและเข็นมันไปตามถนนลูกรังโดยไม่สนใจใครบางคนที่ยืนเคว้งอยู่เพียงลำพัง

หากคุณธันยาพรก็ยังใส่ใจหลานสาวคนใหม่จึงหันกลับมา
ตะโกนบอก “เดี๋ยวพบกันที่โต๊ะอาหารนะหนูน้ำ”
ผู้หญิงธรรมดา..แต่ใจมันด้านชาผู้ชาย
ภาพประจำตัวสมาชิก
น้ำฟ้า
นักเขียนแห่งปี
นักเขียนแห่งปี
 
โพสต์: 886
ลงทะเบียนเมื่อ: ศุกร์ 11 ก.ค. 2008 10:19 am

Re: นวนิยาย สืบลับลิขิตรัก น้ำฟ้า

โพสต์โดย น้ำฟ้า » จันทร์ 11 มี.ค. 2013 7:15 am

บทที่ ๘

หลังส่งผู้เป็นน้ายังห้องส่วนตัวแล้วสิตานันจึงขอตัวกลับไปอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าก่อนกลับมารับประทานอาหารมื้อเย็นร่วมกับทุกคนที่เรือนใหญ่อีกครั้ง หากระหว่างที่กำลังเดินไปบนถนนซึ่งขนาบไปด้วยไม้ดอกต้นสูงอยู่นั้นโทรศัพท์มือถือคู่ใจก็กรีดเสียงขึ้น


เมื่อเห็นชื่อเพื่อนรักปรากฏบนหน้าจอโทรศัพท์ มือเล็กๆขาวผ่องจึงรีบกดรับแล้วกรอกเสียงลงไปโดยไม่รีรอ “ว่าไงจ๊ะพลอย”


“พลอยมีเรื่องจะบอกสตางค์”ปลายสายตอบมาด้วยน้ำเสียงเรียบนิ่ง หากผู้ฟังก็ยังรับรู้ถึงความกังวลใจที่ซ่อนอยู่ลึกๆ


“อะไรเหรอ”สาวน้อยแห่งไร่เคียงดอยเริ่มระแวงเมื่อเห็นท่าทีของเพื่อน


แพรพลอยเงียบไปครู่ใหญ่จึงค่อยขยายความ “สตางค์ฟังพลอยนะ แล้วใจเย็นๆ”


“เรื่องเวฟใช่ไหม”สิตานันเดาแล้วจึงกลั้นใจรอฟังคำตอบ คณินหรือเวฟเป็นเพื่อนในกลุ่มที่ขยับมาเป็นคนรักของ สิตานันในช่วงหลังๆ และขณะนี้เด็กสาวกำลังระแวงว่าอีกฝ่ายเริ่มทำตัวห่างเหินและเย็นชา


“ใช่ เรื่องเวฟนั่นแหละ”


“พูดมาเถอะ”


“ตอนเย็นพลอยไปเดินห้างกับแม่แล้วเห็นเวฟควงเด็กรุ่นน้องที่เพิ่งย้ายมาใหม่เดิน แหม...จูงมือกันกระหนุงกระหนิงเชียว”


หัวใจดวงน้อยหล่นวูบ แม้ว่าสิตานันจะค่อนข้างมั่นใจอยู่ก่อนหน้านี้แล้วก็ตามว่าคณินไม่เหมือนเดิม ทว่าพอมารับรู้ความจริง เธอกลับรับไม่ได้ มันสั่นสะเทือนไปทั้งหัวใจ เออหนอใจคน ทั้งที่เตรียมตัวรับมือไว้แล้วแท้ๆ


“ขะ...เขา...ไม่ได้เป็นญาติกันแน่นะพลอย” คำถามโง่ๆนั้นเป็นเพียงความหวังน้อยนิด นิดเดียวจริงๆ


“บ้า ไม่มีทางเป็นไปได้หรอก พี่ชายอะไรแทบจะกลืนกินน้องสาวแบบนั้นล่ะ”แพรพลอยตอบด้วยน้ำเสียงฉุนๆ เธอรู้สึกโกรธแทนเพื่อนเสียเหลือเกิน


