+ + + + ร้าวดาว + + + +

เรื่องสั้น บทความ ต่างๆ

+ + + + ร้าวดาว + + + +

โพสต์โดย วิรัตต์ยา » อาทิตย์ 30 ส.ค. 2009 3:57 pm

ฝากเรื่องสั้นขนาดยาว(มากกกก)ด้วยนะคะ :P

+ + + + + + + + + +



ฉันส่งวงค้อนไปให้คนที่ยืนหมุนซ้ายหมุนขวาอยู่หน้ากระจกบานใหญ่ในห้องตั้งแต่สิบห้านาทีที่แล้วด้วยความหมั่นไส้ปนขำ

...ดาว...เพื่อนรักของฉันอยู่ในชุดกระโปรงสั้นแค่เข่าผ้าเนื้อบางพลิ้วสีน้ำตาลลายดอกไม้เล็กๆ สีเหลือง เสื้อแขนกุดสีขาวมีระบายเล็กๆ ตรงสาบเสื้อ มือหนึ่งดาวถือเสื้อสูทสีน้ำตาลเข้มเกือบดำไว้

“สวยแล้วย่ะ แม่คุณ ถามจริงๆ จะไปสัมภาษณ์งานหรือไปออกเดทกันแน่ยะ ถึงได้ห่วงสวยขนาดนี้น่ะ” และเมื่อไม่เห็นทีท่าว่าดาวจะถอยออกจากหน้ากระจก ฉันก็อดร้องแซวไม่ได้

ดาวหันมายิ้มด้วยดวงตาเป็นประกายแห่งความหวัง ก่อนจะย่นจมูกด้วยท่าทีเป็นกังวลเห็นได้ชัด

“ก็ตื่นเต้นนี่หว่า คิดดูนะ ฉันไม่เคยสัมภาษณ์งานมาตั้งนาน กลัวจะไปทำเปิ่นหรือแต่งตัวเสล่อให้คนสัมภาษณ์หัวเราะเอาน่ะสิ” พูดจบดาวก็เดินเอาเสื้อสูทไปวางพาดบนเตียงนอน แล้วจึงจัดการถอดชุดที่ใส่อยู่ออก

และเพราะคบกันมาปีนี้เป็นปีที่ 9 ฉันกับดาวจึงเลิกอายกันในทุกเรื่องไปแล้ว ดาวจึงกล้าที่จะถอดเสื้อผ้าต่อหน้าฉัน เหมือนที่ฉันก็สามารถใส่ชุดชั้นในเดินไปเดินมาในห้องได้โดยไม่รู้สึกอะไรนั่นแหละ


ฉันกับดาวคบกันมาตั้งแต่สมัยเรียนปริญญาตรีที่มหาวิทยาลัยแห่งหนึ่งทางภาคอีสาน ครั้นเรียนจบ ก็เข้ามาหางานทำในกรุงเทพฯ พร้อมกันและเช่าหออยู่ด้วยกัน ฉันได้งานเป็นฝ่ายพิสูจน์อักษรในสำนักพิมพ์แห่งหนึ่ง ส่วนดาวเลือกทำงานด้านบัญชีตามวิชาโทที่เรียนมาและก็ทำที่นั่นมาตลอด ในขณะที่ฉันเปลี่ยนงานไปครั้งหนึ่งแล้ว แต่แล้ว งานที่ดูเหมือนจะมั่นคงของดาวก็สั่นคลอน เมื่อดาวถูกหัวหน้าผู้หญิงคนหนึ่งซึ่งหมั่นไส้มันมานานแล้ว (เรื่องแฟนของหัวหน้าที่มักมาก้อร่อก้อติกกับมัน) กลั่นแกล้งโดยการโยนเผือกร้อนมาให้ดาวจัดการ และเมื่อมันทำไม่ได้ก็ไล่ออกเสีย ดาวตกงานอยู่สองเดือน ถึงมีบริษัทมาเรียกไปสัมภาษณ์ในวันพรุ่งนี้

“นึกว่าอะไร นี่แกไม่รู้ตัวเลยหรือว่า แกน่ะ เสล่อมานานแล้ว”

“นังแอ๋ม” ดาวหันมาถลึงตาใส่ฉันแบบไม่จริงจังนัก

“ฮะฮะ...ล้อเล่นเว้ย ฉันกลัวแต่ว่า คนสัมภาษณ์เขาจะเอ๋อเพราะตะลึงในความสวยของแกละไม่ว่า”

คราวนี้ดาวยักไหล่ทำนองว่า มันแน่นอนอยู่แล้ว แล้วเราก็หัวเราะกันขำๆ

ดาวไม่ใช่คนสวยจัด แต่มีเสน่ห์ด้วยบุคลิกที่ดูมั่นใจในตัวเอง ขณะเดียวกันก็ดูเรียบร้อยอยู่ในที เรียบร้อยในที่นี้ไม่ใช่หมายความว่าเป็นคนนุ่มนิ่ม ทำอะไรเชื่องช้านะ มันเป็นคนไม่ค่อยเที่ยวกลางคืน ไม่กินเหล้า ใช้ชีวิตเรียบง่ายและมีความสุขกับสิ่งที่ตัวเองมี เป็นเด็กดีของพ่อแม่ว่างั้นเถอะ บวกกับหุ่นที่สมส่วนด้วยแล้ว มันก็เป็นผู้หญิงที่น่ามอง น่าสนใจตั้งแต่ครั้งแรกที่เห็น



วันรุ่งขึ้น ซึ่งเป็นวันหยุดของฉัน ดาวออกไปสัมภาษณ์งานแต่เช้าและกลับมาด้วยดวงตาที่เป็นประกายสดใสและสีหน้าที่เบิกบานที่สุดในรอบสองเดือนที่ผ่านมา
เย็นนั้น เราออกไปฉลองด้วยส้มตำเจ้าอร่อยหน้าปากซอย โดยมีฉันเป็นเจ้ามือ
ครั้งหนึ่ง ระหว่างที่เราคุยเรื่องโน้นเรื่องนี้กันอย่างออกรสเพราะเมาน้ำปลาร้า ดาวก็เอ่ยขึ้นว่า

“เออ ลืมเล่าให้ฟัง วันนี้ตอนที่ฉันนั่งรอสัมภาษณ์อยู่ มีผู้ชายคนหนึ่งมานั่งมองฉันใหญ่เลยว่ะ โคตรรำคาญเลย แล้วอะไรรู้มั้ย แก พอฉันสัมภาษณ์เรียบร้อย เดินออกจากบริษัท เขาก็ให้ผู้หญิงคนหนึ่งวิ่งเอาเบอร์โทรฯ มาให้ฉันด้วยอ่ะ”

“ว้าว เสน่ห์แรงจริง เพื่อนฉัน แค่วันแรกก็เข้าตากรรมการซะแล้ว”

“แกอย่ามาทำเสียงแบบนี้นะเว้ย ฉันไม่ชอบ” ดาวส่งเสียงแหลมปรี๊ด “พี่แกมั่นใจในตัวเองเกินไปหรือเปล่า คิดว่าผู้หญิงดีๆ ที่ไหนจะโทรฯ ไปหาวะ แล้วขอโทษ ไม่ได้หล่ออะไรเล้ย แหวะ”

“ฮื่อ ประเภทไม่หล่อแต่เร้าใจป่าว...ว่าแต่ไม่เป็คเลยเหรอ”

