Re: เชียงใหม่ในอดีต..ภาพเก่าเล่าความหลัง โดย น้ำฟ้า
เมื่อ: อาทิตย์ 26 ม.ค. 2020 4:35 pm
วัดพระธาตุดอยสุเทพ ไม่ทราบ ปี พ.ศ.
ภาพ : อูฐ เชียงใหม่
วัดเชียงยืน ถนนมณีนพรัตน์ พ.ศ.๒๔๔๓
ขอบคุณเจ้าของภาพ
เมื่อ ๖๐ ปีกว่ามานี้ เมืองเชียงใหม่ยังมีกําแพงเมือง สูงรายรอบด้าน ผู้เขียน เกิด และ โตที่บ้านถนนราชวงษ์ตรงที่ที่เป็นโรงแรมมิตรภาพในปัจจุบันนี้ บ้านนั้นเป็นบ้าน ของคุณปู่ ก่อนสมัยที่ผู้เขียนเกิด ถนนราชวงษ์ตอนเหนือ เป็นตลาดสดที่คับคั่งทั้งผู้ซื้อ และผู้ขาย แต่เมื่อเกิดแล้วตลาดสด ก็เคลื่อนย้ายมาตั้งใหม่ ที่ ตลาดวโรรส ซึ่งเคยเป็นที่ ถวายพระเพลิงเจ้าผู้ครองนครเชียงใหม่ซึ่งมีชื่อว่า “ข่วงเมรุ”
กําแพงเมืองเชียงใหม่ สมัยนั้นยังสมบูรณ์เป็นส่วนมาก แต่ได้เคยเห็นส่วนที่ชํารุดจะเป็นเพราะคนเดินผ่านจนกร่อนไป หรือ ผุพังไปตามสภาพแล้วคนเดินผ่านซ้ำเติมให้ทลายเร็ว ก็เป็นได้ เพราะผู้เขียนเคยติดตามเพื่อนในกําแพงเมืองที่สึกกร่อน ตอนถนนโรงแรมปรินส์ ใน ปัจจุบันนี้เพื่อจะเดินข้ามไปโรงเรียนสตรีประจํามณฑลพายัพ คือ โรงเรียนวัฒโนทัยพายัพ ในปัจจุบันนี้ ได้เห็นอิฐก้อนโต หนากว้าง ยาวกว่าที่เห็นในการสร้างประตูท่าแพในปี ๒๕๒๘ นี้มาก มีคนงัดเอาไปเรื่อยๆ จึงเกิดเป็นช่องกําแพงขาดจนเด็กๆ ก็เดินผ่านได้เช่นนี้ ภายหลัง จึงเกิดคนหัวใสคิดจะซื้อกําแพงเมือง เพื่อจะสร้างอาคารพาณิชย์
ดังที่ผู้เขียนเห็นการทลายกําแพงเมืองตอนหน้าโรงเรียนวัฒโนทัยพายัพ ในปี พ.ศ. ๒๕๐๐ หลังจากที่ผู้เขียนย้ายไปรับราชการ อยู่ที่นครพนม และ มาเยี่ยมบ้านเชียงใหม่ ตกใจมากที่ได้ทราบว่ามีการทลายกําแพงเมืองเชียงใหม่หลายตอนแล้ว เมื่อครั้งนั้นแถมได้ทราบว่า มีการออกโฉนดให้แก่เอกชนเข้าเป็นเจ้าของที่ดินกําแพงเมืองที่ถูกทลายลงได้ด้วย ทําไมจึงเป็นเช่นนั้นได้?
ดังนั้นในปี พ.ศ. ๒๕๑๐ ที่ผู้เขียน ย้ายมาดํารงตําแหน่งอาจารย์ใหญ่โรงเรียนสตรีวัฒโนทัยพายัพจึงร่วมร้องเอะอะคัดค้านการซื้อ กําแพงเมืองที่เหลือ มุมแจ่งหัวริน ไว้ขายนักท่องเที่ยวชาวต่างประเทศบ้าง น่าประหลาดนักที่ จังหวัดเชียงใหม่ก็มี “หัวนอก” เยอะแยะ ท่านเหล่านี้ทําไมลืมว่าประเทศอิตาลีเขาได้เงิน รายได้มหาศาลจากการ “ขายกรุงโรมให้นักท่องเที่ยวปีละหลายแสนล้านลีร์”เพียงแต่อิฐ หัก ๆ และไกด์เก่งเท่านั้นก็ทําเงินให้ประเทศได้แล้ว แต่นี่เรามีอิฐหักเพราะถูกปล่อยปละละเลย หรือสึกกร่อนตามธรรมชาติ ถูกทําลายอย่างจงใจ เช่นนี้ ไม่เสียดาย ไม่เสียใจได้อย่างไร?
