ท่าแพในความทรงจำ

- 3638.jpg (44.05 KiB) เปิดดู 3768 ครั้ง
ย้อนหลังไปประมาณสามสิบปีก่อน ตั้งแต่ฉันยังพอจำความได้ ฉันเป็นคนเชียงใหม่ เป็นเด็กท่าแพตั้งแต่เกิด อยู่ท่าแพมาตลอด ได้เห็นความเปลี่ยนแปลงของข่วงลานท่าแพ ตั้งแต่สมัยที่เป็นสนามเด็กเล่น มีหอนาฬิกา มีของเล่น และมีถนนตัดผ่านกลางประตูได้ แต่สิ่งที่เหมือนเดิมตลอดจนปัจจุบันคือ ข่วงประตูท่าแพคือที่จัดงานสำคัญๆของเวียงเชียงใหม่มาตลอด ไม่ว่าจะเป็นงานปี๋ใหม่เมือง งานยี่เป็งและมีกีฬาเป็นระยะๆ ไม่ว่าจะเป็นตะกร้อบ้าง อะไรบ้าง และมีการจัดแสดงดนตรีทั้งการกุศล ทั้งจ่ายเงิน ศิลปินน้อยใหญ่ ท้องถิ่นและจากเมืองกอกมาผลัดเปลี่ยนกันตลอดปี ตลอดหลายปี
เมื่อสมัยเด็ก ฉันเรียนประถมอยู่ และบ้านก็อยู่แถวๆท่าแพ เป็นเด็กต่างจังหวัด แต่ก็อยู่ในเมืองเชียงใหม่แหละ บ้านฉันจะเป็นร้านขายเสื้อผ้า ผ้าพื้นเมือง แถวๆนั้นก็จะมีร้านขายรองเท้าหนัง ทำรองเท้า ชื่อร้านคอบร่า จะมีลูกร้านคอบร่า ชื่อป้อม มันจะอ่อนกว่าฉันสี่ห้าปี จะมีร้านขายโปสการ์ด เสื้อผ้าคล้ายร้านฉันชื่อร้านสุขสันต์ มีหลานสองคน ชื่อเฮียนัทกับเอก เอกนี่รุ่นเดียวกัน มีน้องนัท หลานชายร้านรับแลกเงินมีชื่อของเชียงใหม่ นี่เค้าเป็นเด็กนอก จะมีช่วงนึงที่น้องนัทไปอยู่แคนาดากับพ่อแม่ที่ย้ายไป กลับมานี่พูดไทยไม่เป็นต้องฝึกใหม่หมดเลย จะมีร้านขายพวกเสื้อผ้าบูติก ชื่อร้านนิวเฟรนด์(ถ้าจำไม่ผิด) ร้านนี้ จะมีพี่น้องชายหญิง ซึ่งเป็นที่มาของแฟนฉันของผมครับ ร้านนิวเฟรนด์ คือร้านเสื้อผ้าที่เปิดใหม่สุดในตอนนั้น เป็นเสื้อผ้าแนวบูติกสวยๆ โดนใจวัยรุ่น เป็นร้านเพิ่งมาเปิด มาจากเมืองกอก แต่พื้นเพเค้ามาจากบ้านโป่ง ราชบุรี ร้านนิวเฟรนด์ มีลูกชาย ลูกสาวอย่างละคน ลูกชายชื่อก๊อด นี่อ่อนกว่าฉันหลายปีอยู่ และมีลูกสาวชื่อจุ๊บ คนนี้แก่กว่าฉันสองปี คนนี้แหละที่ฉันแอบชอบในตอนนั้น เรียกว่าลักเมากันเลยทีเดียว ลองจินตนาการภาพในหนังแฟนฉัน เมื่อก่อน ฉันและแก๊งเด็กๆ แถวนั้นก็เล่นประมาณนั้นเลย