ดาวสั่นหน้าด้วยท่าทีออกไปทางขยะแขยงจนฉันอดหัวเราะไม่ได้

นี่เป็นนิสัยอย่างหนึ่งที่ฉันกับดาวคล้ายกันและเป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้เราคบกันมาได้ยาวนาน คือ แม้เราสองคนจะอายุพอสมควรแล้วและอยากมีแฟน อยากแต่งงาน อยากมีลูก แต่เราก็จะไม่รีบตะครุบผู้ชายทุกคนที่ผ่านเข้ามา เราจะเลือกผู้ชายในแบบที่เราชอบ หรืออย่างน้อยก็มีบางอย่างบางส่วนในความเป็นเขาที่เราชอบ ไม่ใช่ว่า พอใครก้าวเข้ามาก็ต้องรีบคว้าไว้โดยไม่สนว่าจะเป็นใคร เป็นยังไง ใครจะว่าเราใจแคบ ไม่ลองเปิดโอกาสให้ตัวเองได้เรียนรู้หรือศึกษาก็ช่าง (ซึ่งเพราะเหตุนี้ละกระมังที่ทำให้เราสองคนโสดสนิทมาตั้งแต่สมัยเรียน แม้จะมีหนุ่มๆ มาด้อมๆ มองๆ บ้าง โดยเฉพาะดาว แต่เราก็ถือครองความโสดไว้ได้อย่างเหนียวแน่น)

และนั่นก็เป็นครั้งแรกที่ฉันได้ยินเรื่องผู้ชายคนนั้นจากดาว

หลังจากดาวเข้าไปทำงานที่นั่นได้เดือนกว่าๆ ฉันก็ได้ยินเรื่องของเขาอีกครั้งผ่านน้ำเสียงและสีหน้าแบบเดิมเปี๊ยบ ที่เพิ่มมาคือความรำคาญที่ปิดไม่มิด

“ชอบมานั่งมองฉันตาปรอย บ้าหรือเปล่า ไร้ฟอร์มอะไรขนาดนั้นวะ แกเคยเห็นมั้ย คนเจ้าชู้แต่ไม่มีเสน่ห์เลย” ดาวลากเสียงยาวตอนท้าย

“ก็คุยกับเขาไปตรงๆ สิวะ ว่าแกไม่ชอบ”

“นึกว่าฉันไม่อยากคุยหรือไง แต่เขาไม่มีทีท่าว่าจะเข้ามาจีบฉันเลยนี่สิ ที่ทำให้ฉันกลุ้มใจ จะไปพูดไปว่าอะไรมากก็ไม่ได้...พี่แกเล่นเอาแต่นั่งมองอ่ะ แล้วฉันก็โคตรเซ็ง ตรงที่เพื่อนร่วมงานก็ตั้งหน้าตั้งตาล้อกันจั๊ง เฮ้อ”

อย่างไรก็ตามฉันก็ยังเชื่อมั่นว่า ดาวจะสามารถปัดรังควานนี้ออกไปได้แน่นอน ไม่ใช่เพราะว่ามีคนมาจีบเยอะจนช่ำชองในการจัดการกับผู้ชายที่ไม่พึงใจหรอกนะ แต่ดาวเป็นคนตรงไปตรงมาและชัดเจนในความรู้สึกของตัวเองเสมอ ไม่เคยมีประวัติว่า จะร้อยผู้ชายเอาไว้ใช้หรือเป็นตัวสำรอง ถ้าไม่ก็คือไม่ และดาวก็จะมีวิธีพูดที่ทำให้ผู้ชายที่มาจีบยอมฟังและยอมรับการปฏิเสธจากมันได้ในที่สุด

เพียงแต่คราวนี้...ไม่เหมือนทุกครั้งที่ผ่านมา

ไม่เหมือนครั้งไหน

ไม่เหมือนเลย
ภาพประจำตัวสมาชิก
วิรัตต์ยา
นักเขียน VIP
นักเขียน VIP
 
โพสต์: 43
ลงทะเบียนเมื่อ: เสาร์ 12 ก.ค. 2008 1:06 am

Re: + + + + ร้าวดาว + + + +

โพสต์โดย วิรัตต์ยา » อาทิตย์ 30 ส.ค. 2009 4:15 pm



เดือนที่ 4 ของการทำงานที่นั่น ดาวก็มาบอกฉันว่า ทางบริษัทมีหอให้เช่าในราคาถูกมากและอยู่ใกล้ที่ทำงานของมันถึงขนาดเดินไปทำงานได้ ที่สำคัญบังเอิญใกล้ที่ทำงานฉันกว่าเดิมอีกต่างหาก เราสองคนจึงไม่ลังเลที่จะย้ายเข้าไปอยู่ที่นั่น เหมือนพนักงานหลายคนในบริษัทนั้น แน่นอน รวมทั้งผู้ชายคนนั้นด้วย

และวันที่เราย้ายของกันนั่นเอง ที่ฉันได้พบเขาเป็นครั้งแรก เขามาช่วยดาวย้ายของพร้อมพนักงานผู้ชายอีกสามคน...พี่ตั้น...เป็นชายหนุ่มวัยสามสิบต้นๆ ผิวขาวเหลือง ร่างผอมสูง หน้าตาดี ตาหวาน และคงเพราะรู้ว่า ตัวเองตาสวยนั่นกระมังที่ทำให้เขามักโปรยเสน่ห์โดยใช้สายตามากกว่าคำพูด เพราะทันทีที่เอ่ยปาก เสน่ห์ของเขาก็เหือดหายไปทันที อย่างน้อยก็ในความรู้สึกฉัน

“แหม น้องดาว มีเพื่อนสวยขนาดนี้ก็ไม่ยอมบอกกันบ้าง” เขาสร้างความสนิทสนมกับฉันด้วยคำพูดที่ไม่ให้เกียรติกันและตาที่เชื่อมปรอย

ฉันกับดาวมองหน้ากันแว่บหนึ่ง และนั่นเป็นครั้งแรกที่ฉันมองเห็นความผิดปกติในแววตาของดาว มันมีความน้อยใจ ไม่ชอบใจบางอย่างอยู่ในนั้น ไม่ใช่ความรำคาญอย่างที่ฉันคิดไว้

เรดาร์จับผิดในตัวฉันเริ่มทำงานทันที และเพียงไม่นาน ฉันก็ได้คำตอบ

เขาสองคนมักจะป้วนเปี้ยนอยู่ใกล้กันเสมอๆ และแทนที่จะมีสายตาหรือท่าทางไม่พอใจจากดาวอย่างที่ควรจะเป็น ฉันกลับมองเห็นแต่ดวงตาระยิบระยับในบางคราว ตัดพ้อน้อยๆ ในบางครั้งกับสีหน้าที่เปื้อนยิ้มบ่อยๆ เท่านั้น ซึ่งเพียงเท่านั้น สำหรับผู้หญิงอย่างยายดาว ก็ถือว่าผิดปกติมากแล้ว


แต่จนแล้วจนรอด ฉันก็ยังไม่ได้คุยกับดาวถึงสิ่งที่ฉันเห็นและรู้สึก เหตุเพราะช่วงนั้นใกล้งานมหกรรมหนังสือแห่งชาติ ทุกสำนักพิมพ์ต่างก็เร่งผลิตหนังสือออกมาให้ได้มากที่สุด เพื่อให้ทันขายในงาน ไม่อย่างนั้นแล้ว รายได้อาจสูญหายไปเป็นหลายหมื่น พวกเราจึงทุ่มเทกับงานอย่างเต็มที่ ทำงานดึกดื่นติดต่อกันหลายวันไม่ต่างจากเครื่องจักร วันหยุดก็ยังต้องไปทำงาน บางคนที่บ้านไกลหน่อยก็หอบเสื้อผ้ามานอนที่ออฟฟิศกันเลย แต่ฉันเอง ต่อให้ดึกแค่ไหนก็ต้องกลับมานอนที่ห้องทุกคืน โดยอาศัยไหว้วานเพื่อนฝ่ายอาร์ตให้ขับมอเตอร์ไซค์มาส่ง

และเมื่อกลับถึงห้อง ก็มักเป็นเวลาที่ดาวนอนแล้ว (แต่ถึงแม้มันจะยังไม่นอน ฉันก็ไม่แน่ใจนักหรอกว่า ตัวเองจะยังมีแรงพอที่จะอ้าปากพูดหรือเปล่า)

อีกอย่าง ฉันก็ยังไว้ใจเพื่อนว่า ไม่มีทางรู้สึกอะไรกับผู้ชายไร้เสน่ห์คนนั้นแน่ๆ ความสนิทสนมระหว่างเขาสองคนก็เป็นไปอย่างเพื่อนร่วมงานเท่านั้น


