เกร็ดล้านนาและภาพเก่าเล่าเรื่องเมืองเหนือ โดย น้ำฟ้า

เรื่องราวของอาณาจักรล้านนา

Re: เกร็ดล้านนาและภาพเก่าเล่าเรื่องเมืองเหนือ โดย น้ำฟ้า

โพสต์โดย น้ำฟ้า » อาทิตย์ 03 พ.ย. 2013 8:01 am

นักเรียนโรงเรียนพระราชชายา หรือ "ดาราวิทยาลัย" ในอดีต ภาพโดย นายเอ็ม ทานาคา

670803608944.jpg
670803608944.jpg (54.19 KiB) เปิดดู 10011 ครั้ง
ผู้หญิงธรรมดา..แต่ใจมันด้านชาผู้ชาย
ภาพประจำตัวสมาชิก
น้ำฟ้า
นักเขียนแห่งปี
นักเขียนแห่งปี
 
โพสต์: 886
ลงทะเบียนเมื่อ: ศุกร์ 11 ก.ค. 2008 10:19 am

Re: เกร็ดล้านนาและภาพเก่าเล่าเรื่องเมืองเหนือ โดย น้ำฟ้า

โพสต์โดย น้ำฟ้า » อาทิตย์ 03 พ.ย. 2013 8:01 am

นักเรียนโรงเรียนพระราชชายา หรือ "ดาราวิทยาลัย" ในอดีต ภาพโดย นายเอ็ม ทานาคา

670803872366.jpg
670803872366.jpg (54.37 KiB) เปิดดู 10011 ครั้ง
ผู้หญิงธรรมดา..แต่ใจมันด้านชาผู้ชาย
ภาพประจำตัวสมาชิก
น้ำฟ้า
นักเขียนแห่งปี
นักเขียนแห่งปี
 
โพสต์: 886
ลงทะเบียนเมื่อ: ศุกร์ 11 ก.ค. 2008 10:19 am

Re: เกร็ดล้านนาและภาพเก่าเล่าเรื่องเมืองเหนือ โดย น้ำฟ้า

โพสต์โดย น้ำฟ้า » อาทิตย์ 03 พ.ย. 2013 8:03 am

โรงเรียนเฟรนเนอร์ ตั้งอยู่บริเวณ โรงเรียนเชียงใหม่คริสเตียนในปัจจุบัน

ภาพถ่ายโดยนายบุญเสริม ศาสตราภัย พ.ศ .๒๕๑๓

670802778867.jpg
670802778867.jpg (75.08 KiB) เปิดดู 9968 ครั้ง
ผู้หญิงธรรมดา..แต่ใจมันด้านชาผู้ชาย
ภาพประจำตัวสมาชิก
น้ำฟ้า
นักเขียนแห่งปี
นักเขียนแห่งปี
 
โพสต์: 886
ลงทะเบียนเมื่อ: ศุกร์ 11 ก.ค. 2008 10:19 am

Re: เกร็ดล้านนาและภาพเก่าเล่าเรื่องเมืองเหนือ โดย น้ำฟ้า

โพสต์โดย น้ำฟ้า » อาทิตย์ 03 พ.ย. 2013 8:04 am

โรงเรียนชายวังสิงห์คำ

670802432720.jpg
670802432720.jpg (60.58 KiB) เปิดดู 9968 ครั้ง
ผู้หญิงธรรมดา..แต่ใจมันด้านชาผู้ชาย
ภาพประจำตัวสมาชิก
น้ำฟ้า
นักเขียนแห่งปี
นักเขียนแห่งปี
 
โพสต์: 886
ลงทะเบียนเมื่อ: ศุกร์ 11 ก.ค. 2008 10:19 am

Re: เกร็ดล้านนาและภาพเก่าเล่าเรื่องเมืองเหนือ โดย น้ำฟ้า

โพสต์โดย น้ำฟ้า » อาทิตย์ 03 พ.ย. 2013 8:05 am

โรงเรียนชายวังสิงห์คำ (ก่อนไฟไหม้)

