ถนนอินทยงยศ...วิถีลำพูน
เจ้าจักรคำ และเจ้าหญิงแขกแก้ว อัครชายา
คุ้มคือที่อยู่ ที่พักอาศัยของเจ้านายฝ่ายเหนือในจังหวัดลำพูนและในจังหวัดเชียงใหม่ถ้าเป็นที่พักอาศัยของเจ้าผู้ครองนคร ก็ถูกเรียกว่า "คุ้มเจ้าหลวง" หรือ "คุ้มหลวง" เมื่อเจ้าผู้ครองนครถึงแก่พิราลัย คุ้มเจ้าหลวงผู้ครองนครองค์ใหม่ก็จะถูกเรียกว่า "คุ้มหลวง" ส่วนคุ้มของเจ้าผู้ครองนครองค์ที่แก่พิราลัย ก็ตกทอดเป็นของทายาทต่อไปจะถูกเรียกว่า "คุ้ม"
เมื่อครั้งเจ้าหลวงอินทยงยศโชติเป็นเจ้าผู้ครองนครลำพูน คุ้มหลวงของท่านตั้งอยู่ใจกลางเมืองลำพูนด้านหลังติดกับหนองน้ำแห่งประวัติศาสตร์ที่มีมาตั้งแต่สมัยพระนางจามเทวี กษัตรีย์พระองค์แรกของพระนครหริภุญไชย ชื่อ "หนองน้ำจามเทวี" ต่อมาในปี พ.ศ. ๒๔๔๓ เจ้าหลวงอินทยงยศโชติได้ยกคุ้มหลวงของท่านได้แก่รัฐบาลสยาม ใช้เป็นสถานที่ก่อสร้างอาคารที่ว่าการเมืองหรือศาลากลางจังหวัดลำพูนในปัจจุบันนี้ เมื่อท่านถึงแก่พิราลัยในปี พ.ศ. ๒๔๕๓ โอรสของท่านได้รับพระราชโองการโปรดเกล้าฯ จากรัชกาลที่ ๖ แต่งตั้งให้เป็นเจ้าผู้ครองนครลำพูนองค์ที่ ๑๐ มีพระนามว่า เจ้าจักรคำขจรศักดิ์
คุ้มหลวงหลังแรกของเจ้าหลวงจักรคำขจรศักดิ์ ประกอบด้วยเรือนไม้สักชั้นเดียวใต้ถุนสูงหลายหลังอยู่ในบริเวณพื้นที่ดินประมาณ ๔ ไร่เศษ เจ้าหลวงจักรคำขจรศักดิ์พำนักที่คุ้มหลังนี้ตั้งเเต่เสกสมรสกับเจ้าหญิงขานแก้ว อรรคชายองค์แรก เมื่อปี พ.ศ. ๒๔๔๑ ราชโอรสและราชธิดาที่กำเนิดจากเจ้าหญิงขานแก้ว ทั้ง ๔ องค์ มีสูติกาลที่คุ้มหลวงหลังนี้
๑.เจ้าหญิงลำเจียก สูติเมื่อ พ.ศ.๒๔๔๒
๒.เจ้าหญิงวรรณรา สูติเมื่อ พ.ศ.๒๔๔๗
๓.เจ้าชายพงศ์ธาดา สูติเมื่อ พ.ศ.๒๔๔๙
๔.เจ้าชายรัฐธาทร สูติเมื่อ พ.ศ.๒๔๕๐
หลังจากที่เจ้าหญิงขานแก้วถึงแก่อนิจกรรมได้ ๒ ปีกว่า เจ้าหลวงจักรคำขจรศักดิ์ได้เสกสมรสอีกครั้งกับเจ้าหญิงแขกแก้ว อรรคชายาองค์ที่ ๒ เมื่อปี พ.ศ. ๒๔๕๓ ท่านและเจ้าหญิงเเขกแก้วยังคงพำนักที่คุ้มหลวงหลังนี้ ราชโอรสและราชธิดาที่กำเนิดจากเจ้าหญิงเเขกแก้ว ทั้ง ๔ องค์ก็มีสูติกาลที่คุ้มหลวงหลังนี้
๑.เจ้าชายวรทัศน์ สูติเมื่อ พ.ศ.๒๔๕๔
๒.เจ้าชายรัชเดช สูติเมื่อ พ.ศ.๒๔๕๖
๓.เจ้าชาย_______ สูติเมื่อ พ.ศ.๒๔๕๘ (ถึงเเก่อนิจกรรมหลังจากมีสูติกาลได้ไม่กี่วัน จึงไม่ทันได้ตั้งชื่อ)
๔.เจ้าหญิง_______ สูติเมื่อ พ.ศ.๒๔๕๙ (ถึงแก่อนิจกรรมหลังจากมีสูติกาลได้ไม่กี่วัน จึงไม่ทันได้ตั้งชื่อ)
