ข่าวลือทั่วนครเชียงใหม่ที่ว่าสมเด็จพระนางเจ้าวิคตอเรีย พระเจ้ากรุงอังกฤษ ชาติมหาอำนาจทรงสู่ขอเจ้าหญิงดารารัศมี ราชบุตรีเจ้านครเชียงใหม่ ไปเป็นพระราชธิดาบุญธรรม พร้อมทั้งมีพระราชดำริจะสถาปนาให้เป็นเจ้าหญิงแห่งราชวงศ์อังกฤษ และเป็น “ทายาทเจ้านครเชียงใหม่ “ ที่จะครองนครต่อไปในอนาคต
พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ฯ ทรงพระมหากรุณาธิคุณต่อเจ้าหญิงดารารัศมี มากแท้สุดจะพรรณนา ฯ มีเรื่องบางกรณีที่มีเจ้านายฝ่ายหญิงระดับสูงของพระราชวงศ์เคยกล่าวประนามและสบประมาท หมิ่นลับหลังเจ้าดารารัศมี ซึ่งในขณะที่ไปรับราชการฝ่ายในเป็น “ เจ้าจอม “ ในพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวพระปิยมหาราช ในพระราชสำนัก เมื่อเรื่องมาถึงพระกรรณของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ก็ทรงพระราชดำรัสและตรัสตักเตือนสติบรรดาเจ้านายระดับสูงตลอดจนเจ้าจอมห้ามให้ทรงทราบความนัยและความสำคัญของเจ้าจอมดารารัศมี เจ้าหญิงแห่งนครเชียงใหม่ พระราชบุตรีของพระเจ้าอินทวิไชยยานนท์ กับเจ้าแม่ทิพย์ไกรสรมหาเทวี ผู้เป็นพระราชบุตรของพระเจ้ากาวิโลรสสุริยวงศ์ พระเจ้านครเชียงใหม่ที่ ๖ ไม่ใช่สามัญชน หาควรลบหลู่ไม่
พร้อมกับทรงอธิบายถึงเหตุการณ์ทางการเมืองระหว่างประเทศมหาอำนาจกำลังคิดแบ่งมณฑลภาคเหนือของกรุงสยามมาตั้งแต่ปี พ.ศ.๒๔๒๖ นับตั้งแต่เจ้าหญิงดารารัศมี เพิ่งมีอายุ ๑๑ ชันษามาแล้ว และได้ทรงตรัสเล่าถึงแผนการของพวกข้าหลวงใหญ่อังกฤษผู้สำเร็จราชการแคว้นเชียงตุง ได้กราบบังคมทูล จะให้ควีนวิคตอเรีย พระเจ้ากรุงอังกฤษ ทรงสู่ขอเจ้าหญิงดารารัศมี ไปเป็นพระราชธิดาบุญธรรม และให้เป็นทายาทเจ้าผู้ครองนครเชียงใหม่ และนับถือยกย่องให้เป็นเจ้านายในพระราชวงศ์ “ วินเซอร์ “ โดยสถาปนาเป็นพิเศษตามแผนจะยึดครองหัวเมืองประเทศราชในมณฑลพายัพ แต่พระเจ้าอินทวิไชยยานนท์ กับแม่เจ้าทิพย์ไกรสรไม่ทรงสนับสนุนและแสดงความจงรักภักดีต่อพระบรมวงศ์จักรี ไม่ปรวนแปรและเอนเอียงไปยุ่งกับพวกต่างชาติมหาอำนาจ มาตรแม้นพวกต่างชาติจะหวังดีอย่างไร ยกย่องอย่างไรก็จะไม่ขอรับความช่วยเหลือเกื้อกูลใด ๆ เพราะนับเป็นร้อยๆปีที่ผ่านมา พระราชวงศ์จักรีได้ช่วยคุ้มครองป้องกันภัยและสถาปนา ยกย่องบรรพชนของเจ้านายฝ่ายเหนือมาตลอดหลายชั่วคนแล้ว เป็นข้าในพระบรมราชวงศ์นี้จะเปลี่ยนแปลงเป็นอื่นมิได้ นี่เป็นความดีของพระบิดาพระมารดาของเจ้าหญิงดารารัศมี แต่ถ้าพวกเจ้าอินทวิไชยยานนท์ผันแปรไป ยกเจ้าหญิงดารารัศมีให้เป็นพระราชธิดาบุญธรรมแล้วของควีนวิคตอเรีย พระเจ้ากรุงอังกฤษแล้ว การเมืองจะผันแปรรูปไปได้ทั้งนั้นก็ไม่ทราบได้ เพราะไทยเราไม่สามารถจะไปสู้รบกับอังกฤษได้เลยในขณะนั้น จึงขอให้ทุกคนรำลึกถึงข้อนี้บ้าง ขออย่ามองเจ้าหญิงดารารัศมีไปในแง่ร้ายเลย
พระประวัติของพระราชชายาเจ้าดารารัศมีในสมัยพระเยาว์ชนมายุได้ ๑๑ ชันษา และมีข่าวเรื่องสมเด็จพระนางเจ้าวิคตอเรียจะทรงขอไปเป็นพระราชธิดาบุญธรรม ตามข่าวที่โจทย์กล่าวขานกันใน พ.ศ. ๒๔๒๖ – ๒๔๒๗ เป็นความจริงหรือไม่เพียงใดนั้น เรื่องดังกล่าวนี้ในสมัยที่เจ้าน้อยปิงเมือง ณ เชียงใหม่ อดีตนายอำเภอพร้าว จ. เชียงใหม่ คนแรกที่บุกเบิกสร้างอำเภอในปี พ.ศ. ๒๔๔๔ นั้น ท่านได้มีชีวิตมาถึงปี พ.ศ. ๒๔๗๘ อายุท่านได้ ๗๙ ปีแล้ว ท่านได้เล่าเรื่องเกี่ยวกับสมเด็จพระจักรพรรดินีวิคตอเรีย พระมหากษัตริย์ของกรุงอังกฤษจะส่งเจ้าหญิงดารารัศมีต่อพระเจ้าอินทวิไชยยานนท์เป็นความจริงให้ผู้เขียนซึ่งท่านรักประดุจหลานสนิทของท่านคนหนึ่ง และท่านได้บรรยายถ่ายอุบัติกาลต่างๆ เกี่ยวกับชีวประวัติของเจ้านายฝ่ายเหนือในราชวงศ์ “ทิพย์จักราธิวงศ์” ให้ทราบพร้อมกับข้อเท็จจริงต่างๆ เกี่ยวกับการปกครองในรัชสมัยของพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ ๕ อันเกี่ยวกับเมืองนครเชียงใหม่
ท่านเจ้าน้อยปิงเมือง ณ เชียงใหม่ ท่านเป็นนักครองรุ่นแรกของกระทรวงมหาดไทยที่ได้รับราชการเป็นนายอำเภอของจังหวัดเชียงใหม่เป็นนักประวัติศาสตร์และนักจดบันทึกคนสำคัญในเหตุการณ์ต่างๆ ในอุบัติกาลที่เกิดขึ้นตามความเป็นจริง และกว่านั้นบรรพบุรุษของท่านคือ พระเจ้าเชียงใหม่ช้างเผือก น้อย ธรรมลังกาเป็นปู่ทวดของท่าน พระเจ้ามโหตรประเทศราชาคือ ปู่ของท่าน และเจ้าอุปราชน้อยปัญญาเป็นผู้รั้งรักษาการเจ้าเมืองเชียงแสน ในฐานะเป็นเจ้าอุปราชเป็นเจ้าบิดาของท่านได้เป็นนักจดบันทึกเหตุการณ์สืบๆ ต่อมาตลอดจนถึงตัวท่าน