เมื่อก่อนตอนเด็ก หยุดเรียนเสาร์อาทิตย์ ร้านแต่ละร้านเปิด ฉันก็ไปตามหาเพื่อนๆแล้ว ขึ้นไปบนห้องนอนของร้านนิวเฟรนด์ เห็นสองพี่น้องไม่ตื่น ก็ทำการปลุกเล่นกันแบบไอ้เจี๊ยบกะน้อยหน่าเลย ฉันก็แอบชอบจุ๊บแบบเด็กๆ สองสามปีอยู่ เล่นด้วยกันตลอด ผลัดกันไปเล่นบ้านแต่ละคน สนุกมีความสุขแบบเด็กๆ จนตอนนี้ ไม่รู้เด็กๆ แถวท่าแพละแวกนั้นไปไหนหมดแล้ว
เอก เป็นวิศวกรที่กรุงเทพ รับแม่ที่อยู่คนเดียวที่สันทรายไปอยู่กรุงเทพด้วย ยังโสด เฮียนัท มีครอบครัวลูกเมียแล้ว ย้ายไปอยู่แถววัดผ้าขาว ป้อม เห็นลงหนังสือพิมพฺ์เชียงใหม่นิวส์หน้าสังคมว่ามันแต่งงานแล้ว แหม่ อ่อนกว่าฉันหลายปี มึงแต่งงานก่อนได้ไง และมันคงเป็นเถ้าแก่ร้านคอบร่าที่เชียงใหม่แลนด์แทนพ่อมันแล้วละ น้องนัท นี่ไม่รู้เป็นไง ไม่ได้ข่าว แต่ร้านของน้องนัท ไปอยู่เจริญประเทศนานแล้ว เหลือแต่จุ๊บ กับไอ้ก๊อด สองพี่น้องจากร้านนิวเฟรนด์ ที่ไม่รู้ตอนนี้ไปอยู่ไหน เป็นไงบ้างแล้ว ยังจำตอนเด็กๆ ได้ไหมไม่รู้ ถ้าใครได้ไปเจอ ฝากความคิดถึงถึงไอ้ก๊อด กับจุ๊บ คนที่ผมเคยแอบลักเมาด้วย
แถวท่าแพ สมัยฉันเด็กๆ จะมีหลายอย่างที่จำได้ เช่น ร้านเครื่องเขียนที่ฉันไปซื้อตั้งแต่ตอนเด็ก คือร้านพิชิตเสตชั่นเนอรี่ ไม่ว่าดินสอ ปากกา ลิควิดเปเปอร์ อุปกรณ์ทำบอร์ดต่างๆ ฉันล้วนซื้อที่ร้านนี้ ปัจจุบันคือร้านอินเตอร์บาร์ไปแล้ว จะมีร้านศิริพาณิชย์ ที่ขายเครื่องไฟฟ้าที่ใหญ่ที่สุดในย่านท่าแพ ที่ชอบจัดรายการพิเศษคาราโอเกะทุกเสาร์ บางทีฉันก็เคยไปร้องเพลงด้วยแหละ ชอบร้องเพลงตั้งแต่สมัยเด็กมาแล้ว ตอนนี้ตึกศิริพาณิชย์คือโรงแรมลานนาเฮาส์
ปากซอยศิริพาณิชย์ คือร้านขายของชำ ที่มีขนมดีๆ ของชำ คือร้านลีรวัฒน์ มีไอติมด้วยร้านนี้ โฟร์โมสต์ด้วยล่ะ ปัจจุบัน เจ้าของครอบครัวร้านลีรวัฒน์ย้ายไปอยู่ที่ฝาง น่าจะไม่ต่ำกว่า ๒๐ ปีแล้ว
ตรงที่เป็นโรงแรมโมรูมส์ปัจจุบัน เมื่อฉันเด็กๆ คือที่ในฝันของเด็กหลายคน ศาลาโฟร์โมสต์นั่นเอง ที่ย้ายมาจากเชียงอินทร์สมัยนั้น ฉันก็แค่เดินข้ามถนนไปก็ได้กินแล้ว แต่ก็ไม่บ่อยนักหรอก
