#ประวัติชุมชนตำบลโหล่งขอด อำเภอพร้าว จังหวัดเชียงใหม่
ชุมชนตำบลโหล่งขอด ชื่อของตำบลเกี่ยวกับตามตำนานพระเจ้าเลียบโลก เมื่อคราวที่พระพุทธเจ้าเสด็จมาโปรดชาวพื้นเมืองแถบนี้ ทรงรับบิณฑบาตได้ภัตตาหารมากจนสายสลกบาตรขาด ต้องผูกเป็นปม (ภาษาถิ่นว่าขอดเป็นปม) ประกอบด้วยชุมชน ๙ หมู่บ้าน บ้านทุ่งแดง แถบนี้เคยมีวัวแดงอยู่มาก เรียกว่า “ทุ่งวัวแดง” แต่ต่อมาป่าไม้ถูกทำลายน้ำที่มีอยู่อย่างสมบูรณ์ก็แห้งขอด วัวแดงหายไป เหลือไว้แต่ดินแห้งสีแดง จึงเรียกเป็น “ทุ่งแดง” มีศาสนสถาน ๒ แห่ง คือวัดทุ่งแดง และวัดเจติยบรรพต สังกัดคณะสงฆ์ธรรมยุต พบซากโบราณสถานที่เชื่อว่าเป็นวัดร้าง ๓ แห่ง คือ วัดห้วยบ้านเก่า วัดห้วยเปียง และวัดสันป่ายาง ชาวบ้านทุ่งแดงเคยเข้าไปทำกิน ปลูกข้าวและพืชสวนที่ห้วยปุยหลายครอบครัว ปัจจุบันเขตห้วยปุยยังเป็นที่ทำกิน แต่ไม่มีผู้คนเข้าไปพักอาศัย
บ้านป่าแต้ง ตั้งเป็นชุมชนในเวลาใกล้เคียงกับบ้านทุ่งแดง คนกลุ่มแรกอพยพมาจากอำเภอสันกำแพง (ค้าขาย หรือมาทำป่าไม้) พบซากโบราณสถาน ๓ แห่ง คือ วัดดงมะไฟ วัดขุมเงินขุมคำและวัดร้างไม่ทราบชื่อ บ้านนาเม็ง ตั้งขึ้นเมื่อประมาณ พ.ศ. ๒๔๔๙ สันนิษฐานว่าใช้ชื่อชุมชนเดิมของคนที่อพยพมาจากบ้านนาเม็ง อำเภอสันทราย มีวัดนาเม็งเป็นศาสนสถานบ้านแม่บอน มีอายุกว่าร้อยปี ตั้งชื่อตามชื่อลำห้วยแม่บอน วัดดงมะไฟเป็นศาสนสถาน พบซากโบราณสถานเชื่อว่าเป็นวัดร้างจำนวน ๓ แห่ง คือ วัดดงแสนตอง วัดห้วยบ้านเก่า วัดร้างไม่ทราบชื่อ อีกแห่งหนึ่งมีชื่อเรียกว่าแท่นฤาษี ไม่ปรากฏหลักฐานหรือคำบอกเล่าว่าเป็นวัดร้างแต่อย่างใด
บ้านป่าห้า ตั้งเป็นชุมชนราว พ.ศ. ๒๔๐๐ มีศาสนสถานคือ วัดป่าห้า มีปูชนียสถานตั้งอยู่บนเขาท้ายหมู่บ้านชื่อ “พระธาตุม่วงเนิ้ง”
บ้านหลวง มีอายุกว่า ๗๐๐ ปี เป็นชุมชนใหญ่มาก จึงได้ชื่อว่า“บ้านหลวง” มีวัดบ้านหลวงเป็นศาสนสถาน ในหมู่บ้านและบริเวณใกล้เคียงพบซากโบราณสถานที่เชื่อว่าเป็นวัดร้างมาก่อนจำนวนกว่า ๑๑ แห่ง ได้แก่ วัดบ้านหลวง(ร้าง) วัดพระธาตุดอยเวียง วัดก๊างบอกไฟ นาวัดห่าง ปางปุย ดงผีฮ้าย ทุ่งเก๊าลาน หนองฆ้องคำ ห้วยตองหนาม ห้วยเขียะและดงปูแกง สันนิษฐานได้ว่าบริเวณบ้านหลวงนี้เคยเป็นชุมชนขนาดใหญ่ และอาจเป็นที่ตั้งของเวียงหรือเมืองใดเมืองหนึ่งในอดีต