สำหรับเรื่องเกี่ยวกับพระประวัติของพระราชชายาเจ้าดารารัศมีเกี่ยวกับเรื่องดังกล่าว ท่านได้เล่าว่า ตอนนั้นใน พ.ศ. ๒๔๒๖ ท่านมีอายุย่างเข้า ๒๗ ปีแล้ว และได้เป็นมหาดเล็กอยู่กับพ่อเจ้าอินทวโรรสสุริยวงศ์ โอรสองค์กลางของพระเจ้าอินทวิไชยยานนท์ ซึ่งขณะดังกล่าวนี้เจ้าอินทวโรรสพระนามเดิมว่า เจ้าสุริยาเมฆะ ยังมีพระยศเป็น เจ้าสุริยวงศ์ อยู่ และช่วยราชการพระเจ้าอินทวิไชยยานนท์ ผู้เป็นพระบิดาท่านได้เล่าให้ฟังว่า
“งานโสกันต์ตัดจุกเจ้าดารารัศมีซึ่งมีพระชนม์ได้ ๑๑ ชันษานั้น เป็นความคิดของเจ้าพระยารัตนาธิเบศสมัยเป็นพระยาเทพประชุน ข้าหลวงใหญ่เมืองเชียงใหม่ ตั้งแต่ปี พ.ศ. ๒๔๑๗ มาแล้ว ท่านเองได้ตั้งชื่อให้เจ้าหญิงองค์พี่ใส่นามว่า “จันทรโสภา” และองค์น้องว่า “ดารารัศมี” องค์พี่มีบุญน้อยสิ้นพระชนม์ไปตั้งแต่อายุ ๕ ชันษา คงเหลือแต่องค์น้อง และท่านเจ้าคุณเทพประชุนแนะนำเสนอให้ไว้จุก เพราะเป็นเจ้านายชั้นสูง พระราชบุตรีของเจ้าผู้ครองนครและเป็น “เจ้า” ให้ถือเป็นแบบอย่างเจ้านายในพระราชวงศ์จักรี พ่อเจ้าชีวิตเฒ่า (หมายถึง พระเจ้าอินทวิไชยยานนท์) ก็ถือปฏิบัติตามแบบทุกอย่าง ครั้นพระชนมายุได้ ๑๑ ชันษา ก็กระทำพิธีโสกันต์คือโกนจุกนั่นเอง เมื่อก่อนเจ้านายฝ่ายเหนือไม่เคยมีและไม่เคยทำมาก่อน และได้กระทำเฉพาะเจ้าดารารัศมีองค์เดียวเท่านั้น ภายหลังก็ไม่ปรากฏว่า พระราชบุตรีเจ้าผู้ครองนครคนใดกระทำพิธีดังกล่าวนี้อีกเลย
พอกระทำพิธีโสกันต์เสร็จไม่กี่วันเสียงลือเล่าอ้างกันไปในหมู่พวกหัวหน้าพวกชาวพม่าต่องซู่ไทยใหญ่ (เงี้ยว) และได้กระจายต่อไปยังบรรดาชนสามเผ่าดังกล่าว ซึ่งเป็นคนในบังคับรัฐบาลอังกฤษ ซึ่งได้ครอบครองแคว้นเชียงตุงต่อแดนของไทยไว้หมดแล้ว ว่ากันว่า สมเด็จพระนางเจ้าวิคตอเรียจักรพรรดินีกรุงอังกฤษจะทรงขอรับเอาเจ้าหญิงดารารัศมีไปเป็นพระราชธิดาบุญธรรม จะยกย่องเสมอเจ้านายในพระราชวงศ์อังกฤษ ให้มียศเทียบเท่าพระองค์เจ้าและจะให้เป็น เจ้าหญิงแห่งนครเชียงใหม่และเรื่องนี้พระเจ้าอินทวิไชยยานนท์ ได้ทรงเรียก พวกเฮ็ดแมนอังกฤษ หัวหน้าชนชาติพม่า และต่องซู่ไทยใหญ่มาไต่ถามว่าได้ข่าวมาจากไหน ถึงข่าวลือดังกล่าวนี้แล้วลือกันไปทั้งบ้านทั้งเมืองไปจนถึงพสกนิกรชาวเชียงใหม่ ตลอดไปกระทั่งถึงพระยาราชเสนาเสือ พยัคฆนันท์ และพระราชสัมภากร (ชุ่ม) พระอุดรพิสดาร (สายยู) ข้าหลวงประจำเมืองเชียงใหม่ต่างตื่นเต้นและมาถามพระเจ้าอินทวโรรสว่ามีการติดต่อกับทางรัฐบาลอังกฤษดังข่าวลือจริงหรือไม่
ปรากฏว่าเฮ็ดแมนชาวไทยใหญ่ และต่องซู่ (ปะโอ) ให้การว่า นายร้อยเอกเซอร์ยอร์ช สก๊อต ผู้สำเร็จราชการอังกฤษเมืองเชียงตุง ซึ่งอยู่ติดกับชายแดนเมืองเชียงใหม่ได้ประกาศแก่ชาวเชียงตุงว่า พระนางเจ้าวิคตอเรียพระเจ้ากรุงอังกฤษได้มีพระราชดำริจะขอเอาเจ้าหญิงดารารัศมีมาเป็นพระราชธิดาบุญธรรมแล้ว ต่อไปเชียงใหม่กับเชียงตุงจะเป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน โดยจะทรงตั้งเจ้าหญิงดารารัศมีเป็นทายาทเจ้าผู้ครองนครเชียงใหม่อีกด้วย และทางเฮ็ดแมนชาวพม่า (หัวหน้าคนในบังคับอังกฤษ) ก็ได้กราบทูลพ่อเจ้าอินทวิไชยยานนท์ว่า ชาวพม่าที่เดินทางจากเมืองย่างกุ้ง (แรงกูน) ได้ข่าวมา เช่นเดียวกับที่เมืองเชียงตุง โดยชาวพม่าพากันกล่าวขานกันทั่วไปหมดว่า ต่อไปเมืองเชียงใหม่กับเมืองเชียงตุงจะรวมกันเป็นแคว้นเดียวกันแล้วโดยไม่ต้องรบราฆ่าฟันกัน ทั้งนี้โดยพระเจ้าอินทวิไชยยานนท์จะยอมยกพระราชบุตรีชื่อสอว์ดารารัศมี ให้เป็นพระราชธิดาบุญธรรม แต่สมเด็จพระนางเจ้าวิคตอเรียจะสถาปนา สอว์ดารารัศมี (สอว์ หมายถึงคำว่าเจ้า ตามสำเนียงพม่าและไทยใหญ่เรียก “เจ้า”)
เมื่อเรื่องราวเป็นไปดังนี้ พระเจ้าอินทวิไชยยานนท์เลยประกาศให้พวกหัวหน้าชนเผ่าเมืองขึ้นของอังกฤษทราบในโอกาสนั้นเลยว่า เรื่องทั้งหมดไม่เป็นความจริงทั้งสิ้น และยังยืนยันว่าเมืองเชียงใหม่และบรรดาเจ้านายในพระราชวงศ์ฝ่ายเหนือ “ทิพย์จักราธิวงศ์” ยังจงรักภักดีต่อพระมหากษัตริย์สยาม อยู่ตลอดเวลา มิได้ผันแปรและเปลี่ยนแปลงแต่อย่างใดทั้งสิ้น