670804554183.jpg
670804554183.jpg (72.93 KiB) เปิดดู 9894 ครั้ง
ผู้หญิงธรรมดา..แต่ใจมันด้านชาผู้ชาย
ภาพประจำตัวสมาชิก
น้ำฟ้า
นักเขียนแห่งปี
นักเขียนแห่งปี
 
โพสต์: 886
ลงทะเบียนเมื่อ: ศุกร์ 11 ก.ค. 2008 10:19 am

Re: เกร็ดล้านนาและภาพเก่าเล่าเรื่องเมืองเหนือ โดย น้ำฟ้า

โพสต์โดย น้ำฟ้า » อาทิตย์ 03 พ.ย. 2013 8:06 am

เด็กชายในโรงเรียนวัดแห่งหนึ่งในจังหวัดเชียงใหม่

670802616800.jpg
670802616800.jpg (122.52 KiB) เปิดดู 9894 ครั้ง
ผู้หญิงธรรมดา..แต่ใจมันด้านชาผู้ชาย
ภาพประจำตัวสมาชิก
น้ำฟ้า
นักเขียนแห่งปี
นักเขียนแห่งปี
 
โพสต์: 886
ลงทะเบียนเมื่อ: ศุกร์ 11 ก.ค. 2008 10:19 am

Re: เกร็ดล้านนาและภาพเก่าเล่าเรื่องเมืองเหนือ โดย น้ำฟ้า

โพสต์โดย น้ำฟ้า » อาทิตย์ 03 พ.ย. 2013 8:07 am

โรงเรียนปริ๊นส์รอยแยลล์วิทยาลัย พ.ศ. ๒๔๙๕ ภาพโดย นายบุญเสริม ศาสตราภัย

670810350100.jpg
670810350100.jpg (88.13 KiB) เปิดดู 9894 ครั้ง
ผู้หญิงธรรมดา..แต่ใจมันด้านชาผู้ชาย
ภาพประจำตัวสมาชิก
น้ำฟ้า
นักเขียนแห่งปี
นักเขียนแห่งปี
 
โพสต์: 886
ลงทะเบียนเมื่อ: ศุกร์ 11 ก.ค. 2008 10:19 am

Re: เกร็ดล้านนาและภาพเก่าเล่าเรื่องเมืองเหนือ โดย น้ำฟ้า

โพสต์โดย น้ำฟ้า » อาทิตย์ 03 พ.ย. 2013 8:08 am

โรงเรียนมงฟอร์ต ถ่ายเมื่อ พ.ศ.๒๕๑๒ โดยนายบุญเสริม ศาสตราภัย

mong.jpg
mong.jpg (118.55 KiB) เปิดดู 9894 ครั้ง
ผู้หญิงธรรมดา..แต่ใจมันด้านชาผู้ชาย
ภาพประจำตัวสมาชิก
น้ำฟ้า
นักเขียนแห่งปี
นักเขียนแห่งปี
 
โพสต์: 886
ลงทะเบียนเมื่อ: ศุกร์ 11 ก.ค. 2008 10:19 am

Re: เกร็ดล้านนาและภาพเก่าเล่าเรื่องเมืองเหนือ โดย น้ำฟ้า

โพสต์โดย น้ำฟ้า » อาทิตย์ 03 พ.ย. 2013 8:10 am

ครูและนักเรียนโรงเรียนสตรีวัฒโนทัยพายัพ ถนนปกเกล้า ก่อนย้ายไปถนนบุญเรืองฤทธิ์

ถ่ายเมื่อ พ.ศ. ๒๔๗๐ โดย นายเอ็ม ทานาคา

670805830802.jpg
670805830802.jpg (100.7 KiB) เปิดดู 9894 ครั้ง
ผู้หญิงธรรมดา..แต่ใจมันด้านชาผู้ชาย
ภาพประจำตัวสมาชิก
น้ำฟ้า
นักเขียนแห่งปี
นักเขียนแห่งปี
 