“จริงเหรอพลอย”สิตานันกัดฟันถามออกไปอีกครั้งด้วยความรู้สึกแห้งโหย แข้งขาที่กำลังเดินอยู่ไร้เรี่ยวแรงขึ้นมาโดยฉับพลัน “ถ้างั้นที่สตางค์เห็นในโรงเรียนก็ไม่ใช่เรื่องเข้าใจผิดน่ะสิ”


“จริง พลอยไม่อยากให้สตางค์ต้องมากลายเป็นคนโง่ให้ผู้ชายหลอกก็เลยรีบโทร.มาบอก แล้วนี่ไม่ใช่ครั้งแรกนะที่มีคนเห็นแบบนี้ ยายกบยังบอกพลอยเลยว่าเคยเห็นสองคนนั่นไปนั่งกอดกันในสวนสาธารณะ แต่พลอยจะรอให้มั่นใจก่อนค่อยมาบอกสตางค์”น้ำเสียงที่ย้ำชัดของแพรพลอยไม่ต่างอะไรกับคมมีดที่กรีดลงในใจของคนฟัง สิตานันจึงละล่ำละลักเอ่ยออกไปด้วยใจที่บอบช้ำ “ขอบใจพลอยมาก แค่นี้ก่อนนะ”


กดวางสายแล้ว น้ำตาซึ่งถูกกักกันเอาไว้เนิ่นนานจึงพร่างพรู เด็กสาวพยายามรวบรวมเรี่ยวแรงทั้งหมดที่มีวิ่งเข้าบ้านและปรี่เข้าไปขังตนเองในห้องส่วนตัว เพื่อให้น้ำตาได้ปลอบประโลมหัวใจอันบอบช้ำระบม

รักครั้งแรกที่เคยมั่นใจกลับพังครืนลงอย่างไม่เป็นท่า “ไม่น่าเชื่อเลยว่าเวฟจะทรยศสตางค์ได้ลงคอ”
ผู้หญิงธรรมดา..แต่ใจมันด้านชาผู้ชาย
ภาพประจำตัวสมาชิก
น้ำฟ้า
นักเขียนแห่งปี
นักเขียนแห่งปี
 
โพสต์: 886
ลงทะเบียนเมื่อ: ศุกร์ 11 ก.ค. 2008 10:19 am

Re: นวนิยาย สืบลับลิขิตรัก น้ำฟ้า

โพสต์โดย น้ำฟ้า » จันทร์ 11 มี.ค. 2013 7:16 am

“ทำไมยายสตางค์ไม่มาสักทีเจ้ารุต หรือว่ารอมาพร้อมตาลิขิต”คุณธันยาพรเอ่ยถาม หลังจากนั่งรอหลานสาวอยู่ที่โต๊ะอาหารร่วมกับวิศรุตและน้ำบุศย์เนิ่นนานแล้ว

“ไม่น่าจะใช่นะครับน้าพร เพราะวันนี้พี่ลิขิตออกไปธุระข้างนอกยังไม่กลับมาเลย” วิศรุตตอบพลางหลบสายตาผู้เป็นน้าจนอีกฝ่ายจับพิรุธได้

“ไปกับยายมีมี่ดี๊ด๊านั่นอีกล่ะสิ”คุณธันยาพรโพล่งขึ้นเสียงขุ่น แล้วจึงชะงักเมื่อนึกขึ้นว่ามิได้อยู่ตามลำพังกับหลานชาย และที่สำคัญคนที่นั่งฟังตาแป๋วอยู่นั้นคือว่าที่คู่หมั้นของเหนือลิขิต ผู้สูงวัยจึงแก้ตัว “ไม่มีอะไรหรอกหนูน้ำ แม่มีมี่อะไรนั่นน่ะเป็นเพื่อนเก่าของตาลิขิตเค้า”

น้ำบุศย์ยิ้ม นึกในใจว่าเธอไม่ได้รู้สึกอะไรสักหน่อย ก็แค่คนรักเก๊ๆคนหนึ่งจะให้รู้สึกรู้สมอะไรนักหนา ทว่าปากก็ต้องรับสมอ้าง “ไม่เป็นไรหรอกค่ะ น้ำเชื่อใจลิขิตอยู่แล้ว”

