พระตำหนักม่อนจ๊อกป๊อก
พระตำหนักไม้สักโปร่งขนาดใหญ่บนดอยสุเทพ ของ พระราชชายา เจ้าดารารัศมี เป็นที่ทรงเพาะพันธุ์ปลูก กุหลาบจุฬาลงกรณ์ และเป็นที่ออกประทับรับรอง พระบรมวงศานุวงศ์ชั้นผู้ใหญ่ ในพระบรมราชจักรีวงศ์หลายพระองค์ ภายหลัง พระราชชายา เจ้าดารารัศมี ได้ถวายที่ดินและพระตำหนักแก่วัดพระธาตุดอยสุเทพราชวรวิหาร
- 62756.jpg (82.64 KiB) เปิดดู 4696 ครั้ง
วัดพระสิงห์คงจะร้างมาแล้วหลายครั้งด้วยกันและในตอนปลายพุทธศตวรรษที่ ๒๔ ก็ยังคงสภาพเป็นวัดร้างอยู่อีก ประมาณ พ.ศ. ๒๔๖๗ เจ้าแก้วนวรัฐ เจ้าผู้ครองนครเชียงใหม่องค์ที่ ๙ หรือองค์สุดท้าย ทรงอาราธนาครูบาศรีวิชัยหรือตุ๊เจ้าวัดบ้านปางมาช่วยสร้างวัดพระสิงห์ขึ้นใหม่ เนื่องจากกุฎิสงฆ์และวิหารที่พระเจ้ากาวิละสร้างขึ้นไว้ผุพังไปหมดแล้ว พระศรีวิชัยท่านรื้อพระเจดีย์ยอดหักท่ามกลางลานวัดลงเสียเพื่อสร้างพระวิหารขึ้น ณ ที่นั้น
ในการขุดที่ฐานพระเจดีย์ได้พบผอบทองคำขนาดเขื่อง เส้นผ่าศูนย์กลางที่ปากผอบ ๗ นิ้ว ๘ กระเบียด สูง ๑๔ นิ้ว น้ำหนักทองคำ ๑๒๒.๕ บาท มีกระดูกบรรจุอยู่ภายใน เข้าใจว่าเป็นพระอัฐิของพระเจ้าคำฟู กษัตริย์ลานนาไทยลำดับที่ ๖ ผู้เป็นพระชนกของพระเจ้าผายูผู้ทรงสร้างวัดพระสิงห์ก็เป็นได้ นอกจากผอบยังขุดพบแผ่นทองคำอีก ๔๗๗ แผ่น แต่ละแผ่นล้วนมีจารึกด้วยอักษรลานนา ทองคำแผ่นเหล่านี้ชั่งน้ำหนักรวมกันได้ ๓๖๐ บาท สิ่งของมีค่าเหล่านี้พระศรีวิชัยได้มอบให้ทางบ้านเมืองเก็บรักษาไว้เป็นสมบัติของชาติ เพื่อให้อนุชนรุ่นหลังได้เห็นและศึกษา แต่อย่างไรก็ตามสมบัติล้ำค่าเหล่านี้ ได้หายไปในระหว่างสงครามโลกครั้งหลัง เมื่อนครเชียงใหม่ถูกโจมตีทางอากาศและมีการย้ายที่ทำการจากศาลากลางไปตั้งที่วัดข่วงสิงห์
ครูบาศรีวิชัยสร้างวัดพระสิงห์ขึ้นใหม่ดังที่เห็นอยู่ในบัดนี้ แล้วอาราธนาเจ้าอาวาสจังหวัดมาจำพรรษาอยู่ประจำ วัดนี้จึงกลับเจริญรุ่งเรืองและมีสภาพเป็นพระอารามหลวงอยู่ในปัจจุบัน
ที่มาของเรื่อง : หนังสือ นำชมโบราณวัตถุสถานในจังหวัดเชียงใหม่
โดย รองอำมาตย์โท ชุ่ม ณ บางช้าง
ที่มาของภาพ : Mongkonrut Ojarusporn Tapaeinn
- 62764.jpg (55.13 KiB) เปิดดู 4696 ครั้ง