วัดพระแก้ว จ.เชียงราย ในอดีต
วัดพระแก้ว แต่เดิมชื่อวัดป่าเยียะ(ป่าไผ่) เมื่อ พ.ศ. ๑๙๗๗ (ค.ศ.๑๔๓๔) ฟ้าผ่าพระเจดีย์จึงได้พบพระแก้วมรกต(ปัจจุบันประดิษฐาน ณ วัดพระศรีรัตนศาสดาราม พระบรมมหาราชวัง) ชาวเมืองเชียงรายจึงได้เรียกชื่อวัดนี้ว่า "วัดพระแก้ว" จนกระทั่งปัจจุบัน
- เจดีย์เก่าพระแก้วเชียงราย.jpg (78.87 KiB) เปิดดู 7095 ครั้ง
เจดีย์เก่าวัดพระแก้ว เชียงราย พ.ศ.๒๔๖๕
วัดพระแก้ว” เป็นพระอารามหลวงชั้นตรีตั้งอยู่บริเวณถนนไตรรัตน์ ตำบลเวียงอำเภอเมืองฯ จังหวัดเชียงราย นอกจากเป็นวัดคู่บ้านคู่เมืองเชียงรายมาแต่อดีตกาล วัดแห่งนี้ยังเป็นสถานที่ที่ค้นพบพระพุทธมหามณีรัตนปฏิมากรหรือพระแก้วมรกต
เล่าขานตำนาน “พระแก้ว”
แต่เดิมวัดพระแก้วชื่อว่า วัดป่าเยียะ หรือป่าญะ เนื่องจากบริเวณวัดมีไม้เยียะ (ไม้ไผ่พื้นเมืองชนิดหนึ่งคล้ายไผ่สีสุกชาวบ้านนิยมนำมาทำคันธนูและหน้าไม้) เป็นจำนวนมากตามตำนานเล่าว่าเมื่อ พ.ศ.๑๙๗๗ เกิดฟ้าผ่าองค์พระเจดีย์จึงได้พบพระพุทธรูปที่ทำด้วยแก้วมรกตอันงดงามจนเป็นที่เลื่องลือและเรียกขานวัดแห่งนี้ว่าวัดพระแก้ว
พระพุทธมหามณีรัตนปฏิมากร หรือ พระแก้วมรกต เป็นพระพุทธรูปคู่บ้านคู่เมืองของประเทศไทย ปัจจุบันประดิษฐานอยู่ในวัดพระศรีรัตนศาสดาราม (หรือ วัดพระแก้ว) ในพระบรมมหาราชวัง กรุงเทพมหานคร
- 62783.jpg (111.9 KiB) เปิดดู 7339 ครั้ง
พระแก้วมรกตเป็นพระพุทธรูปที่แกะสลักจากหยกอ่อนเนไฟรต์สีเขียวดังมรกต เป็นพระพุทธรูปสกุลศิลปะก่อนเชียงแสนถึงศิลปะเชียงแสน หลักฐานที่ตรงกันระบุว่าพบครั้งแรก ประดิษฐานอยู่ในเจดีย์วัดป่าญะ ตำบลเวียง เมืองเชียงราย (ปัจจุบันคือวัดพระแก้ว จังหวัดเชียงราย อำเภอเมืองเชียงราย) ในปี พ.ศ.๑๙๗๗ ฟ้าได้ผ่าลงองค์พระเจดีย์จนพังทลายลง จึงพบพระพุทธรูปพอกปูนลงรักปิดทอง จึงได้นำไปไว้ในวิหาร ต่อมาปูนบริเวณพระนาสิกเกิดกระเทาะออก เห็นเป็นเนื้อมรกต จึงกระเทาะปูนออกทั้งองค์ เห็นเป็นเนื้อหยกสีมรกตทั้งองค์