กําแพงเมืองเชียงใหม่ด้านตะวันตกนั้นเมื่อเข้าไปชิดฐานกําแพง จําได้ว่าสูงถึงแหงนคอตั้งบ่า ข้าพเจ้าได้ไปถึงฐานกําแพงเมืองด้านตะวันตกบ่อย เพราะมีพี่ชายซึ่งเป็นลูกพี่คนหนึ่งซื้อที่ดินหลายไร่แถบนั้นทําสวน ข้าพเจ้าเป็นผู้ที่ถูกเลือกให้เอาอาหารแปลกๆ ที่ทํากัน ที่บ้านไปส่งพี่ชาย และเมื่อเข้าไปในบริเวณท้ายสวนของพี่ชายซึ่งอยู่ค่อนข้างลึกไปทางตะวันออก มองยังไม่เห็นยอดดอยสุเทพ แสดงว่ากําแพงเมืองตอนนั้นสูงมาก มีลักษณะทึบ แข็งแรง ใบเสมายังคงมีอยู่บ้าง ในตอนนั้นประมาณ พ.ศ. ๒๔๗๒
[ตัดตอนจาก บทความเล็กๆน้อยๆจากเชียงใหม่ในอดีต โดย คุณหญิงสวาท รัตนวราห อดีตผู้อำนวยการ โรงเรียนวัฒโนทัยพายัพ]
วัดพระเจ้าเม็งราย(วัดกาละก้อด) ต.พระสิงห์ อ.เมือง จ.เชียงใหม่ พ.ศ.๒๕๑๗
ภาพ : เหนือฟ้า ปัญญาดี
ขบวนแห่ลูกแก้ว ที่ถนนท่าแพ จ.เชียงใหม่ ประมาณ พ.ศ.๒๔๕๐ - ๒๔๖๐ เห็นต้นมะฮอกกานีตลอดข้างทาง
เพจ : เชียงใหม่ที่คุณไม่เคยเห็น
ภาพ : อูฐ เชียงใหม่
วัดเชียงยืน ถนนมณีนพรัตน์ พ.ศ.๒๔๔๓
ขอบคุณเจ้าของภาพ
เมื่อ ๖๐ ปีกว่ามานี้ เมืองเชียงใหม่ยังมีกําแพงเมือง สูงรายรอบด้าน ผู้เขียน เกิด และ โตที่บ้านถนนราชวงษ์ตรงที่ที่เป็นโรงแรมมิตรภาพในปัจจุบันนี้ บ้านนั้นเป็นบ้าน ของคุณปู่ ก่อนสมัยที่ผู้เขียนเกิด ถนนราชวงษ์ตอนเหนือ เป็นตลาดสดที่คับคั่งทั้งผู้ซื้อ และผู้ขาย แต่เมื่อเกิดแล้วตลาดสด ก็เคลื่อนย้ายมาตั้งใหม่ ที่ ตลาดวโรรส ซึ่งเคยเป็นที่ ถวายพระเพลิงเจ้าผู้ครองนครเชียงใหม่ซึ่งมีชื่อว่า “ข่วงเมรุ”
กําแพงเมืองเชียงใหม่ สมัยนั้นยังสมบูรณ์เป็นส่วนมาก แต่ได้เคยเห็นส่วนที่ชํารุดจะเป็นเพราะคนเดินผ่านจนกร่อนไป หรือ ผุพังไปตามสภาพแล้วคนเดินผ่านซ้ำเติมให้ทลายเร็ว ก็เป็นได้ เพราะผู้เขียนเคยติดตามเพื่อนในกําแพงเมืองที่สึกกร่อน ตอนถนนโรงแรมปรินส์ ใน ปัจจุบันนี้เพื่อจะเดินข้ามไปโรงเรียนสตรีประจํามณฑลพายัพ คือ โรงเรียนวัฒโนทัยพายัพ ในปัจจุบันนี้ ได้เห็นอิฐก้อนโต หนากว้าง ยาวกว่าที่เห็นในการสร้างประตูท่าแพในปี ๒๕๒๘ นี้มาก มีคนงัดเอาไปเรื่อยๆ จึงเกิดเป็นช่องกําแพงขาดจนเด็กๆ ก็เดินผ่านได้เช่นนี้ ภายหลัง จึงเกิดคนหัวใสคิดจะซื้อกําแพงเมือง เพื่อจะสร้างอาคารพาณิชย์
ดังที่ผู้เขียนเห็นการทลายกําแพงเมืองตอนหน้าโรงเรียนวัฒโนทัยพายัพ ในปี พ.ศ. ๒๕๐๐ หลังจากที่ผู้เขียนย้ายไปรับราชการ อยู่ที่นครพนม และ มาเยี่ยมบ้านเชียงใหม่ ตกใจมากที่ได้ทราบว่ามีการทลายกําแพงเมืองเชียงใหม่หลายตอนแล้ว เมื่อครั้งนั้นแถมได้ทราบว่า มีการออกโฉนดให้แก่เอกชนเข้าเป็นเจ้าของที่ดินกําแพงเมืองที่ถูกทลายลงได้ด้วย ทําไมจึงเป็นเช่นนั้นได้?
