นางอันเป็นที่รักของสมเด็จพระพุทธเจ้าหลวง รัชกาลที่ ๕
- P1.jpg (185.24 KiB) เปิดดู 32438 ครั้ง
เนื่องจากในสมัย ร.๕ นั้นพระองค์ทรงมีพระภรรยาเจ้าและพระสนมจำนวนมากถึง ๑๕๒ พระองค์ จึงมีการจัดลำดับชั้นพระอิสริยยศเอาไว้ ดังนี้ ตำแหน่งพระภรรยาเจ้า มี ๕ ตำแหน่ง คือ พระบรมราชินีนาถ ,พระบรมราชเทวี , พระราชเทวี , พระอัครชายา และพระราชชายา รวมทั้งหมด ๙ พระองค์ นอกนั้น ๑๔๓ พระองค์คำรงตำแหน่ง เจ้าจอมมารดา และเจ้าจอม โดย เจ้าจอมมารดาคือสามัญชนที่ถวายตัวรับใช้และมีพระโอรสพระธิดา ส่วนเจ้าจอมสามัญชนที่ถวายตัวรับใช้โดยไม่มีพระโอรสพระธิดา
พระภรรยาเจ้า คือ ตำแหน่งที่สำคัญของราชสำนักฝ่ายในที่สำคัญตำแหน่งหนึ่ง หมายถึง พระภรรยาของพระมหากษัตริย์ที่มีพระยศเดิมเป็นพระบรมวงศานุวงศ์ตั้งแต่ระดับสมเด็จเจ้าฟ้าลงมาถึงหม่อมเจ้า พระภรรยาเจ้าอาจได้รับการแต่งตั้งให้ดำรงอิสริยยศต่างกันไป อาทิ พระบรมราชินี พระอัครมเหสี พระอัครเทวี พระราชเทวี พระอัครชายา
ในส่วนของพระภรรยาเจ้านี้ นอกจากจะทรงรับเข้ามาด้วยความพอพระราชหฤทัยแล้ว อีกประการหนึ่ง ทรงรับเข้ามาด้วยเหตุผลเกี่ยวกับการแต่งตั้งรัชทายาทสืบพระราชสันตติวงศ์เชิดชูพระราชจักรีวงศ์ ตามคติความเชื่อที่ว่าพระมหาจักรพรรดิควรจะมีนางแก้วคู่พระบารมี คือ พระอัครมเหสีซึ่งเปี่ยมด้วยชาติตระกูลดี เหมาะสมที่จะเป็นพระราชมารดาของพระราชโอรสและพระราชธิดาต่อไป ซึ่งนับเป็นประเพณีความเชื่อแบบตะวันออกที่ว่าด้วยเรื่อง “อุภโตสุชาติ สังสุทธเคราหณี” หมายถึง ผู้ที่เกิดดีทั้งสองฝ่ายคือทั้งฝ่ายชนกและชนนี ส่วน “สังสุทธเคราหณี” หมายถึง มีครรภ์เป็นที่ถือปฏิสนธิบริสุทธิ์พร้อม ทังนี้ เพราะในการแต่งตั้งรัชทายาท ทรงคำนึงถึงพระชาติกำเนิดหรือสายพระโลหิตที่บริสุทธิ์ของรัชทายาท อันสืบเนื่องกับสกุลยศและพระอิสริยยศแห่งพระมารดา ตามแบบแผนราชประเพณี
ทีนี้มาว่ากันโดยลำดับ พระอิสริยยศของพระภรรยาเจ้าในรัชกาลพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว มีด้วยกัน ๕ ตำแหน่ง แจกแจงได้ดังนี้
(๑.) พระภรรยาเจ้าชั้นลูกหลวง ตำแหน่ง “พระบรมราชินีนาถ”
– สมเด็จพระศรีพัชรินทราบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง / สมเด็จพระนางเจ้าเสาวภาผ่องศรี พระบรมราชินีนาถ (พระนามเดิม พระเจ้าลูกเธอ พระองค์เจ้าเสาวภาผ่องศรี)
(๒.) พระภรรยาเจ้าชั้นลูกหลวง ตำแหน่ง “พระบรมราชเทวี”
