อดีตกาลล้านนา

เรื่องราวของอาณาจักรล้านนา

Re: อดีตกาลล้านนา

โพสต์โดย น้ำฝน ทะกลกิจ » จันทร์ 15 ก.ค. 2019 4:58 pm

ถนนอินทยงยศ...วิถีลำพูน

เจ้าจักรคำ และเจ้าหญิงแขกแก้ว อัครชายา
122184.jpg
122184.jpg (43.66 KiB) เปิดดู 6504 ครั้ง


คุ้มคือที่อยู่ ที่พักอาศัยของเจ้านายฝ่ายเหนือในจังหวัดลำพูนและในจังหวัดเชียงใหม่ถ้าเป็นที่พักอาศัยของเจ้าผู้ครองนคร ก็ถูกเรียกว่า "คุ้มเจ้าหลวง" หรือ "คุ้มหลวง" เมื่อเจ้าผู้ครองนครถึงแก่พิราลัย คุ้มเจ้าหลวงผู้ครองนครองค์ใหม่ก็จะถูกเรียกว่า "คุ้มหลวง" ส่วนคุ้มของเจ้าผู้ครองนครองค์ที่แก่พิราลัย ก็ตกทอดเป็นของทายาทต่อไปจะถูกเรียกว่า "คุ้ม"

เมื่อครั้งเจ้าหลวงอินทยงยศโชติเป็นเจ้าผู้ครองนครลำพูน คุ้มหลวงของท่านตั้งอยู่ใจกลางเมืองลำพูนด้านหลังติดกับหนองน้ำแห่งประวัติศาสตร์ที่มีมาตั้งแต่สมัยพระนางจามเทวี กษัตรีย์พระองค์แรกของพระนครหริภุญไชย ชื่อ "หนองน้ำจามเทวี" ต่อมาในปี พ.ศ. ๒๔๔๓ เจ้าหลวงอินทยงยศโชติได้ยกคุ้มหลวงของท่านได้แก่รัฐบาลสยาม ใช้เป็นสถานที่ก่อสร้างอาคารที่ว่าการเมืองหรือศาลากลางจังหวัดลำพูนในปัจจุบันนี้ เมื่อท่านถึงแก่พิราลัยในปี พ.ศ. ๒๔๕๓ โอรสของท่านได้รับพระราชโองการโปรดเกล้าฯ จากรัชกาลที่ ๖ แต่งตั้งให้เป็นเจ้าผู้ครองนครลำพูนองค์ที่ ๑๐ มีพระนามว่า เจ้าจักรคำขจรศักดิ์

คุ้มหลวงหลังแรกของเจ้าหลวงจักรคำขจรศักดิ์ ประกอบด้วยเรือนไม้สักชั้นเดียวใต้ถุนสูงหลายหลังอยู่ในบริเวณพื้นที่ดินประมาณ ๔ ไร่เศษ เจ้าหลวงจักรคำขจรศักดิ์พำนักที่คุ้มหลังนี้ตั้งเเต่เสกสมรสกับเจ้าหญิงขานแก้ว อรรคชายองค์แรก เมื่อปี พ.ศ. ๒๔๔๑ ราชโอรสและราชธิดาที่กำเนิดจากเจ้าหญิงขานแก้ว ทั้ง ๔ องค์ มีสูติกาลที่คุ้มหลวงหลังนี้

๑.เจ้าหญิงลำเจียก สูติเมื่อ พ.ศ.๒๔๔๒

๒.เจ้าหญิงวรรณรา สูติเมื่อ พ.ศ.๒๔๔๗

๓.เจ้าชายพงศ์ธาดา สูติเมื่อ พ.ศ.๒๔๔๙

๔.เจ้าชายรัฐธาทร สูติเมื่อ พ.ศ.๒๔๕๐

หลังจากที่เจ้าหญิงขานแก้วถึงแก่อนิจกรรมได้ ๒ ปีกว่า เจ้าหลวงจักรคำขจรศักดิ์ได้เสกสมรสอีกครั้งกับเจ้าหญิงแขกแก้ว อรรคชายาองค์ที่ ๒ เมื่อปี พ.ศ. ๒๔๕๓ ท่านและเจ้าหญิงเเขกแก้วยังคงพำนักที่คุ้มหลวงหลังนี้ ราชโอรสและราชธิดาที่กำเนิดจากเจ้าหญิงเเขกแก้ว ทั้ง ๔ องค์ก็มีสูติกาลที่คุ้มหลวงหลังนี้

