เรียงความ..แม่คือผู้ให้ คือผู้สร้างทางชีวิต |
![]() |
![]() |
![]() |
เขียนโดย ภาษาสยาม |
วันพฤหัสบดีที่ 11 กันยายน 2008 เวลา 22:27 น. |
เรียงความเรื่อง แม่คือผู้ให้..คือผู้สร้างทางชีวิตรางวัลชมเชยเนื่องในโอกาสวันแม่ปี ๒๕๕๑สภาสังคมสงเคราะห์แห่งประเทศไทย_________________________________________________________________ คือ “ ผู้ให้ ” ไม่หวังสิ่งตอบแทน คือ “ ผู้สร้าง ” แบบแผนแจ้งประจักษ์ คือ “ ผู้มอบ ” ความรู้คู่ความรัก คือ “ แม่ ” ผู้เหนื่อยหนักตลอดมา
แม้ชีวิตจะเกี่ยวข้องกับพจนานุกรมอยู่เสมอ แต่มีคำอยู่คำหนึ่งที่ฉันไม่เคยคิดจะเปิดหาความหมายเลย แม้แต่ครั้งเดียว ด้วยรู้ดีว่าไม่มีพจนานุกรมเล่มใดที่จะอธิบายความหมายของคำคำนี้ได้อย่างครบถ้วน และสมบูรณ์อย่างแท้จริง
“ แม่ ” คำที่มีลักษณะห้วนสั้น แต่พร้อมพรั่งไปด้วยความหมายอันยิ่งใหญ่อย่างหาที่เปรียบมิได้ เพราะแม่คือ “ ผู้ให้ ” ผู้อุทิศกายใจเพื่อลูกทุกเสี้ยววินาที และแม่คือ “ ผู้สร้าง ” ผู้หล่อหลอมความดีความงามทั้งมวลแก่เผ่าพันธุ์มนุษยชาติ
ความรักของแม่ คือ รักแท้อันบริสุทธิ์ สายใยแห่งความรักระหว่างแม่กับลูกเริ่มก่อเกิดนับตั้งแต่วินาทีแรกที่แม่รับรู้ว่า ยังมีอีกชีวิตหนึ่งถือกำเนิดอยู่ในครรภ์ “ แม่คือผู้ให้ชีวิต ” ให้ดวงตาสองข้างอันเปรียบดังบานประตูสู่โลกกว้าง ให้สองหูอันเป็นบันไดไปสู่การเรียนรู้ ให้สองมือ สองเท้าเพื่อดำเนินชีวิตบนโลกแห่งประสบการณ์ เหนือสิ่งอื่นใด แม่ได้ให้ความรัก อันเป็นจุดเริ่มต้นแห่งความรักทั้งมวลบนโลกใบนี้
ใครกันหนออุปมาว่าแม่เปรียบเสมือนดอกมะลิ สีขาวของกลีบดอกนั้น คงเป็นเครื่องสะท้อนถึงรักแท้จากดวงใจบริสุทธิ์ รักนั้นช่างมั่นคงไม่เปลี่ยนแปลงดังกลิ่นหอมอ่อนๆที่กรุ่นกำจายอยู่มิรู้หาย หากมีใครสักคนตีค่าความรักเป็นราคา ความรักของแม่คงเป็นความรักที่ราคาแพงอย่างประเมินค่ามิได้ ด้วยเนื้อแท้แห่งรักบริสุทธิ์ที่เปล่งประกายอวดโฉมอยู่ตลอดเวลาช่างงดงามนัก แม้เพชรพลอยเลอค่าก็มิอาจเทียบได้
เก้าเดือนที่แม่โอบอุ้มลูกน้อยเอาไว้ในครรภ์ คือเก้าเดือนแห่งความรัก เก้าเดือนแห่งความผูกพัน เก้าเดือนแห่งความห่วงใย และเก้าเดือนแห่งการรอคอย แม่ต้องเจ็บปวดทรมานอย่างแสนสาหัสในวันที่ลูกใกล้คลอด ดังบทกวีอมตะของท่านพุทธทาสภิกขุที่ลิขิตเอาไว้ว่า