ดังนั้นในปี พ.ศ. ๒๕๑๐ ที่ผู้เขียน ย้ายมาดํารงตําแหน่งอาจารย์ใหญ่โรงเรียนสตรีวัฒโนทัยพายัพจึงร่วมร้องเอะอะคัดค้านการซื้อ กําแพงเมืองที่เหลือ มุมแจ่งหัวริน ไว้ขายนักท่องเที่ยวชาวต่างประเทศบ้าง น่าประหลาดนักที่ จังหวัดเชียงใหม่ก็มี “หัวนอก” เยอะแยะ ท่านเหล่านี้ทําไมลืมว่าประเทศอิตาลีเขาได้เงิน รายได้มหาศาลจากการ “ขายกรุงโรมให้นักท่องเที่ยวปีละหลายแสนล้านลีร์”เพียงแต่อิฐ หัก ๆ และไกด์เก่งเท่านั้นก็ทําเงินให้ประเทศได้แล้ว แต่นี่เรามีอิฐหักเพราะถูกปล่อยปละละเลย หรือสึกกร่อนตามธรรมชาติ ถูกทําลายอย่างจงใจ เช่นนี้ ไม่เสียดาย ไม่เสียใจได้อย่างไร?
กําแพงเมืองเชียงใหม่ด้านตะวันตกนั้นเมื่อเข้าไปชิดฐานกําแพง จําได้ว่าสูงถึงแหงนคอตั้งบ่า ข้าพเจ้าได้ไปถึงฐานกําแพงเมืองด้านตะวันตกบ่อย เพราะมีพี่ชายซึ่งเป็นลูกพี่คนหนึ่งซื้อที่ดินหลายไร่แถบนั้นทําสวน ข้าพเจ้าเป็นผู้ที่ถูกเลือกให้เอาอาหารแปลกๆ ที่ทํากัน ที่บ้านไปส่งพี่ชาย และเมื่อเข้าไปในบริเวณท้ายสวนของพี่ชายซึ่งอยู่ค่อนข้างลึกไปทางตะวันออก มองยังไม่เห็นยอดดอยสุเทพ แสดงว่ากําแพงเมืองตอนนั้นสูงมาก มีลักษณะทึบ แข็งแรง ใบเสมายังคงมีอยู่บ้าง ในตอนนั้นประมาณ พ.ศ. ๒๔๗๒
[ตัดตอนจาก บทความเล็กๆน้อยๆจากเชียงใหม่ในอดีต โดย คุณหญิงสวาท รัตนวราห อดีตผู้อำนวยการ โรงเรียนวัฒโนทัยพายัพ]
วัดพระเจ้าเม็งราย(วัดกาละก้อด) ต.พระสิงห์ อ.เมือง จ.เชียงใหม่ พ.ศ.๒๕๑๗
ภาพ : เหนือฟ้า ปัญญาดี
ขบวนแห่ลูกแก้ว ที่ถนนท่าแพ จ.เชียงใหม่ ประมาณ พ.ศ.๒๔๕๐ - ๒๔๖๐ เห็นต้นมะฮอกกานีตลอดข้างทาง
เพจ : เชียงใหม่ที่คุณไม่เคยเห็น