๑.เจ้าชายวรทัศน์ สูติเมื่อ พ.ศ.๒๔๕๔

๒.เจ้าชายรัชเดช สูติเมื่อ พ.ศ.๒๔๕๖

๓.เจ้าชาย_______ สูติเมื่อ พ.ศ.๒๔๕๘ (ถึงเเก่อนิจกรรมหลังจากมีสูติกาลได้ไม่กี่วัน จึงไม่ทันได้ตั้งชื่อ)

๔.เจ้าหญิง_______ สูติเมื่อ พ.ศ.๒๔๕๙ (ถึงแก่อนิจกรรมหลังจากมีสูติกาลได้ไม่กี่วัน จึงไม่ทันได้ตั้งชื่อ)

ในระหว่างปี พ.ศ. ๒๔๘๐ - ๒๔๘๒ เจ้าหลวงจักรคำขจรศักดิ์ ได้ก่อสร้างคุ้มหลวงแห่งใหม่ เป็นตึก ๒ ชั้น รูปทรงเเบบยุโรป สวยงามมาก การปลูกอาคารแบบเป็นตึก ๒ - ๓ ชั้น รูปทรงแบบยุโรปกำลังเป็นที่นิยมอย่างมากในกรุงเทพมหานครในช่วงเวลานั้น ผู้เขียนได้รับคำบอกเล่าว่า ผู้ที่ควบคุมการก่อสร้างคุ้มหลวงหลังใหม่นี้ คือ ม.จ. ทองแกมแก้ว ทองใหญ่ ราชบุตรเขยของท่าน คุ้มหลวงหลังใหม่ก่อสร้างเสร็จเรียบร้อยในปี พ.ศ. ๒๔๘๒ ท่านได้ย้ายครอบครัวมาพำนักอยู่ที่คุ้มหลวงแห่งนี้ในปี พ.ศ. ๒๔๘๒ นั่นเอง และได้พำนักอยู่จนกระทั่งถึงแก่พิราลัยในปี พ.ศ. ๒๔๘๖ ท่านได้ยกคุ้มหลวงหลังเก่าให้แก่เจ้าหญิงลำเจียก ราชธิดาองค์โตเป็นที่พำนักอาศัยต่อไป ผู้คนในลำพูนจึงเรียกคุ้มหลวงหลังเก่าว่า"คุ้มเจ้าหญิงลำเจียก"

โกศพระศพเจ้าหลวงจักรคำขจรศักดิ์ ตั้งอยู่ในห้องโถงคุ้มหลวง พ.ศ.๒๔๘๖
122189.jpg
122189.jpg (79.41 KiB) เปิดดู 6504 ครั้ง



เจ้าทรายแก้ว (ณ ลำพูน) กิติศรี ธิดาคนที่ ๓ ของเจ้าน้อยตื่น (ช) กับเจ้าตุ่นแก้ว (ญ) ณ ลำพูน เล่าให้ผู้เขียนฟังว่า เมื่อคุ้มหลวงสร้างเสร็จแล้ว เจ้าหลวงจักรคำขจรศักดิ์ได้จัดให้มีงานฉลองอย่างยิ่งใหญ่ถึง ๗ วัน ๗ คืน เป็นที่ครึกครื่น สนุกสนาน และเป็นที่กล่าวขวัญกันทั้งเมืองเจ้าทรายแก้วเล่าเพิ่มเติมอีกว่า