“โถ แม่คุณ ช่างน่ารักเหลือเกิน”ผู้สูงวัยเอ่ยชม

“เดี๋ยวผมไปตามสตางค์ก่อนดีกว่าครับ เลยเวลาอาหารเย็นมานานแล้ว”วิศรุตเอ่ยพลางลุกขึ้นยืน แต่น้ำบุศย์กลับอาสา “ให้น้ำไปเองดีกว่าค่ะ”

“จะดีหรือครับ”ชายหนุ่มถามย้ำเพราะเห็นอยู่แล้วว่าน้องสาวของตนนั้นตั้งป้อมไม่ชอบขี้หน้าว่าที่พี่สะใภ้คนนี้เพียงไร

แต่น้ำบุศย์กลับยิ้ม “ดีสิคะ ยังไงน้องสตางค์ก็ถือเป็นน้องสาวของน้ำคนหนึ่งเหมือนกัน”

“ให้หนูน้ำไปตามเถอะ น้ามีเรื่องอยากจะคุยกับรุตต่อเรื่องพี่ชายของเราน่ะ”ประมุขไร่เคียงดอยประกาศิต วิศรุตจึงรับคำแล้วนั่งลง ส่วนน้ำบุศย์นั้นก็รีบก้าวออกไปจากห้อง ในใจคิดเพียงว่า หากสานสัมพันธ์กับสิตานันได้ อย่างน้อยๆเธอก็จะมีพรรคพวกที่จะช่วยสืบเพิ่มขึ้นอีกคนหนึ่ง

ระยะทางจากบ้านใหญ่และบ้านของสามพี่น้องไม่ไกลเกินไปนัก ครู่เดียวหญิงสาวจึงไปถึงยังจุดหมาย ซึ่งมีใบตองกำลังถูบ้านไปพลางร้องเพลงไปพลาง

“คุณสตางค์ล่ะใบตอง”

เด็กสาวเงยหน้าขึ้นมองผู้มาใหม่ แววตาครุ่นคิด “เอ เมื่อกี้ใบตองเห็นแวบๆนะคะว่าคุณสตางค์วิ่งเข้าไปในห้องแต่ไม่แน่ใจว่าออกไปหรือยัง ที่บ้านใหญ่ไม่มีหรือคะ”

“ฉันเพิ่งมาจากบ้านใหญ่ จะมาตามคุณสตางค์ไปทานข้าวเย็น”น้ำบุศย์ตอบ สายตาจับจ้องไปที่บันไดสีเงินคดโค้งสู่ชั้นสองอันเป็นห้องนอนของผู้ที่ตนมาตามหา

“งั้นเดี๋ยวใบตองขึ้นไปตามที่ห้องให้ค่ะ”สาวน้อยอาสาก่อนวางเครื่องมือทำความสะอาดบ้านไว้ในถังใบใหญ่ แล้วจึงเดินแกมวิ่งขึ้นบันไดอย่างเร็วรี่

ระหว่างนั้นน้ำบุศย์ได้ยินเสียงเรียกสิตานันดังแว่วๆอยู่ครู่หนึ่ง ใบตองจึงกระหืดกระหอบลงบันไดมา “คุณสตางค์น่าจะอยู่ในห้องนอนค่ะ แต่ไม่ยอมออกมา”

“อ้าว ไม่สบายหรือเปล่าล่ะใบตอง” น้ำบุศย์ย้อนถามอย่างแปลกใจ

เด็กสาวสั่นหน้า “ไม่ทราบค่ะ แต่เคาะเท่าไหร่ก็ไม่ยอมเปิดประตู”
นักสืบสาวข
ยับคิ้วเข้าหากัน ตรึกตรองอยู่พักใหญ่จึงสั่ง “ไปเอากุญแจมาเปิดเถอะ ถ้าน้องสตางค์ไม่สบายเราจะได้หาหยูกยามาให้ทันท่วงที”

“แต่...”ใบตองมีท่าทีอิดออดเพราะรู้ถึงฤทธิ์เดชเจ้านายคนเล็กดีว่าเอาแต่ใจแค่ไหน หากเธอไม่เปิดประตูแสดงว่าต้องการอยู่คนเดียว และหากใครไปยุ่มย่ามก็อาจจะถูกวีนใส่หน้าเอาได้ง่ายๆ