ในระหว่างปี พ.ศ. ๒๔๘๐ - ๒๔๘๒ เจ้าหลวงจักรคำขจรศักดิ์ ได้ก่อสร้างคุ้มหลวงแห่งใหม่ เป็นตึก ๒ ชั้น รูปทรงเเบบยุโรป สวยงามมาก การปลูกอาคารแบบเป็นตึก ๒ - ๓ ชั้น รูปทรงแบบยุโรปกำลังเป็นที่นิยมอย่างมากในกรุงเทพมหานครในช่วงเวลานั้น ผู้เขียนได้รับคำบอกเล่าว่า ผู้ที่ควบคุมการก่อสร้างคุ้มหลวงหลังใหม่นี้ คือ ม.จ. ทองแกมแก้ว ทองใหญ่ ราชบุตรเขยของท่าน คุ้มหลวงหลังใหม่ก่อสร้างเสร็จเรียบร้อยในปี พ.ศ. ๒๔๘๒ ท่านได้ย้ายครอบครัวมาพำนักอยู่ที่คุ้มหลวงแห่งนี้ในปี พ.ศ. ๒๔๘๒ นั่นเอง และได้พำนักอยู่จนกระทั่งถึงแก่พิราลัยในปี พ.ศ. ๒๔๘๖ ท่านได้ยกคุ้มหลวงหลังเก่าให้แก่เจ้าหญิงลำเจียก ราชธิดาองค์โตเป็นที่พำนักอาศัยต่อไป ผู้คนในลำพูนจึงเรียกคุ้มหลวงหลังเก่าว่า"คุ้มเจ้าหญิงลำเจียก"
โกศพระศพเจ้าหลวงจักรคำขจรศักดิ์ ตั้งอยู่ในห้องโถงคุ้มหลวง พ.ศ.๒๔๘๖
เจ้าทรายแก้ว (ณ ลำพูน) กิติศรี ธิดาคนที่ ๓ ของเจ้าน้อยตื่น (ช) กับเจ้าตุ่นแก้ว (ญ) ณ ลำพูน เล่าให้ผู้เขียนฟังว่า เมื่อคุ้มหลวงสร้างเสร็จแล้ว เจ้าหลวงจักรคำขจรศักดิ์ได้จัดให้มีงานฉลองอย่างยิ่งใหญ่ถึง ๗ วัน ๗ คืน เป็นที่ครึกครื่น สนุกสนาน และเป็นที่กล่าวขวัญกันทั้งเมืองเจ้าทรายแก้วเล่าเพิ่มเติมอีกว่า
"ตอนนั้นพี่อายุได้เพียง ๑๑ ปี เรียนอยู่ชั้นม.๑ จำได้ว่ายังไม่ได้สอบไล่เลยเมื่อมีงานฉลองขึ้นคุ้มใหม่งานจัดขึ้นบริเวณที่ดินที่เป็นที่ว่างอยู่หน้าคุ้มหลวง ซึ่งต่อมาก็คือบริเวณตลาดสดเดิมงานเริ่มตั้งเเต่บ่าย มีพ่อค้า แม่ค้า ทยอยมาตั้งร้านขายของกันตั้งเเต่บ่ายโมง ในงานมีลิเก ภาพยนตร์ มีซอ มีเวทีสำหรับการแสดงของคณะที่มีชื่อเสียงหมุนเวียนเปลี่ยนกันมา เเละมีการแสดงของนักเรียนจากโรงเรียนต่างๆ ในลำพูน ๗ คืน ก็ ๗ โรงเรียน ในตอนเย็นขอบทุกๆ วันทั้ง ๗ วันเจ้าหลวงฯ ท่านจะโปรยทาน โดยท่านจ่ายสตางค์แดง ๑ สตางค์บ้าง ครึ่งสตางค์บ้างไว้ในรูปตะกร้อบ้าง รูปปลาบ้าง รูปนกบ้าง ฯลฯ ซึ่งตะกร้อรูปสัตว์เหล่านี้สานด้วยใบมะพร้าว พวกเด็กๆ จะคอยเวลาโปรยทานกัน และก็วิ่งแย่งกันเก็บตะกร้อใบมะพร้าวที่ใส่สตางค์นี้เป็นที่สนุกสนานพอเริ่มมืดท่านก็ให้เปิดไฟในบริเวณงาน สว่างไสวมาก แล้วยังมีไฟอีก ๒ ดวงสว่างจ้าส่องไปที่ตราประจำพระองค์ที่อยู่บนหน้าบันของอาคารตึก ที่เป็นรูปช้าง ๒ ตัว มีจักรอยู่ตรงกลางระหว่าง ๒ ตัวนั่นไง" พี่ทรายแก้วเล่าต่อไปว่า "ตอนนั้นพี่เรียนอยู่ที่โรงเรียนสตรีลำพูน พี่ได้รำแสดงอะไรไม่รู้ จำไม่ได้แล้ว อยู่ ๑ คืน เมื่อแสดงบนเวทีเส็รจแลัวนักเรียนที่แสดงรำทุกคนก็ได้รับของชำร่วยจากเจ้าหลวงฯ คนละ ๑ ชิ้น เป็นถาดเงินใบน้อยๆ ของชำร่วย ๑ คืนไม่เหมือนกันสักคืน บางคืนของชำร่วยก็เป็นถุงบุหงาหอมๆ ถุงเล็กๆ บางคืนของชำร่วยก็เป็นผ้าเช็ดปากซึ่งเป็นผ้าฝ้ายทอมือมาจากป่าซาง บอกได้เลยว่า งานฉลองคุ้มหลวงนี้เป็นงานใหญ่ของปีนั้นเลยนะ เป็นงานที่ทุกคนต้องไปเที่ยวกัน"
คุ้มหลังใหม่
ที่มา : Naren Punyapu