แล้ววันหนึ่ง เรื่องราวระหว่างสองคนนั้นก็เปิดเผยตัวตนของมันออกมาให้ฉันได้ตกใจ

วันนั้น ฉันกลับบ้านเร็วกว่าทุกวัน เพราะเราปิดต้นฉบับกันเกือบหมดแล้ว เหลือเพียงเล่มเดียวที่ บรรณาธิการใหญ่ฟันธงว่า ยังไงก็ไม่ได้ช่วยให้ยอดขายเพิ่มขึ้นสักเท่าไร ไม่จำเป็นต้องรีบปิด พวกเราจึงถอนใจอย่างโล่งอกและปลดปล่อยความเหนื่อยล้าเกือบสองอาทิตย์ที่ผ่านมาด้วยการไปกินหมูกระทะกันเกือบหมดทั้งออฟฟิศและแยกย้ายกันกลับบ้านตอน 3 ทุ่มกว่าๆ

ฉันพบดาวนั่งคุยกับพี่ตั้นในห้องของเราด้วยท่าทีสนิทสนมพิเศษ แต่ยังดีที่มันเปิดประตูห้องไว้ เลยดูไม่น่าเกลียดนัก

“พี่ตั้นมาทำราดหน้าสูตรอร่อยให้ทาน แถมยังใจดี ช่วยเปลี่ยนหลอดไฟหลังห้องให้ด้วย” ดาวรีบรายงานเสียงใส ฉันมองไปที่หลอดไฟตรงระเบียงซึ่งเสียมาหลายวันแล้ว ซึ่งตามปกติจะเป็นหน้าที่ฉันนี่แหละ ที่จะจัดการเปลี่ยนเอง ก็เห็นว่า ไฟตรงนั้นสว่างเป็นปกติแล้ว

ฉันหันไปทางพี่ตั้นเพื่อจะขอบคุณเขา แต่เมื่อได้พบกับตาหวานฉ่ำที่มองอยู่ก่อนแล้ว จึงเก็บคำว่าขอบคุณที่เป็นคำพูดไว้ในลำคอเสีย เพียงแต่ส่งยิ้มน้อยๆ ไปให้


“ตกลงว่า ตอนนี้ แกกับพี่ตั้น...” ฉันเริ่มเรื่องโดยไม่อ้อมค้อม หลังจากเขาออกจากห้องไปแล้ว และฉันก็อาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าเป็นชุดนอนเรียบร้อยแล้ว

“ก็...เราตกลงกันว่าจะดูๆ กันไปน่ะ แอ๋ม”

“ไหนแกว่า เขาไม่ตรงสเป็กแกเลยไงวะ ทำไมเป็นแบบนี้ไปได้”

“โธ่ แกเชื่อมั้ย บางครั้ง หัวใจเรามันก็ทรยศเราได้หน้าตาเฉย ฉันก็ไม่นึกหรอกว่า จะชอบผู้ชายอย่างเขาได้น่ะ”

“นั่นสิ ฉันงงเป็นบ้าเลย ชอบเขาตรงไหนวะ ไหนว่าไม่มีเสน่ห์”

ดาวหัวเราะคิก

“ไอ้ความไม่มีเสน่ห์นี่แหละที่กลายเป็นเสน่ห์บอกไม่ถูก คำพูดบางอย่างก็เช้ยเชย แต่เป็นยังไงไม่รู้ ฉันกลับชอบ แล้วฉันชอบสายตาเวลาที่เขามองฉันน่ะ ทำให้ฉันรู้สึกว่าตัวเองเป็นเจ้าหญิงยังไงยังงั้นเลย”

“น้ำเน่า” ฉันผลักศีรษะของคนที่กำลังทำตาซึ้งเบาๆ ดาวหัวเราะเสียงสดใสอีกครั้ง ก่อนจะถามฉันว่า

“แกว่าพี่เค้าเป็นยังไงบ้างวะ”

“ฉันคุยกับเขานับคำได้นะ ดาว แกนั่นแหละ ที่รู้จักเขาดีกว่าฉัน...แต่ตามความรู้สึกฉัน ฉันบอกได้ว่า เขาดูเจ้าชู้ แล้วก็...ไม่แน่ใจว่าโสดหรือเปล่า อายุก็ไม่ใช่น้อยๆ เผลอๆ ไม่ได้มีแค่เมียนะ อาจจะมีลูกแล้วด้วยซ้ำ”

“เรื่องนั้นไม่ต้องห่วงเลย พี่เพ็ญ คนที่เคยวิ่งเอาเบอร์โทรฯ เขามาให้ฉันน่ะ เขาเป็นญาติกัน...พี่เพ็ญออกโรงเชียร์เราสองคนให้เป็นแฟนกันออกนอกหน้าเลยละ”

“แล้วเรื่องเจ้าชู้ล่ะ”

“ฉันก็หวังว่า เมื่อมีฉันแล้ว เขาจะเลิกนิสัยนี้ได้” น้ำเสียงดาวเต็มไปด้วยความมั่นใจจนฉันตกใจ

“เฮ้ย ดาว อย่าไปคิดว่าเราจะไปเปลี่ยนแปลงนิสัยผู้ชายได้นะ ยิ่งเรื่องเจ้าชู้ด้วยแล้วละก็ ไม่มีทาง” ฉันร้องเตือนด้วยความเป็นห่วง แต่ดูเหมือนว่า ดาวจะไม่ได้ยินเสียงฉันเสียแล้ว นาทีนั้น เพื่อนคงได้ยินแต่เสียงหัวใจตัวเองและเสียงหัวใจผู้ชายคนนั้นเท่านั้น

“แกไม่ว่าอะไรใช่ไหม ที่ฉันมีแฟน” ดาวพูดขึ้นอีก

“ไอ้บ้า ฉันจะไปว่าอะไรล่ะ”

“ก็ต่อไป ฉันอาจมีเวลาให้แกน้อยลงน่ะสิ ฉันกลัวแกเหงาน่ะ แอ๋ม”

“บ้าสิ งี้ฉันกับแกก็ไม่ต้องมีแฟนกันพอดี เพราะมัวแต่ห่วงว่าอีกคนจะเหงา แต่...เอ๊ะ แกพูดอย่างนี้หมายความว่ายังไง อย่าบอกนะว่า แกคิดจะย้ายไปอยู่ห้องเดียวกับพี่ตั้นน่ะ” ฉันอดถามออกไปไม่ได้ ทั้งที่ทราบคำตอบดีอยู่แล้ว

“เฮ้ย บ้าเหรอ ฉันไม่มีวันทำอย่างนั้นเด็ดขาดย่ะ” ดาวตีเผียะเข้าที่ต้นแขนฉันเบาๆ “อย่าว่าแต่ย้ายไปอยู่ด้วยกันเลย เรื่องเสียตัว ฉันก็จะไม่ทำ ยังไงฉันก็เป็นเด็กบ้านนอกที่ใจไม่กล้าพอจะทำแบบนั้นหรอก ฉันยังมีหน้า มีเกียรติของพ่อแม่ที่ต้องรักษา แต่ที่ฉันห่วงแก ก็เพราะว่า ต่อไปฉันต้องไปไหนมาไหนกับพี่ตั้นมากขึ้น ส่วนแกอาจจะต้องไปไหนมาไหนคนเดียวน่ะ”

“แหม แก วันหนึ่งมันก็ต้องเป็นแบบนี้อยู่แล้ว เพียงแต่แกบังเอิญมีแฟนก่อนฉันเท่านั้นเอง...ไม่ต้องห่วงฉันหรอกน่า ฉันสบายมาก”
ภาพประจำตัวสมาชิก
วิรัตต์ยา
นักเขียน VIP
นักเขียน VIP
 
โพสต์: 43
ลงทะเบียนเมื่อ: เสาร์ 12 ก.ค. 2008 1:06 am

Re: + + + + ร้าวดาว + + + +

โพสต์โดย ภาษาสยาม » อาทิตย์ 30 ส.ค. 2009 6:10 pm

ทำไมมันไม่ขึ้นเนี้ยๆๆๆๆๆๆๆๆๆหน้าแรกกกกกก
บาดแผลเป็นสัญลักษณ์ของนักสู้
ภาพประจำตัวสมาชิก
ภาษาสยาม
Administrator
Administrator
 