โพสต์: 886
ลงทะเบียนเมื่อ: ศุกร์ 11 ก.ค. 2008 10:19 am

Re: เกร็ดล้านนาและภาพเก่าเล่าเรื่องเมืองเหนือ โดย น้ำฟ้า

โพสต์โดย น้ำฟ้า » อาทิตย์ 03 พ.ย. 2013 9:10 am

สถานีตำรวจภูธรแม่แตง จ.เชียงใหม่ พ.ศ.๒๔๗๐ เศษ
ภาพโดย นายเอ็ม ทานาคา ช่างภาพญี่ปุ่น

75514_544528305624975_1299229488_n.jpg
75514_544528305624975_1299229488_n.jpg (102.58 KiB) เปิดดู 9891 ครั้ง
ผู้หญิงธรรมดา..แต่ใจมันด้านชาผู้ชาย
ภาพประจำตัวสมาชิก
น้ำฟ้า
นักเขียนแห่งปี
นักเขียนแห่งปี
 
โพสต์: 886
ลงทะเบียนเมื่อ: ศุกร์ 11 ก.ค. 2008 10:19 am

Re: เกร็ดล้านนาและภาพเก่าเล่าเรื่องเมืองเหนือ โดย น้ำฟ้า

โพสต์โดย น้ำฟ้า » อาทิตย์ 03 พ.ย. 2013 9:11 am

สถานีต๋ำรวจภูธรเมืองเจียงใหม่ พ.ศ.๒๕๑๒ ก่อนถูกรื้อ

ภาพโดย คุณลุงบุญเสริม ศาสตราภัย

1384198_544529845624821_1255499831_n.jpg
1384198_544529845624821_1255499831_n.jpg (102.46 KiB) เปิดดู 10233 ครั้ง
ผู้หญิงธรรมดา..แต่ใจมันด้านชาผู้ชาย
ภาพประจำตัวสมาชิก
น้ำฟ้า
นักเขียนแห่งปี
นักเขียนแห่งปี
 
โพสต์: 886
ลงทะเบียนเมื่อ: ศุกร์ 11 ก.ค. 2008 10:19 am

Re: เกร็ดล้านนาและภาพเก่าเล่าเรื่องเมืองเหนือ โดย น้ำฟ้า

โพสต์โดย น้ำฟ้า » อาทิตย์ 03 พ.ย. 2013 10:28 am

ตำนานรักสาวบัวตอง ( สาวงามแห่ง...หนองช้างคืน..)

