ออกจากโรงพยาบาล โหน่งพาฉันมานั่งดื่มนมอุ่นที่ตลาดใกล้ๆ นั้น และเพราะฝากงานกับเพื่อนเรียบร้อยแล้ว ฉันจึงไม่เร่งรีบ อีกอย่าง เมื่อเห็นสภาพของดาว ฉันก็อยากรู้เรื่องราวของมันขึ้นมาเป็นครั้งแรก
แล้วโหน่งก็เริ่มเล่าเหตุการณ์นับตั้งแต่ฉันออกจากที่นั่นให้ฟังโดยละเอียด
แต่ฉันสรุปได้ว่า พอฉันย้ายออกมา ดาวก็ย้ายเข้าไปอยู่ห้องเดียวกับพี่ตั้น เพียงไม่นานก็เริ่มมีปากเสียงกัน เพราะบางวันพี่ตั้นก็ออกไปค้างที่อื่น (ไปหาบรรดากิ๊กของเขา) ต่อมาพี่ตั้นก็ย้ายออกไปอยู่บ้านพี่เพ็ญแต่ก็ยังมาหามันบ้าง และครั้งหนึ่งการทะเลาะกันก็ลามไปถึงที่ทำงานด้วย จนดาวทนอายไม่ได้ ต้องลาออก และเมื่อลาออกแล้ว ก็ไม่มีสิทธิ์อยู่หอนั้นได้อีกต่อไป
ระหว่างที่ดาวไม่มีงาน ไม่มีที่อยู่ โหน่งจึงให้ดาวอยู่กับเขาไปก่อน
...นี่สินะที่มาของสายตามีความหมายของดาวตอนที่มองโหน่ง...
โหน่งกับพี่ตั้นมีเรื่องกัน เพราะพี่ตั้นยังตามมาแสดงสิทธิ์ความเป็นเจ้าของดาว และดาวก็เกือบใจอ่อนยอมกลับไปอยู่กับพี่ตั้นอีกครั้งแล้ว ถ้าไม่ทราบว่า เมียพี่ตั้นกำลังท้องและพี่ตั้นก็ต้องย้ายกลับไปดูแลที่บ้านต่างจังหวัด
ฉันได้แต่เงียบ ด้วยความรู้สึกที่บอกไม่ถูก ชีวิตเพื่อนรักของฉันหักเหและผิดเพี้ยนไปจากเดิมมากมายเหลือเกิน...มากจนฉันนึกกลัว
“แอ๋มไม่โกรธผมใช่มั้ยที่เอาดาวมาอยู่ด้วย”
“ทำไมต้องโกรธล่ะ” หลุดคำถามนั้นไปแล้ว ฉันจึงรู้ว่าในใจตัวเองสั่นไหวยังไงพิกล
“ก็ไม่รู้สิ...ช่างมันเถอะ...ยังไงแอ๋มก็ไม่สนใจอยู่แล้วนี่” น้ำเสียงนั้นตัดพ้อจนฉันรู้สึกได้ ฉันรีบเปลี่ยนเรื่องโดยการคุยเรื่องดาวอีกครั้ง
“แล้วตอนนี้ ดาวได้งานใหม่หรือยังน่ะ”
“ได้แล้ว เป็นการเงินเหมือนเดิมนั่นแหละ แต่บริษัทเล็กกว่าเดิม”
“อื้อ ก็ยังดี แล้ว...ทำไมมันผอมจังเลยล่ะ นี่โหน่งเลี้ยงเพื่อนเราด้วยอะไร ปล่อยให้ผอมกะหร่องขนาดนี้”
โหน่งเงียบไปครู่หนึ่งด้วยสีหน้ายุ่งยากใจ ก่อนจะยอมบอกว่า
“ดาวติดเหล้าน่ะ แอ๋ม...”
เป็นอีกครั้งที่ฉันเงียบไปเพราะพูดอะไรไม่ออก นี่มันเกิดอะไรขึ้นกับชีวิตแสนบริสุทธิ์ของผู้หญิงคนหนึ่งนะ มันบ้าอะไรกัน
“เมื่อก่อน แค่ได้กลิ่นเหล้า ดาวก็ปวดหัวแล้ว...เราเคยไปดื่มกับเพื่อนๆ หลังเลิกงาน กลับถึงห้องมันบ่นเราแทบตาย...มันไม่ชอบ” เป็นนานกว่าฉันจะเอ่ยขึ้นด้วยเสียงที่สั่นอย่างยากจะระงับความรู้สึก
“เราดูแลดาวไม่ดีเองแหละ แอ๋ม เราตามใจ ปล่อยให้ดาวทำในสิ่งที่อยากทำ เพราะเห็นว่าเขาบอบช้ำมามากแล้ว...แต่ไม่นึกเลยว่า ดาวจะยึดมันเป็นเพื่อนตายอย่างนี้”
แล้วเราสองคนก็เงียบ ไม่มีใครพูดอะไรอีก มีแต่เสียงรถที่แล่นผ่านไปมา มีแต่เสียงพูดคุยจากโต๊ะอื่นๆ ที่ดังอยู่ตลอดเวลา
พอขึ้นมาบนแท็กซี่ที่พาฉันกลับห้องแล้วนั่นแหละ ที่ฉันปล่อยให้ตัวเองร้องไห้โดยไม่นึกอายพี่แท็กซี่
ฉันกำลังโกรธพี่ตั้น ที่ความเจ้าชู้ ความเห็นแก่ตัวของเขาทำลายความงามของดาวดวงหนึ่งให้หม่นแสงลงอย่างบริบูรณ์ โกรธดาวที่มันช่างอ่อนแอได้อย่างน่ารังเกียจที่สุด โกรธตัวเองที่กลายเป็นส่วนหนึ่งที่ทำลายดาวดวงเด่นด้วยความงี่เง่าและความรู้เท่าไม่ถึงการณ์
และท้ายที่สุด เป็นสิ่งที่ฉันไม่สามารถโกหกตัวเองได้เลย...ฉันร้องไห้ให้กับความจริงเรื่องโหน่งกับดาว...