บ้านแม่สาย หรือแม่สายป่าเหมี้ยง ตั้งขึ้นราว พ.ศ. ๒๔๗๖ สภาพโดยทั่วไปเป็นพื้นที่ป่าที่ค่อนข้างสมบูรณ์ มีธรรมชาติที่สวยงาม อาทิ น้ำตกตาดเหมือง ชาวบ้านส่วนใหญ่ประกอบอาชีพทำเหมี้ยง(เก็บใบชามานึ่ง) จึงทำให้ได้ชื่อ บ้านป่าเหมี้ยง พบซากโบราณสถานที่เป็นสถานที่พำนักปฏิบัติธรรมของพระอาจารย์มั่น ภูริทัตโตและหลวงปู่แหวนสุจิณโณ บ้านฮ่างต่ำ ตั้งขึ้นราว พ.ศ. ๒๔๙๗ พบซากโบราณสถาน ๔ แห่ง คือ วัดดอยสามเหลี่ยมวัดห้วยไคร้ (๒ วัด) วัดประตูโขง(ร้าง)
บ้านแม่สายนาเลา เป็นหมู่บ้านชาวเขาเผ่ากะเหรี่ยง ตั้งเมื่อประมาณ พ.ศ. ๒๔๗๖ มีศาสนสถานชื่อ พระธาตุขันติธรรม พบซากโบราณสถาน ๔ แห่งคือ วัดขั้นไดหิน พระธาตุห้วยกุ๊ก วัดห่างนาเลา และป่าช้าลัวะคำขวัญประจำตำบล “ พระธาตุม่วงเนิ้งถิ่นธรรม ดอยหลวงสูงล้ำเด่นสง่ารักษ์ประเพณีไทยล้านนา ลำน้ำขอดล้นค่าเกษตรกรรม ”
ที่มาจาก รายงานวิจัยฉบับสมบูรณ์โครงการการสืบค้นประวัติศาสตร์เมืองพร้าวผ่านกระบวนการศึกษาวัดร้างอำเภอพร้าว จังหวัดเชียงใหม่ โดย มนัส ตันสุภายน และคณะ
#ประวัติชุมชนตำบลแม่ปั๋ง อำเภอพร้าว จังหวัดเชียงใหม่
ตำบลแม่ปั๋งเป็นชุมชนขนาดใหญ่ประกอบด้วย ๑๔ หมู่บ้าน ได้แก่ บ้านห้วยงู ตั้งเมื่อราว ๑๐๐ปีก่อน คนย้ายถิ่นฐานมาจากอำเภอต่าง ๆ ในจังหวัดเชียงใหม่ พบโบราณสถานแห่งหนึ่งเรียกว่าสันเวียงหรือ วังฆ้อง เนื่องจากมีคนได้ยินเสียงแห่ฆ้องกลองมาจากในถ้ำโดยเฉพาะคืนวันเพ็ญวันสำคัญทางศาสน คนรุ่นปู่อายุ ๗๕ ปีเล่าสืบกันมาว่า ในถ้ำมีเครื่องใช้เครื่องครัวสามารถหยิบยืมมาใช้ในงานประเพณีของชาวบ้านได้ ต่อมาภายหลังเมื่อประมาณ ปี พ.ศ. ๒๔๙๖ เกิดน้ำท่วมสูงถึงปากถ้ำ หินทรายทับถมหน้าถ้ำจนไม่สามารถเข้าไปได้อีก นอกจากนี้ยังพบซากโบราณสถานซึ่งเชื่อว่าเคยเป็นวัดร้างมาก่อนอีก ๔ แห่ง คือ ที่ห้วยเกี๋ยงซาง ๒ แห่ง ธาตุห้วยกะเราะมอ วัดน้ำบ่อลึก
บ้านประดู่ อายุประมาณร้อยปี ชาวบ้านสืบเชื้อสายมาจากไทลื้อ พ่อหลวงตุ้ย (ไม่ทราบนามสกุล)เป็นผู้ใหญ่บ้านคนแรก
บ้านแม่แพง เดิมตั้งอยู่ทางทิศตะวันตกเฉียงใต้ของที่ตั้งปัจจุบัน เป็นคนเชื้อสายชาวไทยลื้อ ย้ายถิ่นฐานมาทำกินจากบ้านช่อแล อำเภอแม่แตงมีพ่อแก่ผัด วิกัน เป็นผู้ใหญ่บ้านคนแรก แต่เนื่องจากบ้านแม่แพงเดิมตั้งอยู่ในที่ราบลุ่ม เป็นเขตน้ำท่วมของเขื่อนแม่งัดสมบูรณ์ชล ในปี พ.ศ. ๒๕๒๕ ทางราชการโดยกรมส่งเสริมสหกรณ์จัดสรรที่ทำกินและที่อยู่อาศัยให้ราษฎรใหม่ในรูปนิคมสหกรณ์แบ่งออกเป็น ๓ แปลงใหญ่คือบ้าน แม่แพง บ้านผาแดง และบ้านโป่งบัวบาน