lver.jpg
lver.jpg (37.86 KiB) เปิดดู 10229 ครั้ง


.....เมื่อประมาณ ๑๐๐ กว่าปีผ่านมาแล้ว ที่บ้านหนองช้างคืน มีหญิงสาวสวย ผิวพรรณผุดผ่อง กิริยาอ่อนโยน อรชรอ้อนแอ้น สมเป็นหญิงสวย ชื่อว่า “บัวตอง” ทำนาทำสวน ใช้ชีวิตตามแบบอย่างสตรีชาวเหนือโบราณ ต้องตำข้าวโดยใช้ครกกระเดื่อง และใช้หูกทอผ้าใช้เอง บางครั้งก็มีบ่าว(ผู้ชายที่ยังไม่แต่งงาน) มาเที่ยวหาสาว เพื่อเกี้ยวพาราสี เสมอๆ ในบรรดาหนุ่มๆ ที่มาเที่ยว นอกจากจะเป็นคนในละแวกบ้านเดียวกัน ยังปรากฏว่ามีหนุ่มเชื้อเจ้าผู้ครองนครลำพูน มีชื่อว่า “เจ้าคุ้ม” หรือที่ชาวบ้านเรียกว่า “เจ้าน้อยพรหม” เพราะตอนที่ท่านบรรพชาเป็นสามเณร มีฉายาว่า “พรหมปญโญ” เมื่อลาสิกขาบทแล้ว จึงนิยมใช้คำว่า “น้อย” นำหน้าชื่อ เป็น”เจ้าน้อยพรหม” ถ้าลาสิกขาบท จากพระภิกษุ จะเรียกนาม “หนาน” นำหน้าชื่อ ตามธรรมเนียมของชาวเหนือ เจ้าน้อยพรหม เป็น ราชบุตรของเจ้าชัยลังกา พิศาลโสภาคยคุณ เจ้าผู้ครองนครลำพูนองค์ที่ ๖ กับ เจ้าแม่หมอกแก้ว และ เป็นอนุชาต่างมารดาของเจ้าดาราดิเรกรัตน์ไพโรจน์ เจ้าผู้ครองนครลำพูนองค์ที่ ๗ ในการเที่ยวหา สาวบัวตอง ของเจ้าน้อยพรหม ปรากฏว่าทั้งสองคนเกิดชอบพอกัน จนกลายเป็น " ตัวพ่อตัวแม่"(คู่รัก) ของกัน และ กัน เจ้าน้อยพรหมจึงเป็นแขกประจำ บ้านสาวบัวตอง ตั้งแต่นั้นมา บัวตองก็ให้การต้อนรับ เจ้าน้อยพรหม ด้วยกิริยาอันอ่อนน้อม จนเป็นที่ต้องใจ ของ เจ้าน้อยพรหมเป็นอย่างยิ่ง ส่วน เจ้าน้อยพรหม ก็มีน้ำใจดีงาม ให้การช่วยเหลือเกื้อกูล แก่ สาวบัวตอง เป็นอย่างดี ทั้งสองผูกสมัครรักใคร่ กันอย่างดูดดื่มแน่นแฟ้น ต่างก็ตั้งใจไว้อย่างแม่นมั่น ว่า จะครองรักกัน และ อยู่ร่วมกันจนแก่ จนเฒ่า วันหนึ่ง มี ช้างพัง ตัวหนึ่งเข้ามาอาละวาด ใน เขตนครลำพูน ด้านทิศเหนือ และ ล่องมาเรื่อยๆ จนถึง หมู่บ้าน หนองช้างคืน ช้างได้ทำลายครกกระเดื่อง ฉางข้าว เรือกสวนไร่นา ของ ชาวบ้าน จนได้รับความเสียหาย วันนั้น เจ้าน้อยพรหม ก็ได้มา บ้านสาวบัวตอง เมื่อทราบข่าวของ ช้างทำลายข้าวของเสียหาย เจ้าน้อยพรหม มิรอช้า ก็คว้าดาบ กระโดดออกจากบ้านสาวคนรัก ไปไล่ช้างตัวนั้น ความประสงค์เพื่อป้องกันความเสียหาย ที่เกิดขึ้นกับชาวบ้าน เจ้าน้อยพรหม เมื่อประจันหน้า กับ ช้างดุร้ายนั้น จึงยกดาบขึ้นฟันช้างเชือกนั้น เพื่อป้องกันตนเอง ปรากฏว่า ช้างวิ่งเตลิดไป อย่างไม่คิดชีวิต จนพ้นเขตบ้านหนองช้างคืน และ ได้ถึงแก่ความตายในเวลาต่อมา.... โดยท่านไม่ทราบว่าช้างเชือกนั้น เป็นของเจ้าหลวงอินทวิชทยานนท์ เจ้าเมืองเชียงใหม่ และ การฆ่าช้าง มีความผิดใหญ่หลวงเพราะหมิ่นเกียรติเจ้าเมืองเชียงใหม่...ทางเจ้าราชสำพันธวงค์ ( อนุชาของพ่อเจ้าอินทรวิชยานนท์) เมื่อทราบข่าว ก็เรียกเจ้าน้อยพรหมไปตักเตือน... แต่ทาง เชียงใหม่... เจ้านางทิพย์ไกรสรกลับผูกใจแค้น ไม่ยินยอมเพราะถือเป็นการดูถูกเจ้านายเมืองเชียงใหม่... ต่อมาเมื่อ เจ้าราชสัมพันธวงค์ ได้ออกนอกเมืองไปพักผ่อนที่บ้านภรรยา ณ บ้านเมืองเลน แคว้นสันทราย (อ.สันทรายปัจจุบัน)เจ้าแม่ทิพย์ไกสรก็รับสั่งให้เจ้าราชสัมพันธวงค์ (อนุชาของพ่อเจ้าอินทรวิชยานนท์) ให้มีสาส์นในนามของ พ่อเจ้าอินทรวิชยานนท์ ถึง เจ้าดาราดิเรกรัตน์ไพโรจน์เจ้าเมืองลำพูน ความว่า ขอส่งตัวเจ้าน้อยพรหม ไปเชียงใหม่ เพื่อสอบสวนข้อเท็จจริงเกี่ยวกับการตายของช้างอีกครั้งหนึ่ง ส่วนเจ้าดาราดิเรกรัตน์ไพโรจน์ทรงคิดว่าไม่มีเรื่องอะไรอีก เพราะได้จัดการลงโทษเจ้าน้อยพรหมดั่งเจ้าราชสัมพันธวงค์ทูลไว้แล้ว จึงส่งตัวเจ้าน้อยพรหมไปเชียงใหม่ พร้อมกับคนเดินหนังสือคนนั้น หวังจะให้เข้าเฝ้าพ่อเจ้าอินทรวิชยานนท์ตามข้อความในสาส์นฉบับนั้น