นี่คือเหตุการณ์ที่มาของข่าวลือกันไปทั้งบ้านทั้งเมือง ซึ่งมีส่วนจริงอยู่บ้างว่าตัวการเสนอความเห็นในเชิงการเมืองขู่ขวัญรัฐบาลไทยตามขั้นตอนในการเตรียมยึดดินแดนไทยที่อยู่ในเขตเชียงใหม่ โดยเซอร์ยอร์ชสก๊อต ผู้สำเร็จราชการแคว้นฉาน (ไทยใหญ่) เหนือแคว้นแดนสยาม เสนอความคิดให้สมเด็จพระนางเจ้าวิคตอเรีย พระเจ้าจักรพรรดินีอังกฤษ ดำเนินพระราโชบายด้วยวิธีการดังกล่าวเพื่อขู่ขวัญรัฐบาลไทยให้กระวนกระวายใจ และระแวงเจ้าเชียงใหม่
และในปีนั้นเอง..พระยาราชเสนา (เสือพยัคฆนันท์) ข้าหลวงใหญ่กับพระราชสัมภากร (ชุ่ม) ได้ถูกย้ายกลับไปรับราชการในกรุงเทพมหานคร ได้ทรงโปรดเกล้าฯ ให้พระเจ้าน้องยาเธอกรมหมื่นพิชิตปรีชากร (พระองค์เจ้าคัคณางยุคล) มาดำรงตำแหน่งข้าหลวงตรวจการณ์พิเศษต่างพระเนตรพระกรรณ และส่งพระยามนตรีสุริยวงศ์ (ชื่น บุนนาค) มาเป็นข้าหลวงประจำเมืองเชียงใหม่และ ๕ หัวเมือง พร้อมทั้งพระราชทานกุณฑลและพระธำมะรงค์ฝังเพชร พระราชทานเป็นพิเศษแก่เจ้าหญิงดารารัศมี พร้อมกับยกย่องฐานันดรศักดิ์ของเจ้าหญิงให้สูงขึ้น โดยทรงโปรดเกล้า ฯ ให้มีทำเนียบพระพี่เลี้ยงชายหญิงประดับพระบารมีโดยให้มีบรรดาศักดิ์แบบอย่างพระราชบุตรี พระเจ้าประเทศราชอันสูงส่งโดยแต่งตั้งนางเต็ม พระพี่เลี้ยงขึ้นเป็นนางกัลยารักษ์ และแต่งตั้งนายน้อยบุญทา พระพี่เลี้ยงผู้ชายเป็นพญาพิทักษ์เทวี เหตุการณ์ตอนนี้ตรงกับพ.ศ.๒๔๒๗
ผู้ค้นคว้ารวบรวมเรื่องนี้ได้รับการบอกเล่าในเห็นการณ์ดังกล่าวแล้ว ครั้นเมื่อ พ.ศ. ๒๕๐๗ในขณะที่เจ้าหญิงบัวชุม ณ เชียงใหม่ ภริยาของเจ้าอุตรกาลโกศล (เจ้าศุขเกษม ณ เชียงใหม่) ศรีสะใภ้ของมหาอำมาตย์โทพลตรีเจ้าแก้วนวรัฐเจ้าผู้ครองนครเชียงใหม่ ซึ่งเคยถวายตัวอยู่กับเสด็จพระราชชายาเจ้าดารารัศมีตั้งแต่เด็กอยู่ในราชสำนักพระราชวังดุสิตในพระตำหนักฝรั่งกังไสตั้งแต่เด็กจนเป็นสาวใหญ่เกือบ ๑๐ ปี ก็ได้เล่าเรื่องคำพระราชดำรัสของพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้ารัชกาลที่ ๕ ที่ทรงตรัสให้บรรดาพระบรมราชเทวีและเจ้านายในพระราชวงศ์ ตลอดจนเจ้าจอมหม่อมห้ามเกี่ยวกับพระประวัติของเสด็จพระราชชายาเจ้าดารารัศมี ก่อนที่จะเข้ามาเป็น “เจ้าจอม” รับราชการฝ่ายในเมื่อตอนเข้ามาใหม่ๆ ในครั้งกระโน้นได้เล่าให้ฟังคล้ายๆ กันกับที่เจ้าน้อยปิงเมืองท่านได้กรุณาเล่าให้ฟัง
ที่มา : จากหนังสือ เพ็ชร์ลานนา