หากน้ำบุศย์ก็ยังยืนกรานเสียงแข็ง “ทำตามที่ฉันบอก มีอะไรฉันจะรับผิดชอบเอง”

“ค่ะ”สาวน้อยรับคำแล้ววิ่งปรู๊ดจากไป ไม่เกิน 5 นาทีจึงกลับมาพร้อมลูกกุญแจพวงใหญ่

“ไปสิ”น้ำบุศย์บุ้ยใบ้ไปที่ชั้นสอง จากนั้นจึงเดินตามเด็กสาวไปก่อน และเมื่อมาถึงหน้าประตูไม้แกะสลักลายไทยอ่อนช้อยหญิงสาวจึงชี้ไปที่ประตู

“ค่ะ”ใบตองรับคำอีกครั้งจากนั้นจึงใช้กุญแจไขประตูห้อ

เสียงกริ๊กดังขึ้น น้ำบุศย์เปิดประตูเข้าไปด้านใน โดยมีเด็กสาวยืนรออยู่ข้างนอก เนื่องจากกลัวว่าตนเองจะถูกคาดโทษจากเจ้านายคนเล็กของบ้าน

นักสืบสาวปรับสายตาภายใต้ความสลัวอยู่ชั่วครู่จึงกดสวิตซ์ไฟฟ้าซึ่งอยู่ด้านข้างประตูห้อง

พรึบ !...แสงไฟสว่างจ้าขึ้น

น้ำบุศย์ใช้สายตากวาดมองไปรอบๆห้อง และพบว่าห้องทั้งห้องว่างเปล่า เธอจึงหมุนตัวกลับ

แกรก...

เสียงที่ดังขึ้นในห้องน้ำทำให้หญิงสาวต้องชะงักเท้า เดินลิ่วไปยังต้นตอของเสียง แล้วเปิดประตูผัวะ
ผู้หญิงธรรมดา..แต่ใจมันด้านชาผู้ชาย
ภาพประจำตัวสมาชิก
น้ำฟ้า
นักเขียนแห่งปี
นักเขียนแห่งปี
 
โพสต์: 886
ลงทะเบียนเมื่อ: ศุกร์ 11 ก.ค. 2008 10:19 am

Re: นวนิยาย สืบลับลิขิตรัก น้ำฟ้า

โพสต์โดย น้ำฟ้า » จันทร์ 11 มี.ค. 2013 7:16 am

“น้องสตางค์ !”

ร่างบอบบางในชุดนักเรียนซึ่งนั่งขดตัวข้างชักโครกทำให้น้ำบุศย์ใจหายวาบ

กลิ่นคาวเลือดคละคลุ้ง มองเห็นใบหน้าของเด็กสาวเจิ่งนองไปด้วยหยาดน้ำตา สิตานันนั่งชันเข่าหลังพิงผนังห้องน้ำอยู่ด้วยเนื้อตัวที่เปียกมะลอกมะแลก แขนซ้ายซึ่งวางเกยบนชักโครกมีเลือดไหลซึมออกมาบริเวณข้อมือ

“...”น้ำบุศย์นิ่งอึ้ง เธอทั้งตกใจและนึกโมโหต่อพฤติกรรมสิ้นคิดของสาวน้อย แต่เธอก็ทำได้เพียงโผเข้าไปจับมือขาวซีดนั้นไว้ บีบเบาๆ “ออกไปข้างนอกเถอะค่ะ เดี๋ยวพี่จะทำแผลให้”

สิตานันสะบัดมือแรงๆลุกพรวดขึ้น ถอยหลังหนีออกจากการเกาะกุม “ไม่ ออกไปให้พ้น อย่ามายุ่งกับฉัน”

น้ำบุศย์นิ่วหน้า พยายามเอาน้ำเย็นเข้าลูบ “มีอะไรค่อยๆพูดค่อยๆจากันนะคะ ตอนนี้น้องสตางค์ต้องทำแผลก่อน ดูสิเลือดไหลไม่หยุดเลย”

เด็กสาวยังคงสั่นหน้าดิก ใช้แขนขวาที่ไม่บาดเจ็บชี้ไปที่ประตู “ออกไปซะ ฉันไม่ต้องการความช่วยเหลือจากคนแปลกหน้าอย่างเธอ”

