#พระธาตุประจำปีเกิดตามคติล้านนา
คนเกิดปีใจ้ ( ปีชวด หรือปีหนู ) ธาตุน้ำ
พระธาตุประจำปีเกิด คือพระธาตุศรีจอมทอง อ.จอมทอง จ.เชียงใหม่
พระบรมธาตุเจดีย์นี้ตั้งอยู่บนยอดจอมทอง เป็นที่ประดิษฐานพระบรมธาตุส่วนพระเศียรเบื้องขวามีความพิเศษแตกต่างจากที่อื่นคือ เป็นพระบรมธาตุ ที่มิได้ฝังใต้ดิน แต่ประดิษฐานอยู่ในกู่ ภายในวิหาร สามารถอัญเชิญมาสรงน้ำได้ตามตำนานเล่าว่า พระพุทธเจ้าได้เสด็จมายังดอยนี้และทรงพยากรณ์ว่า ที่นี่จะเป็นที่ประดิษฐานพระทักขิณโมลีธาตุ ของพระองค์ในภายหน้าต่อมาราวปี พ.ศ.๑๙๙๕ นางเม็งและนายสอยได้พบพระบรมธาตุ จึงได้ก่อพระเจดีย์และสร้างเสนาสนะ ที่ดอยต้นทอง คนทั้งหลายจึงเรียกชื่อวัดนี้ว่า วัดจอมทอง ในสมัยพระแก้วเมือง (พ.ศ.๒๐๓๘ - พ.ศ.๒๐๖๘) กษัตริย์องค์ที่ ๑๔ แห่งราชวงศ์มังราย ได้สร้างวิหาจัตุรมุข ภายในมีมณฑปปราสาท เพื่อประดิษฐานพระบรมธาตุ เจ้าเมืองเชียงใหม่หลายพระองค์ได้อัญเชิญพระบรมธาตุศรีจอมทอง ไปยังเมืองเชียงใหม่ เพื่อทำการสักการะโดยมีวัดต้นเกว๋นที่ อ.หางดงเป็นวัดที่หยุดพักขบวนแห่พระบรมธาตุเข้าเมืองในวันขึ้น ๑๕ ค่ำ เดือน ๓ และวันขึ้น ๑๕ ค่ำ เดือน ๗มีพิธีแห่พระบรมธาตุ ไปบูชาข้าวที่อุโบสถ และให้พุทธศาสนิกชนได้สรงน้ำโดยจะมีการกล่าวบทอัญเชิญและใช้ช้อนทองคำเชิญ พระธาตุจากผอบมาประดิษฐาน ในโกศแก้วที่ตั้งบนพานเงินตามธรรมเนียมเดิมควรนำน้ำจากแม่น้ำกลาง เจือน้ำหอมหรือแก่นจันทร์มาใช้สรง หรือจะเป็นน้ำสะอาดเจือของหอมก็ได้
คนเกิดปีเป้า
( ปีฉลู หรือปีวัว ) ธาตุดิน พระธาตุประจำปีเกิด คือ พระธาตุลำปางหลวง อ.เกาะคา จ.ลำปาง
วัดพระธาตุลำปางหลวง เป็นวัดเก่าแก่ของเมืองลำปาง เมื่อครั้งที่พระพุทธเจ้า และพระสาวกเสด็จถึงหมู่บ้านสัมภาการีวัน ลัวะชื่ออ้ายคอน ได้นำน้ำผึ้งใส่กระบอกไม้พางและมะพร้าวมาถวาย พระองค์ได้ทรงพยากรณ์ว่า ที่นี่จะมีนครชื่อ ลัมพาง และได้มอบพระเกศาธาต ุให้ลัวะอ้ายคอน นำไปประดิษฐานภายหลังจากที่พระพุทธเจ้าปรินิพาน พระอรหันต์ได้นำพระธาตุหน้าผาก และพระธาตุลำคอ มาประดิษฐานที่นี่พระธาตุลำปางหลวง ตั้งอยู่กลางเวียงโบราณ ซึ่งเชื่อว่าเป็นเวียงทางศาสนา โดยเฉพาะ ภายในวัดมีสิ่งน่าชมมากมาย ได้แก่ วิหารพระพุทธ เป็นวิหารไม้แบบล้านนา ที่ตกแต่งด้วยลายคำ คือลายทองบนพื้นแดง และภายในสามารถเห็นภาพเงาพระธาตุ ที่ลอดผ่านรูผนังปรากฏบนผืนผ้า วิหารน้ำแต้ม เป็นวิหารโถง มีภาพจิตรกรรมเก่าแก่ของล้านนา วิหารหลวง เป็นที่ประดิษฐานซุ้มพระเจ้าล้านทอง พระพุทธรูปองค์สำคัญของวัด และมีภาพจิตรกรรมเรื่องพุทธประวัติ และชาดก ที่เขียนในราวสมัยรัชกาลที่ ๕ หอพระพุทธบาท เป็นอีกแห่งที่ปรากฏภาพเงาพระธาตุแต่ห้ามมิให้ผู้หญิงขึ้น และที่หอพระแก้ว ประดิษฐานพระแก้วจากวัดพระแก้วดอนเต้าสุชาดารามพระพุทธรูปคู่เมืองลำปาง
คนเกิดปียี ( ปีขาล หรือปีเสือ ) ธาตุไม้
พระธาตุประจำปีเกิด คือ พระธาตุช่อแฮ อ.เมือง จ.แพร่ บรรจุ พระธาตุข้อศอกข้างซ้าย
พระธาตุช่อแฮตั้งอยู่บริเวณเนินเขาเตี้ยๆ จากรูปแบบสถาปัตยกรรมในวัด บ่งบอกว่ามีอายุราว
พ.ศ.๑๙๐๐ แต่ตำนานพระธาตุได้เล่าประวัติอันเก่าแก่ว่า พระพุทธเจ้า ได้เสด็จมาถึงดอยโกสิยธชัคคะบรรพต และพบกับเจ้าลาวนามลัวะอ้ายค้อม เมื่อขุนลัวะทราบว่าเป็นพระพุทธเจ้าจึงได้นำภัตตาหารมาถวายพระพุทธเจ้า ทรงพยากรณ์ว่าที่นี่ต่อไป จะมีเมืองชื่อเมืองแพร่ในครั้งนั้น พระอรหันต์ และพระยาอโศก ที่เสด็จมาด้วยได้ทูลขอพระเกศาธาตุ มอบให้ขุนลัวะไปบรรจุโกศแก้วแล้วนำไปไว้ในถ้ำด้านตะวันออก ของดอยที่ประทับและพระพุทธเจ้าทรงมีรับสั่งว่าหลังจากที่พระองค์ปรินิพานแล้วให้นำพระธาตุข้อศอกข้างซ้าย มาประดิษฐานที่นี่ นามของพระบรมธาตุเจดีย์นี้มีเรื่องเล่าว่า มาจากที่ขุนลัวะ นำผ้าแพรมารองรับพระเกศาธาตุ จึงมีชื่อว่า “ช่อแพร”และเพี้ยนเป็น “ช่อแฮ” ในภายหลัง แต่บ้างก็ว่ามีชาวบ้านนำผ้าแพรอย่างดีมาผูกบูชาองค์พระธาตุ
งานมนัสการพระธาตุจัดขึ้นระหว่างวันขึ้น ๑๑ ค่ำ เดือน ๔ ถึงขึ้น ๑๕ ค่ำ เดือน ๔ เป็นงานประจำปีที่สำคัญของชาวเมืองแพร่ในงานมีการแห่ตุงหลวง ถวายแด่องค์พระธาตุและการแสดงมหรสพ
คนเกิดปีเหม้า
( ปีเถาะหรือปีกระต่าย ) ธาตุน้ำ พระธาตุประจำปีเกิด คือพระธาตุแช่แห้ง อ.เมือง จ.น่าน