"ตอนนั้นพี่อายุได้เพียง ๑๑ ปี เรียนอยู่ชั้นม.๑ จำได้ว่ายังไม่ได้สอบไล่เลยเมื่อมีงานฉลองขึ้นคุ้มใหม่งานจัดขึ้นบริเวณที่ดินที่เป็นที่ว่างอยู่หน้าคุ้มหลวง ซึ่งต่อมาก็คือบริเวณตลาดสดเดิมงานเริ่มตั้งเเต่บ่าย มีพ่อค้า แม่ค้า ทยอยมาตั้งร้านขายของกันตั้งเเต่บ่ายโมง ในงานมีลิเก ภาพยนตร์ มีซอ มีเวทีสำหรับการแสดงของคณะที่มีชื่อเสียงหมุนเวียนเปลี่ยนกันมา เเละมีการแสดงของนักเรียนจากโรงเรียนต่างๆ ในลำพูน ๗ คืน ก็ ๗ โรงเรียน ในตอนเย็นขอบทุกๆ วันทั้ง ๗ วันเจ้าหลวงฯ ท่านจะโปรยทาน โดยท่านจ่ายสตางค์แดง ๑ สตางค์บ้าง ครึ่งสตางค์บ้างไว้ในรูปตะกร้อบ้าง รูปปลาบ้าง รูปนกบ้าง ฯลฯ ซึ่งตะกร้อรูปสัตว์เหล่านี้สานด้วยใบมะพร้าว พวกเด็กๆ จะคอยเวลาโปรยทานกัน และก็วิ่งแย่งกันเก็บตะกร้อใบมะพร้าวที่ใส่สตางค์นี้เป็นที่สนุกสนานพอเริ่มมืดท่านก็ให้เปิดไฟในบริเวณงาน สว่างไสวมาก แล้วยังมีไฟอีก ๒ ดวงสว่างจ้าส่องไปที่ตราประจำพระองค์ที่อยู่บนหน้าบันของอาคารตึก ที่เป็นรูปช้าง ๒ ตัว มีจักรอยู่ตรงกลางระหว่าง ๒ ตัวนั่นไง" พี่ทรายแก้วเล่าต่อไปว่า "ตอนนั้นพี่เรียนอยู่ที่โรงเรียนสตรีลำพูน พี่ได้รำแสดงอะไรไม่รู้ จำไม่ได้แล้ว อยู่ ๑ คืน เมื่อแสดงบนเวทีเส็รจแลัวนักเรียนที่แสดงรำทุกคนก็ได้รับของชำร่วยจากเจ้าหลวงฯ คนละ ๑ ชิ้น เป็นถาดเงินใบน้อยๆ ของชำร่วย ๑ คืนไม่เหมือนกันสักคืน บางคืนของชำร่วยก็เป็นถุงบุหงาหอมๆ ถุงเล็กๆ บางคืนของชำร่วยก็เป็นผ้าเช็ดปากซึ่งเป็นผ้าฝ้ายทอมือมาจากป่าซาง บอกได้เลยว่า งานฉลองคุ้มหลวงนี้เป็นงานใหญ่ของปีนั้นเลยนะ เป็นงานที่ทุกคนต้องไปเที่ยวกัน"

คุ้มหลังใหม่
122191.jpg
122191.jpg (48.68 KiB) เปิดดู 6504 ครั้ง


ที่มา : Naren Punyapu
น้ำฝน ทะกลกิจ
นักเขียนแห่งปี
นักเขียนแห่งปี
 
โพสต์: 1111
ลงทะเบียนเมื่อ: อาทิตย์ 30 ก.ย. 2018 1:00 pm

Re: อดีตกาลล้านนา

โพสต์โดย น้ำฝน ทะกลกิจ » จันทร์ 15 ก.ค. 2019 5:12 pm

คุ้มหลวงหลังแรกของเจ้าหลวงจักรคำขจรศักดิ์ ประกอบด้วยเรือนไม้สักชั้นเดียวใต้ถุนสูงหลายหลังอยู่ในบริเวณพื้นที่ดินประมาณ ๔ ไร่เศษ เจ้าหลวงจักรคำขจรศักดิ์พำนักที่คุ้มหลังนี้ตั้งเเต่เสกสมรสกับเจ้าหญิงขานแก้ว อรรคชายองค์แรก เมื่อปี พ.ศ. ๒๔๔๑ ราชโอรสและราชธิดาที่กำเนิดจากเจ้าหญิงขานแก้ว ทั้ง ๔ องค์
122186.jpg
122186.jpg (61.34 KiB) เปิดดู 6504 ครั้ง


122187.jpg
122187.jpg (63.36 KiB) เปิดดู 6504 ครั้ง
น้ำฝน ทะกลกิจ
นักเขียนแห่งปี
นักเขียนแห่งปี
 
โพสต์: 1111
ลงทะเบียนเมื่อ: อาทิตย์ 30 ก.ย. 2018 1:00 pm

Re: อดีตกาลล้านนา

โพสต์โดย น้ำฝน ทะกลกิจ » จันทร์ 15 ก.ค. 2019 5:41 pm

งานประเพณีสรงน้ำพระธาตุหริภุญชัยจังหวัดลำพูน ไม่ทราบ พ.ศ.
Naren Punyapu

60912448_2197560146990735_933786573743325184_n.jpg
60912448_2197560146990735_933786573743325184_n.jpg (46.93 KiB) เปิดดู 6504 ครั้ง


หริภุญชัย1.jpg
หริภุญชัย1.jpg (102.95 KiB) เปิดดู 6504 ครั้ง
น้ำฝน ทะกลกิจ
นักเขียนแห่งปี
นักเขียนแห่งปี
 