บ้านสบปั๋ง เป็นหมู่บ้านดั้งเดิมสันนิษฐานว่ามีผู้คนมาตั้งรกรากอยู่แถบนี้ก่อนสร้างเมืองพร้าว ผู้คนส่วนใหญ่เป็นชาวไทยลื้อ มีวัดพระเจ้าตนหลวงเป็นศาสนสถานประจำหมู่บ้าน วัดแห่งนี้มีพระพุทธรูปศิลปะผสมล้านนากับสุโขทัย ถูกทิ้งร้างตั้งอยู่กลางป่าได้รับการบูรณะและขึ้นทะเบียนเป็นวัดตามพระราชบัญญัติคณะสงฆ์ ชาวบ้านเรียกว่าวัดพระเจ้านั่งช้าง ที่บนยอดเขาใกล้หมู่บ้านมีเจดีย์องค์หนึ่งเรียกว่า“ พระธาตุกาหลง ”
บ้านแม่ปั๋ง เป็นหมู่บ้านดั้งเดิมมีอายุกว่าร้อยปี สืบเชื้อสายมาจากชาวไทยลื้อ บุคคลสำคัญของหมู่บ้าน ได้แก่พ่อท้าวพระยาจักรเป็นผู้นำคนแรก ผู้นำชุมชนที่ได้รับเลือกเป็นกำนันตำบลแม่ปั๋ง คือ พ่อแคว่นสุยะ ประเรืองไร และพ่อกำนันประวัติ คำเมรุ พบซากโบราณสถานซึ่งเชื่อว่าเป็นวัดร้างมาก่อน คือ ซากโบสถ์เก่าของวัดแม่ปั๋ง และวัดแม่ปั๋ง(ร้าง)อีกแห่งหนึ่ง อยู่ไม่ไกลจากวัดแม่ปั๋ง ปัจจุบัน
บ้านทุ่งบวกข้าว เดิมเป็นหมู่บ้านเดียวกับบ้านแม่ปั๋ง แต่ไม่มีหลักฐานหรือพยานบุคคลยืนยันว่าตั้งเป็นหมู่บ้านเมื่อใด สันนิษฐานจากคำบอกเล่าและสำเนียงการพูดมีความเป็นได้ว่าสืบเชื้อสายมาจากไทลื้อเช่นเดียวกัน พบซากโบราณสถานที่เชื่อว่าน่าจะเคยเป็นวัดร้าง คือ พระธาตุดอยนะโม (เดิมเรียกน้ำมัว) วัดห้วยพระเจ้า และทุ่งเงี้ยว
บ้านขุนปั๋ง ตั้งเป็นชุมชนราว พ.ศ.๒๔๗๔ เป็นชุมชนชาวบ้านที่ปลูกเหมี้ยง มีลักษณะทางธรรมชาติเหมาะสำหรับการท่องเที่ยวเชิงนิเวศน์
บ้านห้วยทราย เป็นหมู่บ้านดั้งเดิมมีอายุประมาณหนึ่งร้อยปีประวัติที่มาของหมู่บ้านไม่ปรากฏชัดเจน ทราบเพียงว่าชาวบ้านอพยพมาจากบนดอยและมาอยู่รวมกันเป็นหมู่บ้าน ผู้ใหญ่บ้านคนแรกคือ พ่อหลวงปั๋น ตันกุณะ พบโบราณสถาน ๒ แห่ง คือวัดห้วยทราย(ร้าง)และดงเจ้านาย
บ้านม่อนหินไหล เป็นหมู่บ้านดั้งเดิม มีอายุประมาณร้อยปี ตั้งอยู่บนภูเขาสูง การเดินทางเข้าสู่หมู่บ้านต้องผ่านภูเขาสูง ซึ่งภาษาพื้นเมืองเรียกว่า “ม่อน” ที่มีความชันมาก แม้ลูกหินยังไม่สามารถจะเกาะตัวอยู่ได้อย่างสนิทจะเลื่อนไหลลงสู่พื้น ด้านล่างเคยเป็นพื้นที่ปลูกและเก็บใบเหมี้ยงขายเช่นเดียวกับขุนปั๋ง เนื่องจากตั้งอยู่ในเขตอุทยานศรีล้านนาและสามารถเดินทางผ่านป่าเขาไปสู่อำเภอเชียงดาวและอำเภอแม่แตงได้ เป็นเส้นทางท่องเที่ยวทางธรรมชาติ