พระธาตุแช่แห้ง ตั้งอยู่บนยอดดอยขนาดเล็ก นอกเมืองน่านมีเรื่องราวเล่าว่า เมื่อครั้งพุทธกาลพระพุทธเจ้าได้เสด็จโปรดสัตว์มาถึงภูเพียงแช่แห้ง และพบกับพระอมละราช และพระมเหสัที่มาสรงน้ำที่เดียวกับที่พระองค์สรงน้ำอยู่ พระอมละราชได้ถวายผ้าขาวให้พระพุทธเจ้าใช้สรงน้ำ แต่ผ้านั้นกลายเป็นทองคำ พระอานนท์จึงของพระเกศาธาตุบรรจุในกระบอกไม้ซาง มอบให้พระอินทร์นำไปเก็บในอุโมงค์พร้อมผ้าทองโดยพระอินทร์ได้ก่อพระเจดีย์สูง ๗ ศอกไว้ด้านบน ต่อมาราวพ.ศ.๑๘๙๖สมัยพระยากานเมือง ได้ส่งช่างไปร่วมสร้างวัดหลวง ที่สุโขทัยพระยาลือไทจึงมอบพระบรมธาตุ ๗ พระองค์ และพระพิมพ์คำพระพิมพ์เงินอย่างละ ๒๐ องค์ ให้พระยากานเมืองซึ่งได้นำไปบรรจุไว้ที่ภูเพียง และพบพระเจดีย์ ที่บรรจุพระเกศาธาตุและพระธาตุข้อมือข้างซ้ายของพระพุทธเจ้า พระองค์จึงให้ทำอุโมงค์ประดิษฐานพระบรมธาตุใหม่ และก่อพระเจดีย์เป็นพระธาตุแช่แห้งคู่เมืองน่านมาจนทุกวันนี้ ในวันขึ้น ๑๔-๑๕ ค่ำ และแรม ๑ ค่ำ เดือน ๔
ทางวันมีการจัดงานมนัสการพระธาตุแช่แห้ง ในงานมีมหรสพ การแห่ตุงถวายพระบรมธาตุ และการจุดบอกไฟถวายเป็นพุทธบูชา ตามธรรมเนียมดั้งเดิม
คนเกิดปีสี ( ปีมะโรงหรือปีงูใหญ่เมืองเหนือเรียกพญานาค ) ธาตุดิน พระธาตุประจำปีเกิด คือ พระพุทธสิหิงค์ วัดพระสิงห์ อ.เมือง จ.เชียงใหม่
พระพุทธสิหิงค์ เป็นพระพุทธรูปสำคัญคู่บ้านคู่เมือง ในตำนานสิหิงคนิทาน และพงศาวดารโยนกเล่าประวัติว่า หลังจากที่พระพุทธเจ้าเสด็จปรินิพานไป ๗๐๐ ปี พระเจ้าสีหล และกษัตริย์องค์อื่นใคร่ทอดพระเนตรรูปของพระพุทธเจ้า มีแต่พระยานาคที่เคยเห็นพระองค์ จึงแปลงรูปเนรมิตตนเป็นพระพุทธเจ้า พระเจ้าสีหลได้กระทำการบูชา ๗ วัน ๗ คืน และให้ช่างถ่ายแบบพระพุทธรูปไว้ต่อมาพระร่วงแห่งสุโขทัย ได้ยินกิตติศัพท์ของพระพุทธสิหิงค์ ใครจะได้บูชา จึงบอกกับพระเจ้าสิริธรรมแห่งเมืองนครศรีธรรมราช พระเจ้าสิริธรรมได้ส่งทูตไปขอจากลังกา อัญเชิญไปให้พระเจ้าสุโขทัยต่อมาพระพุทธสิหิงค์ถูกอัญเชิญ ไปยังเมืองสำคัญจนกระทั่งราวปี พ.ศ.๑๙๘๓ เจ้ามหาพรหมได้อัญเชิญ พระพุทธสิหิงค์จากกำแพงเพชร มาถวายพญาแสนเมืองมา แห่งเชียงใหม่เดิมพญาแสนเมือง จะให้อัญเชิญไปประดิษฐาน ที่วัดบุปผาราม แต่เมื่อรถที่อัญเชิญมาถึงหน้าวัดลีเชียงพระ (ชื่อเดิมวัดพระสิงห์) รถเกิดติดขัดไม่สามารถชักลากไปได้ จึงให้ประดิษฐานพระพุทธสิหิงค์ไว้ที่วัดนี้ ในปีพ.ศ.๒๐๖๓ พระเมืองแก้วได้สร้าง วิหารลายคำ เพื่อประดิษฐานพระพุทธสิหิงค์ ภายในวิหารมีภาพวิจิตรกรรมสมัยรัชกาลที่ ๕ เรื่องสังข์ทอง ฝีมือช่างล้านนาและเรื่องสุวรรณชาดก ฝีมือช่างภาคกลาง ในช่วงสงกรานต์ของทุกปี มีการอัญเชิญพระพุทธสิหิงค์ประดิษฐานบนบุษบก แห่แหนรอบเมืองให้ประชาชนได้สรงน้ำสักการะ
คนเกิดปีใส้
( ปีมะเส็งหรือปีงูเล็ก ) ธาตุน้ำ พระธาตุประจำปีเกิด คือพระเจดีย์ศรีมหาโพธิ ที่พุทธคยาหรือไหว้ต้นโพธิ์ วัดโพธารามมหาวิหาร
พระศรีมหาโพธิ เป็นต้นไม้สำคัญในพุทธศาสนา เนื่องจากเป็นที่ประทับและตรัสรู้สัมโพธิญาณของพระพุทธเจ้า ณ พุทธคยา สำหรับชาวล้านนา ยังมีความเชื่อว่าต้นโพธิ์เป็นไม้ศักดิ์สิทธิ์ ช่วยขจัดความทุกข์ได้ จึงมีประเพณีถวายไม้ค้ำโพธิ์ และเครื่องประกอบพิธีกรรมใต้ต้นโพธิ์ สำหรับผู้ที่เกิดปีมะเส็ง ที่มีพระศรีมหาโพธิ์ที่พุทธคยา เป็นสิ่งศักดิ์สิทธิ์ประจำปีเกิด สามารถบูชาต้นโพธิ์ตามวัดแทนได้ โดยที่วัดโพธารามมหาวิหาร เชียงใหม่นี้ เป็นวัดสำคัญที่มีการสังคยานาพระไตรปิฎกครั้งที่ ๘ของโลก และพระเจ้าติโลกราชผู้สร้างวัด ทรงให้นำต้นโพธิ์จากลังกามาปลูก พร้อมทั้งจำลองสัตตมหาสถานคือสถานที่ ๗ แห่งที่พระพุทธเจ้า ได้เสวยวิมุตติสุขก่อนเผยแผ่ศาสนา
คนเกิดปีสะง้า ( ปีมะเมียหรือปีม้า ) ธาตุไฟ
พระธาตุประจำปีเกิด คือ พระธาตุย่างกุ้ง (พระธาตุตะโก้ง) หรือพระธาตุเจดีย์ชเวดากองประเทศพม่า หรือวัดพระบรมธาตุ อ.บ้านตาก จ.ตาก แทน
สำหรับผู้ที่เกิดปีมะเมีย สามารถเดินทางไปมนัสการพระบรมธาตุเมืองตาก แทนพระธาตุชเวดากองที่ประเทศพม่าได้ เนื่องจากเป็นเจดีย์ที่พระครูพิทักษ์ (ทองอยู่) ได้จำลองแบบมา จากพระธาตุชเวดากองโดยครอบพระธาตุเจดีย์องค์เดิมไว้ ในตำนานพระเจ้าเลียบโลก ได้กล่าวถึงความเป็นมาของพระบรมธาตุเจดีย์ที่วัดนี้ว่า พระพุทธเจ้าได้เสด็จมาเมืองตาก จนมาถึงดอยมหิยังคะที่ร่มรื่น และทรงมอบพระเกศาธาตุให้พระอรหันต์ พร้อมทั้งรับสั่งว่า หลังจากที่เสด็จปรินิพาน แล้วให้นำพระเกศาธาตุมาบรรจุไว้ที่นี่พระบรมธาตุเจดีย์เมืองตาก จึงเป็นที่บรรจุพระเกศาธาตุ ในวันขึ้น ๑๔ และ ๑๕ ค่ำ เดือน ๗(ปลายเดือนพฤษภาคม-มิถุนายน) ของทุกปี จะมีงานพิธีสมโภชและสักการะพระบรมธาตุเรียกว่า งานประเพณีขึ้นพระธาตุเดือนเก้า