วันเกิดลูกเกือบคล้ายวันตายแม่ เจ็บท้องแท้เท่าไรก็ไม่บ่น กว่าจะอุ้มท้องกว่าคลอดรอดเป็นคน เติบโตจนป่านนี้นี่เพราะใคร
ถึงแม่ต้องเจ็บปวดสักเพียงใดก็ตาม แต่วินาทีแรกที่ได้เห็นดวงตาอันสุกใสของลูกน้อยความเจ็บปวดทั้งมวลก็อันตรธานไปจนแทบหมดสิ้น ทิ้งไว้เพียงรอยยิ้มและความปลื้มปิติของผู้ให้กำเนิด เมื่อได้รับน้ำนมหยดแรกจากแม่ ลูกจึงรับรู้ได้ถึงความรักความผูกพันอันยิ่งใหญ่
หยดน้ำนม หยาดน้ำแห่งชีวิต ที่ช่วยเสริมสร้างความมั่นคงทางจิตใจสำหรับช่วงเวลาของการเริ่มต้นชีวิตใหม่ที่ดีอีกชีวิตหนึ่ง “ อื่อจาๆ หลับสองต๋า ถ้าแม่มาค่อยตื่น ถ้าหลับบ่จื้น ก็ค่อยหลับแหม ”
แม้จะล่วงเลยวัยเด็กมานานถึงยี่สิบกว่าปีแล้ว ฉันก็ยังจำเสียงเห่กล่อมของแม่และสัมผัสเปี่ยมรักของท่านได้เสมอ เสียงของแม่มิได้ไพเราะเพราะพริ้งราวกับระฆังทองหรือนักร้องมืออาชีพ กลับเป็นน้ำเสียงของผู้หญิงธรรมดาๆแต่อบอุ่นและปลอดภัย เมื่อได้ยินเสียงขึ้นมาคราใดก็รับรู้ได้ทันทีว่าจะไม่มีเคราะห์ภัยใดมากล้ำกลายได้ เพราะแม่เสียสละเพื่อลูกได้แม้กระทั่ง “ ชีวิต”
เมื่อถึงวัยที่ต้องเข้าเรียนในโรงเรียนอนุบาล ฉันเป็นเด็กที่ร้องไห้ยาวนานที่สุด จนเป็นที่เอือมระอาของคุณครู เนื่องจากฉันเป็นเด็กที่ติดแม่มากจึงมีความรู้สึกว่าไม่มีอ้อมกอดใดจะปลอดภัยเท่ากับอยู่ภายในอ้อมแขนของท่าน “ อ้อมกอดแม่คือต้นกำเนิดแห่งกำลังใจ ” เมื่อเจริญวัยขึ้น วันใดที่ชีวิตประสบปัญหา อ้อมกอดของแม่จึงเป็นทางเลือกเดียวที่จะจุดพลังในใจดวงนี้ให้ลุกโชติช่วง ฉันเคยถามตนเองอยู่เสมอว่า ทุกๆครั้งที่พานักเรียนไปอบรมธรรมะ เมื่อพระอาจารย์วิทยากรสั่งสอนเกี่ยวกับความกตัญญูกตเวที เหตุใดฉันจึงน้ำตาซึมอยู่เสมอ เมื่อท่านเอ่ยถึง “ สตรีผู้หนึ่งที่อดทนเพื่อลูกเสมอ พร้อมที่จะยื่นมือเข้าไปโอบกอด เช็ดน้ำตา และอภัย ทุกคราวที่ลูกพลาดพลั้งหลงทางผิด”เมื่อเวลาผ่านไปจึงได้คำตอบว่า แท้จริงแล้วถ้อยคำเหล่านี้ทำให้รู้สึกสะเทือนใจ และกลับกลายเป็นน้ำทิพย์ชโลมใจให้ฉันลุกขึ้นมาต่อสู้กับอุปสรรคที่ดาหน้าเข้ามาอย่างไม่หวั่นเกรง
วัยเด็กเป็นวัยที่ต้องการแบบอย่าง แม่จึงเป็นครูแห่งชีวิต เป็นแบบพิมพ์ชั้นดีให้แก่ลูกโดยไม่รู้ตัว คำสั่งสอนของแม่นั้นจะช่วยเติมเต็มความเป็นมนุษย์ที่สมบูรณ์ที่สุด คำสอนของแม่ปลูกฝังจิตสำนึกและจิตวิญญาณ ท่านจึงเป็นรากฐานสำคัญที่ช่วยสร้างสังคมให้เข้มแข็ง ฉันเป็นผู้หนึ่งที่ได้นำคำสอนของแม่มาประพฤติปฏิบัติ เพราะรู้ดีว่า..แม่จะให้สิ่งที่ดีที่สุดแก่ลูกอยู่เสมอ
