เสียงดนตรีสงบลงเมื่อพิธีกรชายหญิงขึ้นประจำที่เรียบร้อยแล้ว ระหว่างนั้นซันดาแยกจากสาวๆกองบรรณาธิการสำนักพิมพ์ลูกหว้าเดินออกไปหยิบแก้วพั้นซ์ตามลำพัง
“วันนี้ซันสวยมากนะ”
เธอจำเสียงเขาได้ กิริยาของซันดาขณะหันกลับไปมองจึงดูเมินเฉย “ขอบคุณนะที่ชม”
“คุยกับผมก่อนได้ไหม”
หญิงสาวระบายลมหายใจเบาๆก่อนถาม “ต้องการอะไร”
เมื่อเห็นว่าเธอถามออกมาตรงๆ เขาก็เลือกที่จะไม่อ้อมค้อม “ผมอยากขอโอกาส”
“ฉันไม่เข้าใจคุณ ทั้งๆที่รู้อยู่แล้วว่าที่ฉันหายไปเป็นเพราะอะไร ทำไมยังไม่เลิกมายุ่งอีก”
“เพราะผมรู้จักซันดีพอไง” เขาตอบเสียงหนัก พยายามสบตาเธอให้เชื่อมั่นในคำพูดเขา “ทุกอย่างที่เกิดไม่ได้เป็นเพราะซัน ความผิดพลาดเล็กๆน้อยๆเราไม่จำเป็นที่จะต้องเอามาเป็นเรื่องสำคัญในชีวิต ตอนนี้อาจจะยังคลุมเครือแต่ซันรู้ไว้นะว่าผมรอได้”
หญิงสาวมองหน้าเขาด้วยแววตาสับสน “ฉัน...”
ทว่าระหว่างที่ซันดากำลังอ้ำอึ้งเสียงหนึ่งก็ดังแทรกขึ้นก่อน “ปรัชญ์มาอยู่นี่เอง”
เสียงที่ดัดให้หวานจ๋อยนั้นมาพร้อมกับร่างระหงของหญิงสาวในชุดโบราณ และชายหนุ่มในชุดลำลองแต่กระนั้นก็ยังดูหล่อเหลาสะดุดตา “พี่บอมแวะมาเที่ยวน่ะค่ะ ฟ้าเลยชวนมาแจมกับพวกเราที่นี่”
“ไม่เจอกันนานเลยนะบอม งานที่บริษัทคงจะยุ่งล่ะสิ” ปรัชญ์ทักทาย
อธิปพยักหน้ายิ้มๆ “ใช่ บริษัทเปิดใหม่ก็แบบนี้แหละ ยังขาดเหลืออีกหลายอย่าง ถ้าบริษัทนายอยากเซ็ทระบบคอมพิวเตอร์ก็ติดต่อได้นะ”
ปรัชญ์หัวเราะเบาๆ “ได้สิ แต่ตอนนี้ไปนั่งด้วยกันก่อนนะ ไหนๆก็มาละ”
“ซันก็นั่งด้วยกันก่อนสิ พี่มีเรื่องจะคุยกับซันอยู่เหมือนกัน” ฟ้ารุ่งทำเสียงอ่อน ทอดสายตาเป็นมิตรมาให้
ซันดายืนนิ่ง รู้สึกงงงันกับพฤติกรรมของอีกฝ่าย ท่าทางของฟ้ารุ่งบ่งบอกว่ามาดี แต่เธอจะไว้ใจได้หรือ แล้วผู้ชายหน้าตาดีที่ยืนอยู่ข้างฟ้ารุ่งอีกละ เหตุใดจึงคุ้นตาเธอเหลือเกิน เพียงแค่นึกไม่ออกเท่านั้นแหละว่าเคยพบเจอกันที่ไหน
ทว่าฟ้ารุ่งก็ไม่รอให้อีกฝ่ายตั้งตัวทัน เธอเอื้อมมือไปดึงข้อมือซันดาให้ก้าวตามไปนั่งที่โต๊ะตัวหนึ่งซึ่งเก้าอี้ว่าง ไม่มีบุคคลอื่นนั่งอยู่เลยแม้แต่คนเดียว โดยฟ้ารุ่งนั่งตรงกลางระหว่างซันดาและปรัชญ์ โดยมีอธิปนั่งถัดจากปรัชญ์ไปอีกที
“ก่อนอื่นพี่ต้องขอโทษซันสำหรับทุกอย่างที่ทำไม่ดีกับน้องทั้งๆที่เราเป็นพี่น้องกันแท้ๆ” ฟ้ารุ่งเอี้ยวตัวไปพูดกับน้องสาวด้วยสีหน้าสลด หลังพูดจบก็ยังมองหน้าอีกฝ่ายเพื่อรอฟังคำตอบ