โพสต์: 1145
ลงทะเบียนเมื่อ: อาทิตย์ 06 ก.ค. 2008 9:43 pm

Re: + + + + ร้าวดาว + + + +

โพสต์โดย วิรัตต์ยา » พุธ 09 ก.ย. 2009 10:20 pm



ถึงจะบอกมันไปว่า ไม่ต้องห่วงฉัน ฉันสบายมาก แต่เอาเข้าจริงฉันก็รู้สึกเหงาๆ โหวงๆ ขึ้นมาจริงๆ นั่นแหละ โชคดีที่สองอาทิตย์แรกที่ดาวกับพี่ตั้นเปิดตัวกันอย่างเป็นทางการ เป็นช่วงงานหนังสือพอดี และเนื่องจากอยู่ในสำนักพิมพ์เล็กๆ มีคนไม่กี่คน ฉันจึงถูกเกณฑ์ไปขายหนังสือด้วย ฉันจึงผ่านแต่ละวันไปได้อย่างไม่รู้สึกอะไรนัก

แต่พองานหนังสือเสร็จสิ้นแล้วนี่สิ...เหงาแทบบ้า

ก็ไม่ได้หมายความว่าฉันไม่มีเพื่อนคนอื่นนะ เพื่อนสมัยเรียนหลายคนก็เข้ามาทำงานในกรุงเทพฯ เหมือนกัน ไหนจะเพื่อนที่ทำงานทั้งเก่าทั้งใหม่อีกล่ะ ถึงจะไม่สนิทสนมแนบแน่นเหมือนดาว แต่ก็คบกันได้ ไปทานข้าว ดูหนัง ฟังเพลงด้วยกันได้...ได้แบบค่อนข้างดีเลยด้วย แต่ฉันโคตรเหงาเวลาที่กลับถึงบ้านในตอนเย็นแล้วพบว่า วันนี้เป็นอีกวันที่ฉันต้องนั่งทานข้าวเย็นคนเดียว ดูทีวีคนเดียว ฉันไม่รวยพอที่จะไปทานข้าวนอกบ้านหรือดูหนังทุกเย็นนี่ หรือถึงฉันจะสามารถทำอย่างนั้นได้จริง ก็คงไม่มีใครว่างพอจะมากับฉันได้ทุกวันหรอก

ฉันคงต้องเริ่มต้นทำความคุ้นเคยกับความเหงา และเรียนรู้ที่จะทำอะไรคนเดียวจริงๆ จังๆ เสียที ซึ่งบอกได้เลยว่ายากมาก ดังนั้นเอง ในขณะที่ความสัมพันธ์ของดาวกับพี่ตั้นกำลังเบ่งบานราวดอกไม้ได้น้ำดี ฉันกลับเหมือนต้นไม้ใบเหี่ยวเฉา ถึงกระนั้น ฉันก็ไม่แสดงออกให้มันรู้ ฉันยังเป็นฉันที่ยิ้มให้มันทุกครั้งที่มันกลับเข้าห้องหลังออกไปกับพี่ตั้น และนั่งฟังเรื่องราวแสนหวานของมันด้วยความสนใจและพลอยสดชื่นไปกับมันด้วย


ระหว่างนั้น บางวันฉันก็ใช้เวลาที่เคยใช้กับดาว เป็นไปใช้กับบรรดาเพื่อนร่วมงานของมันที่อาศัยอยู่ในหอนั้น มากขึ้น ซึ่งแต่ละห้องมักจะเปิดประตูห้องไว้ในทุกเย็นและวันหยุด ฉันเห็นพวกเขาเดินเข้าห้องนั้นออกห้องนี้กันเป็นว่าเล่น หลายครั้งที่พวกเขานั่งทานข้าวด้วยกันที่ห้องของใครคนใดคนหนึ่ง หรือไม่ก็รวมตัวกันนอนดูหนังแผ่นในห้องเดียว ก็นับว่าเป็นความสัมพันธ์ที่ดีไม่น้อย ฉันจึงเริ่มเปิดประตูห้องบ้าง แต่เพราะยังไม่ไว้ใจใครมากนัก กลัวว่า พวกเขาจะสิ้นความเกรงใจและลืมเรื่องมารยาทด้วยการเดินเข้าออกห้องฉันตามอำเภอใจและหยิบโน่นหยิบนี่ในห้องไปโดยพลการ ฉันจึงเปิดเฉพาะตอนเย็นวันทำงาน เพราะไม่นานดาวก็จะกลับเข้ามาและพวกเขาก็จะสลายตัว ส่วนวันหยุด เมื่อซักผ้า ทานข้าวเรียบร้อยแล้ว ฉันก็จะดูทีวีหรืออ่านหนังสือไปตามเรื่อง


และเพราะความที่คุยกับพวกเขามากขึ้นนี่เอง ที่ทำให้ฉันสังเกตและสัมผัสได้ว่า ดูเหมือนหลายคนไม่ใคร่พอใจในความสัมพันธ์ของดาวกับพี่ตั้นนัก เช่น ถ้ากำลังนั่งทานข้าวกันอยู่กลุ่มใหญ่ แล้วบังเอิญดาวกับพี่ตั้นกลับเข้ามาที่หอและเดินผ่านห้องนั้น ใครคนหนึ่งก็จะเรียกพอเป็นพิธี แล้วก็หันไปทานข้าวต่อ แต่ไม่มีแม้แต่คนเดียวที่จะยิ้มหรือเอ่ยปากแซวหรือล้อสองคนนั้น หรือเวลาที่พวกเขามีกิจกรรมอะไรที่ทำร่วมกันก็ไม่มีใครสนใจจะชวนพี่ตั้น ซึ่งมันผิดวิสัยเอามากๆ

โหน่ง ชายหนุ่มผู้ทำงานฝ่ายเดียวกับพี่ตั้นดูเหมือนจะออกอาการบางอย่างชัดเจนกว่าใครหมด
ฉันตัดสินใจพูดประเด็นนี้กับดาวไปตรงๆ เพราะมันเป็นเรื่องผิดสังเกตที่น่าสงสัยจริงๆ ซึ่งดาวก็รับฟังฉัน และวันต่อมา มันมาบอกฉันว่า
“พี่ตั้นเขาบอกว่า โหน่ง เอ่อ แอบชอบฉันน่ะ สายตาผู้ชายด้วยกันมั้งแก เขาดูออก เขาบอกว่า โหน่งหึงฉันกับเขาน่ะ”

ฉันจึงมีหน้าที่แอบสังเกตโหน่งขึ้นมาอีกหน้าที่หนึ่งด้วย แล้วก็พบว่า เป็นจริงอย่างที่ดาวว่า เขาจะแสดงอาการฮึดฮัดขัดใจทุกครั้งที่เห็นดาวกับพี่ตั้นอยู่ด้วยกัน แสดงออกแบบให้รู้กันจะแจ้ง ไม่มีรักษากิริยาอาการกันเลยละ พร้อมกันนั้น ฉันก็อดแปลกใจไม่ได้ที่ทุกคนรักโหน่งขนาดมีความรู้สึกร่วมกับเขามากมายขนาดนั้นเชียวหรือ?
แต่เพราะทุกคนไม่สะดวกและไม่ยินดีที่จะคุยเรื่องพี่ตั้นนี่เอง ฉันจึงไม่ได้ความกระจ่างอะไรเพิ่มเติมแถมยังอดเลียบเคียงเรื่องความโสดของพี่ตั้นอย่างที่ตั้งใจไว้อีกด้วย

