Re: นวนิยาย ตราบสิ้นอสงไขย โดย น้ำฟ้า
เมื่อ: พุธ 08 ม.ค. 2014 10:55 pm
เมื่อแสงไฟฉายกราดไปบนพื้นหญ้าด้านหน้ากู่โบราณไม่ถึงนาที เอรินาก็อุทานขึ้นเสียงดังลั่น “เจอแล้วคุณเอื้อง”
“ไหน อ้อ อยู่นั่นเอง”เอื้องลดามองตามนิ้วชี้ของนางแบบสาวพลางยิ้มด้วยความยินดี
เอรินาย่อตัวลงหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาถือไว้ ก่อนจะลุกขึ้นบอกกลั้วหัวเราะ “ดีใจที่สุดเลย ไม่งั้นคงติดต่อกับผู้จัดงานพรุ่งนี้ไม่ได้แน่ๆ”
“ดีใจด้วยนะ ได้ของแล้วเรารีบกลับกันเถอะ”
“จ้ะ”เอรินาก้าวเดินเข้าไปหาเอื้องลดา พลันสายตาของเธอก็มองเห็นแสงสว่างวาบขึ้นที่กำแพงเมืองทางทิศใต้ติดประตูทางเข้าโบราณสถาน หญิงสาวจึงอุทานขึ้น “อุ๊ย!นั่นแสงอะไรกันคุณเอื้อง”
นางเอกสาวมองตาม “ไม่รู้เหมือนกัน เอ๊ะ! เสียงอะไร”
เสียงสวบสาบที่ดังมาจากด้านหลัง เป็นเหตุให้เอื้องลดารีบหันขวับกลับไปดู แล้วจึงพบว่ามีชายสองคนกำลังพุ่งตัวเข้ามาหาพวกเธอ เอื้องลดาจึงผลักเพื่อนให้หลบพลางร้องบอก “คุณรีนาระวัง มีคนร้าย”
เอรินาร้องกรี๊ดพลันวิ่งไปข้างหน้าจนสุดฝีเท้า
ทว่าเจ้าวายร้ายไวกว่า มันวิ่งตามมาทันและกระโดดเข้าล็อกคอเธอจากทางด้านหลัง เอรินาร้องลั่น คว้าแขนล่ำขึ้นมากัดสุดแรง มันดิ้นพล่านและผลักเธอออกจากวงแขนตามสัญชาตญาณ เมื่อหลุดพ้นจากพันธนาการแล้วนางแบบสาวจึงหลับหูหลับตาวิ่นหนีไปให้เร็วที่สุด
“เก่งนักนะอีคนสวย”อาคมตะโกนลั่น ความโกรธพุ่งวาบเข้าสู่หัวใจ พร้อมกับความเจ็บแสบบริเวณแขนขวาที่ทำให้มันเร่งฝีเท้าไล่ตามร่างสะคราญอย่างมาดหมาย
แต่เมื่อพ้นโค้งทางเข้าโบราณสถานมาแล้ว ทุกอย่างพลันนิ่งสนิท ดวงตาเรียวยิบหยีของมันมองไม่เห็นการเคลื่อนไหวใดๆของอีกฝ่าย จึงตะโกนขู่ “ออกมาเสียดีๆนังคนสวย ไม่งั้นเพื่อนของมึงโดนรุมโทรมแน่”
น้ำเสียงแหบๆอันดังก้องหูทำให้จิตใจของนางแบบสาวไหววูบ
เอื้องลดาตามมาเพราะความห่วงใยเธอและด้วยมิตรภาพที่หาได้ยากนักจากเพื่อนใหม่ที่แทบจะเรียกได้ว่าเป็นฝ่ายตรงข้ามกันด้วยซ้ำ แล้วเธอจะปล่อยให้เพื่อนถูกทำร้ายเพียงลำพังได้อย่างไร
คิดดังนั้นร่างระหงก็ผุดลุกขึ้น แต่แล้วโทรศัพท์ในมือที่เธอกำไว้จนเหงื่อชื้นก็ทำให้หญิงสาวฉุกคิดขึ้นมาได้ว่า เธอจะต้องตั้งสติและหาวิธีการที่ดีที่สุด เนื่องจากการตัดสินใจในวันนี้ทำได้ครั้งเดียวและเป็นเรื่องที่เสี่ยงถึงชีวิต