น้ำบุศย์ส่ายหน้าบ้าง จ้องตาเรียวคมนั้นอย่างไม่พรั่นพรึง “พี่เคยเป็นวัยรุ่นมาก่อน ผู้หญิงที่กรีดข้อมือตัวเองมีอยู่เพียงเรื่องเดียว คือ ความรัก” ประโยคท้ายหญิงสาวทอดเสียงอ่อนลง ก่อนพูดต่อ “แต่อย่าลืมนะ ว่าต่อให้น้องสตางค์ตายอยู่ตรงหน้าก็ไม่มีอะไรดีขึ้น”

หยดน้ำตาของผู้ฟังเริ่มรินไหล คล้ายคำพูดของอีกฝ่ายได้สะกิดรอยแผลช้ำๆ ปากก็เถียงออกมาด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ “ไม่จริง เขาเคยเป็นห่วงฉันที่สุด”

“ค่ะ อาจจะใช่ แต่ตอนนี้น้องสตางค์วู่วามเกินไปนะ รู้ไหม”น้ำบุศย์ขยับเข้าไปหาหญิงสาวรุ่นน้อง พลางจับแขนขวาของเธอเอาไว้หลวมๆ “ไม่ว่าเวลานี้ ผู้ชายคนนั้นจะห่วงเราหรือไม่ แต่เมื่อน้องสตางค์ทำร้ายตัวเองแบบนี้ คนที่ ทุกข์ทรมานใจมากที่สุดก็คือคนในครอบครัวนะ”

สาวน้อยหลับตาลงให้หยดน้ำตารินไหล ร้องไห้โฮออกมาอย่างสุดที่จะกลั้น น้ำบุศย์จึงโผเข้าไปโอบกอดร่างอันเปียกชื้นนั้นไว้กับอกแล้วลูบหลังปลอบประโลม บางทีเธอก็รู้สึกหงุดหงิดกับความเอาแต่ใจของเด็กสาวคนนี้ แต่ท่ามกลางสถานการณ์เลวร้ายตรงหน้าเธอก็ไม่สามารถทอดทิ้งให้สิตานันจมอยู่กับกองทุกข์และการทำร้ายตัวเองตามลำพังได้

“ร้องเถอะค่ะ ร้องเสียให้พอ”

เมื่อได้ฟังถ้อยคำ ร่างในอ้อมแขนจึงสะอื้นฮักจนตัวโยนแล้วกลับแน่นิ่งไปเสียดื้อๆ น้ำบุศย์หันรีหันขวาง ชะโงกหน้าออกไปตะโกนเรียกคนที่อยู่หน้าห้อง “ใบตองๆเข้ามาช่วยฉันในห้องน้ำหน่อย”

ทุกอย่างดำเนินไปด้วยความรวดเร็ว สองสาวพาร่างอันไร้สติของสิตานันขึ้นไปนอนบนเตียง แล้วน้ำบุศย์จึงเปลี่ยนเสื้อผ้าและทำแผลให้เด็กสาวอย่างทุลักทุเล หลังเหตุการณ์เข้าสู่ปกติแล้วเธอก็นึกขึ้นได้ว่ามีใครรออยู่ จึงหันไปสั่งใบตอง “ใบตองไปบอกคุณน้าว่าไม่ต้องรอฉันกับคุณสตางค์หรอก แล้วช่วยจัดอาหารมาที่นี่ 2 ชุดด้วยนะ”
ผู้หญิงธรรมดา..แต่ใจมันด้านชาผู้ชาย
ภาพประจำตัวสมาชิก
น้ำฟ้า
นักเขียนแห่งปี
นักเขียนแห่งปี
 
โพสต์: 886
ลงทะเบียนเมื่อ: ศุกร์ 11 ก.ค. 2008 10:19 am

Re: นวนิยาย สืบลับลิขิตรัก น้ำฟ้า

โพสต์โดย น้ำฟ้า » จันทร์ 11 มี.ค. 2013 7:16 am

บ้านช่องอันเงียบเชียบทำให้ผู้ที่เพิ่งก้าวผ่านกรอบประตูเข้ามาในบ้านเข้าใจว่าน้องๆของเขาคงยังไม่กลับจากเรือนใหญ่ ชายหนุ่มจึงเดินลิ่วๆขึ้นบันไดเพื่อไปยังห้องส่วนตัว