โพสต์: 1111
ลงทะเบียนเมื่อ: อาทิตย์ 30 ก.ย. 2018 1:00 pm

Re: อดีตกาลล้านนา

โพสต์โดย น้ำฝน ทะกลกิจ » จันทร์ 15 ก.ค. 2019 5:44 pm

คุณสุชีลา ศรีสมบูรณ์ นางสาวไทย พ.ศ.๒๔๙๗ และคุณนวลสวาท ลังการ์พินธุ์ รองนางสาวไทย พ.ศ.๒๔๙๖ สองสาวงามแห่งเมืองลำพูน
นางสาวไทย ๒๔๙๗.jpg
นางสาวไทย ๒๔๙๗.jpg (106.24 KiB) เปิดดู 6504 ครั้ง


ภาพ Naren Punyapu

คุณสุชีลา ศรีสมบูรณ์ นางสาวไทย พ.ศ.๒๔๙๗ และคุณโสภาพรรณ กันฑาซาว นางสาวลำปางพ.ศ.๒๔๙๙ สองสาวงามแห่งเมืองลำพูน
นางสาวไทยนางสาวลำปาง.jpg
นางสาวไทยนางสาวลำปาง.jpg (49.09 KiB) เปิดดู 6504 ครั้ง
น้ำฝน ทะกลกิจ
นักเขียนแห่งปี
นักเขียนแห่งปี
 
โพสต์: 1111
ลงทะเบียนเมื่อ: อาทิตย์ 30 ก.ย. 2018 1:00 pm

Re: อดีตกาลล้านนา

โพสต์โดย น้ำฝน ทะกลกิจ » จันทร์ 02 ก.ย. 2019 9:22 pm

ภาพเจดีย์และพระประธานวัดอาทิต้นแก้ว เมืองเชียงแสน
5633.jpg
5633.jpg (104.11 KiB) เปิดดู 6333 ครั้ง

รูปแบบศิลปกรรมของเจดีย์องค์นี้เป็นการสร้างทับซ้อนกัน เจดีย์องค์ในเป็นเจดีย์เหลี่ยมยอดระฆังตี่มีอายุไม่เกินไปกว่าพุทธศตวรรษที่ ๑๙ ส่วนเจดีย์องค์นอกเป็นเจดีย์ทรงกลมที่มีฐานบัวลูกแก้วอกไก่ในฝังแปดเหลี่ยมซ้อนกันสามชั้นรองรับองค์ระฆัง สถาปัตยกรรมรูปแบบนี้เป็นที่นิยมในรัชสมัยพระเมืองแก้ว กษัตริย์องค์ที่ ๑๑ แห่งราชวงค์มังราย พระองค์ทรงครองเมืองเชียงใหม่

อายุของเจดีย์องค์นอกสร้างในราวพุทธศตวรรษที่ ๒๑ วัดอาทิต้นแก้วเป็นโบราณสถานขึ้นทะเบียน ประกาศราชกิจจานุเบกษา เล่ม ๙๗ ตอนที่๑๐ วันที่ ๒๔ มกราคม พ.ศ.๒๕๒๓


ส่งสการล้านนา (งานศพ)
งานศพ.jpg
งานศพ.jpg (43.48 KiB) เปิดดู 6542 ครั้ง
น้ำฝน ทะกลกิจ
นักเขียนแห่งปี
นักเขียนแห่งปี
 
โพสต์: 1111
ลงทะเบียนเมื่อ: อาทิตย์ 30 ก.ย. 2018 1:00 pm

Re: อดีตกาลล้านนา

โพสต์โดย admin » พุธ 30 ต.ค. 2019 2:43 pm

วัดกู่เต้า จังหวัดเชียงใหม่ พ.ศ.๒๕๐๗
#ภาพเก่าเล่าเรื่อง
16995.jpg
16995.jpg (23.28 KiB) เปิดดู 6453 ครั้ง


ซอยยาสูบ(ยาขื่น)
16998.jpg
16998.jpg (35.46 KiB) เปิดดู 6453 ครั้ง
ภาษาสยาม "งดงามความเป็นไทย"
ภาพประจำตัวสมาชิก
admin
Administrator
Administrator
 
โพสต์: 309
ลงทะเบียนเมื่อ: อาทิตย์ 06 ก.ค. 2008 9:28 pm

Re: อดีตกาลล้านนา

โพสต์โดย admin » พุธ 30 ต.ค. 2019 2:44 pm

เจดีย์ขาว ด้านหน้าเยื้องๆเทศบาลนครเชียงใหม่
FB_IMG_1566294617006.jpg
FB_IMG_1566294617006.jpg (32.72 KiB) เปิดดู 6409 ครั้ง


FB_IMG_1566294620602.jpg
FB_IMG_1566294620602.jpg (47.79 KiB) เปิดดู 6409 ครั้ง


FB_IMG_1566294635771.jpg
FB_IMG_1566294635771.jpg (13.84 KiB) เปิดดู 6409 ครั้ง
ภาษาสยาม "งดงามความเป็นไทย"
ภาพประจำตัวสมาชิก
admin
Administrator
Administrator
 