– สมเด็จพระศรีสวรินทิราบรมราชเทวี พระพันวัสสาอัยยิกาเจ้า /สมเด็จพระนางเจ้าสว่างวัฒนา พระบรมราชเทวี (พระนามเดิม พระเจ้าลูกเธอ พระองค์เจ้าสว่างวัฒนา)
– สมเด็จพระนางเจ้าสุนันทากุมารีรัตน์ พระบรมราชเทวี (พระนามเดิม พระเจ้าลูกเธอ พระองค์เจ้าสุนันทากุมารีรัตน์)
(๓.) พระภรรยาเจ้าชั้นลูกหลวง ตำแหน่ง “พระราชเทวี”
(๔.) พระภรรยาเจ้าชั้นหลานหลวง ตำแหน่ง “พระอรรคชายา”
– พระวิมาดาเธอ พระองค์เจ้าสายสวลีภิรมย์ กรมพระสุทธาสินีนาฏ ปิยมหาราชปดิวรัดา / พระอรรคชายาเธอ พระองค์เจ้าสายสวลีภิรมย์ กรมขุนสุทธาสินีนาฏ (หม่อมเจ้าสาย ลดาวัลย์)
– พระอรรคชายาเธอ พระองค์เจ้าเสาวภาคย์นารีรัตน์ (หม่อมเจ้าปิ๋ว ลดาวัลย์)
– พระอรรคชายาเธอ พระองค์เจ้าอุบลรัตนนารีนาค กรมขุนอรรควรราชกัลยา (หม่อมเจ้าบัว ลดาวัลย์)
(๕.) พระภรรยาเจ้า ตำแหน่งพระราชชายา
– เจ้าดารารัศมี พระราชชายา (พระนามเดิม เจ้าดารารัศมี)
เคยทราบมาว่าอันที่จริงแล้ว ตำแหน่งพระภรรยาเจ้าที่ได้รับการสถาปนานั้นจะมีเพียง ๔ ตำแหน่ง คือ “พระบรมราชินีนาถ” “พระบรมราชเทวี” “พระราชเทวี” “พระอรรคชายา” เท่านั้น ตำแหน่งสุดท้ายคือ “พระราชชายา” เพิ่งมีสถาปนาในรัชกาลนี้นี่เอง ซึ่งเป็นไปได้ว่า ตำแหน่งนี้น่าจะมีเพียงพระองค์เดียว คือ เจ้าดารารัศมี พระราชชายา เพราะในรัชกาลต่อๆ มาเห็นว่าไม่มีสถาปนาพระภรรยาเจ้าครบทุกตำแหน่งข้างต้นอีกเลย
๑.สมเด็จพระศรีพัชรินทราบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนี พันปีหลวง พระนามเดิม พระองค์เจ้าเสาวภาผ่องศรี (รัชกาลที่ ๕ ทรงออกพระนามเรียกโดยลำลองว่า "แม่เล็ก") พระชนนีในรัชกาลที่๖และ๗ “เป็นที่รู้กันในหมู่ชาววังว่าพระองค์ทรงหึงห่วงพระสวามีมาก เคยทรงสั่งทำลายพระรูปที่ร.๕ ฉายกับภรรยาเจ้าองค์อื่นและเจ้าจอม ทรงแต่งดำตลอดพระชนย์ชีพเมื่อ ร.๕ สวรรคตและไม่พอพระทัยถ้าเห็นท่านอื่นแต่งดำเช่นท่าน ตอนประชวรหนักทรงก้มกราบเท้าพระสมเด็จพระศรีสวรินทิราและพระนางสุขุมมาลเพื่อขออภัยกับสิ่งที่ท่านทรงทำไว้กับพี่นางทั้ง๒” มีพระราชโอรส-ธิดา ทั้งหมด ๘ พระองค์ และตกพระครรภ์อีก หลายองค์ ได้แก่
๒.สมเด็จพระนางเจ้าสุนันทากุมารีรัตน์ พระบรมราชเทวี หรือที่รู้จักกันในนาม พระนางเรือล่ม (รัชกาลที่ ๕ ทรงออกพระนามเรียกโดยลำลองว่า "แม่ใหญ่")