การเดินทางจากลำพูนไปเชียงใหม่สมัยนั้น ใช้เส้นทางผ่านหมู่บ้านหนองช้างคืนด้วย และ ผ่านบ้านหัวฝายน้ำโจ้ไปทางสุสานช้างคลาน แล้วจึงถึงเชียงใหม่ ก่อนจะผ่านหมู่บ้านหนองช้างคืนไปนั้น เจ้าน้อยพรหมก็ขอแวะบ้านบัวตองสาวคนรัก เพื่อเป็นการบอกข่าวเดินทางไปเชียงใหม่ให้คนรักทราบ ฝ่ายสาวบัวตองก็ได้อวยชัยให้แก่เจ้าน้อยพรหม โดยมีพวงมาลัยดอกมะลิอันหอมกรุ่นมอบให้เจ้าน้อยพรหม ติดตัวยามเดินทาง และทั้งสองก็ได้ร่ำลากันอย่างสุดซึ้ง เหมือนจะเป็นการบอกลางร้าย และเก็บมาลัยดอกมะลิแนบใจไว้ที่กระเป๋าเสื้ออกซ้าย เจ้าน้อยพรหมได้มอบแหวนวงงามให้กับบัวตองไว้เช่นกัน เมื่อถึงเชียงใหม่เจ้าแม่ทิพย์ไกสรเป็นธิดาเจ้าหลวงกาวิโรรสสุริยะวงศ์ และเจ้าอุปราชบุญทวงศ์กลับออกมาดักขบวนคุมเจ้าน้อยพรหมจากลำพูนที่ท่าวังตาล แล้วสั่งประหารเจ้าน้อยพรหมทันใดนั้นเลย ก่อนที่จะเข้า เวียงเชียงใหม่โดยงดการสอบสวน ก่อนที่เพชฌฆาตจะลงดาบ เจ้าน้อยพรหมได้เรียกนายหนังสือซึ่งเดินทางมาร่วมกันให้เข้ามาหา แล้วมอบพวงมาลัยดอกมะลิไปให้สาวบัวตองแห่งบ้านหนองช้างคืน เจ้าอุปราชบุญทวงค์พร้อมกับหนุ่มคนหาญจึงจัดการประหารชีวิต เจ้าน้อยพรหม ณ ทุ่งหัวคน หรือ หนองปลาสะเด็ด ตำบลท่าวังตาล อันเป็นดินแดนทหารของนครพิงค์นั่นเอง ทั้งนี้โดยมีหนานปัญญาเป็นเพชฌฆาตตัดคอเจ้าน้อยพรหมต่อหน้าเจ้าแม่ทิพย์ไกสร ในความผิดฐานฆ่า"พังแม่คำปิ๋ว"ดังกล่าว