โพสต์: 309
ลงทะเบียนเมื่อ: อาทิตย์ 06 ก.ค. 2008 9:28 pm

Re: อดีตกาลล้านนา

โพสต์โดย admin » เสาร์ 23 พ.ย. 2019 7:05 am

“ขุนกัน ชนะนนท์” กับถนนโค้งสุดท้ายสู่พระธาตุดอยสุเทพวันนี้ บริเวณถนนโค้งสุดท้ายที่จะขึ้นสู่พระธาตุดอยสุเทพ จ.เชียงใหม่ มีป้ายขนาดใหญ่เขียนว่า “โค้งขุนกันชนะนนท์” ใครกันคือขุนกัน ชนะนนท์ เหตุใดจึงตั้งชื่อโค้งถนนตามชื่อของท่าน
32425.jpg
32425.jpg (69.62 KiB) เปิดดู 6350 ครั้ง


ย้อนกลับไปเมื่อครั้งพ.ศ. ๒๔๗๗ ท่านครูบาศรีวิชัยได้นำราษฎรผู้มีจิตศรัทธาหลายหมื่นคนมาร่วมสร้างถนนขึ้นสู่พระธาตุดอยสุเทพ การก่อสร้างดำเนินมาจนถึงเส้นทางช่วงสุดท้ายก่อนจะถึงหัวบันไดนาคประมาณ ๑ กิโลเมตร ซึ่งบริเวณนี้เป็นภูเขาหินสูงชัน คณะสำรวจได้มีความเห็นว่าควรจะตัดถนนอ้อมไปทางม่อนสนที่ตั้งอยู่ตรงกันข้ามกับดอยสุเทพ (บ้านนิมมานนรดีปัจจุบัน) แต่ครูบาเถิ้มเห็นสมควรที่จะตัดตรงไปบรรจบทางเดินเท้าเก่าที่มีอยู่เดิม ซึ่งครูบาศรีวิชัยก็เห็นด้วยกับคำแนะนำนี้ แต่ด้วยบริเวณนี้เป็นภูเขาหินสูงชัน การตัดถนนตรงขึ้นดอยจึงยากลำบากมาก อีกทั้งผู้ร่วมสร้างทางทุกคนต่างเหน็ดเหนื่อยอ่อนล้า

“ขุนกัน” คหบดีชาวไทใหญ่ผู้มีศรัทธาในพระพุทธศาสนาและต่อครูบาศรีวิชัย จึงอาสาสร้างถนนช่วงโค้งหักศอกนี้ ซึ่งท่านมีประสบการณ์ในการสร้างทางลากขอนไม้ซุงที่ อ.พร้าวมาก่อนหน้านี้แล้ว ขุนกันได้ระดมกำลังคนของท่านมาสร้างถนนเต็มกำลัง อีกทั้งยังใช้ทุนทรัพย์ส่วนตัวของท่านในการสร้างอีกด้วย ถนนโค้งสุดท้ายสู่พระธาตุดอยสุเทพจึงสำเร็จลงได้ในที่สุด ท่านครูบาศรีวิชัย จึงตั้งชื่อโค้งนี้ว่า “โค้งขุนกัน” เพื่อเป็นที่ระลึกถึง “ขุนกัน” ผู้เป็นกำลังสำคัญในการโค้งสุดท้ายที่แสนยากลำบากนี้

“ขุนกันชนะนนท์” เดิมชื่อ “ส่างกันนะ” เป็นชาวไทใหญ่ ถือกำเนิดที่บ้านหมอกใหม่ รัฐฉาน ต่อมาบิดามารดาของท่านได้อพยพมาตั้งบ้านที่ จ.แม่ฮ่องสอน เมื่อท่านเติบโตเป็นหนุ่มได้ทำการค้าขายผ้าไหม-ยา โดยซื้อจากพม่าและแม่ฮ่องสอนแล้วนำมาขายต่อที่เชียงใหม่

การเดินทางไปมาเชียงใหม่อยู่บ่อยครั้งนี่เอง ท่านจึงได้พบกับ “แม่วันดี” บุตรีของพญานาวา จนได้สมรสครองเรือนกันในที่สุด และมีบุตรธิดาสืบต่อมาเป็นตระกูล “ชนะนนท์” ตามชื่อของท่าน (พญานาวาได้รับการแต่งตั้งจากเจ้าชีวิตอ้าว “เจ้ากาวิโลรสสุริยวงศ์” ให้เป็นผู้ควบคุมดูแลกระบวนเรือของท่าน ทั้งยังได้แต่งตั้งให้เป็นแก่บ้านดูแลบ้านสันทรายหลวง บ้านวังสิงห์คำ บ้านป่าตัน บ้านเมืองลัง บ้านเชียงยืน ราวปี พ.ศ. ๒๔๔๔ )