แต่กลับกลายเป็นว่า ฉันกับโหน่งกลับสนิทกันมากขึ้น เขาเป็นคนมาเรียกฉันไปรวมกลุ่มกับเพื่อนคนอื่น หรือไม่ก็ชวนคนอื่นมาที่ห้องฉัน มาทานข้าว มากินเหล้า มาดูหนัง เล่นไพ่ แล้วแต่ใครจะเสนออะไร และถ้ามีธุระต้องออกไปซื้อกับข้าวหรือกับแกล้มเพิ่ม โหน่งเป็นต้องชวนฉันซ้อนมอเตอร์ไซค์ออกไปกันสองคน
“อยากให้แอ๋มมาเปิดหูเปิดตาบ้างสิ ทำไมเหรอ โดนเพื่อนทิ้งเลยประชดชีวิตด้วยการขังตัวเองอยู่แต่ในห้องงั้นเหรอ” เขาให้เหตุผลมาอย่างนั้น
“เขาไม่เรียกว่าทิ้งหรอกนะ โหน่ง แหม พูดเข้า” ฉันว่าขณะยืนรอต้มแซ่บด้วยกันที่ตลาดโต้รุ่งใกล้ๆ หอ
“อ้าว เหรอ งั้นผมก็เข้าใจผิด ที่เห็นใครบางคนทำหน้าเหมือนหมาเหงาตลอดเวลา”
“อย่ามาหาเรื่องกันนะ เรางานยุ่งก็เลยเหนื่อยน่ะ”


วันนั้นก็เช่นกัน เราตั้งวงกันตั้งแต่ 5 โมงเย็นของวันเสาร์ที่ห้องของโหน่ง ประมาณ 1 ทุ่ม กับแกล้มก็พร่อง โหน่งพยักหน้าชวนฉันทันที คราวนี้มีเสียงแซวเราสองคนดังขึ้น โหน่งคงหันไปปรามด้วยสายตาหรือท่าทางอะไรสักอย่าง เสียงนั้นจึงเงียบไป ส่วนฉันรีบกลับเข้าห้องของตัวเองเพื่อเอากระเป๋าสตางค์และหยิบเสื้อแขนยาวเนื่องด้วยเป็นช่วงหน้าหนาว แม้ปีนั้นอากาศจะไม่ถึงขั้นที่เรียกได้ว่าหนาว แต่ก็เย็นพอสมควรละ

“อื้อ ไม่เห็นต้องเอาเสื้อหนาวเลย กอดโหน่งก็อุ่นแล้ว” โหน่งซึ่งยืนรออยู่หน้าห้องพูดยิ้มๆ และมองฉันตาปรือ ฉันเงียบและเดินนำเขาตรงไปยังลิฟท์ทันที
“โกรธผมหรือ แอ๋ม”
“เปล่า”
“เบื่อคำว่าเปล่าของพวกผู้หญิงจัง ตอบว่า เปล่าทีไร เป็นเรื่องทุกทีสิน่า”
“รู้จักผู้หญิงดีจังเลยนะ” ฉันอดค้อนให้ไม่ได้
“ตรงกันข้าม ผมโง่เรื่องผู้หญิงที่สุด ไม่มีทางเข้าใจเธอได้ ไม่ว่ายังไงก็ตาม”
เท่านั้นเอง ฉันก็พอจะเดาออกว่า เธอที่เขาว่า หมายถึงใคร นี่คงยังเจ็บปวดกับเรื่องของดาวมากสินะ

“ว่าแต่แอ๋มเถอะ บอกมาดีกว่า ว่าโกรธอะไรผม”
“เราอาจจะคิดมากไปก็ได้ ช่างมันเถอะ” ฉันตัดบทและพอดีกับลิฟท์ลงมาถึงข้างล่าง โหน่งไม่เซ้าซี้ฉันอีก เขาขับรถไปเงียบๆ และมั่นคงใช้ได้

ครั้งแรกสุดที่เขาชวนฉันออกมาซื้อของด้วยกันนั้น ฉันไม่มั่นใจในการควบคุมสติของเขานัก ยอมมาด้วยเพราะห่วงว่าเขาจะบังคับรถไม่ได้ จึงมานั่งคุมว่างั้นเหอะ เพราะตัวฉันเองดื่มไปแค่เล็กน้อย แต่ตอนหลังๆ ยอมมาด้วย เพราะไม่มั่นใจในใครคนอื่นเลย นอกจากเขา

“งงจังว่าแอ๋มกับดาวคบกันมาได้ยังไง ไม่เห็นเหมือนกัน” โหน่งพูดขึ้นหลังจากเราสั่งกับแกล้มเรียบร้อยแล้วและถอยออกมารอที่มอเตอร์ไซค์
“นี่...เรื่องอะไรมาวิเคราะห์วิจารณ์เราสองคนน่ะ” ฉันโกรธขึ้นมาจริงๆ แล้ว “โหน่งไม่มีสิทธิ์นะ”
“ผมขอโทษ ไม่ได้ตั้งใจจริงๆ”

“ผิดหวังมากหรือที่เราไม่น่ารักเหมือนดาว” เพราะอะไรไม่รู้เหมือนกันที่ทำให้ฉันหลุดคำถามนั้นออกไป และฉันก็ไม่ชอบตัวเองในตอนนั้นเลย มันดูเหมือนฉันกำลังอิจฉาเพื่อนรักของฉันยังไงยังงั้น
“เปล่า”
“คำว่าเปล่าของผู้ชายนี่จะเป็นเรื่องมั้ย” ฉันประชดกลับและมองหน้าเขาอย่างไม่พอใจ
“ไม่” เขาเลือกตอบสั้นๆ แค่นั้นแล้วก็ไม่พูดอะไรอีก

วันนั้น เราตั้งวงเล่นดัมมี่กัน และฉันก็ตีโง่ซ้ำแล้วซ้ำเล่าจนรู้สึกหงุดหงิดตัวเองขึ้นมา จึงเลิกเล่นและขอตัวกลับห้อง ทั้งที่ตกลงกันว่า คืนนี้เราจะเล่นกันจนถึงเช้า ใครไม่เล่นก็นั่งดื่มเป็นเพื่อนกันไป
โหน่งเลิกเล่นทันทีเช่นกันและเดินตามฉันออกมา
“ผมขอโทษจริงๆ นะ ที่วิจารณ์แอ๋มกับดาวน่ะ”
ฉันพยักหน้ายอมรับคำขอโทษและยิ้มเนือยๆ ให้เขา แม้ว่าความน้อยใจจะยังคงมีอยู่ก็ตาม

“แล้วจะบอกได้หรือยังว่า ก่อนออกไปซื้อกับแกล้มน่ะ แอ๋มโกรธอะไรผม”
“อ๋อ...ก็ไงดีละ เราแค่ไม่ชอบที่เพื่อนๆ แซวเราสองคน แล้วก็...ไม่ชอบเลยที่พอโหน่งเมาแล้วก็มาพูดจาแบบนั้นกับเรา เรารู้สึกเหมือนโหน่งดูถูกน่ะ...เราคิดมากเกินไปใช่ไหม”
“ไม่หรอก ผมผิดเอง...ผมขอโทษ” ตอนที่โหน่งพูดคำนั้น เรามาหยุดยืนหน้าห้องฉันแล้ว เพราะห้องของเราห่างกันแค่สามห้องกั้นเท่านั้น

“พูดคำนี้บ่อยจัง เหล้านี่ทำให้คนเราลิ้นอ่อน ปากอ่อน นิสัยก็เปลี่ยนไปจริงๆ นะ” ฉันแซวยิ้มๆ โหน่งยิ้มตอบแล้วบอกว่า
“ไม่คิดบ้างหรือว่า เหล้าทำให้คนเรากล้าพูดในสิ่งที่อยากพูดมากขึ้น”
ฉันสั่นหน้าอย่างไม่เห็นด้วย ก่อนจะบอกให้เขากลับห้องเสีย ฉันจะเข้าห้องแล้ว โหน่งรั้งฉันไว้ แล้วพูดว่า
“ยังไงผมก็ต้องเอ่ยคำว่าขอโทษแอ๋มอีกครั้งกับสิ่งที่จะพูดต่อไปนี้ ที่ผมบอกว่า แอ๋มกับดาวไม่เหมือนกันเลยก็คือ ผมว่าแอ๋มเป็นคนฉลาดมากนะ”
“โหน่งหมายความว่ายังไง” ฉันถามด้วยความตกใจ โหน่งไม่ตอบ เขาหันหลังเดินกลับห้องทันที