เอาล่ะ เธอจะต้องออกไปช่วยเอื้องลดา แต่จะต้องแจ้งข่าวนี้กับนทีดลเสียก่อน
มือเรียวสั่นของหญิงสาวรีบยัดโทรศัพท์เอาไว้ในเสื้อเพื่อป้องกันแสงจากโทรศัพท์จะทำให้อีกฝ่ายรู้ว่าตนหลบอยู่ที่ใด จากนั้นจึงกดส่งข้อความถึงชายหนุ่มเจ้าของรีสอร์ตด้วยใจที่มุ่งหวังและภาวนาว่าเขาจะต้องได้รับสารจากเธอทันท่วงที
เสร็จเรียบร้อยแล้วนางแบบสาวก็ลุกขึ้นยืนพลางยัดโทรศัพท์ลงในกระเป๋ากางเกง
เธอชะโงกหน้าออกไปมองหาเจ้าวายร้ายจนมั่นใจว่ามันไม่อยู่แล้วจึงวิ่งกลับไปยังจุดเกิดเหตุ โดยหลบอยู่หลังกำแพงเมืองที่มีความสูงระดับเอวเพื่อดูลาดเลา
เวลานี้เอื้องลดาเองก็เงียบไป มีเพียงเจ้าสองคนนั่นเดินขวักไขว่ตามหาตัวเธอทั้งสองอยู่
อา...เอื้องลดาขอให้เธอปลอดภัยด้วยเถอะ
แต่แล้วโชคกลับเข้าข้างพวกมันเสียนี่ เมื่ออีกราว 5 นาทีเจ้าสุชาติก็หัวเราะดังลั่น “นั่นไง น้องสาวคนสวยอยู่นั่น ไอ้คมมึงเห็นไหม สงสัยน้องเขากลัวเจ็บหลังว่ะมึง ถึงได้เลือกมีความสุขกับพวกเราในพงหญ้า”
ว่าแล้วเสียงหัวเราะแหบพร่า หื่นกระหายของมันก็ดังขึ้นพร้อมกัน
เอื้องลดาตัวสั่นเทาอยู่ในพงหญ้า ไม่แน่ใจว่าอีกฝ่ายแกล้งพูดโดยใช้จิตวิทยาหรือมองเห็นว่าเธออยู่ตรงนี้จริงๆ แต่หญิงสาวก็ยังพยายามรวบรวมสติให้นิ่ง คอยเป็นผู้ตั้งรับและประวิงเวลาเอาไว้ให้นานที่สุด
ตาของเธอมองตรงไปยังร่างของมันทั้งคู่ แม้จิตใจกำลังระส่ำ มือไม้เย็นเฉียบ แต่ดาราสาวก็ตั้งใจว่าจะต่อสู้จนสุดชีวิต ไม่มีวันที่เธอจะยอมตกเป็นทาสอารมณ์ของคนจิตใจหยาบช้าคู่นี้เป็นอันขาด
------------------------------------------------------
ร่างสูงเต็มไปด้วยมัดกล้ามซึ่งบัดนี้มีหยดน้ำเกาะพราวอยู่ตามลำตัวชะงักงันหลังเปิดประตูออกมาจากห้องน้ำแล้วได้ยินเสียงเตือนจากโทรศัพท์ที่วางอยู่หัวเตียง เขาจึงรีบก้าวลิ่วๆไปหยิบมันขึ้นมากดดู
แล้วชายหนุ่มก็ต้องพบกับความตกตะลึงหลังกวาดตามองตัวอักษรที่ปรากฏบนจอจนครบทุกตัวแล้ว
‘เรากำลังหนีคนร้ายอยู่ในโบราณสถาน ช่วยด้วย’
โดยไม่ต้องคิด นทีดลรีบดึงผ้าเช็ดตัวที่พันตัวออก รีบเร่งสวมเสื้อผ้าวิ่งลงจากบ้านไปขึ้นรถแล้วขับอ้อมออกไปทางประตูรีสอร์ตเพื่อให้ถึงด้านหน้าโบราณสถานโดยเร็วที่สุด
ทั้งนี้เขาก็ไม่ลืมที่จะกดโทรศัพท์ตามนัยภาค “นัย รีบลงมายืนรอพี่ที่หน้าบ้านพัก คุณรีนากำลังตกอยู่ในอันตราย อย่าลืมเอาปืนมาด้วยนะ”