ภาพถ่ายของพ่อขุนกันแทบทุกภาพ จะเห็นท่านเคียนหัวแบบชาวไทใหญ่เสมอ จนกระทั่งหลังสงครามโลกครั้งที่ ๒ ในรัฐสมัย “ตามผู้นำชาติพ้นภัย” พ่อขุนกันผู้มีวิสัยทัศน์ไกล จึงยินดีที่จะตัดมวยผมทิ้งแล้วเปลี่ยนมาสวมหมวกกะโล่แทนการเคียนหัว เพื่อให้สอดคล้องต่อความเปลี่ยนแปลงของประเทศชาติบ้านเมืองตามยุคสมัย ซึ่งท่านยอมรับความเปลี่ยนแปลงเหล่านี้อย่างเข้าใจด้วยชีวิตนั้นได้ผ่านร้อนผ่านหนาวมาเนิ่นนาน

ที่มา : เรียบเรียงจากหนังสือ “โค้งขุนกัน ต้นตระกูลชนะนนท์” โดย ทองอินทร์ ชนะนนท์, ศิรินวล จีระมณีมัย, คำจันทร์ ชนะนนท์ • ภาพถ่าย จากหนังสือ “โค้งขุนกัน ต้นตระกูลชนะนนท์”

32424.jpg
32424.jpg (41.53 KiB) เปิดดู 6350 ครั้ง

พ่อขุนกัน และแม่วันดี ชนะนนท์ ถ่ายรูปกับเชี่ยนหมากเงินและหีบบุหรี่เงิน ที่พระราชชายาดารารัศมีประทานมาให้ ภายหลังลูกหลานได้มอบของทั้งสองชิ้นกลับคืนไปยังพิพิธภัณฑ์พระราชชายาเจ้าดารารัศมี อำเภอแม่ริม จังหวัดเชียงใหม่
ภาษาสยาม "งดงามความเป็นไทย"
ภาพประจำตัวสมาชิก
admin
Administrator
Administrator
 
โพสต์: 309
ลงทะเบียนเมื่อ: อาทิตย์ 06 ก.ค. 2008 9:28 pm

Re: อดีตกาลล้านนา

โพสต์โดย น้ำฝน ทะกลกิจ » อาทิตย์ 01 มี.ค. 2020 12:28 pm

ที่ทำการบริษัทบอร์เนียว กิจการสัมปทานไม้แห่งแรกของสยาม ซึ่งมีนายหลุยส์ ที. ลีโอโนเวนส์ ลูกชายของแอนนา ลีโอโนเวนส์ หรือแหม่มแอนนา พระอาจารย์สอนภาษาอังกฤษของพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว เป็นผู้จัดการคนแรก
137_pillars_house_3.jpg
137_pillars_house_3.jpg (196.01 KiB) เปิดดู 6129 ครั้ง

ปัจจุบันกลายเป็น 137 Pillars Houseโรงแรมย่านวัดเกตการาม จังหวัดเชียงใหม่ ที่มีความพิเศษหลายประการ

ความพิเศษประการสำคัญ คือการบูรณะบ้านบอร์เนียวที่ก่อสร้างด้วยรูปแบบสถาปัตยกรรมแบบโคโลเนียลล้านนา ซึ่งเคยถูกใช้เป็นอาคารสำนักงานเมื่อกว่า ๑๓๐ ปีก่อน

บ้านบอร์เนียวที่เคยทรุดโทรมตามกาลเวลา ทุกวันนี้กลับมามีชีวิตเพื่อใช้เป็นพิพิธภัณฑ์แสดงประวัติศาสตร์ของบ้านและพื้นที่ เลานจ์ ฟิตเนส และห้องอาหารระดับหรูของโรงแรม โดยยังคงเก็บคุณค่าและร่องรอยทางประวัติศาสตร์เอาไว้อย่างครบถ้วน จนได้รับรางวัลอาคารอนุรักษ์ดีเด่นจากสมาคมสถาปนิกสยามในพระบรมราชูปถัมภ์
137_pillars_house_27.jpg
137_pillars_house_27.jpg (241.22 KiB) เปิดดู 6129 ครั้ง


