ภาพอดีตที่งดงามในความทรงจำ

เก็บภาพอดีตมาฝากค่ะ

ลิงค์แรก คือกรุงเทพฯในปี ๒๕๐๐
http://www.reurnthai.com/index.php?topic=1426.0

ลิงค์นี้เป็นภาพอดีตประมาณปี ๒๔๙๐ ค่ะ
http://www.thaifilm.com/forumDetail.asp ... 5&keyword=

ลิงค์นี้เป็นกาดหลวง เจียงใหม่เจ้า อิอิ
http://www.nightbazaar.net/index.php?la ... &Ntype=150

ลิงค์นี้เป็นเหตุการณ์สำคัญที่เกิดขึ้นในปีต่างๆ กดตามพ.ศ.เลยค่ะ
http://guru.sanook.com/history/year/%E0 ... 8%A8.2485/

โดย **dara** » ศุกร์ 18 ก.ค. 2008 10:44 am

นึกว่าฟ้าจะชวนขุดกรุรูปมาแปะซะอีก ว่าแต่ว่า..เวบนี้เขาโพสต์รูปยังไงเหรอคะ
สอนขั้นตอนละเอียด ๆ นะคะ เพราะดาราเป็นคนฉลาดมาก ๆ :lol:

ประมาณไอคิวซีโร่ยังไงยังงั้น

โดย **Gorakot** » ศุกร์ 18 ก.ค. 2008 7:19 pm

โดย **Gorakot** » ศุกร์ 18 ก.ค. 2008 9:28 pm

มาชวนชมภาพบริเวณอนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิในอดีตกันค่ะ

อนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ พ.ศ.2483 รัฐบาลจอมพล ป.พิบูลสงคราม ไทยเรียกร้องดินแดนคืนจากฝรั่งเศส ขณะฝรั่งเศสเร่งรัดให้ไทยทำสัตยาบันไม่รุกรานตามที่ได้เคยทำสัญญาไว้ โดยสัญญาจะมีผลบังคับใช้เมื่อแลกสัตยาบันกันแล้ว รัฐบาลไทยให้คำตอบว่ายินดีหากฝรั่งเศสยกดินแดนหลวงพระบาง ปากเซ ทางฝั่งขวาของแม่น้ำโขงคืนให้ พร้อมปักปันเส้นเขตแดนในลำน้ำโขงให้เรียบร้อย และยกลาวซึ่งเป็นอาณาจักรของไทยมาแต่เดิมคืนด้วยหลังพ้นจากการปกครองของฝรั่งเศส

แต่ฝรั่งเศสตอบปฏิเสธข้อเสนอนี้ กรณีพิพาทจึงเกิดขึ้น และทวีความรุนแรงเมื่อฝรั่งเศสทิ้งระเบิดจังหวัดนครพนม เมื่อวันที่ 28 พฤศจิกายน 2483 รัฐบาลไทยตอบโต้โดยนำเครื่องบินขับไล่ 3 ลำขึ้นต่อสู้ จากนั้นการยุทธ์ทางอากาศก็เริ่มขึ้น ตามด้วยการปะทะด้วยกำลังทหารและอาวุธ

17 มกราคม 2484 เกิดยุทธนาวีเกาะช้างระหว่างราชนาวีไทยกับกองเรือรบฝรั่งเศส ได้รับความเสียหายหนักทั้งสองฝ่าย จึงรับข้อเสนอหยุดยิงของญี่ปุ่นที่เข้ามาไกล่เกลี่ย มีการลงนามในสัญญาพักรบที่ไซ่ง่อนบนเรือรบญี่ปุ่น และการประชุมทำสัตยาบันสันติภาพที่กรุงโตเกียว โดยฝรั่งเศสยินยอมยกดินแดนหลวงพระบาง ฝั่งขวาของแม่น้ำโขง จำปาศักดิ์ ท่าสามเหลี่ยมฝั่งขวา และอาณาเขตมณฑลบูรพาเดิมให้ไทย

อนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิสร้างด้วยคอนกรีตเสริมเหล็กประดับศิลา รูปทรงเป็น ดาบปลายปืน 5 เล่มประกบกัน ความสูง 50 เมตร มีรูปวีรชน 5 เหล่าคือทหารบก ทหารเรือ ทหารอากาศ ตำรวจ และพลเรือน รายรอบ 5 ด้าน

ในการยุทธ์อินโดจีน ไทยสูญเสียทหารหาญ วีรชน พลเรือนรวม 59 ราย อนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิจารึกนามทุกท่านไว้ร่วมกับผู้กล้าที่เสียชีวิตในสงครามมหาเอเชียบูรพา (สงครามโลกครั้งที่ 2) และสงครามเกาหลี โดยมีพิธีเปิดเมื่อ 24 มิถุนายน 2485

ก่อนที่จะมีการสร้างวงเวียนอนุสาวรีย์ บริเวณจุดตัดของถนนพญาไท ถนนราชวิถี และถนนพหลโยธิน นี้มีชื่อเรียกว่า "สี่แยกสนามเป้า"

[center] รูปภาพ

[/center]

[center] รูปภาพ

[/center]

อนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิปัจจุบัน

[center] รูปภาพ

[/center]

[center] รูปภาพ

[/center]