“ไม่กินไม่ได้นะคะน้องสตางค์ ถ้าไม่หิวข้าวก็ต้องดื่มนม เลือกเอา เพิ่งฟื้นจากเป็นลมแบบนี้ต้องบำรุงเยอะๆ“เสียงของใครคนหนึ่งดังแว่วมา เขาจึงหยุดฟังด้วยความแปลกใจ ว่าเหตุใดยายนักสืบตัวแสบจึงมาที่บ้านนี้และที่สำคัญอยู่ในห้องนอนน้องสาวจอมเฮี้ยวของเขาได้

“ฉันไม่กิน บอกแล้วไงว่าไม่กิน”เสียงสิตานันแหวขึ้นมาด้วยอารมณ์ฉุนเฉียว

“โอเค ถ้าอย่างนั้นใบตองไปเตรียมนมมาให้คุณสตางค์แก้วนึง ไม่กินอะไรเลยเดี๋ยวจะหิวตอนดึกๆ”สาวคนเดิมยังคงเจ้ากี้เจ้าการ

เหนือลิขิตลอบยิ้ม ที่ผ่านมาทุกคนในบ้านไม่เคยมีใครกล้าขัดใจน้องสาวคนนี้มาก่อนเลย เนื่องจากเห็นว่าสิตานันต้องสูญเสียบิดา-มารดาไปตั้งแต่เพิ่งจำความได้ ทุกคนจึงพร้อมใจกันโอ๋เธอเพื่อชดเชยความอบอุ่นที่เด็กสาวขาดไป ทว่าในวันนี้กลับมีคนมาบังคับน้องสาวของเขาอยู่แจ้วๆจะไม่ให้นึกขำได้อย่างไรล่ะ

จะรอดูซิ...ว่าระหว่างสองสาวจะเป็นอย่างไรต่อไป
แต่ก่อนเสียงการสนทนาจะดังลอดออกมาอีก ประตูห้องก็เปิดออกพร้อมกับที่ใบตองเดินตัวลีบออกมาตามคำสั่งของคนข้างใน เหนือลิขิตรีบยกนิ้วชี้ขึ้นแตะริมฝีปากเป็นสัญญาณให้เงียบ เด็กสาวจึงก้มศีรษะเดินผ่านไปเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น

ครู่ใหญ่เสียงของน้ำบุศย์จึงดังขึ้นอีกครั้ง “เอาล่ะ ใบตองออกไปแล้วเรามาพูดแบบเปิดใจกันเลยก็แล้วกัน”

“ฉันไม่มีอะไรจะพูดกับเธอ อย่ามาจุ้นจ้านกับฉัน ดูแลคนของตัวเองให้ดีก่อนเถอะ รู้ไหมว่าพี่ลิขิตน่ะเขาไม่ได้มีเธอคนเดียว”สิตานันขึ้นเสียงด้วยหวังว่าความจริงที่อีกฝ่ายได้รับรู้จะทำให้เจ้าตัวหยุดชะงัก แต่กลับไม่ใช่ เพราะน้ำบุศย์ได้ฟังแล้วจึงยิ้มมุมปาก “แล้วยังไงคะ นั่นมันชีวิตของเขา ตราบใดที่เรายังไม่แต่งงานกันเขาก็ยังมีสิทธิเลือก เหมือนที่เราเองก็มี”

“แสดงว่าเธอไม่ได้รักพี่ชายฉันจริงน่ะสิ”สาวน้อยตีขลุม

“ไม่ว่าพี่จะรักหรือไม่รัก ถ้าเขาไม่ซื่อสัตย์เราจะทำยังไงได้ล่ะคะ ก็ต้องปล่อยไปเพราะเราคงไม่สามารถไปปลูกฝังจิตสำนึกให้ใครได้ ทำได้อย่างเดียวคือมองดูและรับรู้ว่าควรจะเดินหน้าหรือถอยหลัง”

“เธอมันประสาท”

