พระแก้วมรกต วัดพระธาตุลำปางหลวง
- prakhao11.jpg (47.18 KiB) เปิดดู 9470 ครั้ง
ตามตำนานนั้น เริ่มจากศิษย์ตถาคตหรือศิษย์พระพุทธเจ้า ได้จุติจากดาวดึงส์ลงมาปฏิสนธิที่เมืองกุกุตนคร(เมืองลำปาง) เมื่อเจริญวัยก็ออกบวชเป็นภิกษุ ต่อมาได้เป็นพระเถระ ขณะเดียวกันก็มีเทวดาอีกองค์หนึ่งได้ลงมาจุติที่เมืองกุกุตนครเช่นเดียวกัน ชื่อว่านางสุชาดา
นางได้เลื่อมใสพระพุทธศาสนา จนได้มาปรนนิบัติรับใช้พระเถระอยู่ที่วัดม่อนดอนเต้า อยู่มาวันหนึ่งพระเถระคิดจะสร้าง
พระพุทธรูปสักองค์ แต่หาวัตถุที่จะสร้างไม่ได้ ก็พอดีนางสุชาดาได้ไปที่ไร่เพื่อเก็บดอกไม้มาถวายพระ ได้พบหมากเต้า หรือผลแตงโม ลูกงามใบหนึ่ง จึงนำมาถวายพระเถระ แต่เมื่อผ่าออกมาปรากฏว่าในผลหมากเต้านั้นพบแก้วมรกตอยู่ข้างใน พระมหาเถระก็นำแก้วมรกตนั้นมาสลักให้เป็นพระพุทธรูป
เมื่อเสร็จแล้วก็มีพิธีฉลองสมโภชพระแก้วมรกต และตั้งชื่อวัดม่อนดอนเต้าเป็น “ วัดพระแก้วดอนเต้า ” มาจนทุกวันนี้
จากนั้นมีเสียงเล่าลือว่า พระมหาเถระกับนางสุชาดาเป็นชู้กัน ความทราบถึงอำมาตย์ผู้ปกครองนครนี้ และโดยที่ไม่ได้ไต่สวน ความจริงให้ปรากฏ จึงทรงกราบบังคมทูลให้เจ้านครทราบ และมีบัญชาให้เพชฌฆาตนำนางสุชาดาไปฆ่าเสีย ณ ริมฝั่ง แม่น้ำวัง โดยก่อนที่นางสุชาดาจะถูกประหารก็ได้อธิษฐานว่า หากนางเป็นชู้กับพระมหาเถระจริง ก็ขอให้เลือดตกลงพื้นดิน แต่ถ้าหากไม่มิได้เป็นชู้ ก็ขออย่าให้เลือดพุ่งขึ้นสู่อากาศ
เมื่อเพชฌฆาตลงดาบปรากฏว่าเลือดของนางพุ่งสู่อากาศโดยไม่ตกลงพื้นดินเลย เจ้านครเมื่อทราบเรื่องนี้ก็ทรงเสียพระทัย และขาดใจตายในเวลาต่อมา
จากนั้นพระมหาเถระก็หนีออกจากวัดพระแก้วดอนเต้าไปพักอยู่ที่วัดสัมภะกัปปะ (วัดพระธาตุลำปางหลวง) พร้อมกับนำเอาพระแก้วมรกตไปด้วย พระแก้วมรกตจึงประดิษฐานอยู่ที่วัดพระธาตุลำปางหลวงมาจนทุกวันนี้
ประวัติพระแก้วมรกตจากคำบอกเล่าของชาวบ้าน
อาจเป็นตำนานภาคชาวบ้านที่บอกเล่าสืบต่อกันมารวมถึงข้อสังเกตจากพระเกจิอาจารย์ ซึ่งเป็นที่เคารพศรัทธาของชาวเหนือ และได้ให้ความเห็นในเรื่องนี้
ขอเริ่มจากที่มาของพระแก้วมรกตที่กรุงเทพ ที่เกี่ยวข้องกับเมืองลำปางตามหลักฐานทางประวัติศาสตร์ ได้บันทึกไว้ว่า พระแก้วมรกตหรือพระพุทธมหามณีรัตปฏิมากรนั้น ถูกอัญเชิญไปประดิษฐานอยู่หลายประเทศและหลายเมืองของไทยในอดีต ตั้งแต่ ศรีลังกา นครธม (ยุคอาณาจักรขอม) กรุงอโยธยา หลวงพระบาง(ประเทศลาว) กำแพงเพชร เชียงราย เขลางค์ นคร(ลำปาง) เชียงใหม่ กรุงธนบุรี และกรุงเทพมหานคร
ดังนั้นเขลางค์นคร หรือเมืองลำปาง จึงถือเป็นเมืองที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับพระแก้วมรกตที่ประดิษฐานอยู่วัดพระแก้วที่กรุงเทพในปัจจุบัน