ฉันก็เลยมานั่งวิเคราะห์เอง ถ้าเขาชมว่าฉันฉลาดก็แปลว่า เขาว่าดาวโง่ ซึ่งหลังจากนั้นแล้วก็วิเคราะห์ต่อได้ไม่ยากเลย ว่า ที่เขามองว่าดาวโง่นั้นมันเรื่องอะไร


:lol: :P
ภาพประจำตัวสมาชิก
วิรัตต์ยา
นักเขียน VIP
นักเขียน VIP
 
โพสต์: 43
ลงทะเบียนเมื่อ: เสาร์ 12 ก.ค. 2008 1:06 am

Re: + + + + ร้าวดาว + + + +

โพสต์โดย chomporn » พฤหัสฯ. 10 ก.ย. 2009 1:50 pm

ยังไม่จบใช่ไหม แอ๋ม?
มัวแต่เล่นรัมมีเพลินไปรึเปล่า
55555
chomporn
นักเขียน VIP
นักเขียน VIP
 
โพสต์: 49
ลงทะเบียนเมื่อ: พุธ 20 ส.ค. 2008 1:56 pm

Re: + + + + ร้าวดาว + + + +

โพสต์โดย น้ำฟ้า » พฤหัสฯ. 10 ก.ย. 2009 2:54 pm

ยังไง ตอนเย็นอย่ามัวแต่ออกไปกับโหน่งนะแอ๋ม

เพื่อนๆรออยู่ในห้องแชท ตัวละครเรื่องนี้ลักษณะนิสัยคุ้นๆชะมัด

คิดไม่ออก คุ้นได้ไงเนี้ย ฮ่าๆๆ
ผู้หญิงธรรมดา..แต่ใจมันด้านชาผู้ชาย
ภาพประจำตัวสมาชิก
น้ำฟ้า
นักเขียนแห่งปี
นักเขียนแห่งปี
 
โพสต์: 886
ลงทะเบียนเมื่อ: ศุกร์ 11 ก.ค. 2008 10:19 am

Re: + + + + ร้าวดาว + + + +

โพสต์โดย วิรัตต์ยา » พฤหัสฯ. 10 ก.ย. 2009 11:19 pm

555555555 อาชมคะ ยังไม่จบค่า แล้วก็ไม่ได้ตีรัมมี่แล้วด้วย 5555+

ฟ้า...แง้วววว ไม่ได้ไปกับโหน่งน้า ไปกับคนอื่น ว่าแต่คุ้นตัวละครตัวไหน อะไรยังไงเหรอคะ ไปเจอที่ไหนมาเอ่ย 555555

ขอบคุณที่เข้ามาอ่านนะคะ อิอิ

เดี๋ยวลงต่อให้เลยค่ะ ^___^
ภาพประจำตัวสมาชิก
วิรัตต์ยา
นักเขียน VIP
นักเขียน VIP
 
โพสต์: 43
ลงทะเบียนเมื่อ: เสาร์ 12 ก.ค. 2008 1:06 am

Re: + + + + ร้าวดาว + + + +

โพสต์โดย วิรัตต์ยา » พฤหัสฯ. 10 ก.ย. 2009 11:24 pm



และกว่าฉันจะรู้ว่า ตัวเองวิเคราะห์ผิดก็เสียเวลาน้อยใจไปเปล่าๆ เกือบ 2 เดือน ในเกือบ 2 เดือนนั้น ฉันไปร่วมวงกับทุกคนน้อยครั้งมาก ฉันเอาเรื่องงานมาอ้างในการกลับบ้านค่ำกว่าปกติ เพื่อหลีกเลี่ยงการเจอหน้าเขา ที่เห็นทีไร ทั้งความน้อยใจ ทั้งความผิดหวังก็จะประดังเข้ามา

เขากล้าคิดไปได้ยังไงว่า ดาวโง่...ดาวโง่เพราะดันเลือกพี่ตั้นแทนที่จะเลือกเขาอย่างนั้นใช่ไหม!

ฉันนึกว่าเขาจะมีความคิดที่ดีและเป็นคนดีกว่านี้เสียอีก ที่แท้ก็พวกองุ่นเปรี้ยวมะนาวหวาน ไม่มีน้ำใจนักกีฬา ตัวเองแพ้ก็หาว่าคนอื่นไม่ดี ทุเรศที่สุด

แต่ดูเหมือนว่าโหน่งจะไม่ยอมให้ฉันหลบหน้าได้บ่อยนัก มาดักรอฉันที่หน้าหอบ้าง ซื้อของไปแขวนไว้ตรงลูกบิดประตูห้องบ้าง ซึ่งฉันก็จำเป็นต้องเดินไปห้ามไม่ให้เขาซื้อมาอีก แล้วเขาก็จะได้โอกาสหาเรื่องโน้นเรื่องนี้มาคุย โดยที่ไม่เอ่ยถึงเรื่องนั้นอีกเลย ในที่สุดฉันกับเขาก็กลับมาสนิทกันเหมือนเดิม


แล้วฉันก็ได้รู้ความจริงว่าฉันวิเคราะห์ผิดด้วยตัวฉันเอง โดยที่โหน่งไม่ต้องอธิบายอะไรแม้แต่คำเดียว

เมื่อวันหนึ่งฉันเปิดประตูเข้าไปในห้องแล้วพบว่า ดาวนั่งร้องไห้อยู่บนเตียง ตามันบวมแดงน่ากลัวมาก จนฉันคิดว่ามันอาจจะระเบิดออกมาได้

“อ้าว เป็นไรแก ทะเลาะกับพี่ตั้นเหรอ”

“ฮือๆๆ” ดาวเอาแต่ร้อง ไม่พูดอะไร

“แค่ทะเลาะ ทำไมแกร้องไห้ยังกะเลิกกันแล้วงั้นวะ”

ดาวพยายามสงบสติ แต่พอมันตั้งท่าจะพูดก็ดันร้องออกมาอีก

“เออ แกร้องให้พอก่อนละกัน แล้วค่อยบอกฉัน หรือมีอะไรจะให้ฉันช่วยมั้ย โทรฯ หาพี่ตั้นให้มั้ย”

คราวนี้ดาวยิ่งร้องไห้หนักและไม่มีทีท่าว่าจะหยุด ฉันจึงตั้งใจจะออกไปถามใครสักคน บางทีเพื่อนๆ ดาวอาจให้คำตอบฉันได้
แต่ปรากฏว่า สิบกว่าห้องนั้นปิดประตูเงียบ ฉันขมวดคิ้วด้วยความแปลกใจ นี่เพิ่ง 2 ทุ่มกว่าๆ ซึ่งเป็นเวลาเริ่มต้นสำหรับกิจกรรมยามค่ำของพวกเขาเท่านั้น มีอะไรผิดปกติแน่ๆ


ฉันลองเคาะห้องโหน่งอยู่นานก็ไม่มีใครมาเปิด จึงเดินกลับห้องตัวเองอีกครั้ง คราวนี้ดาวโผเข้ามากอดฉันไว้แน่น

“ฮือๆๆ แอ๋ม...”