เมื่อปลายสายรับคำ ชายหนุ่มจึงวางโทรศัพท์ลงบนเบาะรถข้างๆก่อนจะเหยียบคันเร่งให้ถึงยังจุดหมายพลางภาวนาให้หญิงสาวรอดพ้นจากภยันตราย “พยายามเอาตัวรอดรอผมกับนัยนะคุณรีนา”
“ไหน อ้อ อยู่นั่นเอง”เอื้องลดามองตามนิ้วชี้ของนางแบบสาวพลางยิ้มด้วยความยินดี
เอรินาย่อตัวลงหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาถือไว้ ก่อนจะลุกขึ้นบอกกลั้วหัวเราะ “ดีใจที่สุดเลย ไม่งั้นคงติดต่อกับผู้จัดงานพรุ่งนี้ไม่ได้แน่ๆ”
“ดีใจด้วยนะ ได้ของแล้วเรารีบกลับกันเถอะ”
“จ้ะ”เอรินาก้าวเดินเข้าไปหาเอื้องลดา พลันสายตาของเธอก็มองเห็นแสงสว่างวาบขึ้นที่กำแพงเมืองทางทิศใต้ติดประตูทางเข้าโบราณสถาน หญิงสาวจึงอุทานขึ้น “อุ๊ย!นั่นแสงอะไรกันคุณเอื้อง”
นางเอกสาวมองตาม “ไม่รู้เหมือนกัน เอ๊ะ! เสียงอะไร”
เสียงสวบสาบที่ดังมาจากด้านหลัง เป็นเหตุให้เอื้องลดารีบหันขวับกลับไปดู แล้วจึงพบว่ามีชายสองคนกำลังพุ่งตัวเข้ามาหาพวกเธอ เอื้องลดาจึงผลักเพื่อนให้หลบพลางร้องบอก “คุณรีนาระวัง มีคนร้าย”
เอรินาร้องกรี๊ดพลันวิ่งไปข้างหน้าจนสุดฝีเท้า
ทว่าเจ้าวายร้ายไวกว่า มันวิ่งตามมาทันและกระโดดเข้าล็อกคอเธอจากทางด้านหลัง เอรินาร้องลั่น คว้าแขนล่ำขึ้นมากัดสุดแรง มันดิ้นพล่านและผลักเธอออกจากวงแขนตามสัญชาตญาณ เมื่อหลุดพ้นจากพันธนาการแล้วนางแบบสาวจึงหลับหูหลับตาวิ่นหนีไปให้เร็วที่สุด
“เก่งนักนะอีคนสวย”อาคมตะโกนลั่น ความโกรธพุ่งวาบเข้าสู่หัวใจ พร้อมกับความเจ็บแสบบริเวณแขนขวาที่ทำให้มันเร่งฝีเท้าไล่ตามร่างสะคราญอย่างมาดหมาย
แต่เมื่อพ้นโค้งทางเข้าโบราณสถานมาแล้ว ทุกอย่างพลันนิ่งสนิท ดวงตาเรียวยิบหยีของมันมองไม่เห็นการเคลื่อนไหวใดๆของอีกฝ่าย จึงตะโกนขู่ “ออกมาเสียดีๆนังคนสวย ไม่งั้นเพื่อนของมึงโดนรุมโทรมแน่”
น้ำเสียงแหบๆอันดังก้องหูทำให้จิตใจของนางแบบสาวไหววูบ
เอื้องลดาตามมาเพราะความห่วงใยเธอและด้วยมิตรภาพที่หาได้ยากนักจากเพื่อนใหม่ที่แทบจะเรียกได้ว่าเป็นฝ่ายตรงข้ามกันด้วยซ้ำ แล้วเธอจะปล่อยให้เพื่อนถูกทำร้ายเพียงลำพังได้อย่างไร
คิดดังนั้นร่างระหงก็ผุดลุกขึ้น แต่แล้วโทรศัพท์ในมือที่เธอกำไว้จนเหงื่อชื้นก็ทำให้หญิงสาวฉุกคิดขึ้นมาได้ว่า เธอจะต้องตั้งสติและหาวิธีการที่ดีที่สุด เนื่องจากการตัดสินใจในวันนี้ทำได้ครั้งเดียวและเป็นเรื่องที่เสี่ยงถึงชีวิต
เอาล่ะ เธอจะต้องออกไปช่วยเอื้องลดา แต่จะต้องแจ้งข่าวนี้กับนทีดลเสียก่อน