“ทรงมีพระอุปนิสัยแข็งแกร่ง เด็ดขาด แต่ด้วยพระสิริโฉม รวมทั้งพระอัธยาศัยที่สุภาพ เรียบร้อย และสงบเสงี่ยม ทำให้พระองค์เป็นที่นับถือในพระบรมวงศานุวงศ์ และข้าราชบริพาร และทรงเป็นที่สนิทเสน่หาในพระราชสวามียิ่งนัก”
พระนางเธอ พระองค์เจ้าสุนันทากุมารีรัตน์สิ้นพระชนม์ด้วยอุบัติเหตุเรือพระประเทียบล่มเมื่อวันจันทร์ที่ ๓๑ พฤษภาคม พ.ศ. ๒๔๒๓ ทรงมีพระธิดา๑องค์กับในพระครรภ์๑องค์
•สมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้ากรรณาภรณ์เพ็ชรรัตน์ (สิ้นพระชนม์พร้อมพระมารดา)
๓.สมเด็จพระศรีสวรินทิรา บรมราชเทวี พระพันวัสสาอัยยิกาเจ้า(รัชกาลที่ ๕ ทรงออกพระนามเรียกโดยลำลองว่า "แม่กลาง") ทรงเป็นพระอัยยิกา (ย่า) รัชกาลที่ ๘และ ๙ เมื่อพระสถานะพระราชินีของพระองค์ท่านต้องเปลี่ยนไปเพราะการสิ้นพระชนม์ของพระโอรสเจ้าฟ้าวชิรุณหิศพระองค์ท่านต้องถูกลดพระฐานะลง พระขนิษฐาซึ่งเป็นพระมารดาขององค์รัชทายาทพระองค์ใหม่ขึ้นเป็นราชินีแทนท่านก็ทรงทำพระทัยได้ ไม่มีจิตริษยาในโชควาสนาของพระขนิษฐา เป็นพระอัครมเหสีที่ตลอดพระชนม์ชีพของพระองค์มีแต่ความทุกข์โศกที่เกิดจากการสูญเสีย มีพระราชโอรส-ธิดาทั้งหมด ๘ พระองค์
แม้สมเด็จพระพันวัสสาจะทรงพระอิศริยยศสูงส่ง แต่ก็ทรงประสบกับความทุกข์ด้วยพระราชโอรสธิดาสิ้นพระชนม์ตั้งแต่ยังทรงพระเยาว์ ได้แก่ เจ้าฟ้าอิศริยาลงกรณ์ สิ้นพระชนม์ ขณะมีพระชันษาเพียง ๒๑ วัน ในปี พ.ศ. ๒๔๒๒ และปี พ.ศ.๒๔๒๔ ทรงสูญเสีย เจ้าฟ้าหญิงวิจิตรจิรประภา พระชันษาเพียง ๔ เดือน
ต่อมาใน พ.ศ.๒๔๓๖ เจ้าฟ้าหญิง (ยังไม่มีพระนาม) ซึ่งประสูติได้เพียง ๓ วัน สิ้นพระชนม์ จากนั้นก็มีเหตุให้ทรงโทมนัสแสนสาหัสอีกหลายครา โดยเฉพาะอย่างยิ่ง การสูญเสีย เจ้าฟ้ามหาวชิรุณหิศ ซึ่งขณะนั้นดำรงพระยศเป็น สมเด็จพระบรมโอรสาธิราช เจ้าฟ้ามหาวชิรุณหิศ สยามมกุฎราชกุมาร เสด็จสวรรคต อย่างกะทันหันด้วยโรคไข้รากสาดน้อย ในปี พ.ศ. ๒๔๓๗
เล่ากันว่าสมเด็จพระพันวัสสาทรงล้มทั้งยืนในทันที สิ้นพระสติสมประดี ครั้นรู้สึกพระองค์ก็ทรงพระกันแสงอย่างรุนแรง ทรงใช้พระกรข้อนพระอุระด้วยปริเทวนาการดังจะสวรรคตตามไป ไม่ทรงฟังคำปลอบประโลมใดๆ ทรงโศกเศร้าจนไม่เสด็จกลับตำหนัก กั้นพระฉากบรรทมในที่ประดิษฐานพระบรมศพพระราชโอรส ไม่เสวยพระกระยาหาร จนทรงพระประชวรในที่สุด
เวลาผ่านไป พระสุขภาพเริ่มดีขึ้น เจ้าฟ้าหญิงศิราภรณ์โสภณ พระชันษา ๑๐ ปี ก็สิ้นพระชนม์ พระพันวัสสาทรงเสียพระทัยถึงกับประชวรอีกครั้ง แพทย์ต้องกราบบังคมทูลขอให้เสด็จไปประทับรักษาพระองค์ที่ชายทะเล แต่ยังไม่ทันได้เสด็จไป เจ้าฟ้าสมมติวงศ์วโรทัย กรมขุนศรีธรรมราชธำรงฤทธิ์ ก็สิ้นพระชนม์ตามไปอีก ในปี พ.ศ.๒๔๔๒