ฉันได้แต่ลูบหลังมันไปมาอย่างไม่รู้จะพูดหรือปลอบอะไร เพราะไม่รู้เรื่องอะไรสักอย่าง

“แก...พี่ตั้น เค้า...เค้า...มีเมียแล้ว...ฮือๆๆ”

ใจฉันหายวูบ เข่าอ่อน แต่ก็ฝืนประคองดาวไปนั่งที่เตียง เมื่อรู้ความจริงอย่างนี้แล้ว ฉันกลับพูดไม่ออกเข้าไปใหญ่...และตอนนี้ฉันก็กำลังมองเห็นแก้วใบหนึ่งที่หล่นกระแทกพื้นแตกเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อยอยู่ตรงหน้า

“วันนี้เอง พี่ตั้นพาฉันไปบ้านพี่เพ็ญ...พี่เพ็ญมาคุยกับฉันว่า เมียพี่ตั้นกำลังจะกลับมาจากต่างจังหวัด”

“อะไรนะ ก็ยายเพ็ญไม่ใช่เหรอที่เป็นคนเชียร์แกกับพี่เค้าน่ะ”

ดาวพยักหน้าและเช็ดน้ำตาป้อยๆ อย่างน่าสงสาร

“ทำไมเลวอย่างนี้ล่ะ” ฉันร้องเสียงดัง

“ฮือๆ พี่เพ็ญบอกว่า นึกว่าฉันรู้แล้วว่าพี่ตั้นมีเมีย แต่ยังอยากเป็นกิ๊ก”

“ทุเรศ! ก็มันไม่ใช่เหรอที่เป็นคนวิ่งเอาเบอร์โทรฯ พี่ตั้นมาให้แกตั้งแต่วันที่แกไปสัมภาษณ์น่ะ แล้วจะมาอ้างว่าแกรู้แล้วได้ยังไง เอาเบอร์ยายเพ็ญมาซิ ดาว” ฉันตรงเข้าไปหยิบมือถือดาวขึ้นมา

“แอ๋ม...อย่าเลย”

“ทำไมละ อย่างนี้ต้องด่า อ้อ ด่าเรียงตัวได้เลยด้วย ทุกคนรู้หมดแต่ไม่มีใครยอมบอก” แน่นอน หนึ่งในนั้นคือโหน่ง

“ฮือๆๆๆ...”

“แล้วนี่พี่ตั้นเค้าว่ายังไงบ้าง”

ดาวส่ายหน้า ไม่ตอบคำถามฉัน แต่คร่ำครวญขึ้นว่า

“ฉันจะทำยังไงดี แอ๋ม ฉันรักเขา รักมากนะ ฉันไม่เคยรักใครมาก่อนเลย”

“อย่างเดียวที่แกต้องทำก็คือเลิกกับเขาซะ แกไม่มีทางเลือกอื่นนะ ดาว”

“ฮือๆๆๆๆ” เสียงดาวดังขึ้นอย่างคนหัวใจสลายลงแล้วสิ้นเชิง แน่นอนใจดวงหนึ่งที่สลายไปพร้อมมันก็คือใจของฉัน
ภาพประจำตัวสมาชิก
วิรัตต์ยา
นักเขียน VIP
นักเขียน VIP
 
โพสต์: 43
ลงทะเบียนเมื่อ: เสาร์ 12 ก.ค. 2008 1:06 am

Re: + + + + ร้าวดาว + + + +

โพสต์โดย วิรัตต์ยา » พฤหัสฯ. 10 ก.ย. 2009 11:30 pm

ฉันไปเคาะประตูห้องพี่ตั้นเสียงดังอย่างไม่เกรงใจใครอยู่นาน ก็ไม่มีท่าทีว่าพี่ตั้นจะเปิดประตูออกมา

“พี่ตั้น ออกมาคุยกับแอ๋มหน่อย พี่ตั้น”

ประตูที่เปิดออกกลับเป็นประตูห้องของโหน่งซึ่งอยู่ตรงข้ามห้องพี่ตั้น

“แอ๋ม”

“ตะกี้นี้ทำไมไม่เปิดห้อง หา โหน่ง ไม่ได้ยินเสียงเราหรือไง” ฉันแว้ดเข้าให้ทันที

“แอ๋มใจเย็นก่อนนะ ตอนนี้พี่ตั้นไม่อยู่ เอ่อ น่าจะยังอยู่ที่บ้านพี่เพ็ญ ดาวกลับมาคนเดียว”

“โหน่งรู้เรื่องดีนี่ อ้อ ลืมไป รู้เรื่องดีแต่ต้นแล้วไม่ใช่หรือ ทำไมไม่บอกอะไรกันซักคำ” ฉันเริ่มพาลอย่างระงับความรู้สึกไว้ไม่ได้

แทนคำตอบคำพูดใดๆ โหน่งดึงมือฉันเข้าไปในห้องและปิดประตูเสีย นาทีนั้นฉันลืมนึกถึงเรื่องความเหมาะหรือไม่เหมาะ รู้แต่ว่า ฉันต้องได้คำตอบที่ฉันอยากได้


“พอดาวเข้ามาทำงานที่นี่ พี่ตั้นก็จีบดาวเหมือนที่จีบพนักงานใหม่ทุกคนที่เข้ามา ซึ่งพวกผมก็พยายามขัดขวางเหมือนทุกครั้ง แต่ครั้งนี้พี่ตั้นไม่ยอมปล่อยดาวให้อยู่ลำพังพอที่ผมหรือใครจะไปพูดด้วยได้เลย แต่ผมไม่ได้หมดความพยายามนะ พยายามส่งซิกบอกดาวตั้งหลายครั้ง ตอนแรกผมนึกว่า ดาวไม่เข้าใจ แต่ตอนหลัง ผมได้ยินพี่เพ็ญบอกว่า ดาวรู้แล้วแต่ยัง...เอ่อ...แต่ยังยุ่งกับพี่ตั้น” โหน่งอธิบายยืดยาว

“แล้วยายเพ็ญทำอย่างนั้นทำไม เขาต้องการอะไร” นานเหมือนกันกว่าฉันจะหาเสียงตัวเองเจอ

โหน่งถอนหายใจด้วยความลำบากใจครั้งหนึ่งแล้วบอกว่า

“คือ ยังไงดีล่ะ พี่เพ็ญเองก็...เจ้าชู้พอสมควร ทั้งที่มีครอบครัวอยู่แล้ว ก็ให้พี่ตั้นหากิ๊กให้เหมือนกัน”

“น่าขยะแขยงจัง นี่เขาทำอะไรลงไปกับคนดีๆ เขารู้บ้างหรือเปล่า เคยคิดบ้างมั้ย”

“พวกเราไม่ค่อยชอบสองคนพี่น้องนี่หรอก เพราะเหตุนี้ พี่เพ็ญจึงต้องย้ายออกไปเช่าบ้านอยู่เองข้างนอก แกเข้ากับใครที่นี่ไม่ได้”

“กี่รายแล้วเหรอ โหน่ง ที่เกิดเหตุการณ์แบบนี้”

“ตั้งแต่ผมเข้ามาทำงานที่นี่...ดาวเป็นรายที่ 4 ของพี่ตั้นแล้ว”

“เวรกรรม แล้วพี่ตั้นเขาทำยังไงกับผู้หญิงพวกนั้นเหรอ เมื่อพวกเธอทราบความจริง”

“หนึ่งในสาม เต็มใจเป็นกิ๊ก โดยไม่สนใจใคร อีกสองคน ลาออกไปทำงานที่อื่น โดยที่พี่ตั้นไม่ต้องทำหรือรับผิดชอบอะไรเลย”

ฉันรู้สึกเหมือนร่างกายตัวเองไร้เรี่ยวแรงขึ้นมาทันควัน จนต้องถอยไปนั่งบนเตียง

“เรางงแล้วก็สะอิดสะเอียนจัง โหน่ง นี่มันอะไรกันน่ะ”

โหน่งตามมานั่งคุกเข่าลงตรงหน้าฉันและส่งยิ้มมาให้

“รู้มั้ย...แต่มีอย่างหนึ่งที่ดาวกับแอ๋มเหมือนกัน คือ แววตาที่สะอาดและไม่มีบาดแผลเรื่องความรักมาเลย ผมถึงได้ห่วงดาวกับแอ๋มนัก...”

“ห่วงเราด้วยหรือ”

“อ้าว ห่วงสิ ห่วงมากด้วย พอเห็นว่าเขาจีบดาวแน่ก็สบายใจที่เขาไม่มาวุ่นวายกับแอ๋ม แต่ก็นั่นละ ดาวน่าห่วงกว่าแอ๋มอีก”

“ตอนแรก เรานึกว่า ที่โหน่งว่าดาวโง่เพราะดาวไม่เลือกโหน่งเป็นแฟน” ฉันสารภาพเสียงอ่อย

“หือ? ว่าอะไรนะ ทำไมเขาต้องเลือกผมล่ะ” เขาทำหน้างงๆ

ฉันหัวเราะแหะๆ “ก็นึกว่าโหน่ง...”