ไม่สามารถปฏิเสธได้เลยว่าฉันมีวันนี้เพราะแม่ แม่คือเบื้องหลังของทุกความสำเร็จ หยาดเหงื่อทุกหยดของแม่เป็นกาวชั้นดีในการสร้างครอบครัวให้เป็นปึกแผ่นแม่ของฉันไม่ใช่สตรีที่ร่ำรวยความรู้หรือเงินทอง แม่เป็นเพียงผู้หญิงคนหนึ่งที่ทำทุกอย่างเพื่อลูกได้ เหงื่อแต่ละหยดของแม่แลกเปลี่ยนเป็นเงินทองเพื่อให้ลูกได้ร่ำเรียนสูงๆ ฉันจึงกอดแม่ได้เสมอแม้ในยามที่เหงื่อแม่โซมกาย หรือยามที่มือหยาบกร้านของแม่แปดเปื้อนด้วยดินโคลน
จากนี้จนสิ้นใจ...ฉันก็คงไม่สามารถตอบแทนพระคุณแม่ได้หมด พระคุณอันล้นฟ้านี้ ความสามารถทางการเขียนอันน้อยนิดของฉันคงไม่มีวันที่จะพรรณนาได้ แต่ฉันรู้ดีว่ามีภาระยิ่งใหญ่ที่ต้องกระทำ คือ การทำให้บั้นปลายของท่านมีความสุขที่สุด นั่นคือการเป็นลูกที่ดี และเป็นสมาชิกที่ดีของสังคม ให้สมกับที่“ สองมือแม่ได้ปั้นแต่งความเป็นคน ” เอาไว้แต่หนหลัง
การเขียนเป็นงานที่ฉันรัก จึงทำให้ฉันได้รับรางวัลจากการเขียนมา หลายรายการ แต่การเขียนที่ยากที่สุด คือการเขียนถึง “ แม่ ” บุคคลผู้อยู่ใกล้ตัวแค่เอื้อมมือ แต่ทำให้ฉันกลัวเหลือเกินว่าจะบรรยายถึงความยิ่งใหญ่ของคำว่าแม่ได้ไม่เพียงพอ ทุกครั้งที่จรดปลายปากกาลงบนกระดาษยังกังวลเสมอว่าจะดึงความรู้สึกที่อยู่ในใจออกมาได้ไม่หมด แล้วมันก็จริง..ตั้งแต่คำแรกจนถึงคำสุดท้ายที่บรรยายออกมา ยังไม่เทียบเท่าเศษเสี้ยวของความรู้สึกทั้งปวงที่มีอยู่ ความอบอุ่น ความปลาบปลื้ม ความซาบซึ้งมันช่างมากมายเหลือเกิน
หลายคนอาจเปรียบเปรยว่า แม่คือพระพรหมในบ้าน , แม่คือพระอรหันต์ของลูก , แม่คือบุคคลอันศักดิ์สิทธิ์ แต่จะมีประโยชน์อันใดเล่าหากรู้แล้วนิ่งเฉย “เมื่อต้นไม้ย่อมมีวันโรยราแห้งตายฉันใด ชีวิตมนุษย์ก็ย่อมมีวันสิ้นใจฉันนั้น ” ชีวิตคนเรานั้นตั้งอยู่บนความไม่แน่นอน และแขวนบนเส้นด้าย อย่าปล่อยเวลาให้ล่วงเลยจนมาถึงคำว่าสาย หลายๆคนรู้สึกตัวในวันที่แม่หมดลมหายใจ แต่หยดน้ำตาแห่งความเสียใจไม่สามารถทำให้ท่านฟื้นคืนมา แล้วยิ้มให้เราในวันที่ประสบความสำเร็จ ซับน้ำตาในยามที่ปวดร้าว โอบกอดในยามที่หวั่นไหว หรือร้องไห้กับถ้อยคำแสนเจ็บปวดที่ลูกบางคนมอบให้ จงโอบกอดแม่ด้วยความรัก จงกราบแม่อย่าเขินอาย เพราะแม่คือบุคคลที่อุทิศชีวิตให้แก่ลูก จงทำให้ท่านมีความสุขตั้งแต่วินาทีนี้วินาทีที่ยังมีท่านอยู่เคียงข้าง แม่คือเบ้าหลอม คือ ต้นแบบให้แก่ผู้เป็นลูกสองมือแม่คอยแต่งแต้มปลูกฝัง ผลักดันลูกให้เดินไปตามเส้นทางที่ถูกที่ควร ดังสตรีผู้หนึ่งซึ่งเป็นแบบอย่าง แม่ผู้ให้..แม่ผู้สร้าง..อย่างแท้จริง
เมื่อไม่กี่วันมานี้ฉันได้อ่านข่าวอันสะเทือนความรู้สึกอย่างรุนแรงคือ การสูญเสีย ทหาร ตำรวจซึ่งปปฏิบัติหน้าที่พื้นที่ ๓ จังหวัดชายแดนภาคใต้ ในเช้าวันที่ ๒๐ มิถุนายน พ.ศ.๒๕๕๑ เจ้าหน้าที่พลร่มถูกผู้ก่อความไม่สงบซุ่มโจมตีขณะออกลาดตระเวน บริเวณบ้านสันติ ๑ อ.บันนังสตา จ.ยะลา เป็นเหตุให้ร.ต.ต.กิตติกุล บุญลือ เสียชีวิตในที่เกิดเหตุ เขาคือ วีรบุรษที่ชาวไทยทุกคนอาลัยรัก และหลั่งน้ำตาให้ แต่คงเทียบไม่ได้กับดวงใจของผู้เป็นแม่ที่ต้องแหลกสลาย เมื่อยามได้เห็นร่างอันไร้วิญญาณของลูก ผู้ยอมหลั่งเลือดตอบแทนบุญคุณของผืนแผ่นดินไทย ท่าน คือ ผู้สร้างคนดี ผู้สร้างคนกล้า และท่านคือ “ แม่ ” ผู้ยิ่งใหญ่
ภาระของแม่คือภาระอันหนักอึ้ง โดยเฉพาะภาระ “ แม่ของแผ่นดิน ” นั้น เป็นภาระที่หนักหนาหลายเท่าทวีคูณ เพราะการเป็นแม่ที่รับผิดชอบชีวิตลูกกว่าหกสิบล้านคนนั้นมิได้กระทำได้โดยง่าย แต่สมเด็จพระนางเจ้าฯพระบรมราชินีนาถ แม่หลวงของปวงชนชาวไทยนั้น กลับทรงปฏิบัติพระราชกรณียกิจอันทรงคุณประเสริฐ ควบคู่ไปกับพระราชจริยวัตรแห่งความเป็นแม่ได้อย่างงดงาม
นับเป็นเวลาหลายทศวรรษมาแล้วที่สมเด็จพระนางเจ้า ฯ พระบรมราชินีนาถ ทรงตามเสด็จพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เพื่อปฏิบัติพระราชกรณียกิจนานัปการโดยมิได้ทรงคำนึงถึงความเหน็ดเหนื่อยพระวรกายหรือภยันตรายใดๆทั้งสิ้นพระองค์ทรงมีพระปณิธานอันแน่วแน่ที่จะบำบัดทุกข์บำรุงสุขแก่อาณาประชาราษฎร์ โดยไม่เลือกถิ่นฐาน เชื้อชาติ หรือศาสนา ทรงเปรียบดังหยาดฝนที่ให้ความฉ่ำชื่นแก่มวลมนุษย์