สมเด็จพระพันวัสสาทรงพระประชวรหนักถึงทรงพระดำเนินไม่ได้ ความสูญเสียที่เกิดขึ้นครั้งแล้วครั้งเล่า ทำให้ทรงโศกสลดและแทบจะทรงหมดกำลังพระทัย พระราชพิธีพระราชทางเพลิงศพจัดขึ้นต่อเนื่องกัน ณ พระเมรุมณฑป วัดบวรสถานสุทธาวาส (วัดพระแก้ววังหน้า) พระพันวัสสาทรงโศกเศร้าเกินจะห้ามพระทัย ไม่ได้เสด็จไปพระราชทานเพลิงทั้งสามพระองค์
ในวันที่ ๒๓ ตุลาคม พ.ศ. ๒๔๕๓ พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว เสด็จสู่สวรรคาลัย สมเด็จพระพันวัสสาทรงพระประชวรสลบไปทันที เล่ากันมาว่าทรงอธิษฐานต่อหน้าพระพุทธรูปว่า ขอให้ลืม ลืมให้หมด อย่าให้มีความจำอะไรเลย จำอะไรขึ้นมา ก็ล้วนแต่ความทุกข์ทั้งนั้น
ในพ.ศ. ๒๔๘๑ เจ้าพนักงานตำรวจเชิญ พระองค์เจ้ารังสิตประยูรศักดิ์ (ขณะนั้นเป็นสมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมพระยาชัยนาทนเรนทร) ไปคุมขังไว้ที่สถานีตำรวจพระราชวัง ด้วยเหตุผลทางการเมือง (หลังมีการเปลี่ยนแปลงการปกครองแล้ว) พระพันวัสสาทรงต่อรองรับประกันด้วยพระราชทรัพย์ทั้งหมดเพื่อแลกกับอิสรภาพ ของพระโอรส เมื่อไม่สำเร็จทรงรับสั่งว่า ทำไมรังแกกันอย่างนี้ มันจะเอาชีวิตฉัน เห็นได้เทียวว่ารังแกฉัน ลูกตายไม่น้อยใจช้ำใจเลย เพราะมีเรื่องหักได้ว่าเป็นธรรมดาโลก ครั้งนี้ ทุกข์ที่สุดจะทุกข์แล้ว
ภาย หลัง สมเด็จพระมหิตลาธิเบศร อดุลยเดชวิกรม พระบรมราชชนก ทรงสำเร็จการศึกษาวิชาการแพทย์แล้วเสด็จพระราชดำเนินกลับประเทศไทยพร้อม สมเด็จพระราชชนนี (สมเด็จย่า) พระธิดาพระโอรสทั้ง ๓ (พระพี่นางฯ รัชกาลที่ ๘ รัชกาลที่ ๙)
ความสุขในวังสระปทุมหมดไปอย่างรวดเร็วเมื่อ สมเด็จพระมหิตลาธิเบศร อดุลยเดชวิกรม พระบรมราชชนก ทรงประชวร พระอาการทรุดหนักสมเด็จพระพันวัสสาอัยยิกาเจ้า เสด็จฯมาทอดพระเนตรพระอาการ ด้วยพระพักตร์สงบแม้จะตกพระทัยมาก ประทับอยู่ใกล้พระแท่น สมเด็จพระบรมราชชนกพระเนตรปรอย ลืมพระเนตรขึ้นแล้วเสด็จสวรรคตในทันที พระพันวัสสาทรงคุกพระชนฆ์ลง ยื่นพระหัตถ์ไปทรงปิดพระเนตร แล้วซบพระพักตร์ลง
ความโทมนัสแสนสาหัสที่เกิดขึ้นน่าจะจบลงเพียงแค่นั้น เพราะพระพันวัสสาทรงปีติปลาบปลื้มกับพระนัดดาทั้งสาม พระสุขภาพที่ทรุดโทรมก่อนหน้านี้ค่อยดีขึ้น ด้วย พระราชหฤทัยที่ชื่นบาน แต่.......