จบประโยคของน้องสาว เหนือลิขิตก็ได้ยินเสียงหัวเราะจากน้ำบุศย์ ก่อนเธอจะพูดต่อ “เขาเรียกว่ารักอย่างใช้สมองต่างหากล่ะคะ”

“เธอกำลังด่าว่าฉันงี่เง่าไม่มีสมองใช่ไหม” น้ำเสียงของสิตานันเกรี้ยวกราดขึ้นมาทันใด

หากอีกฝ่ายยังคงพูดเสียงหนักแต่อ่อนโยนอยู่ในที “พี่กำลังจะบอกน้องสตางค์ว่าผู้ชายแบบนั้นไม่มีค่าพอให้เราสนใจต่างหากล่ะคะ เราต้องใช้สติใคร่ครวญให้ดี ว่าในเมื่อวันนี้เขาทำร้ายจิตใจเราได้ หากเรายึดยื้อเอาไว้ สักวันหนึ่งก็ต้องเกิดเหตุการณ์ซ้ำเดิมอีก เพราะว่าใจเขาไม่มั่นคง ระหว่างเจ็บแล้วจบกับเจ็บแบบเรื้อรังน้องสตางค์ต้องการแบบไหน”

“แต่ว่า...ฉัน” สิตานันเริ่มอึกอัก

น้ำบุศย์ได้ทีจึงพูดต่อเสียงดังฟังชัด “เส้นทางความรักของน้องสตางค์ยังมีอีกยาวไกล วันนี้เรายังอยู่ในวัยเรียนซึ่งเป็นช่วงเวลาฝึกหัดการใช้ชีวิตแบบผู้ใหญ่ ถ้าไม่ฝึกหัวใจให้เข้มแข็งตั้งแต่ต้น ต่อไปเราก็จะกลายเป็นคนอ่อนแอเอาแต่ทำร้ายตัวเอง พี่ขอถามสักคำว่าเราเจ็บแล้วเขาหันกลับมามองไหม”

“แล้วสตางค์ควรทำยังไง”สิตานันเปลี่ยนสรรพนามแทนตัวและน้ำเสียงอ่อนลงอย่างเห็นได้ชัด

เหนือลิขิตยิ้มให้กับการเปลี่ยนแปลงของน้องสาวตน แต่แล้วกลับต้องหุบฉับทันควันเมื่อได้ยินประโยคถัดไป“สตางค์จะไม่ทำร้ายตัวเองอีก”
ชายหนุ่มไม่ทันได้ยินว่าน้ำบุศย์ตอบว่าอย่างไรเพราะเขารีบเปิดประตูผัวะเข้าไปด้านในเสียก่อน “เกิดอะไรขึ้นสตางค์”

ภาพน้องสาวซึ่งนอนหน้าซีดอยู่บนเตียงทำให้เขาใจหายวาบ สิตานันหน้าเสียรีบซุกแขนเข้าไปในผ้าห่มทันควันน้ำบุศย์เห็นท่าไม่ดีจึงขยับเข้าไปใกล้เด็กสาวและวางมือลงบนไหล่บาง ก้มลงกระซิบบอก “ไม่เป็นไร เดี๋ยวพี่จะอธิบายแทนเอง น้องสตางค์พักผ่อนเถอะ แต่ก่อนนอนต้องดื่มนมด้วยนะ”

ชายหนุ่มเห็นน้องสาวของเขาพยักหน้าหงึกหงัก จากนั้นน้ำบุศย์จึงเงยหน้าขึ้นมาประสานสายตาเขา “ส่วนคุณเดี๋ยวไปคุยกันต่อที่ห้องนั่งเล่นก็แล้วกันค่ะ”
ผู้หญิงธรรมดา..แต่ใจมันด้านชาผู้ชาย
ภาพประจำตัวสมาชิก
น้ำฟ้า
นักเขียนแห่งปี
นักเขียนแห่งปี
 
โพสต์: 886
ลงทะเบียนเมื่อ: ศุกร์ 11 ก.ค. 2008 10:19 am

Re: นวนิยาย สืบลับลิขิตรัก น้ำฟ้า

โพสต์โดย น้ำฟ้า » จันทร์ 11 มี.ค. 2013 7:17 am

“ทำไมผมไม่ระแคะระคายเลยว่าสตางค์ริอ่านคบผู้ชาย”เหนือลิขิตเอ่ยเสียงเครียดหลังได้รับรู้เรื่องราวทั้งหมดจากนักสืบสาว

