นับตั้งแต่ก้าวออกจากเมืองเชียงใหม่มาอยู่กทม.แรกทีเดียวไม่มีคนรู้จักเลย ก็ทำงานเสี่ยงดวงอยู่หลายที่จนมาถึงวันนี้ค้นพบว่ามีคน ๔ คนที่เรารู้สึกว่าเป็น “ผู้ใหญ่” ที่เรานับถือ มีบุญคุณต่อเรา เป็นที่ปรึกษา เป็นคนคอยให้คำแนะนำและสั่งสอน คอยดึงคอยรั้ง คอยช่วยเหลือ โอ๊ย!เยอะอะ เรียกว่าทำให้เด็กเคว้งคว้างคนหนึ่งมีที่พึ่ง..เอางั้นเถอะ

- 1239999.jpg (222.09 KiB) เปิดดู 60984 ครั้ง
ท่านรองฉัตรชัย สง่าอารีย์กุล ท่านเป็นอดีตรองผู้อำนวยการโรงเรียนปากเกร็ด จริงๆท่านไม่ได้เมตตาเราคนเดียวหรอก มีคนอีกมากมายที่ท่านช่วยเหลือในยามที่เดือดร้อน ในส่วนของเราเราศรัทธาที่ท่านเป็นผู้ใหญ่ที่มีน้ำใจและท่านจำคำพูดของตนเองดีเยี่ยม ตอนนั้นเราเป็นอัตราจ้างที่โรงเรียนปากเกร็ดระหว่างรอเรียกบรรจุครูกทม.และเมื่อถูกเรียกตัว ทางกลุ่มสาระฯภาษาไทยก็พาไปเลี้ยงส่งและเชิญท่านรองมาเป็นประธาน(จริงๆท่านเป็นคนแนะนำให้เรามาสมัครที่โรงเรียนปากเกร็ดด้วย) ท่านอวยพรเราและบอกว่าก่อนเกษียณท่านจะพากลับมาสอนปากเกร็ดให้ได้ เราก็คิดว่าท่านพูดตามวาระโอกาสเป็นปกติ แต่เมื่อเวลาผ่านไปจึงพบว่าท่านทำตามที่พูดจริงๆ ท่านโทร.มาหาเราหลังจากเรารับราชการกทม.ได้ปีกว่าๆ ถามว่าอยากกลับมาไหม เราตอบว่าอยากไปค่ะ ท่านก็ให้เขียนย้ายเลย เราเขียนย้ายครั้งแรกติดขัดมากเพราะทางกทม.ไม่ยอม บอกว่าบรรจุไม่ครบ ๓ ปีโอนย้ายไม่ได้ แต่ทุกครั้งที่เราโทร.ไปบอกว่าติดนั่นนี่ ท่านรองจะประสานเพื่อนของท่านให้แนะนำและช่วยแก้ปัญหาให้เราตลอด สุดท้ายครั้งนี้ก็ไปไม่ได้จริงๆค่ะ แต่เราก็ไม่ย่อท้อ ครบสามปีเราเขียนอีกรอบ ปรากฏว่าเขียนไปเกือบปีถึงรู้ว่าหนังสือขอโอนย้ายของเราหาย ฉุนเหมือนกัน ทว่ามันก็เกือบครบปีที่หนังสือจะหมดอายุแล้ว เราจึงไม่โวยวาย เขียนใหม่ค่ะ คราวนี้ส่งไปโดยไม่แจ้งใครเลย เกรงใจท่านมาก เพราะทำท่านเดือดร้อนคราวที่แล้ว เราคิดว่าท่านคงเข็ดเพราะวิ่งวุ่นกับเราบ่อยมาก เวลาผ่านไปสักพักท่านรองก็โทร.มาค่ะ บอกว่าทางโรงเรียนได้รับหนังสือโอนย้ายของเราแล้ว ถ้าผอ.ถามว่าจะรับไหม ท่านจะบอกว่ารับนะ โคตรดีใจเลย หนังสือไม่หาย ๕๕๕ แต่ดีใจอยู่ได้ไม่นานกทม.ก็ทำเรื่องให้ปวดหัวอีก ทางสพม.๓ ทำหนังสือตอบรับมาแล้วว่ารับโอน แต่ทางกทม.ก็ไม่ปล่อยสักที ทำให้เราเกือบจะวีนแตกอยู่หลายรอบเพราะเกรงใจโรงเรียนปากเกร็ด รอคำสั่งขั้น(ขั้นที่กทม.ไม่เป็นปัจจุบันจะช้ากว่าปกติอยู่ประมาณสามเดือน)ได้คำสั่งขั้นดันมีระเบียบใหม่มาว่าครูจะโอนย้ายได้ช่วงปิดเทอมเท่านั้น ปรากฏว่ากว่าเราจะย้ายไปได้จริงๆกินเวลาไปปีนึงเต็มๆ แต่ทางโรงเรียนก็ยังรอ โดยต้องจ้างอัตราจ้างคนนึงสอนแทนก่อน ยอมรับเลยว่าถ้าไม่มีท่านรองท่านนี้เราคงย้ายไม่ได้ แถมท่านยังทำโดยไม่หวังสิ่งตอบแทนด้วยนะ ไม่เคยมาเรียกร้องอะไร ไม่เสียตังค์เพราะท่านสักบาท เราซึ้งใจมากและจะไม่ลืมเลย สังคมปัจจุบันหาคนแบบนี้ยากนะ