ภาพและข้อมูล : readthecloud
น้ำฝน ทะกลกิจ
นักเขียนแห่งปี
นักเขียนแห่งปี
 
โพสต์: 1111
ลงทะเบียนเมื่อ: อาทิตย์ 30 ก.ย. 2018 1:00 pm

Re: อดีตกาลล้านนา

โพสต์โดย น้ำฝน ทะกลกิจ » อาทิตย์ 01 มี.ค. 2020 12:33 pm

ประวัติศาสตร์ดินแดนล้านนา
137-pillars-38.jpg
137-pillars-38.jpg (48.63 KiB) เปิดดู 6129 ครั้ง

จุดเริ่มต้นของ 137 Pillars House มาจากความสนใจในวัฒนธรรมและประวัติศาสตร์เชียงใหม่ของคุณนิพันธ์ วงศ์พันเลิศ เจ้าของกังวาลเท็กซ์ไทล์ อุตสาหกรรมด้ายอันดับ ๑ ของไทย ทำให้ต้องการหาเรือนแถวเรียบง่ายไว้พักอาศัยเป็นบ้านตากอากาศที่เมืองเหนือ จนได้มาพบกับที่ดินร่มรื่นไปด้วยต้นไม้ในซอยวัดเกตผืนนี้
137-pillars-37.jpg
137-pillars-37.jpg (201.7 KiB) เปิดดู 6129 ครั้ง

สิ่งที่ติดมากับที่ดินคือบ้านไม้สักเก่าสีดำซึ่งซ่อนตัวอยู่ในหมู่ต้นไม้ เมื่อสืบค้นอย่างละเอียด ปรากฏว่าบ้านหลังนี้ชื่อบ้านบอร์เนียว มีประวัติศาสตร์คู่เมืองเชียงใหม่มายาวนานนับร้อยปี
137-pillars-35.jpg
137-pillars-35.jpg (227.92 KiB) เปิดดู 6129 ครั้ง

บ้านหลังนี้สันนิษฐานว่าน่าจะสร้างเสร็จเมื่อ พ.ศ.๒๔๓๒ ในสมัยดินแดนล้านนาหรือจังหวัดเชียงใหม่ในปัจจุบัน ยังเป็นหัวเมืองประเทศราชของสยาม เพื่อเป็นสำนักงานทำการของบริษัทบอร์เนียว ซึ่งมาทำกิจการสัมปทานไม้สักที่ภาคเหนือของประเทศไทย
ภาพและข้อมูล : readthecloud
น้ำฝน ทะกลกิจ
นักเขียนแห่งปี
นักเขียนแห่งปี
 
โพสต์: 1111
ลงทะเบียนเมื่อ: อาทิตย์ 30 ก.ย. 2018 1:00 pm

Re: อดีตกาลล้านนา

โพสต์โดย บ้านเพียงพอ » อังคาร 17 พ.ย. 2020 11:30 am

ถนนสายลำปาง - เชียงราย ถ่ายเมื่อปีค.ศ.๑๙๒๐ (พ.ศ.๒๔๖๓)
Image Source: Changton Natee, Thailand
94129.jpg
94129.jpg (35.32 KiB) เปิดดู 4832 ครั้ง

ขบวนโกศบรรจุพระศพพระราชชายาเจ้าดารารัศมีไปยังพระเมรุที่วัดสวนดอก เมื่อ พ.ศ.๒๔๗๖
Lanna (1).jpg
Lanna (1).jpg (120.25 KiB) เปิดดู 4685 ครั้ง

พระองค์ท่านสิ้นพระชนม์ในจังหวัดเชียงใหม่ เมื่อวันที่ ๙ ธันวาคม พ.ศ.๒๔๗๖
ได้รับพระราชทานโปรดเกล้าฯ
#พระราชทานพระโกศกุดั่นน้อยชั้นรอง ๒ ชั้น
#เครื่องสูง ๑ สำรับ
#พระกลดขาวลายทอง
#เสลี่ยงแว่นฟ้าผ้าไตร ๒๐ ไตร
#มีประโคมเวลาสรงพระศพและประจำ
คือ กลองชนะแดง ๒๐ จ่าปี่ ๑ จ่ากลอง ๑ แตนงอน ๒ แตรฝรั่ง ๒ สังข์ ๑
#พระสงฆ์สวดพระอภิธรรมรับพระราชทานฉันอาหารภัตร เช้า ๗ รูป เพล ๔ รูป มีกำหนด ๑๕ วัน
#โปรดเกล้าฯให้ข้าราชบริพารไว้ทุกข์ถวายมีกำหนด ๗ วัน เป็นพระเกียรติยศ