หลังจากนั้น พระเจ้าสามฝั่งแกนแห่งเชียงใหม่ทราบข่าวการค้นพบพระพุทธรูปนี้จึงอัญเชิญมาประดิษฐานที่เชียงใหม่ แต่ช้างทรงพระแก้วมรกตกลับไม่เดินทางไปยังเชียงใหม่ แต่ไปทางลำปางหากช้างนั้นมีพระแก้วมรกตอยู่บนหลังช้าง เชียงใหม่เห็นว่าลำปางก็อยู่ในอาณาจักรล้านนาจึงนำไปไว้ที่วัดพระแก้วดอนเต้า ถึงสมัยพระเจ้าติโลกราชได้อัญเชิญพระแก้วมรกตมายังเชียงใหม่ สร้างปราสาทประดิษฐานไว้แต่ถูกฟ้าผ่าหลายครั้ง ครั้นเมื่อพระเจ้าไชยเชษฐาแห่งล้านช้างซึ่งเป็นญาติกับราชวงศ์ล้านนามาครองเมืองเชียงใหม่ เมื่อเสด็จกลับหลวงพระบาง ก็ได้อัญพระแก้วมรกตไปด้วยพร้อมกับพระพุทธสิหิงค์ ทางเชียงใหม่ขอคืนก็ได้แต่พระพุทธสิหิงค์ เมื่อล้านช้างย้ายเมืองหลวงจากหลวงพระบางมาเวียงจันทน์ก็เชิญพระแก้วมรกตลงมาด้วย ต่อมาสมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราชทรงสถาปนากรุงธนบุรีขึ้นเป็นเมืองหลวง พระองค์ได้ทรงอัญเชิญพระแก้วมรกต และพระบาง มาจากอาณาจักรล้านช้างเวียงจันทน์ (ลาว) ในครั้งนั้นประดิษฐานไว้ที่วัดอรุณราชวราราม ต่อมาเมื่อสิ้นรัชสมัยของพระองค์ พระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช ทรงอัญเชิญพระพุทธมหามณีรัตนปฏิมากรลงบุษบกในเรือพระที่นั่ง เสด็จข้ามฝั่งแม่น้ำเจ้าพระยา มาประดิษฐานยังวัดพระศรีรัตนศาสดาราม จนถึงปัจจุบัน ส่วนพระบางได้คืนให้แก่ลาว
เวลาผ่านไปหลายชั่วอายุคน วัดพระแก้วเชียงรายมีการบูรณปฏิสังขรณ์และสร้างเสนาสนะต่างๆแบบศิลปะล้านนา แต่ประชาชนทั่วไปมักไม่ทราบประวัติความเป็นมาในปี พ.ศ.๒๕๓๓ เนื่องในโอกาสสมเด็จพระศรีนครินทราบรมราชชนนีทรงเจริญพระชนมายุ ๙๐ พรรษา คณะสงฆ์จังหวัดเชียงรายจึงจัดสร้างพระพุทธรูปปางสมาธิราบฐานเขียง สร้างด้วยหยกมีขนาดใกล้เคียงกับพระแก้วมรกต เพื่อถวายเป็นพระราชกุศล และเพื่อเป็นอนุสรณ์ว่าวัดพระแก้วแห่งนี้เคยเป็นที่ค้นพบพระแก้วมรกตมาก่อน เมื่อสร้างเสร็จในปีถัดมา สมเด็จพระศรีนครินทราบรมราชชนนี พระราชทานนามพระพุทธรูปหยกองค์นี้ว่า “พระพุทธรตนากรนวุตติวัสสานุสรณ์มงคล” และนามสามัญว่า“พระหยกเชียงราย” อันเป็นที่เคารพสักการะของพุทธศาสนิกชนที่ได้มาเยี่ยมเยือนวัดแห่งนี้
ที่มา ไปด้วยกัน,วิกิพีเดีย
#พระแก้วมรกตพุทธศิลป์แผ่นดินล้านนา
พระพุทธมหามณีรัตนปฏิมากร หรือ พระแก้วมรกต เป็นพระพุทธรูปคู่บ้านคู่เมืองของประเทศไทย ปัจจุบันประดิษฐานอยู่ในวัดพระศรีรัตนศาสดาราม (หรือ วัดพระแก้ว) ในพระบรมมหาราชวัง กรุงเทพมหานคร
- 1024px-Summer_-_Emerald_Buddha_resize.jpg (63.67 KiB) เปิดดู 7096 ครั้ง