มือเรียวสั่นของหญิงสาวรีบยัดโทรศัพท์เอาไว้ในเสื้อเพื่อป้องกันแสงจากโทรศัพท์จะทำให้อีกฝ่ายรู้ว่าตนหลบอยู่ที่ใด จากนั้นจึงกดส่งข้อความถึงชายหนุ่มเจ้าของรีสอร์ตด้วยใจที่มุ่งหวังและภาวนาว่าเขาจะต้องได้รับสารจากเธอทันท่วงที
เสร็จเรียบร้อยแล้วนางแบบสาวก็ลุกขึ้นยืนพลางยัดโทรศัพท์ลงในกระเป๋ากางเกง
เธอชะโงกหน้าออกไปมองหาเจ้าวายร้ายจนมั่นใจว่ามันไม่อยู่แล้วจึงวิ่งกลับไปยังจุดเกิดเหตุ โดยหลบอยู่หลังกำแพงเมืองที่มีความสูงระดับเอวเพื่อดูลาดเลา
เวลานี้เอื้องลดาเองก็เงียบไป มีเพียงเจ้าสองคนนั่นเดินขวักไขว่ตามหาตัวเธอทั้งสองอยู่
อา...เอื้องลดาขอให้เธอปลอดภัยด้วยเถอะ
แต่แล้วโชคกลับเข้าข้างพวกมันเสียนี่ เมื่ออีกราว 5 นาทีเจ้าสุชาติก็หัวเราะดังลั่น “นั่นไง น้องสาวคนสวยอยู่นั่น ไอ้คมมึงเห็นไหม สงสัยน้องเขากลัวเจ็บหลังว่ะมึง ถึงได้เลือกมีความสุขกับพวกเราในพงหญ้า”
ว่าแล้วเสียงหัวเราะแหบพร่า หื่นกระหายของมันก็ดังขึ้นพร้อมกัน
เอื้องลดาตัวสั่นเทาอยู่ในพงหญ้า ไม่แน่ใจว่าอีกฝ่ายแกล้งพูดโดยใช้จิตวิทยาหรือมองเห็นว่าเธออยู่ตรงนี้จริงๆ แต่หญิงสาวก็ยังพยายามรวบรวมสติให้นิ่ง คอยเป็นผู้ตั้งรับและประวิงเวลาเอาไว้ให้นานที่สุด
ตาของเธอมองตรงไปยังร่างของมันทั้งคู่ แม้จิตใจกำลังระส่ำ มือไม้เย็นเฉียบ แต่ดาราสาวก็ตั้งใจว่าจะต่อสู้จนสุดชีวิต ไม่มีวันที่เธอจะยอมตกเป็นทาสอารมณ์ของคนจิตใจหยาบช้าคู่นี้เป็นอันขาด
------------------------------------------------------
ร่างสูงเต็มไปด้วยมัดกล้ามซึ่งบัดนี้มีหยดน้ำเกาะพราวอยู่ตามลำตัวชะงักงันหลังเปิดประตูออกมาจากห้องน้ำแล้วได้ยินเสียงเตือนจากโทรศัพท์ที่วางอยู่หัวเตียง เขาจึงรีบก้าวลิ่วๆไปหยิบมันขึ้นมากดดู
แล้วชายหนุ่มก็ต้องพบกับความตกตะลึงหลังกวาดตามองตัวอักษรที่ปรากฏบนจอจนครบทุกตัวแล้ว
‘เรากำลังหนีคนร้ายอยู่ในโบราณสถาน ช่วยด้วย’
โดยไม่ต้องคิด นทีดลรีบดึงผ้าเช็ดตัวที่พันตัวออก รีบเร่งสวมเสื้อผ้าวิ่งลงจากบ้านไปขึ้นรถแล้วขับอ้อมออกไปทางประตูรีสอร์ตเพื่อให้ถึงด้านหน้าโบราณสถานโดยเร็วที่สุด
ทั้งนี้เขาก็ไม่ลืมที่จะกดโทรศัพท์ตามนัยภาค “นัย รีบลงมายืนรอพี่ที่หน้าบ้านพัก คุณรีนากำลังตกอยู่ในอันตราย อย่าลืมเอาปืนมาด้วยนะ”
เมื่อปลายสายรับคำ ชายหนุ่มจึงวางโทรศัพท์ลงบนเบาะรถข้างๆก่อนจะเหยียบคันเร่งให้ถึงยังจุดหมายพลางภาวนาให้หญิงสาวรอดพ้นจากภยันตราย “พยายามเอาตัวรอดรอผมกับนัยนะคุณรีนา”