“ชอบดาว?”

“พี่ตั้นเขาว่าอย่างนั้น แต่ตอนนี้ เข้าใจแล้วละ”

“เข้าใจว่า?”

“ว่าพี่ตั้นพยายามเบี่ยงเบนประเด็นให้ดาวมันคิดอย่างนั้น จะได้ไม่สงสัยว่าทำไมใครๆ ถึงไม่พอใจที่มันคบกับพี่เขา”

โหน่งหัวเราะแล้วบอกว่า

“มีอีกเรื่องที่แอ๋มต้องทำความเข้าใจ แต่เอาไว้ก่อนก็ได้ เวลาสำหรับเรายังมีอีกเยอะ ตอนนี้ไปดูดาวก่อนเถอะ ดาวต้องการแอ๋มนะ”



เมื่อฉันกลับเข้าไปในห้องอีกครั้ง ก็พบว่า ดาวยังนอนร้องไห้อยู่บนเตียง แต่เมื่อได้ยินเสียงฉันมันก็ลุกขึ้น

“เจอพี่ตั้นมั้ย แก”

“โหน่งบอกว่ายังอยู่บ้านพี่เพ็ญอยู่เลย ขี้ขลาดจังเลยนะ แค่นี้ก็ไม่กล้ากลับมาสู้หน้า”

ดาวหน้าเสียและเงียบไปด้วยท่าทีครุ่นคิด และฉันก็ไม่รีรอที่จะโจมตีพี่ตั้นอีก

“แล้วไอ้เรื่องที่เขาบอกแกว่า โหน่งชอบแกเลยหึงนั่นน่ะ ก็เรื่องโกหกทั้งนั้น เขาเบี่ยงประเด็นเพื่อไม่ให้แกติดใจสงสัยเขาต่างหาก”

ดาวเงียบและร้องไห้ออกมาเบาๆ

“ร้องออกมาให้พอนะดาว ร้องเสร็จแล้วแกก็ต้องเลิกกับเขาให้ได้”

“แต่ฉันยังต้องเจอเขาทุกวันนะ ฉันจะทำได้ยังไง”

“ต้องพยายาม ฉันเชื่อว่าแกทำได้”

“ฉันอายคนอื่นจังเลย แอ๋ม ทุกคนจะมองฉันเป็นคนยังไง”

“เรื่องสายตาคนอื่นน่ะ นอกจากยายเพ็ญนั่นแล้ว เขาก็มองแกกันตั้งนานแล้ว แกไม่รู้ตัวเองแหละ ถามจริงๆ เถอะ แกไม่เฉลียวใจอะไรบ้างเลยเหรอวะ เรื่องที่เขามีเมียเนี่ย”

ดาวส่ายหน้า

“เขาไม่เคยหลุดอะไรออกมาเลย แก แล้วก็ไม่มีอะไรที่เป็นพิรุธด้วย”

“ไม่ใช่มีแล้วแกมองข้ามนะ”

“ไม่ใช่ เวลามีโทรศัพท์เข้า เขาไม่เคยลุกหนีไปคุยที่อื่นสักครั้งเดียว เขาคุยต่อหน้าฉันทุกครั้ง ซึ่งก็คุยเหมือนเพื่อนธรรมดานี่แหละ บวกกับพี่เพ็ญมายุ ฉันก็ยิ่งมั่นใจว่าเขายังโสด ว่าเขาเกิดมาเพื่อเป็นของฉัน ฮือๆๆ ฉันโง่ใช่มั้ย แอ๋ม...ฮือๆๆๆ ฉันเจ็บจังเลย แก เจ็บไปทั้งใจเลย ฮือๆๆ”

“โธ่ ดาว”

ฉันกอดและปลอบมันไปตามเรื่องตามราวพร้อมความมั่นใจว่า เพื่อนของฉันจะจัดการทุกอย่างได้โดยไม่ยาก

ฉันรู้จักดาวดี มันยึดมั่นเรื่องศีลธรรมนำชีวิตเสมอ เป็นคนมีสติ มีความคิดและมีเหตุผล ขนาดเรื่องมีอะไรกันโดยไม่แต่งงานมันยังไม่ยอม แล้วเรื่องสามีชาวบ้านแบบนี้ เพื่อนฉันรู้อยู่แล้วว่าต้องทำยังไง
ภาพประจำตัวสมาชิก
วิรัตต์ยา
นักเขียน VIP
นักเขียน VIP
 
โพสต์: 43
ลงทะเบียนเมื่อ: เสาร์ 12 ก.ค. 2008 1:06 am

Re: + + + + ร้าวดาว + + + +

โพสต์โดย น้ำฟ้า » ศุกร์ 11 ก.ย. 2009 11:21 am

หลอกมันมาเลยดาว ชวนมันออกมาข้างนอก

ทำมารยาว่าชั้นยอมเป็นเมียน้อย แล้วมอมยามัน

ตัดตอนมันเลย จะได้ไม่มีคนต้องมาเสียใจอีก เดี๋ยวเราช่วย
:lol:
ผู้หญิงธรรมดา..แต่ใจมันด้านชาผู้ชาย
ภาพประจำตัวสมาชิก
น้ำฟ้า
นักเขียนแห่งปี
นักเขียนแห่งปี
 
โพสต์: 886
ลงทะเบียนเมื่อ: ศุกร์ 11 ก.ค. 2008 10:19 am

Re: + + + + ร้าวดาว + + + +

โพสต์โดย chomporn » ศุกร์ 11 ก.ย. 2009 1:50 pm

ฟ้าใจร้าย...
คิดจะทำตั้นได้ลงคอ
สู้เค้านะตั้น....ก่อนโลกนี้จะไม่มีผู้ชาย
5555 เอิ๊กกกกกก กัมไปๆๆ
chomporn
นักเขียน VIP
นักเขียน VIP
 
โพสต์: 49
ลงทะเบียนเมื่อ: พุธ 20 ส.ค. 2008 1:56 pm

Re: + + + + ร้าวดาว + + + +

โพสต์โดย chomporn » ศุกร์ 11 ก.ย. 2009 2:08 pm

.....มีความรักสำหรับประดับโลก

มีสุขโศกสำหรับประดับหล้า

มีขวัญดาวสำหรับประดับฟ้า

มีขวัญตาสำหรับประดับใจ

เทิดทูนรักงดงามบนความคิด

เบื่อชีวิตเลวทรามบนความใคร่

เมื่อดอกรักโรยราสิ้นอาลัย

ย่อมหมดไฟปรารถนาหลอมอารมณ์

เมื่อหมดสิทธิ์คิดอยู่เป็นคู่สร้าง

ย่อมหมดทางที่จะอยู่เป็นคู่สม

มอบสิทธิ์ให้ใฝ่ชู้เป็นคู่ชม

อย่าต้องตรมเพราะต้องอยู่เป็นคู่ซ้อม

ไร้แจกันสำหรับรับดอกหญ้า

คนชื่นชมดอกฟ้าน่าถนอม

จำใจบ่มความทุกข์ให้สุกงอม

ฟ้าไม่น้อมกิ่งฟ้าน้ำตาพรู

หากรักคนที่เขามีเจ้าของ

สมควรต้องแบ่งใจไว้อดสู

หากรักคนที่เขาชอบเจ้าชู้

สมควรรู้ว่าใจเขาหลายรัก

อย่างผมนี่หัวใจยังไม่ช้ำ

ใครที่น้ำตาตกเพราะอกหัก

ลองเสี่ยงดูผมจะให้คำทายทัก

ถ้าเป็นนักกลอนให้...รักได้เลย
chomporn
นักเขียน VIP
นักเขียน VIP
 
โพสต์: 49
ลงทะเบียนเมื่อ: พุธ 20 ส.ค. 2008 1:56 pm

ต่อไป

ย้อนกลับไปยัง เรื่องสั้น

ผู้ใช้งานขณะนี้

กำลังดูบอร์ดนี้: ไม่มีสมาชิก และ บุคคลทั่วไป 16 ท่าน

cron