“ทำไมคุณต้องแปลกใจที่น้องสตางค์มีความรักด้วยล่ะ น้องสาวคุณอยู่ม.ปลายแล้วนะ มันก็ต้องมีเรื่องแบบนี้เข้ามาบ้าง ทีตัวคุณยังมีเลย”น้ำบุศย์ต่อคำอย่างยียวน แล้วยืดตัวจากการยืนพิงผนังเดินลิ่วๆเข้าไปนั่งลงตรงข้ามชายหนุ่ม

เหนือลิขิตมุ่นคิ้ว “ผมกำลังเครียดนะคุณ น้องสาวผมกรีดข้อมือตัวเองคุณก็เห็นนี่”

น้ำบุศย์พยักหน้า “ใช่ เห็น แต่น้ำก็ยังคิดว่ามันเรื่องธรรมดาของมนุษย์ที่ต้องมีความรัก สิ่งที่คุณควรสนใจคือ ทำยังไงให้น้องของตัวเองเข้าใจโลกและเลิกอ่อนแอจะดีกว่านะ”

“ผมต้องการรู้ว่าเด็กผู้ชายที่ทำให้สตางค์เป็นแบบนี้ มันเป็นใคร”

นักสืบสาวยิ้ม “นั่นเป็นงานอีกชิ้นหนึ่งของฉันหรือเปล่า”

ชายหนุ่มพยักหน้าตอบด้วยน้ำเสียงจริงจัง “ได้ งานนี้ผมจะจ่ายค่าจ้างให้คุณต่างหาก”

น้ำบุศย์ยักไหล่เอนหลังพิงผนักก่อนตอบ “เรื่องกล้วยๆแค่นี้จะไปยากอะไร แค่ใครคบกับใครพยานมีเยอะแยะทำไมคุณไม่ถามจากน้องสตางค์เองล่ะ

“ผมเป็นผู้ชายนะ อีกอย่างเราไม่เคยคุยกันเรื่องแบบนี้ คุณนั่นแหละเหมาะสมที่สุดเพราะสตางค์เขาไว้ใจคุณแล้ว”

“ไว้ใจฉัน ตอนไหน”หญิงสาวยกมือขึ้น ใช้นิ้วโป้งชี้มาหาตนเองขณะถาม

“เอาน่า ผมดูออก แต่ตอนนี้คุณกลับไปพักผ่อนเถอะ”เขาตัดบทเพราะขี้เกียจอธิบายยืดยาว

น้ำบุศย์จึงลุกขึ้นยืน แต่ก่อนที่หญิงสาวจะเดินออกไปจากห้องเธอก็ทิ้งท้าย “ฉันรู้ว่าคุณห่วงน้อง แต่คุณก็ต้องเข้าใจธรรมชาติของวัยรุ่นบ้าง ฉันจะช่วยสืบว่าใครที่ทำให้น้องสตางค์เสียใจ แต่เพื่อให้คุณมีข้อมูลในการดูแลน้องเท่านั้นนะ ไม่ใช่ให้ไปจุ้นจ้านอะไรกับเรื่องของเด็กๆ”

เหนือลิขิตหัวเราะหึๆ มองตามร่างระหงพลางส่ายหน้า “ไม่รู้เป็นนักสืบหรือนักเทศน์กันแน่ผู้หญิงคนนี้”
ผู้หญิงธรรมดา..แต่ใจมันด้านชาผู้ชาย
ภาพประจำตัวสมาชิก
น้ำฟ้า
นักเขียนแห่งปี
นักเขียนแห่งปี
 
โพสต์: 886
ลงทะเบียนเมื่อ: ศุกร์ 11 ก.ค. 2008 10:19 am

ย้อนกลับต่อไป

ย้อนกลับไปยัง นวนิยาย

ผู้ใช้งานขณะนี้

กำลังดูบอร์ดนี้: ไม่มีสมาชิก และ บุคคลทั่วไป 20 ท่าน

cron