คนเกิดปีเม็ด ( ปีมะแมหรือปีแพะ ) ธาตุดิน
พระธาตุประจำปีเกิด คือ พระธาตุดอยสุเทพ อ.เมือง จ.เชียงใหม่
พระธาตุดอยสุเทพ ตั้งอยู่บนยอดดอยสุเทพ การประดิษฐานพระบรมธาตุ เจดีย์บนเขาศักดิ์สิทธิ์ของเมืองมีขึ้นราวปี พ.ศ.๑๙๑๖ สมัยพญากือนา (พ.ศ.๑๘๙๘-๑๙๒๘)ในยุคทองของล้านนาพระองค์ได้อาราธนาพระสุมนเถระ จากสุโขทัย มาเชียงใหม่ พระสุมนเถระ จึงอัญเชิญพระบรมธาตุที่พบเมืองปางจามาด้วย พระบรมธาตุนี้ได้ทำปาฏิหาริย์แยกเป็นสององค์ องค์หนึ่งประดิษฐานที่วัดบุปผารามอีกองค์หนึ่งพญากือนา ได้อาราธนาสถิตเหนือช้างมงคล เพื่อเสี่ยงทายที่ประดิษฐาน ช้างมงคลเดินขึ้นมาถึงยอดดอยสุเทพ แล้วร้องสามครั้งทำทักษิณา วรรตสามรอบ และส้ม (ตาย) ลง ภายหลังอัญเชิญพระบรมธาตุลงมา พญากือนาให้ขุดหลุมประดิษฐานพระบรมธาตุ และก่อพระเจดีย์สูง ๕ วา ต่อมาปี พ.ศ.๒๐๘๑ สมัยพระเจ้าเกษเกล้า ได้ก่อเป็นพระเจดีย์สูงใหญ่สีทอง เช่นทุกวันนี้ มีความเชื่อว่าหากบูชาพระธาตุ ในทิศทั้งสี่แล้วจะทำให้มีสติปัญญาดี สมัยก่อนในวันวิสาขบูชามีประเพณีการขึ้นพระธาตุโดยชาวบ้าน จะเดินลัดเลาะป่าขึ้นสู่องค์พระธาตุ
คนเกิดปีสัน ( ปีวอกหรือปีลิง ) ธาตุดิน
พระธาตุประจำปีเกิด คือ พระธาตุพนม อ.ธาตุพนม จ.นครพนม
พระธาตุพนม พระบรมธาตุเจดีย์องค์สำคัญ ซึ่งเป็นศูนย์รวมจิตใจของผู้คนสองฝั่งโขง บรรจุพระอุรังคธาตุ (กระดูกส่วนหน้าอก) ของพระพุทธเจ้า ซึ่งพระมหากัสสปะเถระ ได้นำมาประดิษฐานไว้บนภูกำพร้า ตามตำนานว่าก่อสร้างโดยกษัตริย์ห้าองค์คือ พระยาจุฬณีพรหมทัต พระยานันทเสน พระยาอินทปัด พระยาคำแดง และพระยาสุวรรณภิงคาร พร้อมไพร่พล ในส่วนลวดลายที่เรือนธาตุนั้น ตำนานเล่าว่า ตกแต่งโดยพระอินทร์และเหล่าเทวดา มีแผ่นอิฐที่จำหลักลวดลายเป็นภาพกษัตริย์โบราณ ฝีมือช่างพื้นบ้าน ศิลปะทวารวดี หรือพุทธศตวรรษที่ ๑๓-๑๕ นับว่าเป็นพระบรมธาตุเจดีย์ที่เก่าแก่ของภาคอีสาน พระธาตุพนมได้รับการบูรณะ และอุปถัมภ์โดยกษัตริย์แห่งล้านช้าง ในสมัย พ.ศ.๒๒๒๓-๒๒๒๕ พระครูโพนเสม็ด (ญาคูขี้หอม) นำราษฎรจากเวียงจันทน์ ๓,๐๐๐ คนมาปฏิสังขรณ์พระธาตุให้สูงขึ้น และเป็นรูปแบบที่นิยมในอีสาน ต่อมารัฐบาลได้บูรณะให้สูงขึ้นอีกเมื่อพ.ศ.