- อสงไขย.jpg (150.33 KiB) เปิดดู 8635 ครั้ง
ทันทีที่ร่างระหงก้าวผ่านกรอบประตูห้องอาหารเข้าไป ชายหนุ่มเจ้าของบ้านก็รีบกุลีกุจอลุกขึ้นต้อนรับ “เชิญครับคุณเอื้อง”
“ขอบคุณค่ะ”หล่อนเอ่ยขอบคุณเขาเมื่อเห็นชยานนท์เลื่อนเก้าอี้ให้ จากนั้นจึงนั่งลงอย่างระมัดระวังกิริยา
“ขอบคุณนะครับที่มาตามคำเชิญของผม”เขาเอ่ยขึ้นหลังจากนั่งลงบนเก้าอี้ตัวเดิมเรียบร้อยแล้ว
ว่าแล้วไหมล่ะ นาถนรีลืมปฏิเสธเขาแทนหล่อนจริงๆ
หญิงสาวยิ้มเจื่อนๆนึกละอายใจอยู่ไม่น้อย เมื่อรู้ว่าเขา
รอหล่อนจนเกือบทุ่ม แต่เมื่อมาถึงขั้นนี้แล้วก็คงต้องเลยตามเลยแล้วล่ะ “ต้องขอโทษที่ช้าด้วยค่ะ พอดีเอื้องติดธุระนิดหน่อย”
“ไม่เป็นครับ แค่คุณเอื้องมาผมก็ดีใจแล้ว ทานข้าวกันเลยดีกว่าครับ”เขารวบรัดด้วยสีหน้าอารมณ์ดีก่อนหันหลังกลับไปสั่งนวล “ตักข้าวได้แล้ว”
“เอ่อ คุณชยานนท์คะ วันนี้เอื้องไม่ค่อยสบายน่ะค่ะ ไม่ค่อยหิว”
คิ้วเข้มขยับเข้าหากันจนชิด ดวงตาคมกริบมองหล่อนด้วยสายตาห่วงใย “เป็นอะไรไปครับ ไปหาหมอก่อนดีไหม”
“ไม่ได้เป็นอะไรมากหรอกค่ะ แค่ปวดหัวนิดหน่อย”เอื้องลดารีบแก้ตัวก่อนเรื่องราวจะลุกลามใหญ่โต พร้อมหลุบตาลงต่ำเพื่อหลบสายตาอาทรของเขา
“ถ้างั้นเดี๋ยวผมให้แม่ครัวทำข้าวต้มให้ทานดีกว่านะครับ”
หญิงสาวส่ายหน้า “อย่าลำบากเลยค่ะ ถ้าคุณชยานนท์จะกรุณาเอื้องขอเป็นผลไม้ดีกว่า เพิ่งทานขนมมาก่อนหน้านี้ด้วยน่ะค่ะ ตอนนี้เลยตื้อๆ”
เขายิ้มน้อยๆก่อนหันไปทางนวลที่รอรับใช้อยู่ไม่ไกล “นวลไปหาผลไม้มาให้คุณเอื้องนะ แล้วก็ขอน้ำส้มอีกแก้วนึงด้วย”
นวลรับคำก่อนเดินเร็วๆออกจากห้องไป ชั่วอึดใจชยานนท์จึงเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงที่ไม่ดังมากนัก “ที่ผมเชิญคุณเอื้องมาทานข้าวเย็นด้วยกันเพราะเหตุผล 2 ประการนะครับ หนึ่งอยากทำความรู้จัก สองผมมีธุระจะคุยด้วย”
ดาราสาวเงยหน้าขึ้นมองเขาตรงๆด้วยท่าทีสงสัยอย่างหนัก “คุยเรื่องอะไรคะ”
“เรื่องเมื่อกลางวันครับ ที่คุณเอื้องมองเห็นเด็กผู้หญิงผิวขาว ตัวเล็กๆหน้าแป้นๆเกล้าผมมวย สวมชุดเสื้อผ้าฝ้ายและนุ่งผ้าซิ่นพื้นเมือง”
เอื้องลดามีท่าทางเกือบจะเรียกได้ว่าอ้าปากค้าง นึกแปลกใจที่เขาบอกลักษณะของเด็กน้อยได้แม่นยำนัก“ทำไมคุณถึงรู้...”