มาถึงฝั่งเดียวกับบ้านฉัน ก็จะมีร้านดาวรุ่งภูพิงค์ ที่เป็นร้านตัดผมท่านชาย ร้านดังประจำท่าแพ ตั้งแต่ฉันเด็กๆ ก็ตัดร้านดาวรุ่งมาตลอด ร้านดาวรุ่งจะมีเจ้าของร้านชื่อป้ามาลี ป้าจะขายพวกผลไม้หน้าร้านตัดผมด้วย แต่ร้านนี้ก็ปิดตัวลงไปนานแล้วเช่นกัน ต่อมาคือร้านขายหนังสือ ร้านขายของชำ ชื่อร้านป้านวย ร้านนี้จะมีเจ้าของเป็นสองป้า คือป้านวยและป้านันท์ เป็นร้านหนังสือร้านเดียวในละแวกบ้านฉัน ตั้งแต่เด็กๆฉันมายืนอ่านฟรีทุกวัน บางวันป้าสองป้าก็ไล่ฉันกลับบ้าน นึกถึงทีไรตลกทุกที ตอนนี้ป้านวยและป้านันท์ ไปเปิดร้านขายขนมเด็กอยู่หลังอนุบาลเชียงใหม่นี่เอง และป้าทั้งสองยังคงแข็งแรง
ความบันเทิงที่ใกล้บ้านที่สุด เวลาพ่อแม่ หรือเพื่อนบ้าน ญาติพี่น้อง เวลามาหาที่บ้านฉันแถวท่าแพ ก็คือโรงหนังสุริวงศ์ ที่เป็นโรงหนังที่ใกล้บ้านที่สุด ที่สามารถเดินไปดูกับครอบครัวได้ บรรยากาศหน้าโรงก็จะมีพวกวาฟเฟิลไส้กรอก ขนมรังผึ้ง พวกของหมักดอง ขนมขบเคี้ยว และที่ขาดไม่ได้คือข้าวโพดคั่วร้อนๆ บรรยากาศหนุ่มๆ สาวๆ ควงคู่มาดูหนัง ผู้ใหญ่พาเด็กมาดูหนังที่โปรดปราน จะมีพวกโปสเตอร์หนังโปรแกรมปัจจุบัน โปรแกรมหน้าติดให้ดูหน้าโรง วันดีคืนดีก็จะมีวงดนตรีท้องถิ่่น หรือวงลูกทุ่งมาเล่นในโรง เก็บเงินคนดูแทนหนัง เท่าที่จำความได้ สมัยฉันเด็กๆ ก็จะมีสาวประเภทสอง ที่ทำมาหากินหน้าโรงหนังสุริวงศ์กันแล้วนะ ท่าแพกับสาวประเภทสองเป็นของคู่กันจริงๆ ต่อมาโรงหนังก็ได้ปิดตัวลง ด้วยเหตุผลอะไรจำไม่ได้เหมือนกัน จากโรงหนังกลายมาเป็นคริสตจักรความหวังต่อมา และมาเป็นห้างของตระกูลชิน คือห้างสุริวงศ์พลาซ่า ที่อยู่ได้ไม่นานก็เจ๊ง จนล่าสุด คือ IM hotel ของเครือเสี่ยเจริญค่ายสัตว์ใหญ่มาทำธุรกิจต่อเนื่อง คงเหลือแต่ความหลังอันสวยงามสมัยฉันเป็นเด็กเอาไว้
ทุกวันนี้บางครั้ง บางทีฉันนั่งมองดูความเปลี่ยนแปลงไปของถนนสายที่อยู่กับฉันแต่เกิดก็เห็นสัจธรรม ไม่มีอะไรแน่นอน เปลี่ยนแปลงตลอดเวลา ตั้งแต่เพื่อนบ้านใกล้ชิด ทั้งเพื่อนสมัยเด็ก และตลอดจนตึกรามบ้านช่อง โรงหนังที่มีชื่อ จนตอนนี้ไม่เหลือสักโรงแล้ว ก็ได้แต่คิดว่า การเปลี่ยนแปลงคือนิรันดร์ แม้เราจะคิดถึงวันวานขนาดไหน แต่เราก็ไม่สามารถย้อนเวลากลับไปได้ สิ่งที่เราต้องทำคือ เอาบทเรียนในอดีต มาทำให้ปัจจุบันและอนาคตดีที่สุดนั่นเอง
ภาพ : ลุงสุเทพ กาญบุตร หรือลุงตุ๋ยแห่งสำนักโยธาธิการจังหวัดเชียงใหม่