๒๔๘๓ แต่ในวันที่ ๑๑ สิงหาคม ๒๕๑๘ เกิดฝนตกหนัก และพระธาตุพนมได้ทรุดพังทลายลง แต่ก็ได้รับการบูรณะโดยภาครัฐ และเอกชนเสร็จสมบูรณ์เมื่อ พ.ศ.๒๕๒๒ ในเขตวัดมีบ่อน้ำพระอินทร์ซึ่งเป็นหนึ่งในเจ็ดของบ่อน้ำที่ใช้น้ำมาเสกน้ำพระพุทธมนต์ ในพระราชพิธีบรมราชาภิเษกตั้งแต่สมัยรัชกาลที่ ๖ จนถึงรัชกาลปัจจุบันงานมนัสการพระธาตุพนม จัดขึ้นทุกปีในวันขึ้น ๑๐ ค่ำ ถึงวันแรก ๑ ค่ำ เดือน ๓
คนเกิดปีเร้า ( ปีระกาหรือปีไก่ ) ธาตุเหล็ก
พระธาตุประจำปีเกิด คือ พระธาตุหริภุญชัย อ.เมือง จ.ลำพูน
พระบรมธาตุหริภุญชัย เป็นพระธาตุคู่เมืองลำพูนมาแต่โบราณ มีตำนานเล่าว่า ครั้งหนึ่งพระพุทธเจ้าเสด็จมายังชัยภูมิของชาวเม็ง ทรงหยุดประทับนั่ง ณ สถานที่หนึ่ง พระยาชมพูนาคราช และพระยากาเผือกได้มาอุปัฏฐาก และมีชาวลัวะผู้หนึ่ง นำลูสมอมาถวายพระองค์ ทรงมีพุทธพยากรณ์ว่าที่นี่ในอนาคตจะเป็น“นครหริภุญชัยบุรี ” เป็นที่ประดิษฐาน “ พระสุวรรณเจดีย์ ” ซึ่งบรรจุกระหม่อม ธาตุกระดูกธาตุกระดูกนิ้วมือ และธาตุย่อยอีกเต็มบาตรหนึ่ง ในครั้งนั้นพระยาทั้งสองได้ทูล ขอพระเกศาธาตุนำไปบรรจุในกระบอกไม้รวก และโกศแก้วใหญ่ ไว้ในถ้ำใต้ที่ประทับ ต่อมาในสมัยพระยาอาทิตยราช ผู้ครองเมืองหริภุญชัย (ราว พ.ศ.๑๔๒๐) ได้เสด็จลงห้องพระบรรทม แต่มีการขัดขวาง มิให้เข้าภายหลังทรงทราบว่าที่แห่งนั้นเป็นที่บรรจุพระบรมธาตุ จึงทรงให้รื้อวัง และขุดพระบรมธาตุมาบรรจุโกศทองคำและสร้างมณฑปปราสาท เพื่อเป็นที่ประดิษฐาน พระธาตุหริภุญชัย ได้รับการบูรณะเรื่อยมา โดยพระเจดีย์องค์ปัจจุบันบูรณะ ในสมัยพระเจ้าติโลกราชแห่งเชียงใหม่ เมื่อ ๕๐๐ กว่าปีมาแล้ว ภายในวัดยังมีพระสุวรรณเจดีย์เจดีย์ยุคแรกในศิลปะหริภุญชัย เจดีย์เชียงยัน เจดีย์เก่าแก่ทรงปราสาทห้ายอด และหอระฆัง
ที่แขวนกังสดาลใหญ่เป็นต้น ในวันขึ้น ๑๓ ค่ำเดือน ๖ ของทุกปีจะมีงานประเพณีสรงน้ำพระธาตุหริภุญชัยน้ำที่นำมาสรงองค์พระธาตุนี้ จะต้องนำมาจากบ่อน้ำทิพย์ บนยอดดอยขะม้อที่อยู่นอกเมืองตามธรรมเนียมปฏิบัติแต่โบราณ
คนเกิดปีเส็ด ( ปีจอหรือปีหมา ) ธาตุดิน
พระธาตุประจำปีเกิด คือ พระธาตุเกศแก้วจุฬามณี บนสวรรค์ชั้นดาวดึงส์ สามารถบูชา รูปหรือไปไหว้พระเจดีย์ที่วัดเกตการาม อ.เมือง จ.เชียงใหม่ แทน