พระบาทสมเด็จพระปรเมนทรมหาอนันทมหิดลฯ เสด็จสวรรคต ในวันที่ ๙ มิถุนายน พ.ศ.๒๔๘๙ ไม่มีผู้ใดกล้ากราบบังคมทูล ทรงรำลึกเสมอว่า "ทรงมีหลานชาย ๒ คน"
วันที่ ๑๗ ธันวาคม พ.ศ.๒๔๘๙ สมเด็จพระศรีสวรินทิรา บรมราชเทวี พระพันวัสสาอัยยิกาเจ้า เสด็จ สวรรคต ณ วังสระปทุม ด้วยอาการพระทัยวาย รวมพระชนมายุ ๙๓ พรรษา ๓ เดือน ๗ วัน จากรัชกาลที่ ๔ ถึง รัชกาลที่ ๙ รวม ๖ แผ่นดิน ทรงผ่านทั้งความสุข ความทุกข์โศกใหญ่หลวง แต่ก็ทรงศึกษาพระพุทธศาสนาอย่างถ่องแท้จนบังเกิดพระขันติธรรม นำให้เข้าพระทัยในธรรมดาแห่งชีวิต
นี่แหละ ความทุกข์ของผู้หญิงคนหนึ่ง ในฐานะมารดามิใช่ราชินี
๔.สมเด็จพระนางเจ้าสุขุมาลมารศรี พระอัครราชเทวี มีพระนามเดิมว่า " พระเจ้าลูกเธอ พระองค์เจ้าหญิงสุขุมาลมารศรี " ในรัชกาลที่ ๕ หรือที่ถวายเรียกกันว่า “เสด็จพระนาง” หลักฐานแห่งความ โปรดรักใคร่ไว้วางพระราชหฤทัยอย่างยิ่ง นั้น มีปรากฏอยู่เนือง ๆ เช่น พระมเหสีพระองค์นี้ น่าจะทรงเป็น "เมีย" คนแรกที่ทรงพระราชนิพนธ์โคลงพระราชทาน เมื่อเกิดเหตุการณ์วิกฤติการณ์ ร.ศ. ๑๑๒ ทรงตรอมพระราชหฤทัยมาก ถึงกับมีพระราชประสงค์จะเสด็จสวรรคต ได้ทรงพระราชนิพนธ์ความในพระราชหฤทัย ส่งไปพระราชทานเจ้านายเพียง ๒ พระองค์เท่านั้น คือ พระนางเจ้าสุขุมาลมารศรี และ กรมหลวงดำรงราชานุภาพ แต่ก็แปลกที่ท่านไม่ได้แต่งตั้งเป็นพระมเหสีตลอดรัชากาลที่๕ จนเอ่ยปากน้อยใจกับโอรสว่า “แม่นี้น้อยบุญนัก” มีพระราชโอรส-ธิดา รวม ๒ พระองค์
๕.พระเจ้าบรมวงศ์เธอ พระองค์เจ้าทักษิณชา นราธิราชบุตรี ทรงเป็นพระราชธิดาในพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ที่ประสูติแต่เจ้าจอมมารดาจันทร์ และเป็นพระภรรยาเจ้าพระองค์แรกในพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ที่ประสูติพระราชบุตร ทรงมีพระชันษาแก่กว่า เป็นพระภรรยาเจ้าระดับ "ลูกหลวง" พระองค์แรกในรัชกาล เมื่อ พ.ศ. ๒๔๑๓ ทรงประสูติพระราชบุตรเป็นพระราชโอรส ๑๓ มิถุนายน พ.ศ. ๒๔๑๕ เป็นพระราชบุตรพระองค์ที่ ๕
สมเด็จเจ้าฟ้าชายที่ประสูติแต่ พระองค์เจ้าทักษิณชา ทรงเป็นเจ้าฟ้าลูกหลวงเอก พระองค์แรกในรัชกาล ทรงสิ้นพระชนม์ในวันประสูติ “พระองค์เจ้าทักษิณชาทรงเสียพระทัยมากจนสูญเสียพระจริต ไม่สามารถรับราชการต่อไปได้ ทรงอยู่ในสภาพผู้ป่วยตลอดพระชนม์ชีพ”
พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าโปรดให้ พระเจ้าบรมวงศ์เธอ พระองค์เจ้าศุขสวัสดี กรมหลวงอดิศรอุดมเดช พระอนุชา ทรงรับพระเจ้าพี่นางเธอ พระองค์เจ้าทักษิณชา ไปบริบาล จนสิ้นพระชนม์ เมื่อวันที่ ๑๓ กันยายน พ.ศ. ๒๔๔๙ ที่ตำหนักพระเจ้าบรมวงศ์เธอ พระองค์เจ้าเกษมศรีศุภโยค กรมหมื่นทิวากรวงศ์ประวัติ ทรงอยู่ในสภาพผู้ป่วยนานถึง ๓๔ ปี
๖.พระอรรคชายาเธอ พระองค์เจ้าอุบลรัตนนารีนาค กรมขุนอรรควรราชกัลยา (หม่อมเจ้าบัว ลดาวัลย์) ชาววังเอ่ยพระนามว่า “พระอรรคชายาพระองค์ใหญ่” พระธิดาของพระองค์เจ้าลดาวัลย์ กับ เจ้าจอมมารดาจีน มีพระราชธิดาเพียงพระองค์เดียว
๗.พระอรรคชายาเธอ พระองค์เจ้าเสาวภาคย์นารีรัตน์ (หม่อมเจ้าปิ๋ว ลดาวัลย์) ชาววังเอ่ยพระนามว่า “พระอรรคชายาพระองค์กลาง” มีพระราชธิดาเพียงพระองค์เดียว
๘.พระวิมาดาเธอ กรมพระสุทธาสินีนาฏ ปิยมหาราชปดิวรัดา (หม่อมเจ้าสาย ลดาวัลย์) ชาววังเอ่ยพระนามว่า “พระอรรคชายาพระองค์เล็ก”
“ทรงปฏิบัติราชการในหน้าที่อำนวยการห้องพระเครื่องต้นของเสวยคาวหวาน เป็นที่รู้กันทั่วว่าพระองค์ทรงทำอาหารอร่อยที่สุดทรงพิถีพิถันในเรื่องเครื่องต้นที่จะตั้งถวาย ทรงรับสั่งว่า " ขอให้ลูกให้ผัวสุขสบายก็เป็นที่พอใจแล้ว " อีกทั้งทรงเป็นผู้ที่ตั้งโรงเลี้ยงเด็กขึ้นเป็นแห่งแรกในประเทศไทย
๙.พระราชชายา เจ้าดารารัศมี พระนามลำลองว่า "เจ้าอึ่ง"
“เจ้าหญิงแห่งราชวงศ์ฝ่ายเหนือผู้มีบทบาทสำคัญยิ่งต่อการรวมล้านนาเข้ากับสยาม ผู้มากด้วยพระอัจฉริยภาพ เจ้าหญิงผู้เสด็จลงมาถวายตัว สมเด็จพระพุทธเจ้าหลวง ด้วยเหตุทางการเมือง ทรงดำรงพระองค์อย่างเรียบง่าย มิได้สนพระทัยต่อการถูกมองพระองค์ว่าเป็น "เจ้าหญิงเมืองลาว” แต่ทรงเอ่ยปาก" ใคร่ปิ๊กบ้านวันละร้อยเตื้อ " การสิ้นพระชนม์ของพระองค์เจ้าหญิงวิมลนาคนพีสีในคราวนี้นั้น พระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ทรงเสียพระทัยยิ่งนัก กล่าวโทษพระองค์เอง ว่า "ทรงเสียพระทัยยิ่งนัก ที่ทรงมิได้สถาปนาพระยศพระราชธิดาให้เป็น "เจ้าฟ้า" เป็นเหตุให้พระธิดาสิ้นพระชนม์" แต่สำหรับ เจ้าจอมมารดาเจ้าดารารัศมีแล้วนั้น ทรงเสียพระทัยอย่างที่สุด ทรงฉีกทำลายพระฉายาลักษณ์ที่ "พระราชสวามี" ประทับร่วมอยู่กับ "พระองค์" และ "พระราชธิดา" เสียจนหมดสิ้น มีพระราชธิดาเพียงพระองค์เดียว คือ
•พระเจ้าบรมวงศ์เธอ พระองค์เจ้าหญิงวิมลนาคนพีสี (สิ้นพระชนม์เมื่อทรงพระเยาว์)
ที่มา
https://beauvajirakorn.wordpress.com/ และ
http://panya-king5.blogspot.com/