ชยานนท์หัวเราะในลำคอเบาๆ “ผมเองก็เคยเห็นหมากคำเหมือนคุณนั่นแหละ”
“หมากคำ”หญิงสาวทวนคำ
“ครับ เด็กคนนั้นชื่อหมากคำ”
โทรศัพท์มือถือของชยานนท์แผดเสียงขึ้น ชายหนุ่มจึงเอ่ยคำขอโทษแล้วลุกขึ้นเลี่ยงไปยืนคุยอยู่มุมหนึ่งของห้อง พร้อมๆกับที่นวลนำผลไม้มาเสิร์ฟพอดี เอื้องลดาจึงให้ความสนใจกับผลไม้ตรงหน้ามากกว่าบุรุษที่กำลังกรอกเสียงทักทายบุคคลในโทรศัพท์ “สวัสดีครับลิลลี่”
“วันนี้พี่นนท์ไม่มาที่ผับเหรอคะ ลิลลี่มารอตั้งนานแล้ว พอไปถามผู้จัดการก็บอกว่าวันนี้พี่นนท์จะไม่เข้ามา”น้ำเสียงบอกเล่ายังคงเรียบนิ่งเมื่อเจ้าตัวพยายามฝังกลบความหงุดหงิดเอาไว้ภายใน
“ครับ วันนี้พี่ติดธุระ ว่าแต่ลิลลี่มีอะไรหรือเปล่าถึงอยากเจอพี่น่ะ”
“ก็ ตอนนี้ลิลลี่ไม่อยากพักที่โรงแรมแล้วนี่คะ อยากไปพักที่รีสอร์ตพี่นนท์มากกว่าจะได้ใกล้สถานที่ถ่ายทำ มันไกลค่ะ ลิลลี่เหนื่อยกับการเดินทาง”
“ถ้างั้นพรุ่งนี้พี่จะให้เจ้าหน้าที่จัดเตรียมที่พักให้”เขารับปากอย่างง่ายดาย ไม่เซ้าซี้ถามไถ่ว่าเหตุใดคนที่เรียกร้องจะพักโรงแรมในเมืองอย่างเมรินจึงเกิดเปลี่ยนใจง่ายดาย
“ขอบคุณค่ะพี่นนท์ ถ้างั้นพรุ่งนี้เจอกันนะคะ”บอกสิ่งที่ต้องการเสร็จแล้ว หญิงสาวก็วางสายไป เมรินไม่ต้องการให้เขาเข้าใจว่าหล่อนเป็นคนจุกจิก น่ารำคาญ ด้วยรู้ว่าชยานนท์เป็นคนที่รักอิสระและไม่ต้องการให้ใครมาควบคุม
ฝ่ายชยานนท์นั้น เมื่อจบธุระส่วนตัวแล้วเขาจึงยัดโทรศัพท์ลงในกระเป๋ากางเกงและเดินกลับมายังโต๊ะอาหารอีกครั้ง แต่กลับพบว่านัยภาคเองก็กำลังเดินเข้ามาในห้องด้วยสีหน้าไม่สู้ดีเท่าใดนัก
“อ้าว ไปไงมาไงล่ะนัย”
“ผมมารอบนึงแล้วฮะพี่นนท์ แต่พวกพนักงานมาตามให้ไปจัดการกับแขกที่ทะเลาะกันที่ห้องอาหารน่ะครับ”
“นั่งลงก่อนค่อยเล่า”พี่ชายลากเก้าอี้ให้ผู้มาใหม่และนั่งลงพร้อมๆกัน “แล้วตอนนี้สถานการณ์ทางนั้นเป็นยังไงบ้างล่ะ”
“พอผมไปถึงก็ไม่เห็นมีอะไรเกิดขึ้น แถมพนักงานที่มาตามก็หายจ้อยไปเลย ไม่เข้าใจว่าจะโกหกเพื่ออะไร ถ้าจับได้จะเตะให้ขาเดี้ยงเลยเชียว”นัยภาคบ่นด้วยอารมณ์กรุ่นๆ
เอื้องลดามองหน้าคนพูดแล้วกลั้นหัวเราะเนื่องจากหล่อนยังไม่เคยเห็นผู้จัดการรีสอร์ตคนนี้หงุดหงิดใครเลยสักครั้ง เพิ่งจะมีวันนี้แหละ
“แต่แปลกนะฮะ ผมไม่เคยเห็นหน้าพนักงานคนนั้นมาก่อนเลย”
“อ้าว แล้วรู้ได้ยังไงคะว่าเป็นพนักงานของรีสอร์ต”หญิงสาวคนเดียวในห้องเอ่ยถาม
“ก็เจ้านั่นใส่ยูนิฟอร์มของรีสอร์ตเรานี่ฮะ
”
ชยานนท์พยักหน้าก่อนจะมองน้องชายและดาราสาวสลับกัน “ทานข้าวกันก่อนเถอะครับ เดี๋ยวอาหารเย็นชืดไปจะเสียรส นัยทานข้าวให้เต็มที่ อย่ามัวหงุดหงิด บางทีอะไรๆมันอาจจะไม่ใช่อย่างที่เราคิดก็ได้”