“ไม่เป็นไร” ซันดาตอบสั้นๆ ยอมรับกับตนเองว่ายังไม่ไว้ใจพี่สาวร่วมบิดาคนนี้เท่าใดนัก เหตุเพราะสิ่งที่อีกฝ่ายทำไว้ช่างหนักหนาสาหัสในความรู้สึกของเธอ
“ผมดีใจนะที่ซันกับฟ้าเข้าใจกันเสียที” ปรัชญ์สำทับอย่างยินดีแล้วจึงเอ่ยต่อว่า “ผมก็ต้องขอโทษรุ้งและบอมอีกครั้งที่เคยจีบฟ้า ทั้งๆที่เป็นการจีบเพราะถูกเพื่อนยุ ไม่ใช่ความรู้สึกต้องการในใจจริงๆ ฟ้ายกโทษให้ผมนะ”
“นายพูดความจริงออกมาตรงๆแบบนี้ก็ดีแล้วปรัชญ์ ทุกฝ่ายจะได้สบายใจ” อธิปตอบขึ้นก่อนแล้วจึงเว้นช่วงให้ฟ้ารุ่งได้พูดบ้าง
“รุ้งเข้าใจปรัชญ์ค่ะ คงเป็นเพราะรุ้งที่ดึงดันขอคบปรัชญ์ต่อทั้งๆที่ปรัชญ์ก็บอกความในใจออกมาแล้ว ว่าคิดกับรุ้งแค่ไหน สุดท้ายเราจึงไปกันไม่รอด เพราะพื้นฐานมันไม่ได้มาจากความรัก” พูดจบฟ้ารุ่งก็ระบายยิ้มให้แก่ทุกคนเพื่อแสดงความบริสุทธิ์ใจ
“งั้นวันนี้เรามาฉลองมิตรภาพกันนะ” ปรัชญ์เสนอ
สองหนุ่มสาวพยักหน้า พร้อมกับที่พงษ์พจน์เดินเข้ามาหาปรัชญ์พลางบอกว่า “คุณนาถเชิญที่โต๊ะวีไอพีครับ มีผู้ใหญ่อยากพบคุณปรัชญ์”
ชายหนุ่มจึงเอ่ยขอตัวและเดินออกไปพร้อมบรรณาธิการสำนักพิมพ์ ปล่อยให้ซันดาอยู่กับฟ้ารุ่งและอธิปตามลำพัง หญิงสาวรู้สึกอึดอัดจึงขอแยกตัวไป ทว่าฟ้ารุ่งกลับรั้งไว้ด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม “อย่าเพิ่งไปสิจ๊ะซัน เรายังไม่ได้คุยเรื่องลึกๆกันเลย”
“เราคงมีเวลาคุยกันอีกนาน” ซันดายังคงตอบด้วยสีหน้าเรียบเฉย
ฟ้ารุ่งหัวเราะเบาๆ “แต่พี่บอมคงไม่ว่างมาคุยกับพวกเราบ่อยๆหรอก”
ซันดาเลิกคิ้วมองอธิปและถามตรงๆว่า “คุณบอมมาเกี่ยวอะไรด้วยล่ะ”
ฟ้ารุ่งหันไปมองหน้าพี่ชายลูกพี่ลูกน้องของตนก่อนเอ่ยตอบ “แหม ซันอย่าแกล้งจำพี่บอมไม่ได้สิ เดี๋ยวพี่เขาน้อยใจแย่”
“แสดงว่าเราเคยรู้จักกันหรือคะ” ซันดาหันไปถามอธิปตรงๆ
ชายหนุ่มพยักหน้า “ใช่ครับ”
ฟ้ารุ่งทำหน้าเจ้าเล่ห์ก่อนจะขยายความด้วยน้ำเสียงกลั้วหัวเราะ “จริงๆซันน่าจะจำพี่บอมไว้ในก้นบึ้งของจิตใจเลยนะ”
ซันดารับรู้ได้ถึงสัญญาณอันตรายเธอจึงลุกขึ้นยืน “ฉันขอตัวก่อนดีกว่า”
ฟ้ารุ่งมือไวกว่าที่คิด เธอคว้าแขนของน้องสาวร่วมบิดาเอาไว้พลางลุกขึ้นยืนขนาบข้าง “เธอมองหน้าพี่บอมให้ดีสิ แล้วนึกถึงคืนนั้น...คืนที่เธอไม่มีวันลืมได้”
เหมือนถูกสะกดจิต ซันดาทำตามในทันที แล้วหัวใจเธอก็เริ่มสั่นระรัว เมื่อความทรงจำเลวร้ายเริ่มออกมาปรากฏให้เธอได้รับรู้อีกครั้ง
...มันคือเหตุการณ์เลวร้ายที่พลิกชีวิตของเธอทั้งชีวิต
-จบตอน -