คิดและออกแบบโดย ม.ล.ปุ่ม มาลากุล มีพลอากาศตรีพระเวชยันตร์รังสฤษดิ์ (รัฐมนตรีกระทรวงเกษตราธิการในสมัยนั้น) เป็นประธานกรรมการดำเนินงาน ศาสตราจารย์ศิลป์ พีระศรี เป็นหัวหน้าช่างปั้น นายแช่ม แดงชมภู นายบุญเจือ (สิทธิเดช) แสงหิรัญ นายพิมานมูล ประมุข และนายสุข อยู่มั่น เป็นช่างปั้น รวมค่าใช้จ่ายในการก่อสร้าง 550,000 บาท

จากหนังสือ "ประวัติอนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ" จัดพิมพ์เป็นที่ระลึกในงานบรรจุอัฐิทหาร ตำรวจ และพลเรือนผู้วายชนม์ในการปฏิบัติหน้าที่ราชการสงคราม (โรงพิมพ์กรมแผนที่ทหารบก, 2491)

โดย **น้ำฟ้า** » เสาร์ 19 ก.ค. 2008 11:33 am

ขอ ๑๔ ตุลา ๑๖ ด้วยค่ะ

โดย **Gorakot** » เสาร์ 19 ก.ค. 2008 5:39 pm

ขอบคุณค่ะคุณฟ้าที่แวะชม วันนี้ว่างเลยจัดให้ค่ะ อันที่จริงไม่ใช่ภาพอดีตที่งดงามในความทรงจำเลยสักเท่าไหร่เลยนะคะ :roll:

ปรากฏการณ์ “14 ตุลา” เป็นการสั่งสมของความกดดันของการเมืองไทย ที่อยู่ใต้ ระบบเผด็จการ มาเป็นเวลายาวนาน มีการร่างรัฐธรรมนูญขึ้นมาใหม่แล้วฉีกทิ้งทำลาย สิทธิเสรีภาพที่ประชาชนพึงมีพึงได้ถูกปฏิเสธและเหยียบย่ำ อำนาจการเมืองการปกครองก็ตกอยู่ในมือของคณาธิปไตยเพียงไม่กี่คน ทั้งนี้โดยอาศัยกลไกของรัฐ ข้าราชการทหาร ตำรวจ และพลเรือนเป็นเครื่องมือ
ขณะเดียวกัน การเร่งรัด การพัฒนา ไปสู่ความทันสมัยตั้งแต่ยุคจอมพลสฤษดิ์ ธนะรัชต์ ประกอบกับการแผ่ขยายระบบอภิสิทธิ์ของกลุ่มข้าราชการ นักการเมือง และกลุ่มธุรกิจเพื่อกอบโกยผลประโยชน์ ก็ได้ก่อให้เกิดปัญหาความขัดแย้งทางเศรษฐกิจสังคมมากมาย เกิดช่องว่างระหว่างคนจนกับคนรวย ระหว่างชนบทกับเมือง ระหว่างภาคเกษตรกรรมกับภาคอุตสาหกรรม
นอกจากนี้ ในบริบทของการเมืองระหว่างประเทศ ยุคสงครามเย็น รัฐไทยยังได้ผูกมัดตัวเองอยู่กับค่ายโลกเสรีที่มีสหรัฐอเมริกาเป็นผู้นำ ยินยอมให้สหรัฐฯ เข้ามาตั้งฐานทัพในประเทศเพื่อบินไปทิ้งระเบิดในอินโดจีน การต่อต้านและปราบปรามคอมมิวนิสต์เป็นไปอย่างรุนแรง
อย่างไรก็ตาม ในสมัยที่บ้านเมืองขาดสิทธิเสรีภาพและประชาธิปไตย ความไม่พอใจในสภาวะที่เป็นอยู่และ ขบวนการนิสิตนักศึกษา ก็ได้ก่อตัวขึ้นอย่างช้า ๆ เครือข่ายของกลุ่มปัญญาชนคนหนุ่มสาวค่อย ๆ เกิดความตื่นตัวทางปัญญา เริ่มตั้งคำถามต่อตัวเองและสังคม ทำให้ตระหนักในบทบาทและศักยภาพของตน และกลายเป็นพลังในการตอบโต้และเผชิญหน้ากับผู้มีอำนาจในที่สุด

[center] รูปภาพ

[/center]
เหตุการณ์ 14-15 ตุลาคม พ.ศ. 2516 หรือ วันมหาวิปโยค
เป็นเหตุการณ์ที่นักศึกษาและประชาชนในประเทศไทย มากกว่า 5 แสนคน
ได้รวมตัวกันเพื่อเรียกร้องรัฐธรรมนูญจากรัฐบาลเผด็จการ จอมพลถนอม กิตติขจร

[center] รูปภาพ

[/center]

[center] รูปภาพ

[/center]
เดือนตุลา2516วีรชนคนหนุ่มสาวเดินออกจากบ้าน และเดินเข้าสู่ดินแดนประวัติศาสตร์และตำนานที่จะต้องจดจำกันไว้ในแผ่นดินนี้ไว้ชั่วกาลนาน
[center] รูปภาพ

[/center]
[center] รูปภาพ

[/center]

หลายคนไม่ได้กลับบ้านอีกเลย บางคนกลับ ไปด้วยร่างกายพิการ บางคนกลับไปด้วยความรู้สึกใหม่ เยี่ยงวีรชน ผู้ผ่านศึกพร้อมแผลทั้งกายและใจ
เหตุการณ์ 14 - 15 ตุลาคม มีผู้เสียชวิต 77 คน บาดเจ็บ 857 คน
วันที่ 14 - 15 ตุลาคม 2516 ตำนานแห่งวีรชนที่จารึกไว้ในแผ่นดิน