ตามประวัติพระแก้วมรกต หรือพระพุทธมหามณีรัตนปฏิมากร ที่ประดิษฐานอยู่ที่วัดพระแก้ว กรุงเทพ นั้น ครั้งหนึ่งเคยประดิษฐานอยู่ที่วัดพระแก้วดอนเต้า จ.ลำปาง นานถึง ๓๒ ปี หรือจาก พ.ศ. ๑๘๗๙ – ๒๐๑๑ เหตุที่มีความเกี่ยวข้องกับ จังหวัดลำปางก็เพราะเมืองเชียงราย ที่ประดิษฐานพระแก้วมรกตอยู่นั้นเกิดสงคราม เจ้าเมืองเชียงใหม่ (ถือเป็นเจ้าแห่ง อาณาจักรล้านนา) จึงจัดขบวนช้างให้อัญเชิญมาอยู่ที่เชียงใหม่เพื่อความปลอดภัย แต่เมื่อขบวนมาถึงเมืองลำปาง ช้างที่อัญเชิญพระแก้วมรกตเกิดไม่ยอมไป แม้จะเปลี่ยนเป็นช้างเชือกอื่น และควานช้างจะปลอบโยนอย่างไรแล้ว ก็ยังไม่ยอมไปอยู่ดี เจ้าเมืองเชียงใหม่ซึ่งมีความเชื่อในโชคลาง จึงอนุโลมให้ประดิษฐานไว้ที่วัดดอนเต้าเป็นการชั่วคราว
พระแก้วมรกตได้ประดิษฐานอยู่เมืองลำปางมาเป็นเวลาหลายปี จนชาวบ้านเลื่อมใสศรัทธา บางคนก็ถือว่าเป็นบุญบารมีของของชาวลำปาง ที่มีโอกาสได้กราบไหว้พระแก้วมรกตองค์สำคัญที่มีลักษณะงดงาม และการที่ขบวนช้างขบวนม้าไม่ยอมเดินทางต่อไปยังเมืองเชียงใหม่นั้น ก็เชื่อกันว่าเป็นเพราะพุทธานุภาพของพระแก้วมรกต เป็นความประสงค์ที่จะอยู่เมืองลำปาง
ปี พ.ศ. ๒๐๑๑ พระเจ้าติโลกราช เจ้านครเชียงใหม่เห็นว่า พระแก้วมรกตเป็นสมบัติล้ำค่าจึงได้อาราธนาอัญเชิญมายังนครเชียงใหม่ ที่เปรียบเสมือนเป็นเมืองเอกแห่งล้านนา รวมระยะเวลาที่อยู่เมืองลำปางนานถึง ๓๒ ปี
๓๒ ปีที่พระแก้วมรกตอยู่ที่เมืองลำปาง ชาวบ้านมีความรู้สึกว่าเสมือนหนึ่งเป็นพระคู่บ้านคู่เมืองลำปาง และเมื่อต้องไป
ประดิษฐานอยู่เมืองเชียงใหม่ก็เกิดความรู้สึกเสียดายและหวงแหน จึงเห็นว่าน่าจะมีการจำลองพระแก้วมรกตเพื่อให้ชาว
ลำปางได้กราบไหว้สืบไป และได้นำมาประดิษฐานที่วัดลำปางหลวงในเวลาต่อมา
นี่เป็นความเข้าใจในตำนานพระแก้วมรกตฉบับของชาวบ้าน
แม้ตำนานพระแก้วมรกตจากหนังสือที่พิมพ์จำหน่าย กับ คำบอกเล่าของคนเก่าคนแก่ของเมืองลำปาง จะแตกต่างกัน แต่คำบอกเล่าของชาวบ้านก็น่าเชื่อถือไม่น้อย และดูจะมีน้ำหนักมากกว่าที่ว่าพระแก้วมรกตมีที่มาจากแก้วมรกตที่พบในผลแตงโม ที่นางสุชาดา(เทวดาจุติมาเกิด) นำมาถวายให้พระเถระ ที่จำพรรษาอยู่วัดดอนเต้า และต่อมาก็ถูกชาวบ้านกล่าวหาว่าทั้งสองเป็นชู้กัน
ยังมีข้อสังเกตอีกด้านหนึ่งจากพระเกจิของภาคเหนือ
บอกว่า จริงๆแล้วพระแก้วมรกตที่วัดพระธาตุลำปางหลวงนั้นน่าจะเป็นองค์จริง ส่วนที่อัญเชิญไปเมืองเชียงใหม่นั้นเป็นองค์จำลอง โดยอ้างเหตุผลว่า คนโบราณเค้ามักจะทำองค์จำลองขึ้นมาคู่กัน เสมอ และจะเก็บรักษาองค์จริงไว้ในที่ปลอดภัยเช่นฝังไว้ยังใต้ฐานเจดีย์ และเป็นไปได้ว่าพระแก้วมรกตที่อัญเชิญมาจากเมืองเชียงรายนั้นถูกปกปิดอย่างมิดชิด เนื่องจากอยู่ในภาวะสงครามและเกรงว่าไม่ปลอดภัย จึงน้อยคนนักที่จะเห็นองค์พระที่แท้จริงได้ พร้อมกับบอกว่าเป็นไปได้หรือไม่ที่ชาวเมืองลำปางจะรักและหวงแหนองค์จริง จึงมีการจำลองและสับเปลี่ยนกับองค์ ที่อัญเชิญไปอยู่เมืองเชียงใหม่ พร้อมกับปกปิดไม่แพร่งพรายให้ใครรู้