พระแก้วมรกตเป็นพระพุทธรูปที่แกะสลักจากหยกอ่อนเนไฟรต์สีเขียวดังมรกต เป็นพระพุทธรูปสกุลศิลปะก่อนเชียงแสนถึงศิลปะเชียงแสน หลักฐานที่ตรงกันระบุว่าพบครั้งแรก ประดิษฐานอยู่ในเจดีย์วัดป่าญะ ตำบลเวียง เมืองเชียงราย (ปัจจุบันคือวัดพระแก้ว จังหวัดเชียงราย อำเภอเมืองเชียงราย) ในปี พ.ศ.๑๙๗๗ ฟ้าได้ผ่าลงองค์พระเจดีย์จนพังทลายลง จึงพบพระพุทธรูปพอกปูนลงรักปิดทอง จึงได้นำไปไว้ในวิหาร ต่อมาปูนบริเวณพระนาสิกเกิดกระเทาะออก เห็นเป็นเนื้อมรกต จึงกระเทาะปูนออกทั้งองค์ เห็นเป็นเนื้อหยกสีมรกตทั้งองค์
หลังจากนั้น พระเจ้าสามฝั่งแกนแห่งเชียงใหม่ทราบข่าวการค้นพบพระพุทธรูปนี้จึงอัญเชิญมาประดิษฐานที่เชียงใหม่ แต่ช้างทรงพระแก้วมรกตกลับไม่เดินทางไปยังเชียงใหม่ แต่ไปทางลำปางหากช้างนั้นมีพระแก้วมรกตอยู่บนหลังช้าง เชียงใหม่เห็นว่าลำปางก็อยู่ในอาณาจักรล้านนาจึงนำไปไว้ที่วัดพระแก้วดอนเต้า ถึงสมัยพระเจ้าติโลกราชได้อัญเชิญพระแก้วมรกตมายังเชียงใหม่ สร้างปราสาทประดิษฐานไว้แต่ถูกฟ้าผ่าหลายครั้ง ครั้นเมื่อพระเจ้าไชยเชษฐาแห่งล้านช้างซึ่งเป็นญาติกับราชวงศ์ล้านนามาครองเมืองเชียงใหม่ เมื่อเสด็จกลับหลวงพระบางก็ได้อัญพระแก้วมรกตไปด้วยพร้อมกับพระพุทธสิหิงค์ ทางเชียงใหม่ขอคืนก็ได้แต่พระพุทธสิหิงค์ เมื่อล้านช้างย้ายเมืองหลวงจากหลวงพระบางมาเวียงจันทน์ก็เชิญพระแก้วมรกตลงมาด้วย
ต่อมาสมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราชทรงสถาปนากรุงธนบุรีขึ้นเป็นเมืองหลวง พระองค์ได้ทรงอัญเชิญพระแก้วมรกต และพระบาง มาจากอาณาจักรล้านช้างเวียงจันทน์ (ลาว) ในครั้งนั้นประดิษฐานไว้ที่วัดอรุณราชวราราม ต่อมาเมื่อสิ้นรัชสมัยของพระองค์ พระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช ทรงอัญเชิญพระพุทธมหามณีรัตนปฏิมากรลงบุษบกในเรือพระที่นั่ง เสด็จข้ามฝั่งแม่น้ำเจ้าพระยา มาประดิษฐานยังวัดพระศรีรัตนศาสดาราม จนถึงปัจจุบัน ส่วนพระบางได้คืนให้แก่ลาว
ที่มา : วิกิพีเดีย
ภาพแม่ค้ามานั่งของกาดหมั้ว ยามเช้า ณ ลานดินหน้าวัดพระธาตุลำปางหลวง เมื่อราว พ.ศ.๒๕๓๐ -๒๕๔๐ ปีก่อน
คำว่า "กาดหมั้ว" มักเขียนผิดเป็น "กาดมั่ว"
- 62781.jpg (128.89 KiB) เปิดดู 7339 ครั้ง