การเสด็จพระราชดำเนินเยี่ยมเยียนพสกนิกรอย่างไม่ถือพระองค์นั้น ทำให้ทรงเล็งเห็นปัญหาและอุปสรรคที่เกิดขึ้นจริง จึงทรงพระราชทานพระราชดำริที่สามารถแก้ปัญหาในระยะยาว ม่ว่าจะเป็นด้านชีวิตความเป็นอยู่ ทรงจัดบุคลากรผู้มีความรู้ความสามารถไปฝึกอบรมตามหมู่บ้านต่างๆ เพื่อพัฒนาภูมิปัญญาชาวบ้าน จัดตั้งโรงฝึกศิลปาชีพขึ้นภายในพระราชวังสวนจิตรลดา และศูนย์ศิลปาชีพบางไทร เพื่อส่งเสริมฟื้นฟูศิลปะ วัฒนธรรมของชาติมิให้สูญหายไปตามกาลเวลาทรงพระราชทานพระราชทรัพย์ส่วนพระองค์เพื่อเป็นทุนการศึกษาแก่เยาวชนยากจนและรับไว้เป็นนักเรียนในพระบรมราชานุเคราะห์ แม้แต่เด็กปัญญาอ่อน เด็กเรียนช้าหรือเด็กพิการ พระองค์ก็ทรงอุปถัมภ์บำรุงด้านการศึกษาโดยมิได้แบ่งแยกความสนพระทัยต่อราษฎรของพระองค์ยังไม่หมดลงเพียงเท่านี้ ทรงตระหนักถึงความสำคัญของกิจการสภาสังคมสงเคราะห์แห่งประเทศไทย ในพระบรมราชูปถัมภ์และสภากาชาดไทย ซึ่งเป็นองค์กรอาสาสมัครบรรเทาทุกข์ ทำหน้าที่คุ้มครองชีวิตและสุขภาพของคนในชาติ นับเป็นบุญของพสกนิกรชาวไทยโดยแท้ที่มีพระแม่ผู้ให้...ผู้ทรงนำพาไทยให้ร่มเย็น
ด้วยพระวิริยะ อุตสาหะ และน้ำพระทัยห่วงใยทวยราษฎร์ ทำให้พระแม่ทรงสนพระทัยความเป็นไปของบ้านเมืองอยู่ตลอดเวลา ทรงมีโครงการในพระราชดำริกว่าสี่ร้อยโครงการ ที่เป็นเครื่องยืนยันได้ว่าพระองค์ทรงสร้างคน สร้างอาชีพ ตลอดจนสร้างสังคมไทยให้เป็นสังคมแห่งการพัฒนาอย่างยั่งยืน และทรงใช้เวลาว่างอบรมทูลกระหม่อมทุกพระองค์ตามแบบอย่างประเพณีไทย พระโอรสและพระราชธิดาทุกพระองค์จึงทรงดำเนินพระราชจริยวัตร โดยยึดพระองค์เป็นต้นแบบ ทำให้ทรงได้รับการสรรเสริญพระเกียรติคุณจากนานาประเทศว่าทรงมีพระสิริโฉมงดงาม และทรงมีพระราชจริยวัตรเพียบพร้อมด้วยคุณลักษณะแห่งรัตนารี สมกับเป็น พระแม่ผู้สร้าง..และแบบอย่างแห่งวิถีไทย
พระทรงเป็นแสงทอง อันฉายส่องทางวิถี พระเปรียบสายนที ชุบชีวียามลำเค็ญ พระทรงกรุณา บาทยาตราดับทุกข์เข็ญ ไกลใกล้แม้ร้อนเย็น หัตถ์แม่สร้างทางให้เดิน
ทวยราษฎร์ประจักษ์แจ้ง แจ่มใจ พระแม่ขจัดภัย ทั่วหล้า สองกรกราบน้อมไหว้ สำนึก คุณเฮย ดินจบแดนแผ่นฟ้า เกริกเกียรติขจร
ความรับผิดชอบของผู้เป็นแม่นั้นหนักหน่วง เพราะการปั้นแต่งคนด้วยความดีงามนั้นเป็นสิ่งที่ยากยิ่งดังนั้นลูกทุกคนควรรู้จักกตัญญูกตเวที กระทำตนเป็นคนดี มีคุณธรรม รู้จักเสียสละ รักษาชื่อเสียงของตนเองวงศ์ตระกูล และประเทศชาติ สมกับความวิริยะอุตสาหะของแม่ผู้ให้...และผู้สร้างทางชีวิต ได้ตั้งปณิธานไว้
ที่มา หนังสือเรียงความเทิดพระคุณแม่ ในโอกาสวันแม่ปี ๒๕๕๑ |
แก้ไขล่าสุด ใน วันศุกร์ที่ 08 สิงหาคม 2014 เวลา 06:49 น. |