อาจารย์อำไพพรรณ น้อยหนูจัตุรัส ครูภาษาไทยแห่งชาติปี ๒๕๔๔ ท่านเป็นครูอยู่ปากเกร็ดนี่แหละค่ะ ท่านเป็นคนแรกที่พยายามให้เราเขียนงานประกวด ทำให้คนที่ไม่เคยคิดว่าตนเองจะเขียนอะไรเป็นชิ้นเป็นอันได้ลงมือเขียนเป็นครั้งแรก อาจารย์ท่านทั้งยุ ทั้งบ่น บางครั้งแต่งกลอนมาบ่นว่าให้เขียนด้วยนะ น่ารักมาก ๕๕ จนเราได้รับรางวัลการเขียนหลายครั้งท่านบอกว่าอยากให้เราเขียนนิยาย บร๊ะ เราก็เลยเขียน เขียนเพื่อให้ท่านรู้ว่าเราเขียนไม่ได้หรอกนะ แต่เขียนตามใจท่านเท่านั้นเอง แล้วทุกอย่างก็ตาลปัตรทำให้เรากลายมาเป็นนักเขียนอย่างที่เห็นนี่แหละ เราตั้งใจไว้ว่า ถ้าอ.น้อยยังไม่เกษียณเราจะยังไม่ย้ายโรงเรียนไปไหน จริงๆมีวีรกรรมระหว่างเรากับอ.น้อยเยอะ เล่าไม่หมดแต่ถ้าพูดทั้งหมดจะยาว เอาแค่นี้ก่อน
อาชม ชมพร เพชรอนันต์กุล อาชมเป็นรองผอ.สถาบันสุนทรภู่ เป็นคนที่คอยให้คำปรึกษาด้ายภาษาไทย คอยแนะ คอยสอนแบบเนียนๆ และคอยดูดวงให้ ๕๕๕ จริงๆระหว่างเรากับอาไม่ค่อยได้ประสานงานกันบ่อยเท่าใดนัก แต่เรายอมรับนับถือในตัวอา อาเป็นคนที่แนะนำแบบปลายเปิด ไม่ดิสเครดิตใคร และไม่ยกตัวเองทั้งๆที่อาเป็นคนเก่งชนิดหาตัวจับยาก มีอาชมคนนึงก็อุ่นใจไปร้อยแปดอย่าง อ้อ! เรามักจะขอให้อาแต่งกลอนประกอบนิยายให้ อาก็ทำให้อย่างไม่อิดออด อาเกิดมาเพื่อเป็นนักกลอนจริงๆ โคตรยอมรับเลย รู้สึกดีที่มีอาคอยให้คำปรึกษา ต้องขอบคุณอามากๆเลยค่ะ
บ.ก.ณภัทร เทพพรรธนะ เราถือว่าพี่ติ๊ดเป็นบ.ก.ที่สร้างน้ำฟ้า เป็นบ.ก.คนแรก และเป็นบ.ก.ที่เราประทับใจมากที่สุดเท่าที่มีบ.ก.มา เดิมทีนิยาย”สัตยาภพ”ได้รางวัลช่อง๓มา เราก็ไม่รู้ว่าจะส่งที่ไหน ยังอึนๆมึนๆ พี่ติ๊ดก็แอดเมลมา ด้วยเมล tid69 เราก็บร๊ะ เลขแบบนี้โรคจิตแน่ๆ เราก็รับกะจะด่า ๕๕๕ แต่สักพักพี่เขาก็แนะนำตัว “สวัสดีครับ ผมณภัทร เทพพรรธนะ บก.บห.สนพ.อรุณ ในเครืออมรินทร์ครับ...” เรายังไม่เชื่อ คิดในใจหลอกตรูปะวะ จึงไปถามพี่ๆก็ไม่มีใครรู้จักพี่ติ๊ดเลยเพราะพี่เขาเพิ่งมาทำงานใหม่ๆ จนตอนหลังพี่เขาไปสืบให้ พบว่าใช่จริงๆเราจึงส่งงานให้ ส่งไปแล้วพี่เขาก็ไม่พูดไม่จา เราก็งง ผ่านปะวะ ๕๕๕ แต่พอผ่านไปราวๆสามเดือนนิยายก็วางแผง พี่ติ๊ดเป็นบ.ก.ที่ให้เกียรตินักเขียนมาก ที่สำคัญเราทำงานกันด้วย “สัจจะ” เราตกลงนัดหมายกันอย่างไรก็จะเป็นอย่างนั้น เมื่อเกิดปัญหาไม่ว่าจะที่ไหนพี่ติ๊ดจะประสานให้จนคลี่คลาย หรือแม้แต่เราไม่พอใจคำโปรยปก “ไฟพรางใจ”ที่ใช้คำว่า “แบ่งบาน” พี่ติ๊ดปวดหัวตึ๊บ บอกว่านิยายเข้าโรงพิมพ์แล้ว แต่พี่เขายังอุตส่าห์กางร่มฝ่าฝนไประงับ นำมาแก้ไขใหม่เป็น “เบ่งบาน”ให้ พี่ติ๊ดเป็นบ.ก.ที่ดูแลนักเขียนจริงๆ ไม่รับปากชุ่ยๆ ไม่ละเลย เวลาเล่นก็เล่น เวลาจริงจังพี่แกก็พูดตรงๆ ลาออกไปแล้วยังมาให้คำแนะนำอยู่เสมอ เราจึงถือว่าคนนี้แหละ บ.ก.ของเรา
ครบแล้วนะ ๔ คน ๔ สไตล์แต่ ๔ คนนี้แหละที่ด่าเราแล้วเราจะไม่ตอบและเราจะจำไปจนวันตาย ^_^ สำหรับน้ำฟ้า “บุญคุณต้องทดแทน แค้นต้องชำระ” เสมอ