เจ้าดาราดิเรกไพโรจน์ เป็นเจ้าครองนครลำพูน ทรงเสียพระทัยอย่างสุดซึ้งถึงกับไม่ยอมไปรับศพของเจ้าน้อยพรหม เจ้าแม่ทิพย์ไกสรจึงรับสั่งให้ฝังไว้ ณ ที่ประหารนั้น และการณ์นั้นได้ทราบถึงเจ้าสัมพันธวงค์ก็ทรงเศร้าพระทัยอย่างสุดซึ้งเช่นกัน ที่เจ้ามีส่วนแห่งการสิ้นชีวิตของเจ้าน้อยพรหม ทั้งเจ้าดาราดิเรกรัตน์ไพโรจน์ และเจ้าสัมพันธวงค์ต่างบาดหมางไม่ไปเยือนคุ้มเจ้าแม่ทิพย์ไกสร และได้เหินห่างจากกันตั้งแต่บัดนั้นเป็นต้นมา บัวตองสาวคนรักของเจ้าน้อยพรหม เมื่อทราบข่าวการจากไปอย่างไม่มีวันกลับของเจ้าหนุ่มคนรัก และเมื่อได้รับพวงมาลัยดอกมะลิแห้งของเจ้าน้อยพรหมจากคนส่งหนังสือ บัวตองก็ร้องไห้กลิ้งเกลือก พลางคร่ำครวญอย่างน่าเวทนายิ่งนัก บัวตองสาวน้อยผู้ต่ำต้อยแห่งบ้านหนองช้างคืน คงคิดว่าถ้ามีชีวิตในโลกนี้จะมีประโยชน์อะไร ถ้าไม่มีเจ้าพรหมผู้เป็นที่รัก หรือบัวตองจะเกิดมาเพื่อรักเดียวใจเดียว และถือความรักเป็นสรณะ ในรุ่งของวันต่อมา มีผู้พบบัวตองผูกคอตายกับกิ่งไม้อย่างน่าสังเวชใจ ในมือกำพวงมาลัยดอกมะลิแห้งพวงหนึ่ง ที่นิ้วนางข้างซ้ายสอดสวมแหวนวงงาม สิ้นชีวิตตามเจ้าน้อยพรหมอันเป็นที่รักไป

ถึงแม้กาลเวลาจะล่วงเลยไปหลายชั่วอายุคนแล้วก็ตาม ทุกวันนี้ที่หมู่บ้านหนองช้างคืน นิยายรักอันแสนเศร้าจากชีวิตจริงของหญิงสาวชาวไร่ชาวนา กับ เจ้าน้อยพรหมผู้อาภัพแห่งหริภุญไชยนคร เรื่องนี้ยังคงถูกเล่าขานสืบต่อไป ถึงความรักแท้อันเป็นตำนานรักอมตะ...

ขอขอบคุณข้อมูลจาก อ.เพ็ญศรี บุญทวีและอ.ธเนศวร์ เจริญเมือง
ผู้หญิงธรรมดา..แต่ใจมันด้านชาผู้ชาย
ภาพประจำตัวสมาชิก
น้ำฟ้า
นักเขียนแห่งปี
นักเขียนแห่งปี
 
โพสต์: 886
ลงทะเบียนเมื่อ: ศุกร์ 11 ก.ค. 2008 10:19 am

ย้อนกลับต่อไป

ย้อนกลับไปยัง ร้อยเรื่องเมืองล้านนา

ผู้ใช้งานขณะนี้

่กำลังดูบอร์ดนี้: ไม่มีสมาชิก และ บุคคลทั่วไป 1 ท่าน

cron