บ้านศรีประดู่ เป็นหมู่บ้านที่ตั้งใหม่จากการจัดสรรที่ทำกินในรูปแบบนิคมสหกรณ์ ชาวบ้านส่วนใหญ่มาจากบ้านประดู่ และบ้านห้วยทราย รวมทั้งเกษตรกรจากที่อื่นๆประกาศเป็นหมู่บ้านทางราชการเมื่อปี พ.ศ. ๒๕๑๕ กรมส่งเสริมสหกรณ์อนุญาตให้ใช้พื้นที่๘๐ กว่าไร่สร้างวัด “วัดป่าสหธรรมิการาม”
บ้านโป่ง หรือบ้านโป่งบัวบาน ตั้งขึ้นเมื่อ พ.ศ.๒๕๓๒ ในเขตนิคมสหกรณ์พร้าว ราษฎรส่วนใหญ่มาจากบ้านแม่แพงและที่อื่น ๆ ได้รับอนุญาตให้ใช้ที่ดินสร้างวัดประจำหมู่บ้าน ไม่พบซากโบราณสถานใดๆ
บ้านผาแดง เป็นหมู่บ้านตั้งใหม่คล้ายกับบ้านโป่งบัวบาน ราษฎรส่วนใหญ่มาจากบ้านแม่แพง(เดิม) ที่อยู่ใกล้กับเขตน้ำท่วมเหนือเขื่อนแม่งัดสมบูรณ์ชล พบวัดร้าง ๑ แห่ง เรียกว่าวัดผาแดงได้บูรณะพัฒนาเพื่อยกเป็นวัดที่มีพระภิกษุอยู่จำพรรษา
บ้านเฉลิมราช เดิมเป็นหย่อมบ้านของบ้านห้วยทราย เดิมเรียกกันว่าบ้านแม่สูน ซึ่งเป็นชื่อของลำห้วย ได้รับการประกาศตั้งเป็นหมู่บ้านอย่างเป็นทางการเมื่อ วันที่ ๕ ธันวาคม พ.ศ. ๒๕๔๓ มีวัดร้างแห่ง ๑ ชื่อวัดสันกำแพงหรือสันกำแพงงาม ปัจจุบันนี้ได้รับการบูรณะพัฒนาเป็นวัดมีพระภิกษุอยู่จำพรรษาตามกฎมหาเถรสมาคมแล้ว
บ้านสันติสุขเดิมเป็นหมู่บ้านเดียวกันกับบ้านแม่ปั๋ง ประกาศเป็นหมู่บ้านเมื่อวันที่ ๑๒ ธันวาคม ๒๕๔๙ เป็นที่ตั้งของวัดดอยแม่ปั๋ง ศาสนสถานซึ่งเคยเป็นที่พำนักปฏิบัติธรรมของหลวงปู่แหวน สุจิณฺโณ บริเวณบนดอยแม่ปั๋งมีลักษณะเป็นคันดิน คล้ายคูเมืองหรือเวียงเก่า คนรุ่นอายุเกิน ๗๐ ปีเล่าว่าสถานที่แห่งนี้เรียกม่อนเวียง สันนิษฐานว่าเป็นเวียงเก่าของเจ้าผู้ครองเมืองพร้าวยุคใดยุคหนึ่งหรืออาจเป็นที่ตั้งทัพ ปัจจุบันยังพอจะมองเห็นร่องรอยของคันดินได้บางส่วน คำขวัญประจำตำบล“ ดอยแม่ปั๋งล้ำค่า งามสง่าประเพณี กินอยู่ดีเกษตรกรรม สวยล้ำน้ำตกม่อนหินไหล น้ำใจมากล้นคนมีอารยธรรม ”
ที่มาข้อมูลรายงานวิจัยฉบับสมบูรณ์โครงการการสืบค้นประวัติศาสตร์เมืองพร้าวผ่านกระบวนการศึกษาวัดร้างอำเภอพร้าว จังหวัดเชียงใหม่ โดย มนัส ตันสุภายน และคณะ