สำหรับผู้ที่เกิดปีจอ พระธาตุประจำปีเกิด คือ พระเกศแก้วจุฬามณีเจดีย์บนสวรรค์ชั้นดาวดึงส์ตามพุทธประวัติกล่าวไว้ว่า ประดิษฐานพระทันตธาตุ ที่พระอินทร์นำมาจากพระบรมธาตุที่โทณพราหมณ์ได้แอบซ่อนไว้ เมื่อครั้งมีการแบ่งพระบรมสารีริกธาตุ ของพระพุทธเจ้า ให้แก่เจ้าเมืองต่างๆ ด้วยเหตุที่พระธาตุเจดีย์องค์นี้ มนุษย์ไม่สามารถเดินทางไปถึงได้ ดังนั้นนอกจากนมัสการด้วยการบูชารูปแล้ว ยังสามารถบูชาพระเจดีย์ที่วัดเกตการาม เชียงใหม่ซึ่งมีชื่อพ้องกับพระเกศแก้วจุฬามณีเจดีย์ วัดนี้ตั้งอยู่ริมฝั่งแม่น้ำปิง ในเขตย่านการค้าของชาวต่างชาติ ตามประวัติว่า สร้างโดยพญาสามฝั่งแกน เมื่อ พ.ศ.๑๙๗๑ แต่พระเจดีย์ได้พังทลายลงในปี พ.ศ.๒๑๒๑ พระสุโธรับสั่งให้สร้างขึ้งใหม่ เป็นเจดีย์ทรงลังกาแบบล้านนานอกจากนี้ ภายในวัดยังมีพระวิหารใหญ่ ที่สร้างในสมัยรัตนโกสินทร์ และพิพิธภัณฑ์เก็บของใช้พื้นบ้านให้ชม (เปิด ๐๘.๐๐-๑๖.๐๐ น.)
คนเกิดปีใค้ ( ปีกุนหรือปีหมู บางตำราเป็นช้าง ) ธาตุน้ำ
พระธาตุประจำปีเกิด คือ พระธาตุดอยตุง อ.แม่สาย จ.เชียงราย
พระบรมธาตุดอยตุง ตั้งอยู่บนดอยสูง ซึ่งเป็นถิ่นที่อยู่ของชาวเขา ตามตำนานเล่าว่าสร้างขึ้นในสมัยพระเจ้าอชุตราช ผู้ครองเมืองโยนกนาคพันธุ์ เพื่อบรรจุพระบรมสารีริกธาตุพระรากขวัญเบื้องซ้าย (กระดูกไหปลาร้า) ดังที่พระพุทธเจ้าทรงพยากรณ์ไว้ก่อนที่จะสร้างพระอชุตราชให้ทำทุง (ตุง) มีความยาว ๑,๐๐๐ วาปักบนยอดเขาหากทุงปลิวไปถึงที่ใด ก็กำหนดให้เป็นฐานของพระเจดีย์ ทั้งนี้พระองค์ได้พระราชทานทองคำให้พวกลาวจกเป็นค่าที่ดิน และให้พวกมิลักขุ ๕๐๐ ครอบครัวดูแลรักษาพระธาตุ ต่อมาในสมัยพญามังราย พระมหาวชิรโพธิเถระ ได้นำพระบรมสารีริกธาตุมาถวาย ๕๐ องค์พญามังรายจึงให้สร้างพระเจดีย์อีกองค์ ใกล้กับเจดีย์องค์เดิม บางตำนานว่าที่มาชื่อดอยตุง เนื่องมาจาก พระมหากัสสปะได้อธิษฐานตุงยาว ๗,๐๐๐ วา ไว้ที่ยอดดอยแห่งนี้ พระบรมธาตุดอยตุงได้รับการบูรณะหลายครั้ง โดยครั้งล่าสุดเมื่อปี พ.ศ.๒๕๑๓ได้บูรณะเป็นเจดีย์ทรงปราสาท องค์ปัจจุบัน พระบรมธาตุดอยตุง เป็นที่เคารพสักการะของชาวล้านนา ไทใหญ่ หลวงพระบาง และเวียงจันทน์ ทุกปีจะมีงานนมัสการพระบรมธาตุในวันเพ็ญเดือน ๓