วัดสวนดอก เมื่อ ๙๐ ปีก่อน ภาพก่อนบูรณะ เมื่อปี พ.ศ.๒๔๗๕
Lanna (31).jpg
Lanna (31).jpg (82.75 KiB) เปิดดู 4685 ครั้ง

เป็นเจดีย์ทรงดอกบัวตูม หรือที่สมัยก่อนเรียกว่า เจดีย์ทรงพุ่มข้าวบิณฑ์ อยู่ทางด้านขวาสุดของภาพ
เจดีย์ทรงดอกบัวตูมจะเป็นสัญลักษณ์ของรัฐสุโขทัย แต่สาเหตุที่มาสร้างยังวัดสวนดอกนั้น สันนิษฐานตามชินกาลมาลีปกรณ์ พญากือนา ได้อัญเชิญพระสุมนเถระมาจากสุโขทัยถึงเมืองเชียงใหม่ และ โปรดให้แปลงพระราชอุทยานของพระองค์เป็นวัดปุบผารามมหาวิหาร เมื่อ พ.ศ.๑๙๑๕ (จุลศักราช๗๓๓) (ฉบับพิมพ์ปี ๒๕๔๐ : หน้า ๒๙๒ , ๓๐๐)
ภาพจากหอจดหมายเหตุแห่งชาติ
โลกใบเก่าเหงาเหมือนเคย
ภาพประจำตัวสมาชิก
บ้านเพียงพอ
นักเขียน VIP
นักเขียน VIP
 
โพสต์: 136
ลงทะเบียนเมื่อ: อาทิตย์ 20 ก.ค. 2008 8:47 am

Re: อดีตกาลล้านนา

โพสต์โดย admin » อาทิตย์ 13 ธ.ค. 2020 7:54 pm

เจดีย์วัดหนองหล่ม ในซอยถนนช้างม่อยเก่าจังหวัดเชียงใหม่ พ.ศ.๒๔๙๓
ภาพ : บุญเสริม สาตราภัย
Lanna (16).jpg
Lanna (16).jpg (72.45 KiB) เปิดดู 4683 ครั้ง

วัดพระธาตุดอยสุเทพ จังหวัดเชียงใหม่ พ.ศ.๒๔๘๖
Lanna (29).jpg
Lanna (29).jpg (40.15 KiB) เปิดดู 4683 ครั้ง

นายพลอาเคโตะ นากามูระ ผู้บัญชาการกองทัพญี่ปุ่นประจำประเทศไทย สมัยสงครามโลกครั้งที่ ๒ พร้อมผู้ติดตามทั้งทหารไทยและญี่ปุ่นเข้าเยี่ยมชมวัด จากหนังสือ...ผู้บัญชาการชาวพุทธ บันทึกผู้บัญชาการกองทัพญี่ปุ่นประจำประเทศไทย เกี่ยวกับสงครามโลกครั้งที่ ๒ ซึ่งผู้เขียนก็คือนายพลอาเคโตะ นากามูระ
ที่มา : ภาพเก่าเล่าเรื่อง
ฟ้อนรับเสด็จที่สนามบิน จ.เชียงใหม่ พ.ศ.๒๕๐๗ จากหนังสือ "ภูมิศาสตร์เศรษฐกิจประเทศไทย"
Lanna (24).jpg
Lanna (24).jpg (52.43 KiB) เปิดดู 4683 ครั้ง

ข้อมูลประกอบภาพในหนังสือมีดังนี้คือ..."ชาวเชียงใหม่ยังคงรักษาแบบฉบับการแต่งกายประจำภาคและงานเทศกาลประจำปีไว้อย่างสม่ำเสมอ จึงมีนักทัศนาจรชาวต่างประเทศและชาวไทยไปเที่ยวเสมอๆปัจจุบันพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวก็ได้ทรงใช้เป็นที่แปรพระราชฐานรับแขกเมืองบ่อยครั้ง ดังภาพ ทรงพาสมเด็จพระราชาธิบดีและสมเด็จพระราชินีแห่งเบลเยียม ไปเยี่ยมเชียงใหม่"
ที่มา : ภาพเก่าเล่าเรื่อง
ภาษาสยาม "งดงามความเป็นไทย"
ภาพประจำตัวสมาชิก
admin
Administrator
Administrator
 
โพสต์: 309
ลงทะเบียนเมื่อ: อาทิตย์ 06 ก.ค. 2008 9:28 pm

ย้อนกลับต่อไป

ย้อนกลับไปยัง ร้อยเรื่องเมืองล้านนา

ผู้ใช้งานขณะนี้

่กำลังดูบอร์ดนี้: ไม่มีสมาชิก และ บุคคลทั่วไป 1 ท่าน